“สิ่งที่ฉันรู้สึกคือใจดีมากเกินไปต่างหาก” เจาเยี่ยทิ้งประโยคนี้ไว้ให้เขาและก้าวเท้าไปข้างหน้า
“ฉันรู้สึกว่านายใจดีมาั้แ่ไหนแต่ไรแล้ว” กู้หลานอันเดินตามเขาต้อยๆ
“เจาเยี่ยนายกำลังจะไปไหน? ”
“พิธีเปิดกล้องกำลังจะเริ่มแล้ว ไปรอขึ้นเวที”
“น่าจะยังไม่ได้เริ่มนะถ้าต้องไปรอขึ้นเวทีพวกหวังเว่ยต้องมาเรียกพวกเราอยู่แล้วพวกเราอยู่ตรงนี้กันอีกสักพักเถอะ”
“ไม่อยากอยู่”
“ทำไมล่ะ? ไม่ชอบอยู่ที่นี่กับฉันเหรอ? ”
“หนวกหู”
“งั้นฉันไม่พูดก็ได้ นายอยู่กับฉันต่ออีกสักหน่อยนะ”
“เจาเยี่ยฉันก็ไม่พูดแล้ว ทำไมนายไม่พูดกับฉันล่ะ? ”
“เจาเยี่ยนายจะไปไหน”
“นายพูดแล้ว”
“ฉัน...ಠ~ಠ”
เมื่อไปถึงสถานที่จัดงานพิธีเปิดกล้อง คนเริ่มมากันเยอะแล้วเมื่อเห็นเจาเยี่ยมาถึง เหวินเซินเท่อและหลี่เสียวเหม่ยที่ยืนมองไปรอบๆอยู่ด้านในงาน รีบเดินมาหาเขาทันที
“เจาเยี่ย ผู้กำกับจางกำลังหานายอยู่ มีเื่จะมอบหมาย” เมื่อเดินถึงตรงหน้าเจาเยี่ย เหวินเซินเท่อกล่าว
“อืม” เจาเยี่ยตอบไปคำหนึ่งแล้วเดินไปหาจางเจียอี้ กู้หลานอันเดินตามไปติดๆ แต่กลับเห็นหวังเว่ยวิ่งมาทางเขาจึงได้หยุดก้าวแล้วถามเขาว่า “มีอะไรเหรอ? ”
“หลานอัน มีคนหาคุณ” หวังเว่ยตอบ
“ใครกันล่ะ” กู้หลานอันมองตามหลังเจาเยี่ยที่เดินไปไกลแล้วหันกลับมาถามหวังเว่ย
“สวีย่า” หวังเว่ยตอบ
“สวีย่า ใครเหรอ? ” กู้หลานอันถามต่อ
“นักแสดงหญิงในสังกัดบราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์เหมือนกับคุณไงครับและก็เป็นางเอกของละครเื่นี้ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวเมื่อวาน” หวังเว่ยยื่นข้อมูลของสวีย่าจากเว็บไป่ตู้ให้กู้หลานอันแล้วตอบ
“นางเอกละครเื่นี้เหรอเนี่ย! ” กู้หลานอันมองรูปถ่ายสวีย่าแวบหนึ่งแล้วตอบ “ไปดูก็ได้ แล้วเธออยู่ไหนล่ะ? ”
“ห้องพักรับรองนักแสดงครับ”
“เขาหาฉันทำไมรู้รึเปล่า? ”
“ไม่รู้ครับ เธอไม่ได้บอก”
พอถึงหน้าประตูห้องรับรอง กู้หลานอันเปิดประตูเบา ๆ ดันประตูออกแล้วเห็นสวีย่ากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้กำลังแต่งเล็บอย่างเกียจคร้าน เมินเฉยต่อสิ่งรอบข้างจนเขาเข้าประตูไปก็ยังไม่รู้ตัวกู้หลานอันเลยไอสองทีเพื่อบอกเป็นัย เธอถึงสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของเขารีบลุกขึ้นแล้วดึงกระโปรงยืนตัวตรง ยิ้มบาง ๆมองกู้หลานอันด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์รักแล้วพูดว่า “หลานอัน คุณกลับมาแล้วเหรอ! ”
“เธอถามหาฉันมีเื่อะไรเหรอ? ” กู้หลานอันถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ค่อนข้างเ็า
“วันนี้ฉันได้ยินมาว่าคุณกับฉันแสดงละครเื่เดียวกันฉะนั้นฉันก็เลยเตรียมอาหารเช้ามาให้คุณด้วย” สวีย่าพูดพลางหันไปสะกิดมือเสี่ยวเมอผู้ช่วยฯที่อยู่ทางด้านหลัง เสี่ยวเมอหยิบอาหารเช้าที่อยู่ในกระเป๋ายื่นให้เธอ จากนั้นเธอก็ยื่นให้กู้หลานอัน
“ไม่ต้องหรอก ฉันกินมาแล้ว” กู้หลานอันปฏิเสธไม่ได้มองดูเธออีกแล้วก็เดินออกไปจากห้อง
“เฮ้? ทำไมไปแบบนี้เลยล่ะ? ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ไม่มีมารยาทเลย” เห็นกู้หลานอันเป็แบบนั้นสวีย่าไม่พูดอะไรเลย แต่กลับเป็เสี่ยวเมอที่โกรธเคืองแทน
“เธอจะไปรู้อะไร? ” สวีย่าเอาอาหารวางลงบนโต๊ะแล้วเปิดออกหยิบขึ้นมากินหนึ่งชิ้นแล้วพูดเสียงสูงว่า “ผู้ชายแบบนี้สิน่าสนใจด้วยสถานะของเขาแบบนี้ ถ้ามาหยิบของของฉันอย่างง่ายดาย กลับจะทำให้เขาดูไร้ค่าด้วยซ้ำไป”
“หลานอัน คุณดูออกรึเปล่า? ” หลังออกจากห้องรับรอง หวังเว่ยเอ่ยถาม
“ดูออกสิ เธอสนใจทรัพย์สมบัติของตระกูลฉัน” กู้หลานอันกะพริบตาแล้วพูดกับหวังเว่ยว่า “แต่คุณวางใจได้ ผมไม่มีทางคิดอะไรกับเธอหรอก”
“ผมแค่อยากจะเตือนคุณ ยังไงก็ตาม คุณเพิ่งเข้าวงการลำพังแค่ตัวเองก็สร้างข่าวออกมามากมายอยู่แล้วถ้าหากยังไปยุ่งกับคนมีเ้าของแล้วแบบนี้อีก เกิดข่าวอื้อฉาวขึ้นมามันจะไม่เป็การดี” หวังเว่ยตอบ
“ไม่หรอก ผู้หญิงแบบนี้เทียบกับเล็บที่ถูกตัดทิ้งไปของคนที่ผมชอบยังเทียบไม่ติดเลย”
“งั้นก็ดีครับ” หวังเว่ยรู้สึกวางใจจากนั้นเขาก็มองกู้หลานอันอย่างฮึกเหิม เขาไปได้ยินเื่น่าใอะไรมาใช่รึเปล่า (゚⊿゚) ツ!
กลับออกมาจากห้องพักรับรอง ยังไม่ทันได้ไปหาเจาเยี่ย พิธีเปิดกล้องก็ได้เริ่มขึ้นแล้วที่นั่งในงานถูกจัดเรียงตามบทบาทมีคนนั่งคั่นตรงกลางระหว่างกู้หลานอันกับเจาเยี่ยสองคน เอื้อมไม่ถึงพูดคุยด้วยไม่ได้ ได้แต่นั่งมองฟู่ซีหรือสวีย่าคุยกับเจาเยี่ยอยู่ทางนี้ [1] เขาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมพิธีบวงสรวงทางพระพุทธศาสนาเขาได้แต่ถอยไปยืนดูอยู่อีกฝั่ง มองไม่เห็นจิตใจก็ฟุ้งซ่าน
พิธีเปิดกล้องเสร็จสิ้นลงในเวลา 12.30 น.คนขายอาหารกล่องก็มาถึงตั้งนานแล้ว กู้หลานอันเห็นคนเริ่มแยกย้ายกันไปเขาก็รีบสาวเท้าไปทางเจาเยี่ยที่ถูกจางเจียอี้รัดตัวไว้อีกฝั่ง แต่จู่ๆก็มีสวีย่าโผล่ออกมากลางทาง
“หลานอัน คุณยังอยู่ที่นี่เหรอคะ? เมื่อกี้ไม่เห็นคุณเลยฉันก็นึกว่าคุณไปแล้วเสียอีก” พอเห็นกู้หลานอันสวีย่าก็รีบจัดผมเผ้าด้านหน้า เดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ถึงเวลากินข้าวแล้วฉันให้ผู้ช่วยฯ ไปจองร้านอาหารตะวันตกที่ดีที่สุดในละแวกนี้ไว้ได้ยินมาว่าอาหารของทางร้านรสชาติดีมาก พวกเราลองไปกินกันดูนะ”
“ร้านอาหารตะวันตกที่ดีที่สุด! ” กู้หลานอันที่สายตาจดจ่ออยู่ที่เจาเยี่ยหันกลับมามองสวีย่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้วถามว่า “ชื่อร้านอะไร? ”
“ทะเลสาบไบคาล” สวีย่านึกว่าเขาตอบตกลงแล้วเลยตอบด้วยความตื่นเต้น
“อยู่ที่ไหน? ” กู้หลานอันไล่ถาม
“ถนนหนานไหว หมายเลข 11 ห่างจากตรงนี้นิดเดียวพวกเราสามารถเดินไปที่นั่นก็ได้” สวีย่าพูดแนะนำ
“ขอบคุณมาก แต่ว่าวันนี้ วันพรุ่งนี้ และวันมะรืนนี้ฉันมีนัดไว้หมดแล้วเปลี่ยนเป็วันอื่นก็แล้วกัน” กู้หลานอันแสดงความซาบซึ้งใจอย่างจริงใจและไม่คิดจะอยู่ต่อแม้สักวินาทีเดียวเขาเดินตรงไปหาเจาเยี่ยทันที
“ทำไมเป็แบบนี้ไปได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าปฏิเสธคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ” พอเห็นกู้หลานอันเดินไปไกลแล้วเสี่ยวเมอพูดอย่างโกรธเคือง เห็นสวีย่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร เธอก็พูดต่อว่า “พี่สวีย่า กู้หลานอันคนนี้ถึงแม้จะไม่มีที่ติแต่มีตาหามีแววไม่พี่จะไม่ลองเลือกคนใหม่ดูเหรอ? ”
“เลือกคนใหม่? พูดเหมือนมันง่ายมากไม่พูดถึงเื่อื่นนะ พูดแค่เื่เงื่อนไขของเ้าตัวในวงการบันเทิงนี้มีคนโสดที่สามารถเทียบเคียงเขาได้บ้างรึเปล่า? ”
“มีสิ ซุปเปอร์สตาร์เจาไง” เอ่ยถึงเจาเยี่ยเสี่ยวเมอเปลี่ยนเป็โหมดบ้าผู้ชายในเสี้ยววิ “ถึงแม้สถานะของเขาไม่อาจเทียบกับเหิงอันกรุ๊ปได้แต่ในวงการบันเทิงแห่งนี้มูลค่าของเขาคืออันดับต้นๆ นะ อีกอย่างสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาเป็คนน่าคบ แม้ว่าจะดูเป็คนเ็าอยู่สักหน่อยแต่ว่าถ้าขอแค่มีคนคุยกับเขา เขาจะต้องตอบทุกครั้ง เหมือนเมื่อสักครู่เขาก็คุยกับพี่ไม่ใช่เหรอ? ไม่เหมือนอีตากู้หลานอันท่าทางสูงส่งดั่งนกยูงอยู่ตลอดเวลา ไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับคนอื่น”
“เจาเยี่ยน่ะเหรอ! เป็คนที่ไร้ที่ติจริงๆ ” สวีย่าคล้อยตาม สีหน้าท่าทางเนือยๆ ไม่กระตือรือร้น “แต่ว่าฉันไม่สามารถยุ่งกับเขาได้ ในวงการบันเทิงใครก็ตามที่ฝันเฟื่องถึงเจาเยี่ย จุดจบไม่สวยสักคน ฉันยังอยากอยู่ในวงการต่อนะ”
“งั้นบ่ายนี้ต้องรบกวนนายเปิดฉากให้มันปังๆ แล้ว” จางเจียอี้มอบหมายธรรมเนียมการถ่ายทำ่บ่ายให้กับเจาเยี่ยเสร็จก็กล่าวลาฟู่ซีที่ยืนอยู่อีกด้านเห็นจางเจียอี้เดินจากไปก็รีบเดินไปตรงหน้าเจาเยี่ยแล้วพูดว่า “ซุปเปอร์สตาร์เจา ตอนนี้คุณว่างไหมครับ? ผมอยากเชิญคุณไปทานข้าวสักมื้อ”
“เขาไม่ว่าง” กู้หลานอันที่เดินมาถึงตรงหน้าเจาเยี่ยพอดีแย่งพูดก่อนที่เจาเยี่ยจะได้ตอบ
“กู้หลานอัน นายมาได้ยังไง? ฉันกำลังพูดกับซุปเปอร์สตาร์เจานายเข้ามาจุ้นทำไม” ฟู่ซีมองกู้หลานอันอย่างเอือมระอา
“ฉันมารับเจาเยี่ยไปกินข้าวไง ตอนเช้าเขารับปากกับฉันแล้วว่าหลังจากนี้ทุกวันตอนเช้าตอนเที่ยง และตอนเย็นก็จะกินข้าวพร้อมกับฉัน ฟู่ซีนายตัดใจเถอะอย่ามาก่อความวุ่นวายให้เจาเยี่ยอีกเลย คางคกเนี่ยกินเนื้อห่านฟ้าไม่ถึงหรอกนะ [2]” กู้หลานอันกล่าวพลางยักไหล่
คำอธิบายเพิ่มเติมจากนักเขียน
[1] นักเขียน: อันที่จริงแล้วฟู่ซีหรือสวีย่าจะเป็ฝ่ายถามมากกว่าส่วนเจาเยี่ยนานๆ จะตอบทีแค่นั้นเอง
[2] 癞蛤蟆想吃天鹅肉 คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า ใช้กับผู้ชายที่ชอบผู้หญิงที่มีฐานะทางสังคมดีกว่าตัวเองในขณะที่ตัวเองนั้นต่ำต้อย ขี้เหร่และจนกว่า ตรงกับสำนวนไทยที่ว่าหมาเห่าเครื่องบิน หรือดอกฟ้ากับหมาวัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้