“ฮ่าฮ่า…” เจียงหงหย่วนะเิเสียงหัวเราะ หัวเราะแบบเต็มที่
ก่อนหน้านี้พวกเขาคุยกันเสียงเบา หวางฟู่กุ้ยที่ขับรถอยู่ด้านนอกไม่ได้ยิน
แต่คราวนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันทำให้หวางฟู่กุ้ยสะดุ้ง
ไอ๊หยาแม่เ้า เจียงต้าเกอโดนผีเข้าหรือไม่?
เสียงหัวเราะนี้น่าขนลุกแปลกๆ
เขาหันไปมองตัวรถ เห็นแค่ม่านที่ส่ายไปมากับเสียงหัวเราะที่แทรกเข้าหู
พี่สะใภ้ช่างร้ายกาจ
เขาคิดในใจ
เจียงต้าเกอสำรวมกิริยามาตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหัวเราะแบบตอนนี้
พี่สะใภ้มีวาสนา ตระกูลหลินรักษาไว้ไม่ได้ วาสนาจึงมาอยู่กับตระกูลเจียงแทน ส่งผลให้ความเป็อยู่ตระกูลเจียงดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้
กลับไปแล้วต้องบอกให้กุ้ยเซียงไปมาหาสู่กับพี่สะใภ้บ่อยๆ วาสนาจะได้มาถึงตระกูลหวางด้วย
ภายในรถ หลินหวั่นชิวใสะดุ้งกับเสียงของเจียงหงหย่วนเช่นกัน แต่เมื่อตั้งสติได้ก็มองเขาเหมือนมารดาผู้เมตตา
ไอ๊หยา ในที่สุดก็หัวเราะแล้ว
พอคลายปมได้ เจียงหงหย่วนก็หัวเราะไม่หยุด
หัวเราะจนน้ำตาไหล
ภรรยาตัวน้อยตลกเสียจริง
กลับถึงอำเภอ หลินหวั่นชิวชวนให้หวางฟู่กุ้ยกินข้าว และขอให้เขาตามนางไปดูที่หน้าร้าน
“ฟู่กุ้ย เ้าทำงานไม้แบบในร้านเป็หรือไม่?” หลินหวั่นชิวถามหลังจากที่เขาดูร้านเสร็จ
“เป็ขอรับ!” หวางฟู่กุ้ยพยักหน้า
เขาไม่ใช่คนขี้โม้ บวกกับเครื่องเรือนที่เขาทำให้บ้านนางก็ออกมาดีมาก หลินหวั่นชิวจึงเชื่อในคำพูดของเขา
“เช่นนั้นหากมีงานที่อื่นเ้าจะรับหรือไม่ อย่างเช่นเมืองหลวง ซูโจว หังโจวและหัวเมืองต่างๆ หากเ้ารับงาน เ้าของร้านจะออกค่าเดินทางไปกลับ ค่าอาหารและที่พักให้ทั้งหมด”
หลินหวั่นชิวกำลังพูดถึงการตกแต่งร้านร่วมเครือ ก่อนหน้านี้คุยกับตู้ซิวจู๋แล้วว่านางจะเป็คนวาดภาพการตกแต่ง ให้ดีคือให้นางจัดหาคนมาเอง
นางนึกถึงหวางฟู่กุ้ยสามพ่อลูกั้แ่ตอนนั้นแล้ว เพราะบ้านหวางเป็คนช่วยสร้างบ้านให้นาง นางมีหน้าที่แค่ออกแบบเท่านั้น
หวางฟู่กุ้ยเกือบะโด้วยความดีใจเมื่อได้ยินดังนี้ “พี่สะใภ้พูดจริงหรือขอรับ? ข้าไปเมืองหลวงได้? ซูโจว หังโจวด้วย?”
ชีวิตนี้เขาไปไกลสุดแค่หัวเมือง ท่านพ่อเคยพาเขาไปทำงานให้ครอบครัวร่ำรวย
เมืองหลวง…ซูโจว...หังโจว… แค่คิดยังไม่กล้า
หลินหวั่นชิวพยักหน้า “จริงสิ ค่าแรงวันละสี่ร้อยอีแปะ พวกเ้าเลือกคนงานได้จากที่นั้นๆ หรือจะพาไปเองย่อมได้เช่นกัน พวกเขาได้ค่าแรงวันละหนึ่งร้อยถึงสองร้อยอีแปะ พวกเ้าลองไปหารือกันเถิด แต่ระยะเวลาทำงานห้ามยืดออกไป ไว้พวกเ้าเห็นสถานที่แล้วค่อยกำหนดเวลาภายหลัง ประเมินแล้วค่อยตกลง หากทำงานเสร็จล่าช้ากว่ากำหนดต้องจ่ายค่าปรับ ต้องทำงานออกมาให้ดี หากทำงานไม่ดีไม่เพียงต้องเสียค่าปรับ…แต่นี่เป็การซื้อขายเพียงครั้งเดียว วันหน้าเ้าของจะไม่จ้างพวกเ้าอีก เ้าลองกลับไปปรึกษากับท่านพ่อเ้าดูเถิด หากยินดีไปก็บอกกับข้า เพราะเลยปีใหม่ก็ต้องไปแล้ว เริ่มจากเมืองหลวงก่อน”
“ได้ขอรับพี่สะใภ้ ข้าจะกลับไปปรึกษาท่านพ่อกับต้าเกอประเดี๋ยวนี้!” หวางฟู่กุ้ยพูดจบก็วิ่งออกไป
“ช้าก่อน ข้าให้คนเรียกรถให้” หลินหวั่นชิวะโบอก
หวางฟู่กุ้ยส่ายมือ “ไม่ต้องขอรับ ข้านั่งเกวียนวัวที่หน้าเมืองกลับได้!”
บุรุษหนุ่มคนนี้กำลังตื่นเต้น อยากติดปีกบินกลับบ้านเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ที่นี่ใช่บ้านเจียงใช่หรือไม่?” หวางฟู่กุ้ยไปได้ไม่นานก็มียายแก่คนหนึ่งมาหา
ยายสวีรีบถาม “เ้าเป็ผู้ใด? มีธุระกระไร?”
ยายแก่ยิ้มตอบ “ข้าแซ่เจียงเหมือนกัน เป็แม่ค้านายหน้าในอำเภอเรา พี่ใหญ่บ้านเจียงให้ข้าพาคนมาให้ไท่ไท่เลือก”
ยายสวีมองยายแก่กับกลุ่มคนที่ตามมาด้านหลัง พูดว่า “พวกเ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปรายงานไท่ไท่ให้”
“ได้…พวกข้าจะรออยู่ด้านนอก”
“พวกเ้าเข้าไปได้” ยายสวีออกมาพาคนเหล่านี้เข้าไปพบหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวเคยปรึกษากับเจียงหงหย่วนเื่ซื้อบ่าวใช้ ยายแก่เจียงนี้เป็นายหน้าที่เหลียงหู่แนะนำมา บอกว่าไว้ใจได้ ไม่หลอกลวงแน่
แต่แน่นอนว่าที่ไม่หลอกลวงเพราะไม่กล้าหลอกคนทำงานในบ่อนแบบพวกเขากับคนมีเงินมีอิทธิพล
มิเช่นนั้นขายกระไรก็เป็ของมีตำหนิไปเสียหมด หากไม่หลอกผู้อื่น ของมีตำหนิพวกนี้คงติดอยู่กับตัวเอง
“บ้านพวกเรา้าคนขับรถล่อ คนเฝ้าประตูกับสตรีที่สู้งาน หากเป็คู่สามีภรรยาจะดีมาก” หลินหวั่นชิวพูด
สามีภรรยาทำงานด้วยกัน ฝ่ายบุรุษจะได้ไม่ต้องคิดถึงภรรยาตอนทำงาน ภรรยาเองก็ไม่ต้องคิดถึงสามีเช่นกัน
“นายท่านเจียงบอกข้ามาแล้ว นายท่านเจียงเลือกสามครอบครัวนี้มาด้วยตัวเอง ให้ข้าพามาให้ไท่ไท่ดู ถูกใจครอบครัวใดก็เลือกเ้าค่ะ”
พูดจบก็บอกให้ทั้งสามครอบครัวยืนให้ดี แบ่งเป็คู่สามีภรรยาที่มีลูกชายอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสอง คู่สามีภรรยาท่าทางอายุห้าสิบ หลินหวั่นชิวสอบถาม นายหน้าบอกว่าสองคนนี้อายุสี่สิบสอง หลินหวั่นชิวได้ยินคำตอบก็เข้าใจทันทีว่าชาวบ้านธรรมดายุคนี้มักดูแก่กว่าวัย
ครอบครัวสุดท้ายเป็สามีภรรยาที่มีลูกสาวอายุประมาณสิบสามสิบสี่
บ้านนางมีเด็กชายสองคน เด็กสาวอายุสิบต้นๆ เป็วัยชอบจินตนาการพอดี หลินหวั่นชิวไม่อยากให้มีปัญหา ตัดสามีภรรยาคู่นี้ออกจากตัวเลือก
ท้ายที่สุด หลังจากสอบถามก็เลือกครอบครัวสามีภรรยาที่มีลูกชาย
ในยุคโบราณ เด็กชายวัยนี้ทำงานใช้แรงงานได้แล้ว แต่แน่นอนว่าหลินหวั่นชิวไม่ได้คิดจะขูดรีดเขาเพียงอย่างเดียว เด็กคนนี้มีไหวพริบ นางรู้สึกว่าเก็บไว้ช่วยวิ่งทำธุระได้
ซื้อตัวเสร็จ หลินหวั่นชิวตามนายหน้าไปทำเอกสารอย่างเป็ทางการ เป็สัญญาขายตัวเรียบร้อย จากนั้นนางกลับเข้าห้องไปโยนผ้าเข้าเสียนอวี๋ ทำเสื้อผ้าให้พวกเขาคนละสองชุด ให้ยายสวีพาไปพักที่ห้องด้านหลังก่อน
เมื่อทั้งสามอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและมาคำนับศีรษะ หลินหวั่นชิวบอกกฎภายในบ้านให้ฟัง
“ข้าไม่ใช่คนโหดร้ายทารุณ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเ้าต้องซื่อสัตย์ ตั้งใจทำงาน มิเช่นนั้น…ข้าจะขายพวกเ้าให้เหมืองขุดถ่านหิน”
ยุคนี้ใช่ว่ามีสัญญาขายตัวแล้วจะปลอดภัย หากเ้านายอ่อนแอ บ่าวใช้ก็กลายเป็ฝ่ายรังแกได้
ด้วยเหตุนี้หลินหวั่นชิวจึงต้องเตือนสติพวกเขาเสียก่อน ตัดไฟั้แ่ต้นลม!
“ไท่ไท่โปรดวางใจ บ่าวจะตั้งใจทำงานเป็แน่”
“ไท่ไท่มีกระไรเชิญสั่งมาได้ บ่าวทำงานหนักได้ ซักผ้ากวาดพื้นได้หมด ทำเสื้อผ้ารองเท้าก็เป็เช่นกัน”
“บ่าวเองก็ทำงานไร่นาเป็ เลี้ยงสัตว์เป็เช่นกัน”
ทั้งสามคนแสดงความซื่อสัตย์ หลินหวั่นชิวถามพวกเขาว่าชื่อกระไร คนพ่อตอบว่า “พวกบ่าวไม่มีนาม ขอให้ไท่ไท่ช่วยประทานนามด้วยขอรับ” พวกเขาถูกขายต่อ ก่อนหน้านี้ใช้แซ่ตามเ้านายเดิม แต่ตอนนี้มีเ้านายใหม่ ย่อมใช้ชื่อเดิมไม่ได้อีก
หลินหวั่นชิวคิดแล้วตอบว่า “เช่นนั้นพวกเ้าใช้แซ่เจียง เ้าชื่อเจียงไฉ เ้าชื่อเจียงเป่า แม่เจียงเป่าชื่อฝูหรง”
“ขอบคุณไท่ไท่ที่ประทานนาม!”
“เอาล่ะ พวกเ้าคงไม่ได้กินดีนอนดีนักตอนอยู่กับนายหน้า รีบไปกินของแล้วพักผ่อนให้สบายเถิด ในบ้านยังมีงานอีกมาก ั้แ่วันพรุ่งพวกเ้าต้องทำงาน”
“ขอรับ/เ้าค่ะ…”