เสวียนชิงกล่าว “ความจริงก็เป็เช่นนี้...อายุขัยในชาตินี้ของเด็กคนนี้สิ้นสุดแล้ว ฉิงชางจวิน แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะเ้าก็มักจะเป็เพราะสิ่งอื่น เขาไม่สามารถอยู่รอดได้ เ้าอย่าได้เอาทุกอย่างมาไว้กับตนเอง!”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึงไปชั่วครู่ เงียบไปเป็เวลานาน จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้รู้สึกผิด...หรือรู้สึกว่าตนเองเป็หนี้ชีวิตเด็กคนนี้ ที่ข้าทำเช่นนี้เพียงเพราะข้า้าทำ...ไม่ว่าเขาจะสิ้นอายุขัยหรือตายอย่างกะทันหัน...ข้าก็ยินดีจะใช้ิญญาสังเวย...เพื่อแลกกับชีวิตของเขา! ขอตี้จวินโปรดเมตตา!”
เสวียนชิงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฉิงชางจวิน เหตุใดเ้าจึงต้องทำเช่นนี้? หากเขาถูก์กำหนดให้เป็เช่นนี้จริง นับว่าเ้าช่วยโดยเปล่าประโยชน์แล้ว เหตุใดต้องสิ้นเปลืองพลังิญญาของตนเองโดยเปล่าประโยชน์กัน? ิญญาเดิมของเ้าไม่สมบูรณ์แล้ว หากแผดเผาิญญาและสังเวย...” เขามองไปยังความยุ่งเหยิงรอบตัว จากนั้นขมวดคิ้วแล้วกล่าว “นอกจากจะต้องเพิ่มบทลงโทษที่ฝ่าฝืนคำสาบานแล้ว...เ้ายัง้าให้ิญญาแตกสลายไปจริงหรือ?!”
เจียงเฉิงเยว่คำนับทั้งสองคน “ข้าไม่เสียดาย!”
ที่แห่งนี้เงียบงันไปสักพัก าาฉินก่วงจึงเอ่ย “เ้าคิดดีแล้วหรือ?”
เสวียนชิงมองาาฉินก่วงด้วยความสงสัย ทว่าคนที่อยู่ด้านหลังเพียงจ้องไปที่เจียงเฉิงเยว่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ราวกับว่ากำลังคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือไม่ เจียงเฉิงเยว่มองตรงไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่เคยแสดงความโกรธ จากนั้นเผยรอยยิ้มจาง “ขอบคุณตี้จวินสำหรับความเมตตาทั้งหมด ความเมตตาของตี้จวิน...เกรงว่าเฉิงเยว่จะไม่อาจตอบแทนได้” เวลานี้เขาอาศัยอยู่ในร่างขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทใช้ชีวิตมาอย่างสุขสบาย ทั้งผิวพรรณที่ขาวผิดแผกไปจากทั่วไปเพราะอ่อนแอ ดังนั้น เืที่ไหลคดเคี้ยวจากหน้าผากของตนเองจึงดูน่าใเป็พิเศษ หากรวมกับดวงตาทั้งสองที่คลอไปด้วยน้ำตากับเส้นผมอันยุ่งเหยิง จึงทำให้ผู้คนทนดูไม่ได้นัก
ตี้จวินแค่นเสียงอย่างเ็า นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นโบกมือไปทางเจียงเฉิงเยว่ เขาจึงถูกลูกบอลสีแดงเพลิงโปร่งแสงม้วนเข้าไปและควบแน่นในอากาศ ดวงตาเบิกกว้างอย่างกะทันหัน รู้สึกถึงความเ็ปอย่างรุนแรงจากการที่ิญญาถูกลอกออกทีละชั้นๆ ทั่วทั้งร่างราวกับถูกเผาไหม้อยู่ในเพลิงนรก แม้ว่าเขาจะเตรียมใจอย่างเต็มที่ยังอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องอย่างน่าสังเวชออกมา
“อาๆๆ “
“ตี้จวิน!” เสวียนชิงรีบร้อนคุกเข่าลงต่อหน้าอีกฝ่ายจนเกิดเสียง ‘ตุ้บ’ เขามองเจียงเฉิงเยว่อย่างสิ้นหวังซึ่งกำลังถูกลอกิญญาอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำตาคลอเบ้า งุนงงจนไม่รู้จะกล่าวอะไร แต่ยัง้าเกลี้ยกล่อม “ตี้จวิน ฉิงชางจวินเขา...ตี้จวินโปรดยั้งมือไว้ไมตรี” เสียงของเขาจมอยู่ในเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาของเจียงเฉิงเยว่จนแทบไม่ได้ยิน
เจียงเฉิงเยว่รู้สึกเพียงว่าตนเองได้ผ่านความยาวนานของหนึ่งศตวรรษไป เดิมทีคิดว่าคราวนี้จะถึงวาระ ต้องตายอย่างแท้จริงภายใต้ความพิโรธราวกับฟ้าร้องของเ้าแห่งปรโลกที่มีความเที่ยงตรงและยุติธรรม ทว่า ยามที่ิญญาของเขากำลังจะสลายไป าาฉินก่วงกลับหยุดเคล็ดวิชาลอกิญญา
‘ตุ้บ’ เจียงเฉิงเยว่มองร่างของหลี่อวิ๋นเฉินที่ล้มลงไปด้วยความใเล็กน้อยก่อนทรุดตัวลงกับพื้น ขณะที่ตนเองยังคงลอยอยู่ในอากาศ แสงสีแดงที่ลอกิญญาอยู่รอบกายหายไป เหลือเพียงเศษเสี้ยวิญญาที่เกือบโปร่งใส เขายกมือขึ้น ถึงขั้นสามารถมองเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของหลี่อวิ๋นเฉินที่นอนอยู่บนพื้นผ่านรอยย่นบนฝ่ามือ
เจียงเฉิงเยว่หอบหายใจอย่างรุนแรง ใช้เวลานานจึงนึกขึ้นได้แล้วเงยหน้ามองาาฉินก่วงที่สุดท้ายแล้วไม่ได้ไล่ต้อนเขาจนจบชีวิต
เสวียนชิงเองก็ถอนหายใจลึกด้วยความโล่งอก
เจียงเฉิงเยว่ยังคงร่างสั่นสะท้าน อึกอักอยู่เป็เวลานานจึงนึกได้ว่าต้องกล่าวขอบคุณ “ขอบ ขอบคุณตี้จวิน” พลังิญญาของเขาในปัจจุบันไม่ต้องกล่าวถึงตัวตนในฐานะาาผี แม้แต่ผีร้ายธรรมดายังแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก ดังนั้น หยกคู่เพลิงสุวรรณที่สวมบนร่างของหลี่อวิ๋นเฉินจึงเปล่งแสงสีแดงเพื่อขับไล่ิญญาชั่วร้ายด้วยตนเอง ครู่ต่อมา เจียงเฉิงเยว่ลอยออกจากหยกคู่เพลิงสุวรรณไปไกลเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ิญญาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ของตนเองสลายไป
หลังจากคิดว่าล้มเหลวที่จะจบชีวิตแล้ว เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยด้วยความยินดีกับชีวิตที่เหลืออยู่หลังหายนะ เจียงเฉิงเยว่กัดริมฝีปากล่างแน่นอีกครั้ง ไม่ปล่อยให้ตนเองไม่ได้เื่จนร้องไห้ออกมา
าาฉินก่วงเอ่ยด้วยใบหน้าเ็า “นี่คือสิ่งที่เ้า้าสังเวยิญญา...สำหรับการลงโทษ...” เขากวาดสายตาไปรอบด้าน “เนื่องจากความตั้งใจแรกของเ้าคือการทำลายคำสาป ปกป้องิญญาของคนเป็ และคนเหล่านี้ต่อต้านโชคชะตา ดังนั้น เ้าไม่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุและผลทั้งหมดเพียงคนเดียว พลังิญญาและการบ่มเพาะของเ้าถูกริบโดยข้าจนหมดสิ้น ข้าจะไล่เ้าออกจากปรโลก ไม่ต้องกลับมาอีกตลอดกาล!”
เจียงเฉิงเยว่กับเสวียนชิงต่างตะลึงงัน
นั่นหมายความว่าเขาจะสามารถเป็ได้แค่ิญญาเร่ร่อนอยู่ในโลกนี้เท่านั้น โดยไม่มีความเป็ไปได้ที่จะกลับชาติมาเกิด?! อีกทั้งยังไม่สามารถกลับไปที่ปรโลกได้ สำหรับเขาที่เป็าาผี ย่อมไม่มีความเป็ไปได้ที่การบ่มเพาะอย่างเพียรพยายามจะหวนกลับคืนมา! ฉิงชางจวิน สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลกผู้เคยมีความโดดเด่นไร้เทียมทานในปรโลก ทั้งสามโลกล้วนเคยได้ยินนาม ณ ตอนนี้เขากลับไม่มีอะไรเลย เหลือเพียงเศษเสี้ยวิญญาเล็กเท่านั้น
เจียงเฉิงเยว่เงียบไปเป็เวลานานพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน เขากล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณตี้จวิน”
าาฉินก่วงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ในจิตสำนึกของเ้ายังมีิญญาของคนเป็ที่ผนึกเอาไว้อยู่...” เขายังไม่ทันเอ่ยจบ เจียงเฉิงเยว่พลันรู้สึกว่าตนเองถูกดูดเข้าไปในร่างของหลี่อวิ๋นเฉินบนพื้นอย่างรุนแรง ฉับพลันเขาลืมตาขึ้นมาเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดผ่านดวงตาของหลี่อวิ๋นเฉิน ทันใดนั้นมีแสงสีแดงวาบขึ้นที่จุดหลิงไถ ลำคอ แขนขาทั้งสี่และหัวใจ หลังจากนั้นหายไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันความเ็ปที่ราวกับกรีดแทงทำให้เขาทอดถอนใจไม่หยุด หน้าผากมีเหงื่อเย็นไหลชุ่ม
เขาหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก เสวียนชิงที่ถูกคลายจากการกักขังโดยาาฉินก่วงไม่อาจทนได้จึงก้าวมาข้างหน้าเพื่อประคองเขา
ด้วยการประคองของอีกฝ่าย เจียงเฉิงเยว่ก้มกราบตรงหน้าาาฉินก่วงอีกครั้ง รอฟังคำตัดสิน
าาฉินก่วงกล่าว “ข้าได้กักเศษเสี้ยวิญญาของเ้าไว้ที่ร่างนี้ เพื่อรักษาิญญาที่มีชีวิตในจิตสำนึกของเ้า...ส่วนที่เหลือ เ้าก็ทำตัวให้ดีเสีย”
“ขอรับ” เจียงเฉิงเยว่ตอบรับด้วยความเคารพ
าาฉินก่วงมองเขาเป็เวลานาน ค่อยๆ สูดลมหายใจแล้วเอ่ยอีกครั้ง “หากมีผนึกประทับิญญาของข้าบนร่าง...พลังหยินอันชั่วร้ายและโลภหลงที่มีพลังิญญาไม่พอและปรารถนาจะฉกฉวยร่าง...จะเข้าใกล้ร่างของเ้าไม่ได้”
สุดท้ายแล้วเจียงเฉิงเยว่ยังคงสั่นสะท้าน น้ำเสียงสะอื้น เขาทั้งร้องไห้พร้อมกราบอย่างจริงใจ “ขอบคุณตี้จวิน”
สำหรับผีตนหนึ่งซึ่งมีจุดจบที่ไม่อาจกลับไปยังปรโลกและิญญากระจัดกระจาย...ทว่าหากมีร่างที่มีชีวิตนี้ของหลี่อวิ๋นเฉิน อย่างน้อยเขาก็ไร้กังวลไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
จากการตัดสินปะาแบบซึ่งหน้า1 เป็การปะาหลังฤดูใบไม้ร่วง2...นับว่าไม่เลว ถึงอย่างไรก็ยังเป็การหว่านแห3 อยู่ดี
าาฉินก่วงถอนหายใจเล็กน้อยโดยไร้เสียง จากนั้นพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงหลายส่วน “ข้าควรจะผนึกเ้าอีกครั้ง...”
เจียงเฉิงเยว่เงยหน้าขึ้นมองโดยไม่พูดอะไร ในฐานะาาผี ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขายังมีประวัติอาชญากรรมที่ฉาวในสามโลก ทุกสิ่งที่เขากระทำคืนนี้ การถูกผนึกจึงเป็ขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ เจียงเฉิงเยว่จึงไม่มีทางโต้แย้ง
าาฉินก่วงฟื้นคืนท่าทางและน้ำเสียงเ็าอีกครั้ง “สำหรับเื่ที่จะให้ผนึกในที่แห่งใด...เ้าเลือกเองเถิด”
เจียงเฉิงเยว่ตอบ “ขอรับ”
ทั้งสามคนนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่าาฉินก่วงจะเอียงศีรษะเล็กน้อย กล่าวเสียงดังไปทางด้านหลัง “เป็เช่นนี้...เซียนจวินคิดว่าอย่างไร?”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง ภายหลังถูกเตือนพลันรู้สึกว่ามีร่องรอยของความกดดันิญญาที่ถูกระงับอยู่ไกลๆ จากด้านหลังาาฉินก่วง ซึ่งไม่ได้เป็ของใครก็ตามที่ปรากฏตัวที่แห่งนี้ในค่ำคืนนี้
เสียงหนึ่งกล่าว “วังเสวียนินั้นคู่ควรกับคำว่า ‘ยุติธรรมเที่ยงตรง’ สี่คำนี้จริงเชียว” เจียงเฉิงเยว่หันกลับไปมองด้วยความใ กลับเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา ผู้ที่มานั้นเดินมาอย่างสบายๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมย ราวกับว่าไม่เห็นความยุ่งเหยิงที่น่าสังเวชในที่แห่งนี้ เพียงเดินตรงไปอยู่ข้างกายของหลี่อวิ๋นหังจึงค่อยหยุดฝีเท้า จากนั้นก้มศีรษะมองอย่างละเอียดพลางถอนหายใจไร้เสียง
“อาจารย์ อาจารย์หรือ?” เจียงเฉิงเยว่ยืดตัวขึ้นด้วยความตะลึง ร่างกายยังคงรับไม่ไหว ภาพตรงหน้าค่อยๆ มืดมิด
อาจารย์ของหลี่อวิ๋นหังกับหลี่อวิ๋นเฉินคือราชครูของประเทศจงซาน หลังได้ยินถ้อยคำนั้นจึงมองย้อนกลับมาที่เจียงเฉิงเยว่ บนใบหน้าไม่ปรากฏความเศร้าหรือยินดี เผยอารมณ์ที่ราวกับว่าไตร่ตรองไว้นานแล้ว เขายิ้มเล็กน้อยก่อนพูด “ฝ่าา ท่านยังจำได้หรือไม่ว่า...ชายชราเคยกล่าวอะไรกับพระองค์?”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึงไปชั่วขณะ
เขาถอนหายใจพูดอีกครั้ง “ช่างเถอะ”
“โชคชะตาของศิษย์ตัวน้อยถูกกำหนดให้ประสบกับหายนะเช่นนี้ เมื่อได้พบฉิงชางจวินซึ่งเป็ตัวแปรที่อยู่นอกเหนือโชคชะตา ยามนี้ดูเหมือนว่า...ใครจะบอกได้ว่าตัวแปรนี้ไม่ใช่ตัวกำหนดที่ชะตาของเขาควรประสบกันเล่า?”
ทุกครั้งที่เขาพูด เจียงเฉิงเยว่กลับสมองตาย เขากลับมางุนงงอยู่ในเมฆหมอกอีกครั้ง ทำได้เพียงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างอธิบายไม่ได้
“เป็เช่นนี้ก็ดี...” ราชครูพูดอีกครั้ง “หากทำลายโชคชะตานี้ได้จริง...อาจเป็เพราะเวรกรรมและวาสนาถึง ก็ควรจะเป็เช่นนี้กระมัง”
“อาจารย์...” เจียงเฉิงเยว่พึมพำ หลังจากเห็นอีกฝ่ายค้อมตัวอุ้มร่างที่เปื้อนโลหิตของหลี่อวิ๋นหังขึ้นจากพื้น เขาลุกขึ้นอย่างกะทันหัน บางทีอาจเป็เพราะร่างกายที่อ่อนแอเกินไปยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เท้าจึงอ่อนแรง ดวงตามืดมิดก่อนที่จะล้มลงไปนอนหมดสติ
.............................
หลังจากเจียงเฉิงเยว่ตื่นขึ้นจากการสลบ เขาพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนในวิหารหลิงเซียว การตกแต่งภายในที่คุ้นเคย กลิ่นหอมที่ถูกจุดของธูปสัตว์มงคลสีทอง เขางุนงงสักพักหนึ่ง ราวกับว่าก่อนหน้านี้เป็เพียงความฝันที่ยาวนาน
“เ้าตื่นแล้วหรือ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึงก่อนมองไปตามเสียง เห็นเสวียนชิงยืนอยู่ข้างเตียง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง รู้สึกว่าิญญาของตนเองที่ถูกตี้จวินกักไว้ในร่างของหลี่อวิ๋นเฉินนั้นอ่อนแออย่างกับพร้อมที่จะสลายไปได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่า สถานการณ์ที่เหมือนกับฝันร้ายก่อนหน้านี้ล้วนเกิดขึ้นจริง
เจียงเฉิงเยว่ประคองศีรษะแล้วส่ายไปมาราวกับสูญสิ้นชีวิต เขาพยายามทำให้ตนเองตื่นขึ้นเล็กน้อย
“เฮ้...” เสวียนชิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมเ้าถึงสะดุดกับเื่นี้อยู่เสมอ? บ่มเพาะมาก็ร้อยกว่าปี คำว่า ‘รัก’ คำเดียวเ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาส่ายศีรษะพร้อมยกยิ้มขมขื่น “ไม่เข้าใจและไม่้าที่จะเข้าใจด้วย เซียนจวินเ่าั้ในแดน์ที่ยกตนว่าไม่มีความปรารถนาใด...ท้ายที่สุดแล้วกลับมาเที่ยวเล่นบนโลกเป็ครั้งคราวไม่ใช่หรือ? หากไม่มีความปรารถนาเช่นนั้นจริง จะอยู่หรือตายนี้แตกต่างกันอย่างไร? ข้ารู้สึกว่าการเป็คนธรรมดาที่มีความรักมีความเกลียด...ก็ดี”
เสวียนชิงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่มีใครบอกให้เ้าไม่มีความปรารถนา...เ้าอย่าได้หุนหันเช่นนี้อีก เ้าดูสิว่าาาผีตนใดในปรโลกที่กลายเป็เหมือนเ้า?” หลังจากนั้นเขาพูดอีกครั้งช้าๆ “ตี้จวินกลับปรโลกแล้ว สั่งให้ข้าคุ้มครองเ้าสักระยะ”
เจียงเฉิงเยว่ “อืม”
เสวียนชิงพูดต่อ “ตี้จวินกักเ้าไว้ในร่างของมนุษย์ในนามของการปกป้องิญญาที่ยังมีชีวิต แม้ว่าการบ่มเพาะของเ้าในฐานะาาผีจะถูกริบ...แต่ร่างของคนที่มีชีวิต...กลับเป็ผู้ฝึกตนธรรมดา...เ้าเข้าใจเจตนาหรือไม่กัน?”
เจียงเฉิงเยว่กระตุกมุมปากแล้วตอบไม่ตรงคำถาม “หลี่อวิ๋นหังเล่า?”
เสวียนชิงบอก “ห้องถัดไป อาจารย์ของเขาสร้างค่ายกล คุ้มครองด้วยตนเอง”
เจียงเฉิงเยว่ก้มศีรษะลงตอบรับอย่างกลัดกลุ้ม ราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่
เสวียนชิงพูดอีกครั้ง “เ้าวางใจเถิด...ในเมื่อตี้จวินได้รับการสังเวยิญญาของเ้าแล้ว เด็กคนนั้นจะต้องรอดพ้นจากหายนะนี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ในอนาคต...” เขาถอนหายใจแล้วพูดอีกครั้ง “เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว...พูดไปก็ไร้ประโยชน์”
เจียงเฉิงเยว่ถาม “อาจารย์ของเขาคือ...”
เสวียนชิงพยักหน้า “อาจารย์ของเขาคือคนจากแดน์”
เจียงเฉิงเยว่ถามกลับ “เซียนจวินจากวังไหนเล่า?”
เสวียนชิงส่ายศีรษะตอบ “ตี้จวินไม่เคยพูดแน่ชัด ด้วยระดับการบ่มเพาะของข้า...” เขาเยาะเย้ยตนเองแล้วหัวเราะ “จะสามารถแยกออกได้อย่างไร? ถึงอย่างไรในเมื่อเขาเป็เซียนจวินแห่งแดน์ เ้ายิ่งไม่ต้องกังวลกับหลี่อวิ๋นหังอีกต่อไป…ได้รับการสังเวยิญญาต้องใช้เวลาเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน4 จึงจะเกิดใหม่ และอาจใช้เวลาสักระยะเขาถึงฟื้นขึ้นมา”
เจียงเฉิงเยว่พยักหน้าอย่างเงียบงัน
ทั้งสองคนนิ่งเงียบกันไปเป็เวลานาน เสวียนชิงจึงถาม “เช่นนั้นเ้าเตรียมตัวที่จะ...ไปเมื่อไร?”
เจียงเฉิงเยว่ครุ่นคิดอยู่นาน “โดยเร็วที่สุด” เขายิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อยพลางบอก “ข้าสัญญากับเด็กคนนั้นแล้วว่าจะปกป้องเขาตลอดชีวิต...คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้กลับเป็ตัวข้าเองที่ผิดคำสัญญาก่อน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของข้า ต่อให้อยู่ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ กลับเป็นำความเดือนร้อนให้เท่านั้น”
เสวียนชิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วปลอบโยน “รอให้เ้าเลือกสถานที่แล้ว...ก็จงบอกตี้จวินเถิด นอกจากข้ากับตี้จวินแล้ว ไม่มีผู้ใดในสามโลกที่รู้ตำแหน่งของเ้า เ้าวางใจเสีย”
เจียงเฉิงเยว่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ขอบคุณ”
เสวียนชิงสูดหายใจเข้าลึก “เฉิงเยว่...เ้าต้องฝึกฝนและดูแลตนเองให้ดี...หากเป็การฝึกฝนธรรมดาก็ควรจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนทั่วไปสักหน่อย...” ถ้อยคำที่เหลือ เสวียนชิงกล่าวต่อไม่ได้ จะกล่าวได้อย่างไรเล่า? หากร่างของหลี่อวิ๋นเฉินมาถึงขีดจำกัด เจียงเฉิงเยว่ที่ไม่สามารถกลับไปยังปรโลกและถูกกักอยู่ในิญญาย่อมมีเพียง...จุดจบเท่านั้น
เจียงเฉิงเยว่เงยหน้ามองอีกฝ่ายราวกับไม่สนใจ เขาระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบรับ “ตกลง”
------------------------
[1] ปะาแบบซึ่งหน้า หมายถึง เมื่อตัดสินว่ามีโทษก็สามารถปะาได้ทันที โดยไม่ต้องคำนึงถึง่เวลา
[2] ปะาหลังฤดูใบไม้ร่วง หมายถึง การให้โอกาสนักโทษได้สำนึกผิดก่อนตาย และบำเพ็ญพระราชกุศลของฮ่องเต้
[3] หว่านแห หมายถึง การใช้ท่าทีที่เต็มไปด้วยความเมตตา
[4] เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน หมายถึง หลังจากฝังผู้ตาย ลูกหลานจะเซ่นไหว้ทุกๆ 7 วันไปจนถึง 49 วัน
