ทั้งสองบรรลุข้อตกลงอย่างลับๆ รถม้าเงียบลง มีเพียงเสียงล้อรถวิ่งไปบนถนนเท่านั้น
เวลาผ่านไปถนนมีขรุขระบ้าง อวิ๋นอี้นั่งบนตักของหรงซิว เนื้อตัวของนางที่ัักับเขาค่อยๆ ร้อนรุ่มขึ้น
อวิ๋นอี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางบิดตัวอยากจะลงจากตัก ทว่ามือของบุรุษหนุ่มนั้นมีพละกำลังมากกว่า
นางต้องทนอยู่เงียบๆ ต่อไป อดมิได้ที่จะพูดกับหรงซิวว่า "ให้ข้าลงเถิดเพคะ"
“กระไรนะ?” หรงซิวเหลือบตามองลู่จงเฉิง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปิดตาพักผ่อนอยู่ก็ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "นั่งไม่สบายหรือ?"
"อื้ม..." อวิ๋นอี้พูดตามคำของเขา หากเขาวางนางลง จะให้นางทำสิ่งใดก็ทำให้ทั้งสิ้น นางพูดเสียงเบาเสริม "ข้าอยากนั่งข้างฝ่าา"
คำพูดเหล่านี้ดูออดอ้อนและอ่อนโยน เกลี้ยกล่อมหรงซิวอยู่หมัด เขาจึงยอมให้นางลง แล้วตบที่นั่งด้านขวา
อวิ๋นอี้รู้สึกสบายขึ้นมาก บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างกลมเกลียว นางมิอยากจะทำลายภาพลวงตานี้ จึงนั่งลงแล้วปิดตาแกล้งหลับ
แล้วเื่ทั้งหมดก็หยุดลง
นั่งรถไปตงเฉิงต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยาม ตอนที่ออกเดินทาง ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น ทว่าเมื่อไปถึงดวงอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้าแล้ว
คนใช้หยุดรถให้นิ่งพลันเชิญพวกเขาลงจากรถ
ลู่จงเฉิงลุกขึ้นทันที เป็คนแรกที่ออกไป ถึงขนาดเร่งฝีเท้าของเขาให้เร็วขึ้น
อวิ๋นอี้มองแผ่นหลังของเขาจากไปอย่างเร่งรีบ รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย บอกตามตรงว่านางไม่คิดว่าหรงซิวจะมาไม้นี้ น่าอับอายเสียจริง
ตอนนี้มิใช่เวลาที่ดีในการอธิบาย ทำเพียงได้เพียงรอหลังจากนี้
นางคิดอยู่ในใจ หรงซิวลงจากรถ ยื่นมือเอื้อมไปทางนาง นางจึงจับมือเขาะโลงมา
ตงเฉิงสู้ใจกลางเมืองมิได้ แม้ว่าจะอยู่ในเขตเมืองหลวงเหมือนกัน ทว่าจำนวนผู้คนที่นี่น้อยกว่ามาก แต่หากเทียบกับหนานเฉิงเป่ยเฉิง [1] แล้ว ยังมีกำไรให้ค้าขาย
บนถนนมีคนไปมา บรรยากาศครึกครื้นไปทุกที่ แผงลอยและพ่อค้าหาบเร่หลายร้านจับตามองพวกเขาั้แ่ลงจากรถ
เมื่อพวกเขาเดินผ่านตลาด ก็ได้รับการต้อนรับด้วยการข้าขายที่ล้นหลามนับไม่ถ้วน อวิ๋นอี้เป็สตรีผู้เดียวที่แต่งตัวสวยหรู จึงกลายเป็จุดสนใจของการจู่โจมไปในทันใด
ผงชาดผัดหน้า ผักผลไม้ เครื่องประดับสร้อยข้อมือต่างหู ต่างพากันเรียกนางให้ดูและได้ลอง
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก คิดไม่ถึงเลยว่าผู้คนจะกระตือรือร้นกันเช่นนี้
หากในวันปกติ นางจะเดินเลือกดูก็ไม่เป็ไรหรอก ทว่าครานี้นางมาเพื่อทำงาน จึงได้แต่ปฏิเสธด้วยรอยยิ้มไป
การปฏิเสธมิได้ผล พ่อค้าแม่ค้ายังคงเดินตามกันจนขวางทางหมดแล้ว
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว ตอนนี้พวกเขาเห็นนางเป็แกะตัวอ้วนกลมสินะ [2] จะจับนางทานอย่างไม่เหลือกระดูกเลยใช่หรือไม่?
หากยังคงเบียดต่อไป เกรงว่านางคงจะถูกบีบจนเป็แผ่นกระดาษไปแล้วก็เป็ได้
ในเวลานั้นเอง หรงซิวที่อยู่ข้างๆ ยกมือโอบไหล่นาง นางเพียงเอนตัวพิงเขาอย่างมิรู้ตัว เขาปกป้องนางอย่างแ่า ใบหน้าของเขาเ็า ไม่พูด ไม่ขยับตัว ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
ฝูงชนที่วุ่นวาย กลับไม่เห็นความผิดปกติ
อวิ๋นอี้ที่อยู่ใกล้มือ กลับรู้สึกถึงความหนาวกระทบร่าง นางเงยหน้าขึ้นเห็นเพียงคางตึงๆ ของเขา
“ฝ่าา...”
นางกระซิบเรียกอย่างกังวลเล็กน้อย บุรุษหนุ่มมิได้มองนาง เพียงแค่ใช้มือใหญ่ตบลงบนตัวนางเบาๆ เป็การปลอบโยน
เขายืนนิ่งอยู่นาน จนในที่สุดทำให้ฝูงชนที่พลุกพล่านรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และสายตาก็เพ่งไปที่หรงซิวอย่างรวดเร็ว
บุรุษตัวสูงตรง ท่าทางเ็า เพียงยืนเฉยๆ กลับทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนรู้สึกหนาวสั่น
ไม่นานนัก ถนนที่มีชีวิตชีวาก็ค่อยๆ เงียบและเอื่อยเฉื่อยเหมือนฤดูสารท มิรู้ว่าผู้ใดเป็ผู้นำทาง พวกเขาพากันหลีกทางให้
สีหน้าเ็าของบุรุษผู้นี้มิได้บรรเทาลงเลยสักนิด เขาโอบอวิ๋นอี้ไว้ แล้วเดินไปด้านหน้าอย่างไม่เหลือบมองข้างใดๆ
ออกห่างจากฝูงชน อวิ๋นอี้ถึงได้กล้าหายใจ
เมื่อครู่หรงซิวทำเอานางกลัวนางจริงๆ นางคิดว่าเขาจะโวยวายเสียอีก!
นางลูบหน้าอก เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาผ่อนคลายลงแล้ว นางก็ระงับคำด่าทอไว้ ไม่พูดถึงมันอีก
หลังจากที่ทั้งสามออกมาจากการห้อมล้อม ท่าทางพลันดูอิดโรย อวิ๋นอี้กลั้นขำ รอให้ทุกคนจัดการตนเองเสร็จก่อนแล้วค่อยไปที่ร้าน
ตำแหน่งของร้านเป็ที่ที่ลู่จงเฉิงเลือก ตามนิสัยการลงทุนที่เป็พิษของเขา เดิมทีอวิ๋นอี้มิได้คาดหวังกับสถานที่ ทว่าในตอนที่พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน อวิ๋นอี้พลันรู้ว่านางคิดผิดแล้ว
ผิดพลาดครั้งใหญ่เลยล่ะ!
ไม่ว่าจะในแง่ของทำเล การสัญจรเท้า หรือโอกาสการพัฒนาในอนาคต ตำแหน่งตรงนี้ยอดเยี่ยมมาก
นางชื่นชมลู่จงเฉิงพร้อมยกนิ้วโป้งให้ "ครานี้ท่านมหาเสนาบดีลู่ตาดีมากเ้าค่ะ ที่ตรงนี้ดีมาก!"
ลู่จงเฉิงพยักหน้ารับ “ขอบพระคุณสำหรับคำชมพ่ะย่ะค่ะ”
การพูดตามมารยาทของทั้งสอง ทำให้หรงซิวมองจนต้องกัดฟัน เขามองขึ้นไปที่ตึกที่ทรุดโทรม มองดูถนนที่ทรุดโทรม ที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีอาคารสูง เขาอยากจะว่า
ที่ร้ายๆ เช่นนี้มีดีตรงไหนกัน?
เปิดโรงเตี๊ยมที่นี่ ทำกำไรได้สิแปลก!
เป็การประจบที่หลับตาพูดจริงๆ!
“เราเข้าไปดูสิเถิดเ้าค่ะ” อวิ๋นอี้จบหัวข้ออย่างทันท่วงที พูดขึ้น ลู่จงเฉิงก็พยักหน้า และนำทางไป
ร้านนี้เดิมทีเป็ร้านอาหาร ทว่าเถ้าแก่กลับบ้านเกิดไปแล้ว เมื่อกลับมาหลังจากครึ่งปี ร้านก็ถูกจ่างกุ้ยทำจนสถานการณ์เลวร้ายกู่ไม่กลับ
ร้านค้าทำกำไรมิได้ หากจะเก็บไว้ก็เสียเปล่า เถ้าแก่จึงรีบร้อนขายเปลี่ยนมือ เอาเงินทุนกลับมาไปเริ่มธุรกิจอื่น
ตอนที่พวกเขาจะมา ได้นัดกับเถ้าแก่ไว้แล้ว ตอนนี้เถ้าแก่กำลังรออยู่ในร้าน เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เห็นคนเข้ามา เขาจึงรีบแสดงตัวตน ทักทายอย่างเป็มิตร
“พวกท่านมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? จะขึ้นไปข้างบนก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"
"ไม่ล่ะ" อวิ๋นอี้ส่ายหัว "ในเมื่อมาดูร้าน เราทำธุรกิจก่อนเถิด รบกวนเถ้าแก่พาเราไปดูรอบๆ ร้านด้วยเ้าค่ะ”
ลู่จงเฉิงเคยมาดูที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน เพราะว่าการเปิดร้านเป็เื่ของเขากับอวิ๋นอี้ ครั้งนี้จึงตั้งใจพานางมาดูด้วย ดังนั้นนางพูดกระไรเขาก็ฟังทั้งนั้น
ไม่มีผู้ใดว่ากระไร เถ้าแก่ได้ยินคำอวิ๋นอี้จึงนำทางไปดู
หลังจากตรวจสอบรอบหนึ่งแล้ว อวิ๋นอี้เกิดความคิดพื้นฐานพอประมาณแล้ว ที่นี่ใหญ่โต ราคาถูก ตามความคิดของนาง มันเหมาะจะทำเป็โรงแรมสำหรับพักร้อน
ชื่อร้านยังคงเป็ชื่อเกาเซิ่ง เพราะสามารถดึงดูดนักเรียนที่เข้ามาเมืองหลวงได้มาก นี่เป็ประโยชน์ของการมีชื่อเสียง
ผลของการมีชื่อเสียงจะช่วยผลักดันการบริโภคส่วนหนึ่ง แต่อย่างไร จำนวนนักเรียนมีจำกัด การสอบเข้าวังมีเพียงปีละครั้ง หากจะใช้ชีวิตจากเงินตรงนี้คงต้องอดตาย
หากมิอยากอดตาย ต้องหาทางใหม่ๆ
ในเมื่ออวิ๋นอี้อยากทำโรงแรมพักร้อน ต้องใช้พื้นฐานของการมีชื่อเสียง พัฒนาสิ่งใหม่ๆ
ตัวอย่างเช่น การสร้างบ่อน้ำพุร้อน ทำห้องเล่นหมากเล่นไพ่สองสามห้อง จากนั้นก็ทำร้านเสริมสวยที่ให้บริการการพักผ่อนแบบครบวงจร จะดึงดูดสุภาพสตรีที่มีชื่อและสุภาพบุรุษที่ร่ำรวยได้อย่างแน่นอน
กฎยี่สิบแปดสิบในการค้าขาย คือความมั่งคั่งร้อยละแปดสิบนั้นมาจากคนจากร้อยละยี่สิบ
เศรษฐีในเมืองหลวงนั้นมีมาก คนรวยเยอะ ตราบใดที่พวกเขาจับตลาดคนรวยไว้ได้ พวกเขาจะทำเงินได้เสมอ
ระหว่างทางกลับจากตงเฉิง อวิ๋นอี้พูดความคิดทั้งหมดของนางอย่างตรงไปตรงมา ดวงตาทั้งสองทั้งมืดมิดและเป็ประกาย มีแสงแห่งความตื่นเต้นและตื้นตัน
นางโน้มตัวไปข้างหน้า ตั้งหน้าตั้งตารอถามความเห็นของลู่จงเฉิง "มหาเสนาบดีลู่เ้าคะ คิดอย่างไรบ้าง?"
ลู่จงเฉิงถูกนางจ้องจนสติหลุดลอย จึงรีบเบนหน้าหนี"ข้าฝากฝังไว้กับท่านั้แ่แรก เชื่อท่านพ่ะย่ะค่ะ ท่านอยากจะทำการใดก็ย่อมได้ ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง”
“ดีเ้าค่ะ! เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะให้แผนการแก้ไขร้าน เพลานั้นรบกวนท่านช่วยดูแลควบคุมด้วยนะเ้าคะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวมองพวกเขาพูดกันราวกับรอบข้าง ไม่มีผู้อื่น สายตาของเขาจับจ้องไปที่นางตลอด
นางมีสมองที่หาเงินเก่งมาก ั้แ่เมื่อใดกันนะ ที่นางมีเสน่ห์จนเขามิอยากละสายตาจากนางเลยสักครึ่งชั่ววินาที
เชิงอรรถ
[1] หนานเฉิงเป่ยเฉิง 南城北城 หมายถึง สถานที่ที่อยู่ทางใต้ 南 และทางเหนือ 北
[2] แกะตัวอ้วนกลม 肥羊 หมายถึง คนที่สามารถจะหาประโยชน์ด้วยได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้