จ้าวเหม่ยหลินยกมือขึ้นปิดปากหาวทีหนึ่ง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้นางเริ่มรู้สึกหิวจนท้องร้อง แต่ก็ทำได้เพียงอดทนไว้
“คุณหนูเ้าคะ… จะรออยู่อย่างนี้จริงหรือเ้าคะ?” ซูจินเอ่ยถาม พลางใช้ใบไม้พัดคลายร้อนให้จ้าวเหม่ยหลินด้วยความเป็ห่วง
จ้าวเหม่ยหลินหันไปมองสาวใช้คนสนิท แววตาเต็มไปด้วยความสงสาร “รออีกสักหน่อยเถิด หากเ้ารู้สึกง่วงนัก ข้าจะให้สาวใช้ที่นี่พาเ้ากลับเรือนก่อน”
ซูจินรีบส่ายหน้า “ไม่เ้าค่ะ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้คุณหนูต้องอยู่คนเดียวเด็ดขาด”
ทว่าก่อนที่จ้าวเหม่ยหลินจะทันได้ตอบอะไรซูจิน เสียงหวานใสเสียงหนึ่งก็ดังแว่วใกล้เข้ามา
“จุๆ คิดว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็ลูกนอกคอกนี่เอง”
จ้าวเหม่ยหลินหันหน้าตามเสียงนั้นก็เห็นว่ามีหญิงสาวในชุดสีขาวกำลังเดินเข้ามา แล้วหยุดฝีเท้าลงตรงหน้า พร้อมด้วยเหล่าสาวใช้ห้าคนตามหลังอย่างพร้อมเพรียง
จ้าวเหม่ยหลินขยับตัวเล็กน้อยแล้วหันกลับไปกระซิบถามซูจินเสียงเบา “ใครกัน?” ท่าทาง แววตา สาวใช้ข้างกาย คิดว่าตัวเองเป็สนมในวังหรืออย่างไร ถึงต้องมีบ่าวเดินตามมากมาย
ซูจินโน้มตัวกระซิบตอบ “คุณหนูรองจ้าว จ้าวิจูเ้าค่ะ”
จ้าวเหม่ยหลินพยักหน้ารับคำซูจิน ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเต็มความสูง นางกวาดตามองน้องสาวตรงหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือแววหยอกล้อ
“จุๆ คิดว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็น้องิจูนี่เอง…นับว่านิสัยเ้าก็ยังคงเดิม ไม่เคยสูงขึ้นเลย” ทันทีที่พูดจบ จ้าวเหม่ยหลินก็ยกมือขึ้นเทียบความสูงของตนกับอีกฝ่ายอย่างไม่แยแส
“ข้าจะฟ้องท่านย่า” ท่าทีของจ้าวเหม่ยหลินดูเรียบง่าย แต่คำพูดกลับเจ็บแสบไม่น้อย จนทำให้จ้าวิจูโกรธในที่สุด
จ้าวิจูตวัดมือฟาดลงบนใบหน้าของจ้าวเหม่ยหลินอย่างไม่ลังเล นางกล้าทำเช่นนี้เพราะมั่นใจว่าอย่างไรท่านย่าก็อยู่ข้างตัวเอง และจ้าวเหม่ยหลินก็คงไม่กล้าตอบโต้
ทว่านางกลับคิดผิด ทันทีที่ฝ่ามือของจ้าวิจูแตะลงบนแก้มของอีกฝ่าย จ้าวเหม่ยหลินก็สะบัดมือตอบกลับเต็มแรงทำให้ใบหน้าของจ้าวิจูสะบัดไปตามแรงตบ
“เ้า!..” จ้าวิจูยืนอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครกล้าทำเช่นนี้กับตัวเอง
“จับนางไว้!” จ้าวิจูสั่งเสียงเข้ม
สาวใช้ทั้งสามขยับตัวเตรียมจะเข้าหาจ้าวเหม่ยหลิน ทว่าเสียงของร่างเล็กกลับดังขึ้นก่อน นางยกคางขึ้นอย่างท้าทาย “ถ้ากล้าก็เข้ามา หากข้าเป็อะไรไป วันพรุ่งชาวบ้านคงลือกันทั่วเมือง ว่าคนในเรือนใหญ่รุมรังแกข้าผู้มาจากเรือนนอก”
คำพูดนั้นทำเอาจ้าวิจูชะงักงัน ั์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วสะบัดหน้าเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าเรือน
จ้าวิจูยกมือแตะใบหน้าด้านที่ถูกตบ ก่อนก้าวพรวดเข้าไปในเรือน น้ำตาคลอเบ้าอย่างเจ็บใจ “ท่านแม่เ้าคะ ท่านต้องจัดการนางให้ลูกด้วยนะเ้าคะ!”
เกาฟางที่กำลังประคองถ้วยชาเข้าปากเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบวางถ้วยลง นางลุกขึ้นเดินมาดูบุตรสาวอย่างร้อนรน “ใครกัน ใครกล้าทำิเอ๋อร์ของแม่ถึงเพียงนี้”
“จ้าวเหม่ยหลินเ้าค่ะ นางตีลูก”
ฮูหยินรองเกานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางอย่างครุ่นคิด “เช่นนั้น วันพรุ่งเ้าไปบอกท่านย่าของเ้าก็แล้วกัน” ไม่คิดว่าวันแรกจ้าวเหม่ยหลินสร้างปัญหาเสียแล้ว หากฮูหยินผู้เฒ่ารู้เข้าคงจะเริ่มเกลียดหน้านาง
“ิเอ๋อร์ของแม่…” เกาฟางเอื้อมมือมาแตะมือลูกสาวเบาๆ ก่อนกล่าวเสียงนุ่ม “วันนี้เ้ากลับเรือนไปก่อนเถิด”
“แต่ท่านแม่…” จ้าวิจูเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็มารดา พอเห็นสีหน้าจริงจังจึงจำต้องกล้ำกลืนคำพูดแล้วพยักหน้าตอบรับอย่างไม่เต็มใจ
“เ้าค่ะ”
เมื่อจ้าวิจูเดินออกมาจากเรือนของมารดาแล้ว ทว่านางต้องจำใจเดินผ่านหน้าจ้าวเหม่ยหลินที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ อีกฝ่ายยิ้มเยาะส่งมาให้ นางจึงเร่งฝีเท้าสะบัดหน้าหนีอย่างไม่สนใจ
ไม่นานนักซูเซียวสาวใช้ของฮูหยินรองก็ออกมาแจ้งจ้าวเหม่ยหลินว่า ฮูหยินรองเการู้สึกไม่สบาย มีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็พาจ้าวเหม่ยหลินกับซูจินไปยังเรือนพักที่อยู่ท้ายจวน
เรือนหลังนี้ทั้งเก่าและเต็มไปด้วยฝุ่น ดูเหมือนไม่มีใครดูแลมานาน ซูเซียวให้เหตุผลเพียงว่า “คุณหนูกลับมากะทันหัน ข้าจึงไม่ได้จัดเตรียมห้องรับรองให้เหมาะสม” พูดจบก็รีบหันหลังกลับไปทันที ทิ้งให้นายบ่าวมองเรือนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ
เมื่อเข้ามาในเรือนซูจินก็ทำการจัดการปัดกวาดเช็ดถูจนพออยู่พอนอนได้แล้ว ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาคารวะก่อนเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่เ้าคะ พรุ่งนี้ยามเช้า ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาแจ้งว่าให้คุณหนูเข้าพบเ้าค่ะ”
ยังไม่ทันได้พักได้หายใจ ก็มีอีกคนเดินตามเข้ามาแจ้งต่อว่า “คุณหนูใหญ่เ้าคะ ท่านรองเสนาบดีก็ฝากมาแจ้งว่า พรุ่งนี้เช้าให้ท่านเข้าพบ”
จ้าวเหม่ยหลินถอนหายใจเงียบๆ พลางเอ่ยกับซูจินว่า “ถึงอย่างไร…ข้าขอกินข้าวก่อนเถอะ เื่วุ่นวายทั้งหลายไว้ค่อยจัดการวันพรุ่งแล้วกัน”
ซูจินพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนรีบออกไปขอข้าวน้ำจากพ่อบ้านไป๋ พร้อมทั้งนำชุดเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่จัดเตรียมไว้แล้วกลับมาให้นายสาว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้