ในห้องครัว เฟิ่งเฉี่ยนเพิ่งจะทำข้าวผัดไข่สิบจานสำเร็จ หลังจากเก็บกระทะและจวักแล้ว นางถูมือไปมาเตรียมจับรางวัล “ฟ้าแม่นๆ ดินแม่นๆ! ต้องให้ข้าจับรางวัลใหญ่ๆ ได้นะ!”
ทันใดนั้นมีคนกรูเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับตวาดเสียงดังลั่น “คนชั่วอยู่ที่นี่ รีบเข้าไปจับกุมตัวนางไว้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับไปมองอย่างตื่นตะลึง เห็นคนหลายคนในชุดเ้าหน้าที่ของทางการพกพากระบี่ประจำตัวเข้ามาในห้องครัวแล้วล้อมนางเอาไว้
“มือปราบหลิน คนชั่วได้ถูกล้อมเอาไว้แล้วขอรับ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเ้าหน้าที่ บุรุษในชุดขุนนางสีเขียวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
เขามีคิ้วพาดเฉียงราวกระบี่ ดวงตาองอาจ และดูพอจะมีบารมีอยู่บ้าง ทว่าแววตากลับดูดำมืด สายตาที่จับจ้องเฟิ่งเฉี่ยนนั้นคล้ายกำลังจ้องมองฆาตกร
“เ้าคือคนชั่วที่ขโมยวัตถุดิบเทพของวังหลวงคนนั้นใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่กระจ่างแจ้ง จึงขมวดคิ้วถามว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าเ้ากำลังพูดเื่อะไร ข้าไม่รู้จักเ้า เชิญพวกเ้าออกไปจากที่นี่!”
ชายหนุ่มแค่นเสียงฮึ “ไม่รู้จักก็ไม่เป็ไร ไปถึงศาลาว่าการแล้วข้ามีวิธีเป็ร้อยที่จะง้างปากของเ้า”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตามองบนคร้านจะสนใจเขา จึงยกข้าวผัดไข่จานหนึ่งขึ้นมากิน
ประสาท!
นางเป็ถึงฮองเฮา เป็เพียงมือปราบเล็กๆ คนหนึ่งคิดจะจับนางหรือ อีกทั้งเซวียนหยวนเช่อเป็คนส่งนางมา ถือว่านางมาทำงานให้ทางการ เ้ามีปัญหากับข้า เช่นนั้นไม่เท่าว่าเ้ามีปัญหากับฮ่องเต้หรือ
ดังนั้น นางไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
หลินห่ายเฟิงตะลึงงัน เขาทำหน้าที่มือปราบมาเป็เวลาหกปี นักโทษคนใดบ้างที่พบเขาแล้วไม่ตัวสั่นงันงก ไหนเลยจะเคยพบกับนักโทษที่ไม่เกรงกลัวความตายเช่นนี้
คิ้วกระบี่นั้นกระตุกขึ้น เขามีโทสะเสียแล้วจึงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “มาตรว่าเ้าคงจะยังไม่รู้สมญานามของข้าล่ะสิ ขอเพียงเป็นักโทษที่เคยผ่านมือของข้า หากไม่ถูกถลกหนังอยู่ในคุก ก็ไม่มีทางได้ก้าวออกจากศาลาว่าการ วันนี้ถือเสียว่าเ้าดวงกุด ต้องตกมาอยู่ในอุ้งมือของข้า เ้ารอเข้าไปนั่งในคุกให้พื้นเรือนจำทะลุไปเลย!”
เขาตวาดเสียงเย็น “เด็กๆ เข้าจับกุม!”
เ้าหน้าที่หลายคนพากันกรูเข้ามา!
แสงตาเฟิ่งเฉี่ยนคมปลาบ เอาจริงหรือ กลัวที่ไหนเล่า
ลำแสงสีเงินพลันสาดเข้ามา ในมือของนางปรากฏให้เห็นจวักเหล็กด้ามหนึ่ง “กวาดล้างศัตรู!”
นางเพียงแค่สะบัดข้อมือ จวักแปลงกายพันชั่งก็ตวัดออกไป เ้าหน้าที่หลายคนนั้นถูกกวาดจนหกคะเมนตีลังกาหงายหลังผลึ่ง!
สีหน้าท่าทางของหลินห่ายเฟิงแปรเปลี่ยน ท่ามกลางความคาดไม่ถึงเขายิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น “ทุกคนอย่าตื่นตระหนก! นางไม่ใช่แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง พวกเ้าไม่ต้องเกรงกลัวนาง! มีข้าช่วยวางค่ายกล พวกเ้าแย่งชิงอาวุธในมือของนางให้ได้!”
ไม่เสียแรงที่เป็มือปราบมากประสบการณ์ มองปราดเดียวก็ล่วงรู้ถึงขั้นความสามารถของนาง เหล่าเ้าหน้าที่วางค่ายกลใหม่อีกครั้ง แต่ละคนถือโซ่เหล็กในมือ
โซ่เหล็กเป็อาวุธสำหรับการโจมตีระยะไกล ทั้งว่องไวประดุจอสรพิษร้าย เป็ดาวหายนะของจวักแปลงกายพันชั่ง!
สถานการณ์ตรงหน้าตึงเครียดขึ้น!
ต่อมา สีหน้าของเฟิ่งเฉี่ยนยังไม่ปรากฏให้เห็นความลนลาน นางหมุนจวักในมือแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “บอกข้าได้หรือไม่ว่าผู้ใดให้พวกเ้ามา”
หลินห่ายเฟิงพูดเสียงเย็น “เ้าไม่จำเป็ต้องรู้เื่เหล่านี้!”
เฟิ่งเฉี่ยนยังคงยิ้มแย้ม “เมื่อสักครู่เ้าเพิ่งจะกล่าวหาว่าข้าขโมยวัตถุดิบเทพจากวังหลวง มีหลักฐานหรือไม่”
“ข้าหลินห่ายเฟิงจับกุมคนร้าย แต่ไรมาไม่จำเป็ต้องมีหลักฐาน! รอให้ไปถึงศาลาว่าการแล้วเ้าจะยอมรับสารภาพแต่โดยดีเอง!” หลินห่ายเฟิงหัวเราะชั่วร้าย
“ใช่หรือ เช่นนั้นก็ลองดู!” รอยยิ้มของเฟิ่งเฉี่ยนยิ่งเ็า มีเพียงคนที่รู้จักนางดีเท่านั้นที่จะมองออกว่านางมีโทสะแล้ว!
นาทีถัดมารังสีที่แผ่ออกมาจากร่างของนางพลันเปลี่ยนไป รัศมีเข่นฆ่ารอบกายนางพุ่งขึ้นท่วมฟ้า!
หลินห่ายเฟิงมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาเ็าคล้ายว่ากำลังมองเหยื่อในมือที่กำลังดิ้นรนเพื่อหาทางรอดชีวิต ในสายตาของเขาแล้วนางกำลังจะตกเป็เชลยของเขาอย่างรวดเร็ว เขายกมือขวาขึ้นเพื่อส่งสัญญาณออกคำสั่ง ทว่าแววตาของเขากลับเปลี่ยนไป ั์ตาทั้งคู่ของเขาเกือบจะถลนออกมานอกเบ้า!
ภายในห้องครัวเล็กๆ แห่งนี้ เงาร่างของคนผู้นั้นเคลื่อนไหวประดุจพญามัจจุราช ในมือถือจวักเหล็กสีม่วงด้ามหนึ่ง การก้าวเดินนั้นเป็กระบวนท่าอันแปลกประหลาด ทว่ากลับเดินสวนไปมาระหว่างเ้าหน้าที่ได้ ทันทีที่ส่งเสียงคำรามขึ้นราวกับหนึ่งจวักหนึ่งคน แม่นยำไหลลื่น ทุกๆ จวักที่ตวัดลงไปจะต้องมีคนล้มลงหนึ่งคน
หลินห่ายเฟิงมองเงาร่างสีเงินของเฟิ่งเฉี่ยนตาค้าง ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างที่สุด เขาถึงกับเห็นคนเช่นนี้เป็เหยื่อที่ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ช่างน่าขันเหลือเกิน!
บนใบหน้าของนางไม่มีอารมณ์และความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น สายตาเย็นเยียบนั้นเ็าสุดขั้ว คล้ายพญามัจจุราชที่ผุดขึ้นมาจากนรก รัศมีเข่นฆ่ารายล้อมรอบตัวนาง นางเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมา พบเทพฆ่าเทพ พบพระฆ่าพระ!
เ้าหน้าที่คนแล้วคนเล่าล้มลงต่อหน้าต่อตาเขา ณ วินาทีนี้ในสายตาของเฟิ่งเฉี่ยน เขาต่างหากเล่าที่เป็เหยื่อที่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด...
หลินห่ายเฟิงลนลาน เขาก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัวจึงพูดเสียงสั่น “เ้า...เ้าเป็ผู้ใดกันแน่”
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไฉนจึงร้ายกาจเช่นนี้
“ก่อนหน้าที่จะมาจับข้า เ้าควรตรวจสอบให้ชัดเจน!” จวักแปลงกายพันชั่งในมือชี้มาที่หน้าผากของเขา หลินห่ายเฟิงถอยหลังชนเข้ากับมุมกำแพงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สีหน้าซีดเผือดน่าเวทนา!
“เ้า เ้า...เ้าไม่ใช่คน เ้าเป็ปีศาจ!” หลินห่ายเฟิงโอดครวญ เดิมทีคิดว่าเป็เพียงนางกำนัลสามัญนางหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเขาเตะเข้ากับกระดานเหล็กเสียแล้ว หาเื่ใส่ตัวแท้ๆ!
หากรู้แต่แรก หากรู้แต่แรก...
เสียงของมู่ชิงเซียวดังขึ้นนอกประตูในตอนนี้เอง “เกิดเื่อะไรขึ้น เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่”
ทันทีที่สิ้นเสียง มู่ชิงเซียวก็เดินเข้ามาในห้องครัวเห็นภาพตรงหน้า เขาประหลาดใจมาก แต่คำพูดประโยคแรกที่กล่าวออกมาก็คือ “แม่นางเฟิง เ้าไม่เป็ไรกระมัง”
สีหน้าของหลินห่ายเฟิงบิดเบี้ยวไม่น่าดูทันที!
คุณชายมู่ เวลานี้คนที่เกิดเื่เป็พวกเราต่างหาก
เฟิ่งเฉี่ยนเก็บจวักแปลงกายพันชั่งแล้วหันไปยิ้มกับเขา “ข้าไม่เป็ไร เพียงแค่ใจนสะดุ้งโหยงเท่านั้นเอง”
หลินห่ายเฟิงเบิกตาโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าอยู่แล้ว!
เ้าใจนสะดุ้งโหยง เ้าใจนสะดุ้งโหยงหรือ ทั้งๆ ที่พวกเราเป็ฝ่ายถูกเ้าทุบตี คนที่ใจนสะดุ้งโหยงเป็พวกเราต่างหาก
มู่ชิงเซียวได้ยินเช่นนั้นกลับรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ เขาหันมาถลึงตาใส่หลินห่ายเฟิงด้วยโทสะและสอบถามว่า “มือปราบหลิน เ้าทำให้แขกคนสำคัญของจวนสกุลมู่ของข้าได้รับความตื่นตระหนก เ้าต้องขอขมาต่อแม่นางเฟิง!”
หลินห่ายเฟิงแทบจะอาเจียนเป็เื!
บรรดาเ้าหน้าที่ถูกโจมตีจนล้มลุกคลุกคลานเมื่อสักครู่ค่อยๆ คลานขึ้นมาจากพื้น เฟิ่งเฉี่ยนยังคงลงมืออย่างยั้งไมตรี หากถึงขั้นมีคนตายขึ้นมาย่อมไม่ส่งผลดีต่อนาง!
ได้ยินคำพูดของมู่ชิงเซียวแล้วเ้าหน้าที่แต่ละคนล้วนมีสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทน!
คุณชายมู่หนอคุณชายมู่ ท่านจะปกป้องคนของตนเองก็ไม่ใช่ทำเยี่ยงนี้! ฟ้าดินเป็พยานคนที่มีดวงตาล้วนมองออกว่าคนที่ถูกทุบตีล้วนเป็พวกเขาทั้งสิ้น!
ถูกทุบตีแล้วยังต้องเป็ฝ่ายขอขมาหรือ นี่มันเหตุผลอันใดกัน
ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ เ้าของเื่ยังยืนโบกไม้โบกมืออยู่ที่นั่นอย่างสบายใจเฉิบ ทั้งยังพูดอย่างใจกว้างอีกว่า “ช่างเถิด ข้าไม่ใช่คนใจคอคับแคบอะไร เื่ขอขมานั้นไม่จำเป็!”
ดวงตาของมู่ชิงเซียวเต็มไปด้วยความยินดี “แม่นางเฟิงช่างเป็คนใจกว้างและมีเมตตาจริงๆ ชิงเซียวเลื่อมใส”
ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง หลินห่ายเฟิงและเ้าหน้าที่เ่าั้ล้วนมีโทสะจนตัวสั่นเทิ้ม!
หลินห่ายเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมสติอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตนเมื่อเก็บกระบี่เข้าไปในฝัก เขาหันไปประสานมือเป็หมัดและกล่าวกับมู่ชิงเซียว “คุณชายมู่ ข้าผู้แซ่หลินได้รับแจ้งข่าวว่ามีคนขโมยวัตถุดิบเทพของวังหลวงและซ่อนตัวอยู่ในสกุลมู่ คนผู้นี้ก็คือแม่นางเฟิงท่านนี้!”
ที่จริงแล้วเขาตั้งใจฉวยโอกาสที่คนในสกุลมู่ยังมาไม่ถึงจับกุมตัวคนไปอย่างรวดเร็ว ใครเลยจะรู้ว่าต้องมาพบกับตอขนาดใหญ่
แต่เวลานี้คนสกุลมู่มาแล้ว เช่นนั้นย่อมต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เสียใหม่