ลุงของเธอยังไม่หน้ามืดตามัว!
สิ่งที่คังเหว่ยคาดการณ์ไว้นั้นร้ายแรงเกินไป แน่นอนว่าหากรอให้ลุงเธอตกหลุมกับดักของหลิวเทียนเฉวียนไปแล้วค่อยฉุดรั้งเขาขึ้นมาภายหลังก็คงสายเกินไป
แม้ผู้ชายจะฉลาดแค่ไหน แต่เวลาถูกผู้หญิงหลอกลวงก็เหมือนถูกทำของใส่ ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น เซี่ยเสี่ยวหลานใช่ว่าไม่เชื่อมั่นในตัวลุง เพียงแต่เธอระแวงสังคมที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายแห่งนี้ต่างหาก
หากปล่อยให้ลุงของเธอได้รับบทเรียนจากสังคมเอาเอง สิ่งที่ต้องแลกนั้นมันมากมายเกินไป ทั้งยังต้องสูญเสียครอบครัวแสนสุข ต่อให้หาเงินได้มากแค่ไหนแล้วยังจะมีประโยชน์อะไรเล่า เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดว่าป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยจะเป็ผู้หญิงที่ยอมกัดฟันทนปล่อยให้สามีตัวเองไปมีผู้หญิงอื่นนอกบ้านได้ หลี่เฟิ่งเหมยเคยหย่าร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง จะหย่าอีกครั้งก็คงไม่ใช่เื่แปลก
ถึงตอนนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานไปหาหลิวเทียนเฉวียนแล้วยังจะมีประโยชน์อะไรอีก หลิวเทียนเฉวียนไม่มีทางรับผิดชอบต่อครอบครัวที่แหลกสลายของลุงเธอได้ ขึ้นชื่อว่าเป็บททดสอบนิสัยคน ผลลัพธ์ที่ได้มักออกมาไม่ดีนัก หากสามารถตัดไฟั้แ่ต้นลมได้ก็ไม่ควรที่จะใจอ่อน
หลิวหย่งรู้สึกว่าตนไม่มีค่าพอให้หลิวเทียนเฉวียนวางแผนร้าย เซี่ยเสี่ยวหลานกลับอดขำไม่ได้ “ลุงคะ ลุงดูถูกตัวเองเกินไปแล้ว ลุงคิดว่าเด็กนั่งดริงก์คนนั้นรักษาระยะห่างกับลุงใช่หรือเปล่า นั่นเรียกว่ากลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับต่างหาก”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยใช้วิธีการเช่นนี้ แต่เธอเคยได้ยินมาก่อน
หญิงสาวเ้ามารยา เสแสร้งหลอกหลวงในโลกอนาคต ก็มักใช้วิธีแสร้งปล่อยเพื่อจับในการยั่วยวนผู้ชายเช่นกัน เริ่มจากการเรียกผู้ชายว่า ‘พี่ชาย’ ทุกวันเรียกพี่ชายไม่ขาดปาก ราวกับไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวมอบให้ ก็แค่ชีวิตที่ผ่านมานั้นลำบากเกินไป จึง้าผู้ชายสักคนคอยช่วยเหลือเป็ครั้งคราวเท่านั้น จนกระทั่งภรรยาของฝ่ายชายรับรู้และโวยวายใหญ่โต ผู้ชายก็ได้แต่คิดด้วยความฉงนใจ นั่นเป็แค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความรักเชิงชู้สาวให้กัน ควรค่าให้ทะเลาะเสียตรงไหน!
เขาจะคิดแค่ว่าผู้หญิงที่บ้านไม่เชื่อใจเขา คิดว่าเธอกำลังงี่เง่า ทว่าน้องสาวนอกบ้านกลับทำสีหน้าไร้เดียงสาคอยปลอบโยน ในขณะที่คนหนึ่งเอาแต่หาเื่ทะเลาะ อีกคนกลับให้ความเข้าอกเข้าใจ ปลอบใจกันไปมาหลายครั้งเข้า จากเดิมที่ไม่ได้คิดอะไร ความรู้สึกก็เริ่มพัฒนากลายเป็ความสัมพันธ์อันดี
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดอย่างอ้อมค้อม หลิวหย่งกลับทำตาโตพูดไม่ออก
“ลุงจะไม่เชื่อใจป้าสะใภ้หลานเพราะเด็กนั่งดริงก์คนหนึ่งได้อย่างไรกัน”
สมองของเขาคงฝ่อไปแล้วกระมังถ้าทำแบบนั้น
แม้เสี่ยวโหรวจะน่าสงสารก็จริง แต่เขาไม่ได้เป็คนบังคับให้เธอมาเป็เด็กนั่งดริงก์เสียหน่อย ช้าก่อน ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเสี่ยวโหรวน่าสงสารเล่า? หลิวหย่งเกาศีรษะ ถึงจะคอยระวังตัวสักเท่าไร แต่สุดท้ายก็โดนเกลี้ยกล่อมเข้าจนได้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ทำไมเขาถึงไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด จนเกือบพลาดท่าถูกพวกคนที่ห้องเต้นรำจูงจมูกเสียแล้ว!
หลิวหย่งเพิ่งรู้ตัว หลังฟังการวิเคราะห์ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ร่างกายของเขาก็ชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นะเื
ั้แ่เสี่ยวโหรวปรากฏตัว แม้เขาจะไม่ชอบเธอสักเท่าไร แต่เมื่อเทียบกับเด็กนั่งดริงก์คนอื่นๆ ก็ไม่นับว่ารังเกียจ ยิ่งเสี่ยวโหรววางตัวดี หลิวหย่งก็ยิ่งอยากให้เกียรติเด็กนั่งดริงก์คนนี้มากขึ้น ครั้งแรกที่เจอกันเขา ‘เมามาย’ ทว่าความจริงแล้วเขามีสติเต็มร้อย แต่ก็ไม่เห็นเสี่ยวโหรวจะทำตัวล้ำเส้นกับตนเอง หลิวหย่งจึงจดจำเธอได้ขึ้นใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานวิเคราะห์ว่า นี่คือแผนการของหลิวเทียนเฉวียนที่สร้างขึ้นโดยอิงจากลักษณะนิสัยของหลิวหย่งโดยเฉพาะ
รวมถึงคำนินทาของเด็กนั่งดริงก์คนอื่นๆ ที่เขาได้ยินในห้องน้ำ
คู่หมายจากบ้านเกิดของเสี่ยวโหรวที่บุกมาหาเื่ถึงที่ในวันนี้ก็เช่นกัน
หลิวหย่งรู้สึกอับอายขายหน้าเหลือเกิน “นึกไม่ถึงเลยว่าระวังตัวถึงเพียงนี้สุดท้ายก็ติดกับคนพวกนั้นเข้าจนได้ อีกอย่างเด็กนั่งดริงก์คนนั้นก็เป็คนจากมณฑลอวี้หนานเหมือนกัน ลุงได้ยินสำเนียงท้องถิ่นเวลาเธอพูด... ดูท่าเื่นี้คงไม่ใช่เื่บังเอิญสินะ”
ตอนนี้เมื่อหลุดพ้นจากการถูกใช้ศีลธรรมมาบีบบังคับ สมองของหลิวหย่งก็กลับมามีสติอีกครั้ง
ถ้าเสี่ยวโหรวเป็คนจากอวี้หนาน คู่หมายที่บ้านเกิดก็ต้องเป็คนอวี้หนานเช่นกันไม่ใช่หรือ
บ้านจนเลยต้องมาเป็เด็กนั่งดริงก์ แล้วคู่หมายคนนี้ไปเอาเงินมาจากไหนถึงได้พาพรรคพวกเจ็ดแปดคนมาเอาเื่ถึงเผิงเฉิง? การเดินทางย่อมมีค่าใช้จ่าย ค่าตั๋วรถไฟจากอวี้หนานมาหยางเฉิงก็ตกคนละยี่สิบกว่าหยวน เมื่อมาเจ็ดแปดคนรวมๆ แล้วอย่างไรก็ต้องเสียค่ารถไฟถึงสองร้อยกว่าหยวน
ยกพวกมาเช่นนี้ต้องใช้เงินหลายร้อยหยวน!
อีกทั้งการเดินทางจากหยางเฉิงมาที่เผิงเฉิงต้องผ่าน ‘ด่านตรวจ’ หากไม่ได้ทำเื่ขออนุญาตคงต้องลักลอบเข้ามาน่ะสิ พอคิดถึงรายละเอียดพวกนี้แล้วเขายิ่งรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย หลิวหย่งยิ้มเจื่อน “ลุงนึกว่าตัวเองฉลาดเสียอีก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นลุงของตนคิดได้แล้วจึงหยุดไล่บี้ต่อ
“โครงการที่หลิวเทียนเฉวียนชวนลุงไปร่วมทุนด้วย คงไม่ใช่เซียงมี่หูหรอกใช่ไหม”
หลิวหย่งพยักหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าความเป็มาของโครงการพัฒนาเซียงมี่หูให้หลิวหย่งฟัง มันคือโครงการสำคัญของรัฐบาลเมืองเผิงเฉิง ทั้งยังบอกอีกว่ากว่าหลิวเทียนเฉวียนจะได้เค้กก้อนนี้มาย่อมไม่ง่าย เช่นนั้นเขาจะยอมแบ่งเค้กให้หลิวหย่งโดยเปล่าจริงหรือ
ตอนนี้หลิวหย่งไม่เชื่อใจหลิวเทียนเฉวียนอีกต่อไป เขารู้สึกเครียดยิ่งกว่าถูกเมียตามจับชู้รักเสียอีก “...ลุงเซ็นสัญญากับหลิวเทียนเฉวียนไปเสียแล้ว”
เซ็นสัญญาแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเื่นี้สำคัญกว่าเื่เด็กนั่งดริงก์กว่ามากโข
“อ่านสัญญาก่อนดีกว่า ว่าจะหาช่องโหว่ได้หรือเปล่า”
ปัจจุบันยังไม่มี ‘กฎหมายร่างสัญญา’ อย่างเป็ทางการ หรือต่อให้มีกฎหมายร่างสัญญาแล้ว เวลาเซ็นสัญญายังเต็มไปด้วยเงื่อนไขที่ต้องระมัดระวัง นับประสาอะไรกับปี 1984 ที่มีการวางหลุมพรางในเงื่อนไขสัญญากันเต็มไปหมดเช่นนี้กัน
เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมใจไว้แล้วว่า ครั้งนี้ลุงเธออาจจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่
ตอนนี้พอคิดดูแล้ว เงินกู้จากผู้จัดการอู่เกรงว่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดีน่ะสิ
สองลุงหลานพูดคุยกัน คนอื่นบนรถต่างพากันปิดปากเงียบ แต่พอฟังเซี่ยเสี่ยวหลานพูดถึงตรงนี้ พานซานก็กล่าวขึ้นมาว่า “ถ้าเถ้าแก่ฮ่องกงกล้าใช้สัญญาต้มตุ๋นคนอื่น ฉันจะให้เขาคายเงินออกมาจากทางอื่นเอง”
“พี่พานซาน ขอบคุณนะคะ... แต่เื่นี้ทางที่ดีควรจัดการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เวลาไม่ปกติค่อยใช้วิธีการไม่ปกติ พวกเราทำสิ่งที่ถูกต้องจะได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย”
พานซานย่อมมีวิธีทำให้หลิวเทียนเฉวียนยอมคายเงินออกมาอย่างแน่นอน
คนอย่างหลิวเทียนเฉวียนย่อมกลัวตายเป็ที่สุด ที่นี่คือเผิงเฉิง ต่อให้อีกฝ่ายมีแก๊งมาเฟียฮ่องกงคอยหนุนหลังอยู่ ก็ไม่สามารถทำอะไรที่เผิงเฉิงได้
ทว่าพานซานนั้นไม่เหมือนกัน
ต่อให้พานซานลักพาตัวหลิวเทียนเฉวียนมาเพื่อเรียกค่าไถ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่รู้สึกแปลกใจ
แต่จะจัดการด้วยวิธีการนั้นไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากให้พานซานเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เื่ธุรกิจก็ควรใช้วิธีการทางธุรกิจแก้ไขปัญหา นี่คือหลักการทำงานของเซี่ยเสี่ยวหลาน ในจุดนี้เธอเห็นตรงกันกับโจวเฉิง ตอนต่อกรกับฝานเจิ้นชวน ถึงแม้โจวเฉิงจะช่วยรวบรวมหลักฐานการกระทำที่ผิดกฎหมายของฝานเจิ้นชวนอย่างลับๆ ทว่าสุดท้ายเขาก็มอบมันให้ทางการเป็ฝ่ายจับกุมตัวฝานเจิ้นชวน
การทำเช่นนี้อาจจะไม่สะใจเท่าไร แต่ช่วยลดเื่ยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตลงได้
หลิวหย่งรู้สึกร้อนใจ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงปลอบเขา “ขอแค่ลุงปลอดภัยดีก็พอแล้ว ป้าสะใภ้กับเทาเทา รวมถึงแม่ของฉันก็มาด้วย ลุงอย่าทำอะไรให้พวกเธอผิดสังเกต ไม่อย่างนั้นเื่ที่ลุงไปห้องเต้นรำ ฉันคงช่วยปิดไว้ไม่ได้!”
คังเหว่ยกำลังขับรถ เขาอยากหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงกลั้นเอาไว้จนหน้าแดงก่ำ
หลิวหย่งเริ่มตีโพยตีพาย
“เก่อเจี้ยน ทำไมถึงไม่ตีฉันจนสลบแล้วหามออกมาเล่า?”
หา?
ทำไมถึงกลายเป็ความผิดของเขาไปได้
เก่อเจี้ยนผู้ซื่อสัตย์ถูกเ้านายทำเอาตะลึงงัน เขารู้ว่าตนต้องหามตัวพี่หย่งตอนเมากลับบ้าน แต่ตอนไม่เมาเขาก็ต้องทำด้วยหรือ?
—---------------------------------------------
“เสี่ยวหลานมาเผิงเฉิงอย่างนั้นหรือ?”
ทังหงเอินเพิ่งประชุมเสร็จก็ได้ยินข่าวจากเสี่ยวหวังทันที
“เธออยากทานข้าวกับท่านสักมื้อครับ ผมว่าดูเหมือนเธอจะเจอเื่เดือดร้อนเข้าให้แล้ว”
นี่มันเื่อะไรกัน เพิ่งมาถึงเผิงเฉิงก็เจอเื่เดือดร้อน หรือเป็เพราะเื่เดือดร้อนที่ว่าจึงได้ตัดสินใจเดินทางมาที่เผิงเฉิง
ทังหงเอินพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็นัดมาคืนนี้เลยแล้วกัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้