“คำโบราณกล่าวว่าประสบการณ์คือแหล่งแห่งปัญญา” เหอตังกุยกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “หากมิใช่เพราะบทเรียนจากน้องสี่ ข้าจะคิดค้นวิธีทุเลาอาการคันจนได้รับคำชมเชยจากหมออูว่าวิธีเหล่านี้สามารถ “สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น” ได้อย่างไร ท่านป้าจิ่วกูดูหยางมามาสิ” เหอตังกุยชี้หยางมามาที่กำลังถูแขน ขาและหัวกับผนังเหมือนตุ๊กแกก่อนพูดเบา ๆ “ซื่อต่วนจินของข้าเลียนแบบการเคลื่อนไหวของแมลงสี่ชนิด นอกจากจิ้งหรีด ผึ้งและผีเสื้อ ก็ยังมีแมงมุมที่หยางมามากำลังแสดง การเลียนท่าทางเช่นนี้ใกล้เคียงชีวิตธรรมชาติไม่มีที่สิ้นสุด อาการคันจะแพร่กระจายไปยังธรรมชาติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการทุเลา”
ที่แท้ก็ไม่ใช่คางคกแต่เป็จิ้งหรีดหรือ? จิ่วกูคิดในใจก่อนเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม “พวกเขาต้องะโถึงสองสามวันหรือไม่? ร่างกายท่านพี่จะทนไหวหรือ”
เหอตังกุ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ซื่อต่วนจินของข้าเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวสามอย่างและการหยุดนิ่ง หากพวกเขาเมื่อยจากการะโหรือบินก็เพียงถูกำแพงเหมือนแมงมุมช้า ๆ ก็เท่ากับพักแล้วเ้าค่ะ” ขณะนี้เหล่าไท่ไท่และหมออูกำลังหากำแพงและเริ่มถู เหอตังกุยส่ายหัวพลางะโ “ท่านยาย ท่าทางของท่านไม่ถูกต้อง เท้าควรชิดกำแพง หน้าผากก็ต้องชิดกำแพงเช่นกัน ท่านหมออู ท่านควรถูชิดกำแพงมากกว่านี้ อย่าให้มีช่องว่างเ้าค่ะ”
หมออูได้ยินก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณหนูสาม ฮัดชิ่ว ข้ามีโรคประจำตัวเกี่ยวกับข้อต่อกระดูก กำแพงนี้เย็นเกินไป ข้าขอไปถูกับฉากบังลมผ้าไหมได้หรือไม่? อา...ฮัดชิ่ว”
เหอตังกุยอธิบายอย่างละเอียด “แม้ข้าจะไม่เคยถูฉากบังลม แต่ทุกอย่างสามารถปรับใช้ได้ ท่านหมอลองถูฉากบังลมดูก็ได้เ้าค่ะ” กล่าวจบ เหล่าไท่ไท่และหยางมามาที่รู้สึกว่ากำแพงเย็นเกินไปจึงอยากถูฉากบังลมบ้าง ทว่าฉากบังลมที่อยู่ใกล้ที่สุดกลับถูกหมออูจับจองเสียแล้ว ด้วยฉากบังลมนั้นมีพื้นที่น้อยจึงไม่พอสำหรับสองคน...เหล่าไท่ไท่และหยางมามามองหน้ากัน ก่อนหยางมามาจะยอมหันไปถูกำแพงอีกครั้งอย่างจนใจ มอบฉากบังลมอีกด้านให้แก่เหล่าไท่ไท่
เหอตังกุยอธิบายให้จิ่วกูฟังต่ออย่างละเอียด “อันที่จริงขณะข้าถูกำแพงจะเพิ่มการเคลื่อนไหวเข้าไปด้วย แต่พวกเขาทั้งสามอายุมากแล้วจึงทำได้เพียงถูไปข้าง ๆ เท่านั้น เช่นนี้ก็สามารถทุเลาอาการคันได้เช่นกัน ท่านป้าจิ่วกูหาวิธีหยุดเรอได้หรือยังเ้าคะ? ท่านยายคงทนไม่ไหวแล้ว”
จิ่วกูพยักหน้าพลางเอ่ย “คุณหนูสามช่วยเพิ่มไฟในเตาให้ข้าที ข้าจะแบ่งให้พวกเขาดื่มเพื่อหยุดอาการเรอ” กล่าวจบก็มอบเม็ดยาให้ทั้งสามก่อนสั่งให้อมไว้ในปาก
เหล่าไท่ไท่ถูฉากบังลมพลางเอ่ยถามทั้งน้ำตา “จิ่วกู ยาเม็ดนี้ทำจากอะไร ทั้งขมทั้งเผ็ด ทั้งคาวทั้งเหม็น กินยากจริง ๆ ”
จิ่วกูลังเลครู่หนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่...อย่ารู้ดีกว่า ข้าพยายามทำให้มันสะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว”
หยางมามาถูกำแพงพลางะโ “เหล่าไท่ไท่ บ่าวเคยบอกท่านแล้วว่าอย่าตามใจคุณหนูสี่ ท่านก็ไม่ฟัง ตอนนี้ท่านถึงได้ซวยไปด้วย หากไม่ส่งนางไปวัดสุ่ยซัง วันหน้าอาจเกิดหายนะร้ายแรงกว่านี้ ท่านดูตอนนี้สิ ต่อไปจะมีใครในจวนสามารถรักษาปีศาจตัวน้อยเช่นคุณหนูสี่ได้ ฮัดชิ่ว”
เหล่าไท่ไท่โขกศีรษะกระแทกฉากบังลม ก่อนเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “สะใภ้รองสอนลูกสาวได้ดีจริง ๆ หากไม่ส่งนางไปขัดเกลานิสัยที่วัดสุ่ยซังเสียตอนนี้ นางอาจก่อเื่อีกก็เป็ได้”
ขณะเหอตังกุยเพิ่มไฟในเตา จิ่วกูก็วางหม้อดินเผาบนเตาก่อนเปิดฝาออกแล้วหันมองเหล่าไท่ไท่และคนอื่น ๆ พลางเอ่ย “นี่คือซุปสมุนไพรซวนเฉ่าที่ข้าทำเพื่อทุเลาอาการหาว เมื่อน้ำเดือดจะมีกลิ่นลอยสู่อากาศ กลิ่นนี้ช่วยบรรเทาอาการหาวได้ ข้าและคุณหนูสามไม่ได้รับพิษจึงไม่ควรสูดดมกลิ่นมากเกินไป มิเช่นนั้นพวกเราจะตื่นเต้นกว่าปกติจนนอนไม่หลับ เช่นนี้ดีหรือไม่ พวกข้าจะรอที่หน้าประตูห้องปีกข้าง หากท่านพี่้าสิ่งใดค่อยเรียกพวกข้า”
เมื่อเหล่าไท่ไท่ตกลง จิ่วกูก็ลากเหอตังกุยถอยไปที่ห้องปีกข้างก่อนปิดม่านเพื่อดับกลิ่นสมุนไพรซวนเฉ่า พลันยกเก้าอี้ตัวเล็กเข้ามาสองตัว ผ้าขนหนูเปียกอีกสองผืน ยื่นให้เหอตังกุยผืนหนึ่ง ทั้งสองนั่งข้างม่านคนละฝั่งโดยมีผ้าขนหนูเปียกปิดจมูกและปาก
ทันใดนั้นเสียงเหล่าไท่ไท่ก็ดังขึ้น “เสี่ยวอี้ สภาพแวดล้อมและอาหารการกินที่วัดสุ่ยซังเป็อย่างไรบ้าง ความสามารถของแม่ชีที่นั่นเป็อย่างไร? ข้าจำที่เ้าเคยบอกได้ว่าที่นั่นมีนักโทษถูกทางการจับคดีลักลอบทำยาต้องห้ามใช่หรือไม่?”
เหอตังกุยเอ่ยตอบจริงจังพลางกดจุดอิ๋งเซียงด้วยผ้า “สภาพแวดล้อมและทิวทัศน์ที่นั่นดีมากเ้าค่ะ ยามเช้าดอกไม้ป่าจะบานสะพรั่ง ยามเย็นนกที่เหนื่อยล้าจะกลับรัง อากาศสดชื่นมิใช่น้อย เหมาะแก่การบ่มเพาะจิตใจและขัดเกลานิสัย อาหารการกินไม่ดีเท่าที่จวนแน่นอน แต่การทานมังสวิรัติทำให้มีจิตใจแจ่มใส ส่งผลดีต่อการเรียนและการเขียนหนังสืออย่างยิ่ง ข้าอยู่ที่นั่นเป็เวลาครึ่งเดือนยังไม่เคยบ่นเื่อาหาร (เพราะข้าไม่เคยได้กิน) อีกทั้งความสามารถของแม่ชีในวัด...”
“ตึง” ทันใดนั้นก็มีเสียงฉากบังลมล้ม ไม่นานเสียงของหยางมามาก็ดังตามมา “พวกเ้าไม่ต้องเข้ามา เหล่าไท่ไท่ผลักฉากบังลมล้มลงเท่านั้น ไม่มีใครได้รับาเ็ หมออูหลบได้ทันเวลา” จากนั้นเหล่าไท่ไท่ก็เอ่ยต่อ “เสี่ยวอี้พูดต่อเถอะ ข้าฟังอยู่”
เหอตังกุยเกาศีรษะพลางเอ่ย “สำหรับความสามารถของแม่ชีเ่าั้ ในฐานะเด็กอายุสิบขวบจึงไม่สามารถตัดสินความสามารถของพวกนางได้ ข้าไม่มีประสบการณ์ ทั้งยังไม่รู้หนังสือ แต่เคยได้ยินว่าเกือบทุกคนที่อาศัยใกล้เมืองตู้เอ๋อร์ล้วนรู้จักแม่ชีไท่ซั่น (ผู้ปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้) นางมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนัก ด้านแม่ชีไท่เฉินผู้ทำผงอู่สือซั่นนั้น ได้ยินว่านางถูกจับไปเมืองหลวง ตอนนี้วัดได้รับการจัดระเบียบเรียบร้อยแล้ว คงเงียบสงบไม่น้อย ท่านยาย้าส่งน้องสี่ไปวัดสุ่ยซังทันทีหรือไม่? ก่อนหน้านี้ข้านัดพูดคุยกับพี่ใหญ่ พี่รองและน้องสี่เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวใหม่ใน่นี้ ความจริงแล้วพวกข้าก็สนใจของดีที่น้องสี่ซ่อนไว้...”
“ไม่ได้ นัดอันใดกัน พวกเ้ายังวางแผนสังสรรค์กันอีกหรือ ฮัดชิ่ว” เหล่าไท่ไท่ะโด้วยความเดือดดาล “พวกเ้าห้ามพูดคุยกับนางก่อนนิสัยของนางจะได้รับการขัดเกลา ฮึ เสี่ยวอี้ เ้าไม่จำเป็ต้องอ้อนวอนเพื่อนาง ข้าจะส่งนางไปทันที มิเช่นนั้นนางจะทำให้คุณหนูคนอื่นในครอบครัวนิสัยเสียตามไปด้วย จิ่วกู รีบไปตามผานจิ่งหยางกับก่วงหังเดี๋ยวนี้” เมื่อจิ่วกูได้ยินก็ลุกออกไปทันที
โอ้? สี่องครักษ์ตระกูลหลัวจะตามไปด้วยหรือ? เหอตังกุยเลิกคิ้วพลันคิดในใจ มีคนยุ่งวุ่นวายมากมายเช่นนี้ หากซุนเหม่ยเหนียงรู้เข้า เกรงว่าต้องคัดค้านเป็แน่ หลังจิ่วกูจากไป เหอตังกุยก็เอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยความลังเล “ท่านยาย รอให้อาการคันของน้องสี่หายก่อนดีหรือไม่? หากระหว่างเดินทางนางเกาไม่หยุด จะไม่เพียงทำให้การเดินทางล่าช้าเท่านั้น แต่หากมีใครเห็นจะเป็การทำลายชื่อเสียงของนางนะเ้าคะ...”
“รอไม่ได้แล้ว” เหล่าไท่ไท่เอ่ยขัดจังหวะอย่างจริงจัง “ข้าตัดสินใจแล้วไม่คืนคำ เสี่ยวอี้ เ้าต้องปิดปากให้แน่น ห้ามแพร่งพรายเื่นี้แม้แต่ประโยคเดียว โดยเฉพาะกับพี่รองและป้าสะใภ้ของเ้า”
เหอตังกุยร้องด้วยความใ “ท่านยายจะส่งน้องสี่ไปโดยไม่ให้ท่านป้าสะใภ้รู้หรือเ้าคะ? ไม่เหมาะสมกระมังเ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่จามสองครั้ง ก่อนบ่นว่าเม็ดยาในปากมีรสชาติแปลกแย่เกินไป บ้างก็บ่นว่ารสชาติเปรี้ยวเกินไป ท้ายที่สุดก็บ่นว่าการออกท่าซื่อต่วนจินนั้นเหนื่อยเกินไป หยางมามาปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เหล่าไท่ไท่จึงยอมสงบ ทันใดนั้นเสียงของเหล่าไท่ไท่ก็ดังผ่านม่านอีกครั้ง “เหล่าอู ถึงอย่างไรเ้าก็มิใช่คนนอก ดังนั้นเื่นี้ข้าจะจัดการต่อหน้าเ้า นอกเหนือจากข้ากับหงเจียง ก็มีเ้า เสี่ยวอี้ จิ่วกู ผานจิ่งหยางและก่วงหังที่รู้ว่าคุณหนูเส่าจะถูกส่งไปวัดสุ่ยซัง ข้าจะจัดการอีกสามคนที่เหลือภายหลัง แต่ตอนนี้พวกเ้าทุกคนต้องสาบานว่าจะไม่บอกความลับนี้กับใคร”
“ความลับหรือเ้าคะ?” เหอตังกุยเอ่ยผ่านม่านกั้นด้วยความประหลาดใจ “น้องสี่หายไปทั้งคน ป้าสะใภ้รองจะไม่ร้อนใจจนพลิกตระกูลหลัวตามหาหรือ จะเก็บเป็ความลับได้อย่างไรเ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อวานหงเจียงแนะนำวิธีดี ๆ ให้ข้าแล้ว เดิมทีข้าไม่อยากส่งเสียวเส่าไปวัดสุ่ยซัง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะนิสัยแย่เพียงนี้ ยากแก้ไขให้ดีได้ หงเจียงพูดถูก ครั้งนี้ข้าต้องลงโทษนางให้หนักและเื่นี้ต้องเป็ความลับ จะให้พ่อแม่ของนางรู้ไม่ได้ หากพวกเขารู้ก็จะไปวัดบ่อย ๆ ด้วยความรักที่มีต่อลูกสาว คอยส่งอาหาร เสื้อผ้าและของเล่นให้นาง หากเสียวเส่าบอกว่าชีวิตในวัดลำบากเกินไปและนางเบื่อที่นั่นเต็มที พวกเขาต้องพานางกลับบ้านทันทีเป็แน่ ความตั้งใจดีของพวกเราก็จะไร้ประโยชน์! ข้าก็เคยอาศัยในวัดซานชิงระยะหนึ่ง ข้ารู้ว่ามันเป็สถานที่ที่สามารถขัดเกลานิสัยคนได้ดีที่สุด เหมาะกับเด็กที่หลงผิดเช่นนางยิ่งนัก”
เหล่าไท่ไท่เอ่ยต่ออย่างหนักแน่น “พวกเ้ารับปากข้าก่อนว่าจะไม่แพร่งพรายเื่นี้ เหล่าอู สัญญากับข้า”
ไม่รู้ว่าเป็เพราะฝึกซื่อต่วนจินหรือไม่ น้ำเสียงของหมออูจึงฟังดูหอบเหนื่อยรุนแรง เขาพลันพูดเสียงดัง “ฮู้...ข้าหมออูขอสัญญาว่า…จะไม่บอกเื่คุณหนูสี่ไปวัดสุ่ยซังกับใคร ฮู้...ไม่เช่นนั้นข้าจะจับผ้าเช็ดหน้าพิษอีกครั้ง ฮัดชิ่ว”
เหอตังกุยเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงลังเล “ข้าก็สัญญาว่า...อืม หากข้านำเื่น้องสี่ไปบอกใคร ขอให้ข้า...กลับไปอยู่ในเรือนซีคั่วที่ถูกเผาเพราะมีหนูอาละวาดอีกครั้ง”
“ไอยา...เหล่าไท่ไท่เ้าคะ” เสียงของหยางมามาดังขึ้น “เรือนของคุณหนูสามถูกเผาแล้ว พวกเรายังไม่ได้จัดที่อยู่ใหม่ให้นางเลยเ้าค่ะ”
เหล่าไท่ไท่เอ่ยต่อหลังเงียบไปครู่หนึ่ง “ให้เสี่ยวอี้อาศัยที่เรือนเถาเหยาของเสียวเส่า ต่อไปเมื่อนางกลับมาพร้อมนิสัยที่ขัดเกลาแล้ว ค่อยให้แม่นางเลือกเรือนใหม่ให้”
เหอตังกุยใทันที “เรือนเถาเหยาหรือเ้าคะ? เรือนนั้นเป็สถานที่เหมาะแก่การขับบทกวีที่สุดในจวนตระกูลหลัว มีพื้นที่ป่าดอกท้อมากถึงสามสิบหมู่ ที่นั่นจะเป็ที่อยู่ของข้าหรือ? ข้าจะเรือนคุณหนูสี่อย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร? หากป้าสะใภ้รองรู้เข้า นางจะไม่... ” เมื่อนางพูดคำนี้ เสียงของนางก็เบาลงแล้วค่อย ๆ เงียบไป เหล่าไท่ไท่และคนอื่นในห้องปีกข้างแทบจะจินตนาการถึงท่าทางขี้อายของคุณหนูสามได้เลยทีเดียว
“เสี่ยวอี้ เ้าไม่ต้องกลัว แม้ป้าสะใภ้รองจะเป็คนตรงไปตรงมา แต่นางก็ใจดีกับเ้าเสมือนลูกสาวของนาง” เสียงปลอบใจของเหล่าไท่ไท่ดังผ่านม่านกั้น “ข้าได้ยินจากบ่าวรับใช้ในเรือนเถาเหยาที่หงเจียงจับได้ว่านอกจากยาเตียวซานเย่าและยาที่ทำให้พูดไม่ได้แล้ว คุณหนูเส่ายังมียาพิษหลายชนิด บางส่วนถูกฝังลึกใต้พื้นดิน ฮึ ครั้งนี้ข้าต้องทำลายยาพวกนั้นให้หมด ฮัดชิ่ว แต่หากพวกเราค้นสิ่งอัปมงคลเ่าั้อย่างเปิดเผยชื่อเสียงของน้องสาวเ้าอาจเสียหายได้ พวกเราเป็ตระกูลใหญ่ คนยิ่งมาก เื่ก็ยิ่งวุ่นวาย ดังนั้นเ้าก็ย้ายเข้าเรือนเถาเหยาก่อน ข้าจะอ้างว่าปรับปรุงสวนและตกแต่งเรือนของเ้าใหม่ เพื่อให้คนไปขุดยาพิษเ่าั้...หากป้าสะใภ้รองของเ้าสร้างปัญหา ข้าจะด่านางแทนเ้าเอง ดีหรือไม่?”
เฮอะ ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ เหอตังกุยอดยิ้มไม่ได้ ‘ไม่มีเื่ดี ๆ ใดในโลกที่ได้มาโดยไม่ต้องตอบแทน เรือนเถาเหยาเป็เรือนที่ดีที่สุดในจวนตระกูลหลัว ปีนั้นซุนเหม่ยเหนียงเปลืองแรงไม่น้อยเพื่อช่วยให้เรือนนี้ตกอยู่ในมือของลูกสาว เหล่าไท่ไท่จะมอบเรือนของหลานสาวให้ข้าเปล่า ๆ ได้อย่างไร? สำหรับป่าดอกท้อหลังเรือนนั้น ข้าสามารถไปฝึกฝนวรยุทธ์ที่นั่นได้ การบอกซุนเหม่ยเหนียงล่วงหน้าก็ไม่ใช่เื่เลวร้ายอะไร...’ ดังนั้นเหอตังกุยจึงตอบเสียงเบา “แล้วแต่ท่านยายจะจัดการเ้าค่ะ ข้ามิกล้าคัดค้าน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าจากด้านนอก จิ่วกูเดินนำผานจิ่งหยางและก่วงหังเข้ามา ก่อนเดินไปใกล้ม่านพลางเอ่ย “ท่านพี่ เหล่าองครักษ์มาแล้ว พวกเขามีเื่จะรายงานท่านด้วยเ้าค่ะ” ขณะเดียวกันเหอตังกุยก็ยกเก้าอี้ตัวเล็กถอยไปด้านข้างเพื่อหลีกทาง
“ฮัด...ฮัดชิ่ว มีเื่อะไรอีก?” ยามนี้เหล่าไท่ไท่เริ่มแวดระแวงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำว่า “มีเื่รายงาน” หัวใจก็พลันเต้นเร็ว
ผานจิ่งหยางเอ่ยผ่านม่านกั้นด้วยรอยยิ้ม “เหล่าไท่ไท่มิต้องกังวล สองคุณชายเผิงแห่งตระกูลหลัวในเมืองหลวงมาที่นี่ ฮูหยินรองเพิ่งส่งพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องพักแขกหนานย่วน พวกเขามาที่เมืองหยางโจวเพื่อเข้าเรียนในสำนักศึกษาเฉิงซวี่ จึงต้องอาศัยอยู่ที่นี่อีกนาน ฮูหยินรองจึงอยากถามท่านว่าควรจัดเรือนใดให้พวกเขาพักจึงจะเหมาะสม แต่นางไม่กล้ามาที่นี่เพราะกลัวจะรบกวนท่าน เมื่อได้ยินว่าพวกข้าจะมาที่นี่จึงฝากถามขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้