เยี่ยนฟางหวาชี้นิ้วเรียวไปยังจุดที่แว่วเสียงแ่เบาเมื่อสักครู่ ตรงนั้นมีดอกไม้ไม่รู้จักชื่อกำลังบานสะพรั่งท้าลมอยู่จริงๆ
อ่อนช้อยงดงาม เผชิญลมหนาวฝนเย็นได้รับความทรมาน แต่ยังฝืนเบ่งบาน ใครพบก็ต้องหลงรัก
คล้ายเหลียงอินในยามนั้น
“งามมากเ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่เด็ดมาให้เจาเจาได้หรือไม่เ้าคะ?”
เยี่ยนเจาเจารู้ว่าเมื่อเลี้ยวพ้นพุ่มดอกไม้นั้นไป จะพบเหลียงอินคุกเข่าอยู่ที่นั่น บางทีเขาคงกำลังรอคนโง่งมไปช่วยถึงที่ เหมือนเหล่าคุณชายน้อยในวังหลังของท่านป้าที่ตั้งหน้าตั้งตารอเ้าแผ่นดินเสด็จมาร่วมบรรทม
ดังนั้นนางจึงยิ้มตาโค้งมน และเอ่ยคำพูดโดนใจเยี่ยนฟางหวาประโยคนั้นออกไป
“หากน้องสาวของข้าชอบ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่หวั่นเกรงภยันตรายอยู่แล้ว รอข้านำดอกไม้นั้นกลับมาแลกหนึ่งยิ้มงามของเ้านะ”
เยี่ยนฟางหวาลุกขึ้นพลางยิ้มหวานราวกับสนิทสนมคุ้นเคยกับเยี่ยนเจาเจาเป็อย่างดี
เยี่ยนเจาเจาพยักหน้าโดยไม่คัดค้าน
บางเวลาเยี่ยนฟางหวาก็ไม่ได้โง่ นางรู้ดีว่าจุดแข็งของตนเองอยู่ที่ไหนและรู้จักใช้มันให้เป็ประโยชน์
เช่นความหน้าหนา เยี่ยนเจาเจาเทียบนางไม่ติดเลย
พี่สาวน้องสาวเข้าขากันดีเช่นนี้ สีั์ตาหนานิเหอยิ่งเข้มขึ้นกว่าเดิม
เขาหลุบสายตามองไปยังแก้วชาของตนที่สะท้อนให้เห็นร่างเล็กข้างกาย แม้มือของนางกำลังถือถ้วยชา แต่ใจกลับไม่อยู่ตรงนี้
เยี่ยนฟางหวาหยัดกายขึ้น ขันทีตัวน้อยข้างกายพยายามกางร่มให้นางอย่างสุดความสามารถ แล้วทั้งสองคนก็หายไปท่ามกลางสายฝน
ซวงฝูจนปัญญา เขาไม่กล้าขัดความ้าของเยี่ยนเจาเจา จึงได้แต่แอบภาวนาขอให้ทั้งสองอย่าพบเจอกันเลย
เยี่ยนเจาเจานั่งนิ่งในศาลา สายตาทอดผ่านม่านสายฝนออกไปไกลราวกับกำลังมองจิตใจเ็าลึกเกินจะหยั่งผ่านหยาดฝน
หนานิเหอเห็นรอยยิ้มในดวงตาใสกระจ่างของเยี่ยนเจาเจา ทั้งยังแฝงไปด้วยการจดจ่อรอคอยอันซับซ้อนยากจะอธิบาย
แต่เื้ัรอยยิ้มนั้นกลับซ่อนความเศร้าและเยาะหยันเอาไว้ ในดวงตาของนางสั่นคลอนเหมือนผู้ที่ปลงกับชีวิต ไม่เหลืออะไรเลย
เขาทอดถอนใจ หลังครุ่นคิดบางอย่างก็หยิบถุงหอมสีขาวเรียบง่ายออกจากข้อมือมาซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อกว้าง แล้วยัดใส่มือเยี่ยนเจาเจาอย่างเงียบๆ
เยี่ยนเจาเจาเปิดถุงหอมออกก็พบว่าข้างในมีกระดาษจดใบเล็กอยู่แผ่นหนึ่ง บนกระดาษมีตัวอักษรไม่กี่คำ เจาเจาตัวจิ๋วใสซื่อกำลังหาวบนกระดาษ ดูมีชีวิตชีวา
เยี่ยนเจาเจาอมยิ้ม นึกขอบคุณความใจดีของหนานิเหอ
เขามักจะเอาใจใส่และละเอียดอ่อน เหมือนฟ้าฝนที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตอย่างเงียบงันเสมอ แต่เกรงว่าหนานิเหอคงไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกในใจนางได้
ใช่แล้ว การส่งเสริมเด็กชายที่เคยรักลึกซึ้งในชาติก่อนกับคนรักฝังใจของเขาให้อยู่ด้วยกันกับมือตนเอง แม้ตอนนี้จะหมดรักจนเกลียดเข้ากระดูกดำแล้ว กลับยังปล่อยวางได้ยากเย็นนัก
แต่ความรู้สึกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหลียงอินหรือเยี่ยนฟางหวา เป็เพียงความเห็นอกเห็นใจต่อเจาเจาผู้น่าสงสารในชาติก่อนที่พยายามไล่ตามความรักก็เท่านั้น
เยี่ยนเจาเจามองแผ่นหลังอรชรที่เดินสะโอดสะองเดินจากไปในสายฝน ไม่นานนักเสียงทักทายก็แว่วมาแ่เบา แล้วเสียงโต้ตอบเล็กๆ น้อยๆ จึงเริ่มขึ้นดังคาด
เหลียงอินกับเยี่ยนฟางหวาคล้ายคลึงกันอย่างยิ่งในบางแง่ เขาเองก็รู้เช่นกันว่าจุดแข็งของตนอยู่ที่ไหน คุยแค่คำสองคำก็สามารถดึงความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นให้คล้อยตามคำพูดของเขาได้
บางทีหายนะของเยี่ยนฟางหวาอาจเริ่มจาก่เวลานี้ จะว่าไปก็ไม่ต่างอะไรกับเยี่ยนเจาเจาในชาติที่แล้ว ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว
จู่ๆ เยี่ยนเจาเจาพลันรู้สึกตลกขึ้นมา
นางบอกลาแม่นางเจาเจาผู้ตกต่ำจมดินในชาติก่อนเป็ครั้งสุดท้าย และกลบฝังความรักไร้ค่าของนางนับแต่นี้เป็ต้นไป จากนั้นรอยยิ้มข้างมุมปากก็พลันสดใสขึ้นทันตาราวกับพันธนาการได้ถูกปลดออกแล้ว
หากการพบกันครั้งแรกอยู่ในแผนการที่วางไว้ดิบดี เยี่ยนเจาเจารู้สึกว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ฉุดรั้งตนเองก็หายไปเช่นกัน
เหลียงอินเอ๋ยเหลียงอิน ไม่รู้ว่าเยี่ยนฟางหวาจะสามารถเติมเต็มความหิวกระหายดุจหมาป่าของเขาได้หรือไม่ หากเขาละโมบไม่บันยะบันยังจนวันหน้าทำพลาดมาตกอยู่ในเงื้อมมือนาง ก็อย่าโทษว่านางไร้ปรานีก็แล้วกัน
เยี่ยนเจาเจาคิดไปหลายต่อหลายเื่ใน่เวลาเพียงพริบตา จากนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจตนเองปลอดโปร่งขึ้นทันที นางจึงเบี่ยงหน้าหันกลับมามองหนานิเหอที่คิ้วขมวดเล็กน้อย
“พี่ชายรอง ข้ามีสถานที่ดีๆ อยู่ ท่านอยากไปไหมเ้าคะ?”
เยี่ยนเจาเจากะพริบตาเบาๆ ดูงดงามอย่างยิ่ง
หนานิเหอไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงเปลี่ยนอารมณ์อย่างกะทันหันเช่นนี้ แต่พอจะเดาได้ว่าคงเกี่ยวข้องกับเด็กชายร่างซูบผอมที่คุกเข่าอยู่ตรงหัวมุมคนนั้น
ทว่านี่มิใช่เื่ที่เขาสนใจ เขาใส่ใจเพียงความความสุขของเจาเจาเท่านั้น ในเมื่อเจาเจาร่าเริงแล้ว คนผู้นั้นเป็ใคร คุยอะไรกับเยี่ยนฟางหวา หรือมาด้วยเหตุใด ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก
ดังนั้นเขาจึงส่งยิ้มบางและพยักหน้าตอบตกลง
เยี่ยนเจาเจาถอนหายใจอีกครา พี่ชายรองเป็พี่ชายที่น่ารักที่สุดในโลกจริงๆ
เมื่อนางหันไปออกคำสั่งห้ามเหล่าสาวใช้ตามมา จึงไม่มีใครกล้าตามไป ส่วนซวงฝูกล้าเพียงเรียกขันทีสองคนให้เดินตามห่างๆ
เมื่อไม่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลตามปรนนิบัติ หนานิเหอจึงเป็คนกางร่มให้เยี่ยนเจาเจาเอง
เขาเอียงร่มไปทางนางมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายตนกว่าครึ่งอยู่ภายใต้สายฝน
ทว่าเยี่ยนเจาเจาได้สังเกตเห็นการกระทำนี้ของเขามาั้แ่แรก ชาติก่อนเขาก็มักจะยอมนางด้วยความอ่อนโยนอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จาเช่นนี้
แต่เยี่ยนเจาเจาผู้ผ่านการใช้ชีวิตมาแล้วหนึ่งชาติกลับไม่คิดว่าการเงียบเป็นิสัยที่ดี จึงแสร้งตำหนิหนานิเหอให้กางร่มตรงๆ
ไฉนได้เขาเองก็ไม่ยอมเช่นกัน เขามองนางนิ่งๆ ด้วยสายตาที่สื่อความหมายชัดเจนว่าร่างกายของนางไม่สบายย่อมไม่อาจตากฝน
ฟ้าคงจะี้เีดูคนทั้งสองถกเถียงกัน ฝนจึงหยุดตกอย่างหาได้ยาก
เมื่อฝนไม่ตก เยี่ยนเจาเจาย่อมดีใจ
นางจูงมือหนานิเหอออกวิ่ง
เยี่ยนเจาเจาเล่นซ่อนหาในวังหลวงมาั้แ่เด็ก นางเดินจนชินแล้ว ครู่เดียวก็สลัดขันทีน้อยข้างหลังหลุดจึงหัวเราะคิกคัก
เจาเจาหันไปมองหนานิเหอข้างกายที่สูงกว่าตนอยู่หนึ่ง่ตัว การที่เด็กหนุ่มเดินตามนางอย่างสุภาพเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกดีมาก
“พี่ชายรอง เหตุใดท่านเชื่อฟังนัก ไม่กลัวข้าแอบพาท่านไปขายหรือ?”
เจาเจาน้อยจงใจทำท่านับเงิน
หนานิเหอชินกับการพูดจาชวนตกตะลึงของนาง ถึงขนาดเออออปลดถุงบรรจุเศษเงินข้างเอวตนไปวางลงบนฝ่ามือของเยี่ยนเจาเจาอีกด้วย ทว่าบนใบหน้าสูงส่งเปิดเผยกลับซ่อนความจนปัญญาไว้รางๆ
“พี่ชายรอง ท่านน่าเบื่อนัก”
เมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาที่ตนคาดการณ์ไว้ นางจึงทำแก้มพอง
ยามหนานิเหอมองเยี่ยนเจาเจา เขามักจะรู้สึกคันไม้คันมือตงิดๆ เสมอ
แต่ที่นี่คือวังหลวง...
หนานิเหอถอนหายใจ
เพียงแค่เขาเห็นใบหน้าด้านข้างที่กำลังแสร้งทำท่าผิดหวังของเยี่ยนเจาเจา และนึกถึงความเคารพเลื่อมใสจริงจังระหว่างนางกับฮองเฮา เขาก็ยิ้มพลางยื่นมือออกไปหยิกแก้มพองราวกับซาลาเปาของนางในที่สุด
ทว่าหนานิเหอมีนิสัยยับยั้งชั่งใจมาแต่เดิม เขาจึงหยิกเพียงตื้นๆ ก็ดึงมือออก
เยี่ยนเจาเจารู้สึกว่าพี่ชายรองผู้นี้ดูจะเคร่งครัดเป็พิเศษ ไม่รู้ว่าในใจคิดสิ่งใดอยู่ ั์ตาโตถึงได้ปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้นมา
แต่ก่อนหน้านี้นางพาเขาวิ่งมาอย่างใจลอย ส่วนหนานิเหอไม่เคยเข้าวังมาก่อนจึงไม่รู้เส้นทางคดเคี้ยวในวังหลวง พอเยี่ยนเจาเจารู้ตัวอีกทีก็พบว่าทั้งสองวิ่งมาถึงบริเวณลานรกร้างว่างเปล่าแล้ว
เยี่ยนเจาเจากำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง คาดไม่ถึงว่าหนานิเหอจะเอื้อมมือมาปิดปากนางเบาๆ ั์ตาดำที่เคยอ่อนละมุนแปรเปลี่ยนเป็คมปลาบขึ้น
เขารีบอุ้มเยี่ยนเจาเจาแล้วแฉลบตัวเข้าไปหลบในซอกหินระหว่างูเาจำลอง พลันเสียงครวญครางเลือนรางของสตรีก็ดังแว่วมาจากลานข้างนอก