บทที่ 63 บุกประตูเมือง
เมื่อมองดูฉู่อวิ๋นที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ผู้าุโสี่ก็ขมวดคิ้ว ปิดปากเงียบสนิท
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจยาวและพูดว่า "ซินเหยา...ท่านผู้นำรับนางไปในวันประลองเซี่ยหยางรอบชิงชนะเลิศ และส่งไปยังเมืองชุยเสวี่ยเพื่อดูตัว อีกหนึ่งเดือนนางจะต้องตัดสินใจหาคู่และแต่งงานกันในวันนั้น”
“ทำไมถึงทำเช่นนี้!!!” ฉู่อวิ๋นะโด้วยความโมโห เสียงดังก้องไปทั่วทั้งลานจัตุรัส เขากำกระบี่ชื่อยวนไว้แน่น
“ซินเหยาสิบเจ็ดหนาวแล้ว อีกไม่นานนางก็จะสิบแปด อยู่ในวัยแต่งงานพอดี ย่อมเป็เื่ปกติที่ท่านผู้นำจะพานางไปดูตัว อีกอย่าง ตัวเลือกเ้าบ่าวเ่าั้ล้วนเป็คนที่์สรรค์สร้าง! เมื่อเทียบกับกับเฟยเอ๋อร์แล้วคล้ายท้องฟ้ากับโคลนตม”
“บางคนถึงกับเข้าสู่ขั้นมหาสมุทรได้ั้แ่อายุยังน้อย พวกเขามีภูมิหลังที่ร่ำรวย พร้อมด้วยความมั่งคั่งมหาศาล สุ่มเลือกมาสักคนก็สามารถทำให้พี่สาวของเ้าสุขสบายได้ เ้ารอจนกว่านางจะเข้าพิธีแต่งงานไม่ได้หรือ?”
ผู้าุโสี่แสดงท่าทีจริงจังและใช้ความอดทนมาก เขาค่อยๆ อธิบายเหตุผลทีละอย่าง พยายามโน้มน้าวฉู่อวิ๋น
ในบรรดาผู้าุโทั้งหมด มีเพียงผู้าุโสี่เท่านั้นที่ใจเย็นที่สุด และไม่มีความเกลียดชังต่อฉู่อวิ๋นมากนัก
“พี่ซินเหยาไม่อยากแต่งงานด้วยซ้ำ แต่พวกเ้ากลับบังคับให้นางแต่งงานเช่นนั้นหรือ?! ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย! แต่กลับพูดจาได้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน!” ฉู่อวิ๋นตอบโต้อย่างรุนแรง เขารู้ว่าฉู่ซินเหยารังเกียจผู้ชายคนอื่นมาก แต่ก็ยังมีเขาเป็ข้อยกเว้น
ตอนนี้ฉู่เจิ้นหนานพาฉู่ซินเหยาไปดูตัว และยังบังคับให้นางแต่งงานในอีกหนึ่งเดือน นี่เป็การบังคับให้นางเดินไปสู่ทางตันชัดๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น ในหนึ่งเดือนนี่ก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว เหลือเวลาไม่มาก
ผู้าุโสี่ขมวดคิ้วและพูดว่า "ด้วยความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ของซินเหยา เื่แต่งงานย่อมเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้หาบ้านสามีดีๆ ให้นางได้เร็วที่สุดไม่ดีกว่าหรือ? อีกอย่าง พลังของตระกูลฉู่เชื้อสายไป๋หยางของเราก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ วันแล้ววันเล่า ไม่อาจเทียบได้กับตระกูลย่อยอีกหลายแห่งได้แล้ว”
“ตอนนี้ ท่านผู้นำคิดเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ด้วยการแต่งงานกับผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ และผู้หมั้นหมายกับซินเหยาให้เป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีแนวโน้มดีเยี่ยม พี่สาวของเ้าไม่เพียงแต่จะมีชีวิตที่ไร้กังวลเท่านั้น แต่ตระกูลของเรายังสามารถยกระดับกลับขึ้นมาได้ นี่คือสองเื่ที่ดีที่สุดแล้ว!”
“ไม่!” ฉู่อวิ๋นเบิกตากว้าง เหวี่ยงกระบี่ในแนวนอน วาดสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ออกมา และพูดด้วยแรงกดดันที่น่าตกตะลึง "พี่ซินเหยาจะไม่มีวันมีความสุขเลย! ท้ายที่สุดแล้ว พวกเ้ายอมเสียสละนางก็เพราะชื่อเสียงพวกนั้นมิใช่หรือ? หยุดแก้ตัวได้แล้ว!”
ในเวลานี้ ใบหน้าของผู้าุโสี่ก็มืดมนลงเช่นกัน เขาพูดอย่างเ็า “อย่าลืมสิ! เ้าเองก็เป็คนของตระกูลฉู่ด้วย! มันเป็ความรับผิดชอบและหน้าที่ของเ้า ในการหาทางเสริมสร้างอำนาจให้ตระกูล!"
“น่าขันยิ่งนัก! ทุกวันนี้ข้ายืนหยัดต่อสู้โดยพึ่งพาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น! และไม่เคยคิดจะเอาชีวิตรอดด้วยการทรยศต่อตระกูล!”
"อย่างไรเสีย ข้าก็จะหยุดการดูตัวไร้สาระนี้อย่างแน่นอน!"
“ถ้า... ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ซินเหยา ข้าฉู่อวิ๋นขอสาบานต่อ์ ข้าจะกวาดล้างตระกูลหลักของพวกเ้าให้หมดสิ้น! ไม่ตายไม่รามือ!!!”
ฉู่อวิ๋นะโด้วยเสียงทุ้มลึกและจ้องมองไปยังทุกคนที่อยู่ในลาน ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็ออกเดินทางจากลานตะวันตกโดยเร็วที่สุด และมุ่งหน้าตรงไปยังประตูทางใต้ของเมืองไป๋หยาง
“เฮ้อ...ดูเหมือนว่าเื่นี้จะหาทางสงบไม่ได้แล้ว ช่างเป็เคราะห์ร้าย...ช่างเป็เคราะห์ร้ายเสียจริง!” ผู้าุโสี่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าของเขาดูแก่กว่าวัยลงไปหลายส่วน
ในเวลาเดียวกัน ผู้าุโสามก็มองไปยังร่างที่เดินกลับไปของฉู่อวิ๋น ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง ร่างกายชุ่มเหงื่อไม่น้อย
“ไม่! เราไม่อาจปล่อยให้เ้าเด็กสารเลวคนนี้ถืออาวุธนั้นได้อีกต่อไป ถ้าคนตระกูลอื่นได้รับไป มันจะอันตรายต่อพวกเรา! ฉู่ฉิง รีบไปที่จวนเ้าเมืองโดยเร็วแล้วเตือนมู่หรงเจี๋ยให้เฝ้าประตูเมืองให้ดี เ้าสารเลวฉู่อวิ๋นคนนี้จะก่อฏแล้ว!” ผู้าุโสามสั่งนักรบประจำตระกูล
“ขอรับ! ข้าน้อยรับคำสั่ง!” นักรบชื่อฉู่ฉิงพยักหน้าและรีบหันหลังจากไป
“เดี๋ยวก่อน!” ผู้าุโสี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรั้งฉู่ฉิงไว้แล้วเอ่ยว่า “อย่าลืมเตือนมู่หรงเจี๋ย หากเขาปล่อยให้ฉู่อวิ๋นหนีไปได้ เราจะแจ้งให้สายหลักของตระกูลทราบและเขาจะถูกลงโทษ! ไปซะ เร็วเข้า!"
ในเมืองไป๋หยาง ถนนสายต่างๆ ตัดผ่านกันไปมา แลดูครึกครึ้นมีชีวิตชีวา
ทันใดนั้น ผู้คนก็มองเห็นภาพติดตาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับนกบินผ่าน แวบวับไปในอากาศ ทำให้พวกเขาใมาก
นักรบตาแหลมคมบางคนจำตัวตนของภาพติดตานั้นได้ พวกเขาเองก็ประหลาดใจและเริ่มพูดคุยกัน
“เอ๊ะ นั่นมันผู้ชนะการประลองเซี่ยหยาง ฉู่อวิ๋นไม่ใช่หรือ? เขาไม่เป็ไรแล้ว? ทำไมถึงดูรีบร้อนเหมือนจะกลับชาติไปเกิดอย่างไรอย่างนั้น?”
“เขาอยู่ที่ระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้น แต่ความเร็วในตอนนี้ของเขาน่าจะเทียบได้กับนักรบระดับแปดแล้วใช่หรือไม่?”
ทุกคนอุทาน พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลังจากผ่านไปสองสามวัน ความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
"แต่ก-แต่ก-แต่ก-"
ฉู่อวิ๋นออกแรงวิ่งอย่างรวดเร็ว เขากังวลมาก ้าออกไปจากที่นี่ ไปที่เมืองชุยเสวี่ยเพื่อช่วยฉู่ซินเหยาโดยเร็วที่สุด
ทิวทัศน์ทั้งสองด้านถอยกลับอย่างรวดเร็ว เขาข้ามผ่านตลาดที่คึกคัก ผ่านฝูงชนที่ชุลมุนวุ่นวาย และในที่สุด ฉู่อวิ๋นก็มาถึงประตูทางใต้ของเมืองไป๋หยาง
เมื่อมองเข้าไปใกล้ประตูเมืองก็พบว่ามีทหารคุ้มกันแ่า มีทหารสองกลุ่มสวมหมวกเกราะยืนอยู่ทางซ้ายและขวาของประตูเมือง ฝั่งละสามคน ทหารเหล่านี้เป็นักรบิญญาระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณทั้งสิ้น
ทุกคนมีพลังปราณสูงและทรงพลัง ไม่ง่ายที่จะต่อกรด้วย
“ปกติแล้วจะมีทหารเพียงสามหรือสี่นายที่เฝ้าประตูเมือง แต่ตอนนี้มีมากเป็เท่าตัว ไม่คิดว่าเ้าเมืองมู่หรงจะระวังตัวขนาดนี้” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรับลมหายใจเพื่อฟื้นคืนความแข็งแกร่ง พลางคิดหากลยุทธ์ในการหลบหนี
เห็นได้ชัดว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฉู่อวิ๋นก่อปัญหา มู่หรงเจี๋ยจึงเสริมการป้องกันประตูเมือง
“นักรบหกคนในระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ข้าในตอนนี้จะจัดการพวกเขาได้หรือไม่นะ?” ฉู่อวิ๋นกัดฟัน แลดูเคร่งขรึม
แม้ว่าตอนนี้เขาจะทะลวงไปถึงระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว การฝึกฝนเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่นักรบหกคนในระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณนั้น เทียบได้กับฉู่เฟยหกคน ทั้งทหารเหล่านี้ยังได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี สามารถร่วมมือกันต่อสู้ได้ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาไม่อาจดูเบา
“แต่ข้าไม่มีทางเลือก! ข้าต้องไปที่เมืองชุยเสวี่ย ต้องไปให้ได้! ตอนนี้ทำได้แค่สู้แล้ว!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง เขากำกระบี่ชื่อยวนด้วยิญญายุทธ์ที่ท่วมท้นในใจ!
"ควั่บ!"
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว กระบี่ชื่อยวนฉายแสงเย็นวาบเข้าโจมตีทหารคุ้มกัน เขา้าเริ่มก่อนโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว
เพียงชั่วพริบตา ปราณกระบี่แสงดาวนับไม่ถ้วนะเิออกมาจากอากาศด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์!
“ชิ้ง——”
ประกายทมิฬสองคลื่นฟาดออกไปราวกับเสือดุร้าย สามารถปรามทหารได้สองนาย พวกเขาได้รับาเ็ เืสีแดงสดกระเซ็นเปรอะเปื้อน และสูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้ทันที
“ใครอยู่ที่นั่น?! กล้าดีอย่างไรถึงบุกรุกประตูเมือง?”
“เป็ฉู่อวิ๋น! ทุกคน จับเขาเร็วเข้า!”
ทหารที่เหลืออีกสี่นายมีประสบการณ์ไม่น้อย เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นมาถึง ก็ปล่อยแสงกระบี่ออกมา พวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว หยิบหอกออกมาสู้กลับ
“ซิ่ว ซิ่ว ซิ่ว——”
หอกเหล็กสี่อันพุ่งขึ้นไปในอากาศ ราวกับงูยาวสี่ตัวที่บิดร่างพุ่งขึ้นไป พลังปราณเจาะผ่านสายรุ้งอย่างดุร้ายและแหลมคม และโจมตีฉู่อวิ๋นหลายครั้งติดต่อกัน
นี่คือทักษะการยิงหอกแบบประสาน ฉู่อวิ๋นเห็นแสงหอกทั่วร่างกายของพวกเขา เงาเย็นๆ สั่นไหวอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าตนเองถูกห่อหุ้มด้วยหอกแท่งหนา และถูกขวางไว้อยู่ครู่หนึ่ง
“สมกับที่เป็นักรบสี่คนในระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ! น่าเสียดายที่ในแง่ของพลังยุทธ์ กลยุทธ์ของพวกเ้าไม่ดีเท่าข้า!”
ฉู่อวิ๋นะโด้วยเสียงทุ้มและเหวี่ยงกระบี่ชื่อยวนอย่างต่อเนื่อง ปราณกระบี่แสงดาวสามสิบหกมรรคาก่อตัวเป็ม่านกระบี่ ส่องสว่างด้วยแสงอันแวววาว
“ดวงดาราแปรผัน!”
“ปัง ปัง ปัง——”
มองเห็นหอกสี่อันพุ่งผ่านอากาศมาพร้อมๆ กัน หลังจากโจมตีม่านกระบี่ดาวตกแล้ว พลังของหอกก็หยุดนิ่งและสูญเสียแรงส่งอันดุเดือดไปโดยสิ้นเชิง
“อ๊ะ! ตาข่ายหอกของพวกเราถูกทำลายแล้วหรือ?”
“กระบวนท่ากระบี่ของชายคนนี้ค่อนข้างประหลาด แยกกันโจมตี!”
ต้องบอกว่า แม้ว่าเหล่าทหารจะประหลาดใจกับการป้องกันของดวงดาราแปรผัน แต่พวกเขาก็ไม่ลังเลและตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ในการบุกโจมตีทีละคนเพื่อฆ่าฉู่อวิ๋น
แต่ฉู่อวิ๋นรู้ดีถึงความตั้งใจของพวกเขา เขาเหวี่ยงกระบี่โจมตีหอกเ่าั้ทันที
“พวกเ้าหมดโอกาสแล้ว!”
มองเห็นฉู่อวิ๋นกวัดแกว่งกระบี่ของเขา กระบี่ชื่อยวนคล้ายัแดงแกว่งหาง ปัดกวาดไปทั่วพื้นโลก ปัดหอกที่หยุดนิ่งรอบตัวเขาออกเป็ชิ้นๆ ทำลายทุกสิ่งโดยไร้อุปสรรคใดๆ ในทันที
เหล่าทหารใอีกครั้ง หอกในมือเป็เพียงอาวุธมนุษย์ กระบี่ของฉู่อวิ๋นสามารถทำลายหอกเหล่านี้ได้ ระดับของมันย่อมไม่ต่ำอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องเป็อาวุธลึกลับ
“ดี! รีบผ่านไปแบบนี้เลย!” เมื่อเห็นว่าทหารทั้งสี่นายตกอยู่ในอาการงุนงง ฉู่อวิ๋นก็รีบวิ่งไปที่ประตูเมืองทันทีโดยไม่สู้รบใดๆ อีก
ตราบใดที่เขาก้าวผ่านประตูนี้และเดินออกจากขอบเขตอิทธิพลของมู่หรงเจี๋ยไปได้ แม้ว่าเขาจะมีหัตถ์ฟ้าตา์[1] ก็ยากที่จะตามฉู่อวิ๋นกลับมาได้
"แต่ก-แต่ก-แต่ก-"
มองเห็นประตูอยู่เพียงเอื้อมมือ ฉู่อวิ๋นกำลังจะรีบพุ่งออกไป
ตอนนี้เอง เงาขวานกระทบลงบนพื้นทันที ทำให้เกิดแสงจ้าอันน่าใที่หน้าประตูเมือง พื้นดินแตกเป็เสี่ยงๆ เกิดรอยขวานยาวสามสิบหมี่ ดูค่อนข้างน่ากลัว
การโจมตีครั้งนี้ ทำให้ฉู่อวิ๋นหยุดวิ่ง หากเมื่อครู่เขารีบพุ่งออกไป ร่างของเขาคงขาดเป็สองท่อน
“ใคร?!” ฉู่อวิ๋นหันกลับมา มองเห็นลุงคนหนึ่งถือขวานั์เดินเข้ามาขวางประตู
“นายน้อยฉู่ ล่วงเกินแล้ว! ข้าคือหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูทางใต้ มู่ไฉ ท่านเ้าเมืองสั่งห้ามไม่ให้ท่านก้าวออกจากเมืองไป๋หยาง หวังว่าท่านจะไม่ทำอะไรโง่ๆ! ผ่านประตูเมืองไปรังแต่จะตาย” ลุงผู้นี้ยกมือขึ้นประสานและพูดอย่างจริงจัง
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว วันนี้ อย่างไรข้าก็จะผ่านประตูนี้ไปให้ได้! ไม่มีใครหยุดข้าได้!” ฉู่อวิ๋นรีบวิ่งไปยังทิศทางของมู่ไฉ ลากกระบี่และยกขึ้นฟันอย่างรวดเร็ว!
“หืม?! นับว่าเป็เด็กที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง! ได้! เช่นนั้นก็รอข้ามู่ไฉปะทะกับท่านก่อน!” มู่ไฉะเิพลังปราณออกมาพร้อมกับเหวี่ยงขวานของเขาในแนวนอน เปล่งแสงสีทองวาบวับผ่านอากาศอย่างรวดเร็วไปทางฉู่อวิ๋น
“พลังนี้แข็งแกร่งมาก…นักรบระดับเก้าในขอบเขตควบแน่นพลังปราณ?” ฉู่อวิ๋นใเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ามู่ไฉจะอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
"แต่ตอนนี้ ข้าทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ถอยไม่ได้เด็ดขาด!"
“ดาราร่วงไร้รอย!!!”
ทันทีที่ฉู่อวิ๋นเคลื่อนไหว เขาก็ใช้ท่ากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อจัดการกับมัน! นี่เป็่เวลาสำคัญ ต้องแก้ไขมันโดยเร็ว!
"ควั่บ!"
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์อันแพรวพราวปรากฏขึ้นก่อนแล้วจึงเปล่งแสงออกมาด้วยพลังอันท่วมท้น!
ทันใดนั้น ลำแสงของขวานก็พังทลายลง สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์พุ่งชนมู่ไฉ ทำให้เขากระอักเืออกมาจากปากแล้วกระเด็นไปไกลกว่าห้าสิบก้าว
“แค่ก เจ็บ... เ้าเด็กคนนี้! เขาทำให้ข้าที่อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณล้มลงได้ด้วยการฟาดกระบี่เพียงครั้งเดียว? แย่แล้ว! ท่านเ้าเมืองประเมินความแข็งแกร่งของเขาต่ำไป!” มู่ไฉตกลงไปนอกประตูเมือง และจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นที่อยู่ในระยะไกลด้วยสายตาที่ตกตะลึง
เมื่อเห็นว่าสายรุ้งคงกระพัน ฉู่อวิ๋นเองก็สะดุ้งเช่นกัน ตอนนี้เขาเป็เพียงนักรบระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่กลับล้มนักรบระดับเก้าด้วยกระบวนท่าเดียว น่าใไม่น้อย
ทว่าความล่าช้าทำให้แผนพัง ฉู่อวิ๋นไม่คิดอะไรอีกและเริ่มออกตัวข้ามประตูเมืองโดยเร็วที่สุด
"ตูม!"
ทันใดนั้น ขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังรีบวิ่งออกจากประตูทางใต้ ไม้ขนาดใหญ่ก็ลอยมาจากอากาศ กระแทกพื้นจนะเิเป็คลื่นอากาศที่น่าสะพรึงกลัว ฉู่อวิ๋นหยุดฝีเท้ากะทันหันและถูกพัดกลับเข้าเมืองด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่งนี้
“ช่างเป็พลังที่น่ากลัวจริงๆ ให้ตายเถอะ!” ฉู่อวิ๋นพยายามหยัดกายยืนให้มั่นคง เขาโกรธมาก ฟันเขี้ยวขบกันแล้วเงยหน้าขึ้นมอง มองเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่อย่างวางตัวบนยอดกำแพงเมืองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คนที่กันเขาเอาไว้คือ มู่หรงเจี๋ย
----------
[1] คนที่เก่งเื่กลอุบายเป็พิเศษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้