“นางสำส่อนแกล้งทำตัวเป็บริสุทธิ์ฉันจะฉีกเสื้อให้ทุกคนเห็นร่างกายที่สกปรกของแกฉันละสงสัยว่าแกโดนมามากแค่ไหนและถ่างขาหมาๆของแกให้ผู้ชายน่ารังเกียจมาแล้วกี่คน”
เหตุการณ์กะทันหันนี้ทำให้หลินเป้ยเป้ยร้องด้วยความใผมของหวังอิ่งยุ่งเหยิงมุมปากของเธอก็มีคราบเืมันดูน่าสยดสยองอย่างมากเหมือนกับเห็นผีซาดาโกะกลางวันแสกๆ
สีหน้าของฉินเฟิงยังไม่เปลี่ยนเขาไม่รอให้เล็บของหวังอิ่งเข้ามาถึงหลินเป้ยเป้ยและถีบผู้หญิงหยาบคายกระเด็นไปที่ประตู“แม้แต่คนน่าเวทนาก็ยังมีสันดานน่ารังเกียจ คำพูดนี้ไม่ผิดเลย”
หลังจากถีบเธอฉินเฟิงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพึมพำกับตนเองเขาดึงหลินเป้ยเป้ยมาและให้เธอนั่งบนโซฟาข้างๆ
ครั้งนี้มีชายแต่งตัวดีไร้ที่ติเดินเข้ามาในร้านชาแนลเขามีบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาและดูมีความสามารถสีหน้าของเขาเผยความกังวลเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามาในร้าน สายตาของเขาก็เริ่มสอดส่องสถานที่
เมื่อเขาเห็นฉินเฟิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเขาก็รีบวิ่งไปหาทันที “นายน้อยฉินครับผมไม่คิดว่าคุณจะมาที่ลานจัตุรัสว่านเฉิงผมไม่ได้อำนวยความสะดวกอะไรให้เลย ผมหวังว่านายน้อยฉินจะยกโทษให้ผมนะครับ”
เห็นได้ว่าลูกค้าในร้านหลายคนไม่รู้จักเสี่ยวเฉิงแต่พวกเขาทุกคนจ้องไปที่เขาด้วยความใสุดขั้ว เนื่องจากเมื่อเขาเข้ามาในร้านเขาเห็นหวังอิ่งนอนอยู่ตรงประตูอย่างชัดเจนแต่เขาไม่สนใจและเดินข้ามผ่านเธอมา
เมื่อเข้ามาในร้านแล้วเขารีบมาเคารพต่อหน้าฉินเฟิงผู้คนที่ยืนดูก็เริ่มเดาสถานะของฉินเฟิง
“โอ้ ฉันจำได้แล้ว! ฉันก็สงสัยว่าทำไมหนุ่มคนนี้ดูคุ้นๆ จังเขาคือนายน้อยเ้าสำราญอันดับหนึ่งแห่งเมืองเว่ยเฉิง ฉินเฟิงนั่นเอง”ชายแก่วัยห้าสิบโพล่งออกมาทันที
เขาเพิ่งรู้เื่นี้ก็ตอนที่เขาได้ยินเสี่ยวเฉิงเรียกฉินเฟิงว่า‘นายน้อยฉิน’ ไม่มีใครคิดว่านายน้อยเ้าสำราญอันดับหนึ่งแห่งเมืองเว่ยเฉิงจะมาเดินเอ้อระเหยแถวลานจัตุรัสว่านเฉิงในยามว่างกล่าวได้ว่าพ่อของเขาได้พัฒนาทั้งถนนมันจึงไม่แปลกที่เขาจะเดินเล่นในบ้านตัวเอง
หลังจากชายแก่คนนี้โพล่งออกมาคนอีกสองสามคนก็ตระหนักถึงฉินเฟิงพวกเขาส่วนใหญ่เข้าร่วมงานเลี้ยงคนรวยและเคยเห็นฉินเฟิงมาก่อนพวกเขาไม่มีความประทับใจกับเขามากนักและตอนนี้ฉินเฟิงก็แต่งชุดลวกๆมันจึงไม่แปลกที่คนพวกนั้นจะไม่ตระหนักถึงฉินเฟิงในทันที
“นายน้อยฉินที่คุณพูด...คือนายน้อยฉินแห่งสี่คุณชายเมืองเว่ยเฉิงนั่นเหรอ?”
“นั่นล่ะเขาเลย เดี๋ยวสิ...ตอนแรกไอ้หมอนั่นมันบอกว่ามันสนิทกับสี่คุณชายเมืองเว่ยเฉิงนี่มันทำให้ตัวเองขายหน้าโดยไม่รู้ตัวแท้ๆ”
“ใช่แล้ว! เห็นได้ชัดเลยว่ามันตบหน้าตัวเอง!”
หลังจากค้นพบตัวจริงของฉินเฟิงคนเ่าั้ก็ตื่นเต้นถ้าคุณกำลังเดินตามถนนและเห็นลูกชายของคนที่รวยที่สุดในเมืองไม่สิในประเทศคุณก็จะพูดคุยเื่เขาด้วยเช่นกัน
ซุนเย่ยืนงงในฝูงชนเหมือนกับว่าโดนฟ้าผ่าใบหน้าของเขาเหมือนคนที่เพิ่งกินอุจจาระเข้าไปเขาส่ายหัวเหมือนกับชีวิตจะหาไม่และพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้าย เขาะโขึ้นทันที“เป็ไปไม่ได้ นั่นมันเป็ไปไม่ได้...ฉันรู้จักไอ้หมอนี่ มันเป็แค่พนักงานฝ่ายขายในหวงเจียกรุ๊ปไอ้พวกโง่ฉันบอกว่าฉันสนิทกับสี่คุณชายเมืองเว่ยเฉิงมากฉันจะไม่รู้จักนายน้อยฉินได้อย่างไร?”
มีคนในฝูงชนตอกหน้าเขาด้วยความเยาะเย้ยทันที“แกสิโคตรโง่ นายน้อยฉินจะเก็บประสบการณ์ในบริษัทของครอบครัวก็ธรรมดาอยู่แล้วหยุดทำตัวเองให้ดูโง่ได้แล้วนี่แกยังกล้าพูดว่ารู้จักนายน้อยฉินงั้นเหรอ? แกไม่รู้เหรอว่าถ้าอยากทำตัวอวดรู้อย่างน้อยก็รู้จักพยายามให้มันมากกว่านี้หน่อยน่ะฮะ?”
เสี่ยวเฉิงเห็นทุกคนถกเถียงกันว่าฉินเฟิงเป็นายน้อยฉินหรือไม่คนพวกนี้มันช่างน่ารำคาญจริงๆ เขาสะบัดป้ายชื่อและมองซุนเย่อย่างขี้เล่น“สวัสดีครับ ผมเป็หัวหน้าผู้จัดการสินทรัพย์ของลานจัตุรัสว่านเฉิง เฉิงเสียงนายน้อยฉินคือลูกค้า VIP ระดับไดมอนด์ของถนนการค้าแห่งนี้ร้านที่เขาเข้าจะไม่เปิดให้กับลูกค้าคนอื่นอีก กรุณาออกไปด้วยครับ”
ซุนเย่เห็นป้ายชื่อของเฉิงเสียงส่องประกายและรู้ว่าฐานะของเขาไม่ปลอมมีเพียงนายน้อยเ้าสำราญอันดับหนึ่งฉินเฟิงเท่านั้นที่จะได้รับความสนใจเป็การส่วนตัวโดยหัวหน้าผู้จัดการสินทรัพย์ของจัตุรัสว่านเฉิงและทุกร้านที่เขาเดินเข้าไปก็จะถูกปิดสำหรับสาธารณะ
ครั้งนี้มีบางอย่างติดที่คอของซุนเย่จนพูดไม่ออก
หลังจากที่รู้ตัวจริงของฉินเฟิงหวังอิ่งที่ยังนอนอยู่บนพื้นหน้าประตูร้านก็เต็มไปด้วยความเสียใจนี่เธอตาบอดไม่แม้แต่จะรู้จักนายน้อยฉินได้อย่างไร? ถ้าเธอรู้ตัวจริงของเขาั้แ่แรกล่ะก็เธอจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อยั่วยวนเขาแน่นอน
“เดี๋ยว!” ฉินเฟิงเรียกซุนเย่ก่อนที่เขาจะหนี
ตอนนี้ซุนเย่รู้ตัวจริงของฉินเฟิงแล้วเขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเมื่อเขาได้ยินฉินเฟิงเรียกเขา เขาจึงยืนอย่างเชื่อฟัง
เพียะ!
ฉินเฟิงเดินไปหาซุนเย่และตบเข้าที่ใบหน้า“ตบนี้สำหรับหลี่อวี่เฉิน”
ซุนเย่ไม่แม้แต่จะมีโอกาสตอบสนองแต่แล้วตบที่สองก็ลอยมา “ตบนี้สำหรับเป้ยเป้ย”
หลังจากตบไปสองฉาดฉินเฟิงก็จ้องซุนเย่อย่างเ็า “ตบสองดอกนี้บอกให้รู้ว่าผู้หญิงบางคนก็มีจำกัดสำหรับขยะอย่างแกก็เหมาะสมกับหวังอิ่งดีอยู่แล้วฉันขออวยพรให้พวกแกทั้งสองมีความสุขและอยู่กันจนแก่เฒ่าเป็ธุลี”
“ไปซะ!” ฉินเฟิงะเิขึ้นทันที ซุนเย่ใมากจนวิ่งหนีทิ้งหวังอิ่งที่อยู่บนพื้นหน้าประตูเขาไม่สนว่าเธอจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ก็ง่ายมากด้วยการปรากฏตัวของเฉิงเสียง ลูกค้าในร้านชาแนลก็ถูกเชิญออกไปอย่างรวดเร็วสุดท้ายแล้วเหลือแค่ฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยที่ยังเป็ลูกค้าอยู่ในร้านหรู
ผู้หญิงทุกคนฝันอยากเป็เ้าหญิงและหลินเป้ยเป้ยก็มีความฝันแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ครั้งนี้ฝันนี้ได้เป็จริง
หลินเป้ยเป้ยรู้สึกเหมือนเป็เ้าหญิงเ้าหญิงที่สวยและสง่างามที่ฉินเฟิงตามใจ
อารมณ์ทั้งหมดที่คุมขังในใจของเธอกระจัดกระจายหายไปเธอรู้ว่าที่ฉินเฟิงไม่โกรธก่อนหน้านี้เพราะว่าเขาเตรียมจะลงโทษซุนเย่และหวังอิ่งั้แ่แรกแล้วมันไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเธอและตบพวกนั้นก็มีผลมากกว่ากระทืบพวกเขาอย่างป่าเถื่อน
“ฉินเฟิง ขอบคุณนะ!” ขณะที่ใส่กี่เพ้าสวยงามหลินเป้ยเป้ยก็เขย่งและหอมแก้มฉินเฟิงทันที
ฉินเฟิงหัวเราะและลูบผมที่นุ่มดำสลวยของหลินเป้ยเป้ย“ทำไมต้องขอบคุณฉันด้วยล่ะ? เธอไม่ต้องสุภาพกับฉันหรอก...ตอนนี้ร้านชาแนลทั้งร้านเป็ของเธอแล้วเลือกอะไรตามใจชอบได้เลย”
ฉินเฟิงแตะปลายจมูกของหลินเป้ยเป้ยเบาๆหลินเป้ยเป้ยพยักหน้าอย่างเขินอายเธอเหมือนกับผีเสื้อน้อยร่าเริงที่เต้นระบำอย่างอิสระในร้านแพรวพราวของชาแนล
ก่อนหน้านี้ปกติหลินเป้ยเป้ยจะไปมหาวิทยาลัยกลับบ้านและทำงาน เธอไม่เคยมีเวลาเดินเล่นและเธอก็ไม่ได้สนุกกับการเดินเล่นด้วยแม้ว่าเธอจะเหมือนกับเด็กสาวคนอื่นๆ ที่ชอบเสื้อผ้าใหม่ๆ และชอบแต่งตัวแต่ฐานะชีวิตของเธอไม่ได้ดีเหมือนกับเด็กสาวคนอื่นๆ
เธอมีเสื้อผ้าเก่าๆเพียงไม่กี่ชิ้น ที่มหาวิทยาลัยเธอจะใส่ชุดยูนิฟอร์ม ขณะที่สาวมหา’ ลัยคนอื่นๆจะใส่เสื้อผ้าสวยๆ เพื่อแสดงความอ่อนวัยตอนนี้ในที่สุดเธอก็มีโอกาสเดินเล่นและซื้อของกับคนที่เธอชอบหลินเป้ยเป้ยจึงติดใจหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอก็ลองไปมากกว่า 10 ชุด ส้นสูง 5คู่ และกระเป๋าอีก 2 ใบ
ทุกครั้งที่ฉินเฟิงเห็นหลินเป้ยเป้ยเดินออกจากห้องลองชุดด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างหลายสไตล์สายตาของเขาก็เปล่งประกายเขาตระหนักว่าเด็กสาวคนนี้สวยั้แ่เกิดไม่ว่าเธอจะใส่อะไรมันก็เข้ากับเธอมากเหลือเกิน
“ฉินเฟิง ฉันว่าพอแล้วล่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว” หลินเป้ยเป้ยโผล่มาข้างๆฉินเฟิงและเอนตัวไปยังไหล่ของเขาโดยไม่ตั้งใจเธอไม่ได้เรียกฉินเฟิงว่านายน้อยฉินอีกต่อไปแล้วเพราะมันรู้สึกว่าไม่ใกล้ชิดพอ
ฉินเฟิงปาดหยดเหงื่อเล็กๆบนหน้าผากของหลินเป้ยเป้ยและยิ้ม“งั้นเก็บชุดพวกนี้ใส่ถุงให้หมดและเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปดินเนอร์”
หลินเป้ยเป้ยใมากจนนั่งตัวตรงจ้องฉินเฟิงอย่างไม่อยากเชื่อ“ฉินเฟิง ฉันแค่ลองมัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ เสื้อผ้า รองเท้ากระเป๋าทั้งหมดนี่ต้องจ่ายเท่าไร?”
หลินเป้ยเป้ยไม่กล้าคิดเพราะเธอมองราคาทุกชิ้นที่ลองไม่มีชิ้นไหนต่ำกว่าเลข 5 หลักสักชิ้น
ถ้าพวกเขาซื้อทั้งหมดมันคงจะจ่ายมากกว่าสองสามแสนแน่!
“เธอลองมันแล้ว ทำไมไม่ซื้อมันล่ะ? พวกมันดูเหมาะกับเธอจริงๆนะ” เป็ธรรมดาที่ฉินเฟิงเข้าใจความคิดของหลินเป้ยเป้ยและไม่ใส่ใจคำพูดของเธอเขาบอกพนักงานขายคนสวยให้นำทุกชุดที่หลินเป้ยเป้ยลองใส่ถุง
หลินเป้ยเป้ยกำลังจะปฏิเสธแต่หลังจากลังเลสักพักเธอก็ไม่ได้พูดอะไรหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวานชื่น
“เสี่ยวเฉิง ฉันลืมเอาบัตรมา ใส่ชื่อพ่อฉันไปก่อนแล้วกัน”ฉินเฟิงกล่าวขณะมองเสี่ยวเฉิง
“นายน้อยฉินครับ แน่นอนว่าผมไม่จำเป็ต้องให้คุณจ่ายหรอกครับถือว่านี่เป็เพียงแค่ของขวัญจากผมให้คุณหลิน เพราะมันเป็ครั้งแรกที่ผมเจอเธอ” เฉิงเสียงคิดว่ามันคุ้มมากที่จ่ายประมาณ500,000 หยวนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินเฟิง
ฉินเฟิงโบกมือ“ไม่จำเป็หรอกเป้ยเป้ยไม่ยอมรับของขวัญจากคนอื่นเธอแค่้าของขวัญจากฉันเท่านั้น”
“ก็ได้ครับ ต่อไปถ้านายน้อยฉินกับคุณหลินมีเวลา ผมจะเลี้ยงข้าวพวกคุณทั้งคู่เอง”
สองมือของฉินเฟิงเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งและหลินเป้ยเป้ยที่ควงแขนเขาทั้งสองเดินออกจากร้านชาแนล หลังจากออกมาแล้ว พวกเขาก็ไปกินอาหารตะวันตกและดูหนัง
หลินเป้ยเป้ยรู้สึกว่าวันนี้ผ่านไปเร็วผิดปกติมันเหมือนกับฝันหรือเป็ภาพลวงตา เธอยังเต็มไปด้วยความสุขและพระอาทิตย์ก็ค่อยๆตกดิน
“เป้ยเป้ยเราเดินมาทั้งวันแล้ว เธอต้องเหนื่อยแน่ๆ ฉันจะไปส่งเธอกลับเอง”ฉินเฟิงกล่าวขณะเงยหน้ามองดูฟ้าที่มืด
ริมฝีปากของหลินเป้ยเป้ยกระตุกแม้ว่าเธอจะไม่อยากแยกจากฉินเฟิงแต่เธอก็อยู่กับเขาทั้งวันแล้วและไม่สามารถขอให้เขาเดินกับเธอต่อได้แล้วถ้าเกิดฉินเฟิงรู้สึกรังเกียจเธอล่ะ?
ทั้งสองกลับสโมสรหวงเจียฉินเฟิงโยนถุงช้อปปิ้งในมือไว้บนพรมและถอนหายใจอย่างโล่งอกวันนี้เขาใส่เกราะับินหนัก 300 ชั่งถือถุงช้อปปิ้งเต็มสองมือและเดินกับหลินเป้ยเป้ยทั้งวัน เขาจึงเหนื่อยนิดหน่อย
ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงที่ใหญ่นุ่มเขารู้สึกสบายและผ่อนคลาย เมื่อเธอเห็นฉินเฟิงนอนบนเตียงที่เธอนอนมาก่อนใบหน้าของหลินเป้ยเป้ยก็แดง เธอไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนแต่เธอก็พาตัวของเธอแนบติดอยู่กับข้างกายของฉินเฟิง