ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเย่ชิงหานอาศัยกระแสพลังสีขาวมหัศจรรย์ที่อยู่ภายในแหวนทองเหลือง ตอนกลางวันออกล่ามารอสูรระดับหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง ตอนกลางคืนฝึกพลังปราณรบตลอดทั้งคืนเพื่อทะลวงจุดชีพจรโดยใช้วิธีที่บ้าระห่ำนั้น
หนึ่งเดือนของการฝึกฝนอย่างหนัก สามสิบคืนที่สุดแสนจะเ็ปทรมานจนหมดสติไปแทบทุกคืน แต่หลังจากที่หมดสติไปแหวนทองเหลืองก็จะเริ่มดำเนินการปกป้องผู้เป็เ้าของโดยอัตโนมัติ โดยปล่อยกระแสพลังสีขาวออกมารักษาจุดชีพจรและร่างกายส่วนที่าเ็ของเขา
หนึ่งเดือน สามสิบคืนแห่งการฝึกฝนอย่างหนัก สิ่งที่ได้รับเป็ที่น่ายินดี หรืออาจพูดได้ว่าเป็ที่น่าตกตะลึงอย่างน่ากลัว
ในเดือนนี้คุณสมบัติทางร่างกายของเย่ชิงหานพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจุดชีพจรพัฒนาขึ้นอย่างน่ากลัวที่สุด
ภายในเวลาเพียงเดือนเดียวเขาสามารถทะลวงจุดชีพจรได้ถึงหกแห่ง! ปัจจุบันจุดชีพจรทั้งเก้าแห่งเหลือเพียงแค่จุดเจว๋ม่ายเพียงครึ่งเดียวก็จะสามารถทำให้จุดชีพจรทั้งเก้าเชื่อมต่อกันได้สำเร็จ ทำให้พลังปราณรบไหลเวียนได้ทั่วทั้งเก้าจุดเพื่อเลื่อนขึ้นสู่ระดับขอบเขตยอดยุทธ์
เพียงเดือนเดียว ทะลวงจุดชีพจรได้ถึงหกแห่ง!
สถิติเช่นนี้ทั่วทั้งทวีปัเพลิงถือว่าเป็สถิติที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาก ผู้ที่จะสามารถทำได้เช่นนี้มีเพียงแค่ผู้ที่มีสิ่งอุดตันภายในจุดชีพจรน้อยมากๆ มาแต่กำเนิดเท่านั้น หรืออาจจะพูดว่าแทบจะไม่มีสิ่งอุดตันภายในจุดชีพจรเลยอย่างผู้ที่ถูกเรียกว่า "ผู้ที่มีพร์" ถึงจะทำได้
หากยังจดจำได้ เย่เตาบิดาของเย่ชิงหานที่มีพร์ที่ร้ายกาจ แต่เย่เตาทะลวงจุดชีพจรทั้งสิบสองแห่งทั่วร่างยังต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จุดชีพจรเล็กเก้าแห่ง จุดชีพจรหลักอีกสามแห่ง ทั้งสองอย่างอย่างละครึ่งก็ยังต้องใช้เวลาถึงสามเดือน
เย่ชิงหานจดจำได้อย่างแม่นยำว่าในบันทึกประวัติศาสตร์ของทวีปัเพลิง ผู้ที่ทะลวงจุดชีพจรเล็กทั้งเก้าแห่งได้ในระยะเวลาอันสั้นที่สุดคือเมื่อสามร้อยปีก่อน คนของตระกูลเฟิงผู้มีพร์ร้ายกาจเป็อันดับหนึ่ง ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนทะลวงจุดชีพจรเล็กได้ทั้งเก้าแห่ง ทำเอาผู้คนตื่นตระหนกใไปทั่วทั้งทวีป
แม้เย่ชิงหานหนึ่งเดือนจะทะลวงจุดชีพจรได้เพียงแค่หกแห่ง แต่ต้องเข้าใจว่าจุดชีพจรของเขานั่นแตกต่างจากจุดชีพจรของพวก "ผู้มีพร์" หรือ "เด็กอัจฉริยะ" เพราะจุดชีพจรของเย่ชิงหานนั้นเต็มไปด้วยสิ่งอุดตันมากมาย
ถ้าหาก...ถ้าหากว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเย่ชิงหานถูกตระกูลเย่รู้เข้าหรือประกาศออกไปให้ผู้คนในทวีปได้รับรู้ละก็ เขาต้องกลายเป็คนดังในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน
ความจริงก็เป็เช่นนั้น เฉพาะภายในเดือนนี้เย่ชิงหานพัฒนาขึ้นไปอย่างเป็ประวัติการณ์ แต่สิ่งที่แลกมากับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็คือความเ็ปทรมานของทุกๆ ครั้งที่มีความสำเร็จเกิดขึ้น จุดชีพจระเิแตกออกหมดสติเจียนตาย แล้วก็กลับมาฟื้นฟูดังเดิม แล้วะเิแตกออกอีก แล้วก็กลับมาฟื้นฟูวนซ้ำอยู่แบบนี้จนกว่าจะสำเร็จ
ในโลกนี้จะมีสักกี่คน โดยเฉพาะที่เป็เด็กหนุ่มอายุเพียงแค่สิบห้าปี สามารถมีจิตใจที่แน่วแน่ แข็งแกร่งทรหด เด็ดเดี่ยวและหนักแน่นต่อสู้อย่างถึงที่สุดถ้าไม่สำเร็จก็คือตาย มีจิตใจที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ เช่นนี้
เย่ชิงหานร่างกายแม้อายุเพิ่งจะสิบห้า แต่ตายแล้วเกิดใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นระดับของจิตใจรวมกันแล้วเท่ากับคนอายุสามสิบ ชาติที่แล้วเป็เด็กกำพร้าผ่านการลิ้มรสสุขทุกข์ในโลกมาหมดสิ้น ชีวิตนี้หลังจากบิดาตายจากไปได้รับการดูถูกเหยียดหยามนับไม่ถ้วน คืนฝนตกหน้าหอผู้าุโ สัตย์สาบานหน้าหลุมศพมารดา ถูกเสว่อู๋เหินซัดกระเด็นที่ถนนหนิวหลัน สายตาเ็าที่เต็มไปด้วยไอสังหารของลุงใหญ่ที่หอสัตว์อสูร...ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลล้วนปรากฏลอยเด่นอยู่ในหัวของเขาคอยย้ำเตือนอยู่ตลอดเวลา ต้องแข็งแกร่งขึ้น! ต้องกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ หากคิดจะฝืนลิขิตฟ้าเปลี่ยนแปลงโชคชะตา มีเพียงทางเดียวคือต้องกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น
อีกอย่างคือในโลกนี้จะมีใครที่มีแหวนทองเหลืองเหมือนกับวงที่อยู่บนนิ้วนางของเย่ชิงหาน? จะมีใครที่มีแหวนทองเหลืองที่สามารถปลดปล่อยกระแสพลังสีขาวที่มีคุณสมบัติในการรักษาเยียวยาที่มหัศจรรย์เช่นนั้น?
ทั้งหมดทั้งมวลมันได้สร้างให้เป็เย่ชิงหานในวันนี้ ผู้ที่มีระดับความเร็วในการฝึกฝนพลังยุทธ์ในระดับที่น่ากลัวเกิดขึ้นมา
แต่ว่า!
แม้ระดับความเร็วในการฝึกฝนของตนเองจะน่าตื่นตระหนกอยู่บ้างแต่ก็อยู่ในขอบเขตที่รับได้ แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นตระหนกใยิ่งกว่าคือพลังฝีมือและระดับความเร็วของสัตว์อสูรน้อยเสี่ยวเฮย
นับเวลาั้แ่ที่เรียกเสี่ยวเฮยออกมาจากหุบเขาสัตว์อสูรถึงตอนนี้ห่างกันเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เดือนก่อนเสี่ยวเฮยนอกจากกินก็คือนอน แต่หลังจากเข้ามายังเทือกเขารกร้างเวลาในการนอนของมันก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ตามที่ผู้าุโเทียนสิงแห่งหอสัตว์อสูรกล่าวไว้ สิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสัตว์อสูรกำลังจะข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอคือ เวลาที่มันใช้นอนจะลดน้อยลงเรื่อยๆ หากวันใดที่มันไม่นอนเลยเป็เวลาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน มีโอกาสมากที่มันได้เข้าสู่่ระยะเติบโตแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายของมันจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นอย่างชัดเจน
ทุกวันนี้เสี่ยวเฮยอย่างน้อยยังใช้เวลานอนหนึ่งในสามของเวลาทั้งหมด ร่างกายใหญ่ขึ้นจากเดิมเพียงแค่นิดเดียว จากเมื่อก่อนที่ขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ ตอนนี้มีขนาดเทียบเท่าหัวของเด็กทารก ส่วนอื่นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพิเศษใดๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน แสดงว่าเ้าอสูรน้อยยังคงอยู่ใน่ระยะอ่อนแอ
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้าุโเย่เทียนสิงกล่าวไว้อย่างชัดเจนคือ สัตว์อสูรที่อยู่ใน่ระยะอ่อนแอพลังในการต่อสู้คือศูนย์
แต่สิบกว่าวันก่อนเกิดการต่อสู้โดยบังเอิญขึ้น เสี่ยวเฮยกลับลงมือฆ่ามารอสูรระดับหนึ่งได้อย่างง่ายดาย หรืออาจเรียกได้ว่ามารอสูรระดับหนึ่งถูกเสี่ยวเฮยกัดเพียงครั้งเดียวก็จัดการได้แล้ว ราวกับระดับพลังอยู่กันคนละชั้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือระดับความเร็วของมัน เย่ชิงหานตอนนี้ที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตขั้นสูง เมื่อเทียบด้านความเร็วกับเสี่ยวเฮยแล้วกลับห่างชั้นกันอย่างลิบลับจนเทียบไม่ติด
พลังฝีมือของเสี่ยวเฮยที่เพิ่มสูงขึ้น ปริมาณอาหารที่มัน้าก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นเดียวกัน จากเดิมแรกเกิดที่้าแก่นผลึกมารอสูรเพียงห้าเม็ด จนถึงตอนนี้เพิ่มเป็สิบเม็ดต่อวันซึ่งเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว ดังนั้นแผนการต่างๆ ของเย่ชิงหานจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน
ในตอนกลางวันหนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรตระเวนออกล่าไปทั่วเขตรอบนอกของเทือกเขาเพื่อเสาะหาฝูงมารอสูรระดับหนึ่งโดยเฉพาะ จากนั้นกระโจนเข้าเข่นฆ่าอย่างไม่เกรงกลัว อาศัยกระแสพลังสีขาวจากแหวนทองเหลืองเย่ชิงหานไม่เกรงกลัวสิ่งใด ขอเพียงไม่ใช่แขนขาดขาขาดหรือถูกฆ่าตายในคราเดียว าเ็สาหัสเพียงใดกระแสพลังสีขาวก็สามารถรักษาให้หายกลับมาเหมือนเดิมได้
เสี่ยวเฮยยิ่งน่ากลัวยิ่งกว่า มันอาศัยระดับความเร็วที่น่ากลัวนั้น แม้แต่มารอสูรระดับหนึ่งจะััิัของมันก็ยังทำไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำให้มันได้รับาเ็ อีกทั้งมันยังมีเขี้ยวฟันที่แหลมคมอย่างน่ากลัว มารอสูรระดับหนึ่งระดับสองถูกมันกัดราวกับกัดเต้าหู้ กัดแต่ละทีทั้งเืทั้งเนื้อสาดกระเซ็น
เมื่อถึงเวลาค่ำเสี่ยวเฮยก็จะกลับเข้าไปยังมิติสัตว์อสูรเพื่อนอน ส่วนเย่ชิงหานก็จะเริ่มการฝึกฝนที่แสนเ็ปทรมานเป็ประจำคืนละครั้ง
.................................
ในตอนนี้เป็เวลาดึกสงัด บนต้นไม้ใหญ่ดึกดำบรรพ์ต้นหนึ่งเย่ชิงหานเริ่มการฝึกฝนที่แสนจะเ็ปทรมานอีกครั้ง
คืนนี้! เขาจะทะลวงจุดชีพจรทั้งเก้าที่มีสิ่งอุดตันเหลืออยู่ให้หมดไปในคราเดียว เขาจะทำให้จุดชีพจรทั้งเก้านี้เชื่อมโยงประสานกันให้ได้ ให้พลังปราณรบไหลเวียนไปมาทั่วทั้งเก้าแห่งเพื่อเลื่อนขึ้นสู่ระดับขอบเขตยอดยุทธ์
“ชิงหาน ลุงสามทำดีที่สุดแล้ว เป็เพราะลุงใหญ่และเย่หรงที่กดดันและคัดค้านอย่างแข็งขัน เหล่าผู้าุโก็อับจนปัญญา และมันก็ผิดกฎของตระกูลด้วย ที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือเ้าต้องตั้งใจฝึกฝนให้มาก ก่อนอายุสิบหกปีบรรลุถึงระดับขอบเขตยอดยุทธ์ให้ได้ หรือเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับหกขึ้นไปออกมา จากนั้นเข้าร่วมเป็ศิษย์สายในของตระกูล ถึงเวลานั้นลุงจะลองพูดเื่นี้กับฝ่ายหอผู้าุโอีกครั้ง อย่างนี้ถึงจะมีหวังทำความปรารถนาครั้งสุดท้ายของพี่สะใภ้รองให้สำเร็จได้...”
ภายในหัวของเย่ชิงหานปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ท่านลุงสามเย่เชียงพูดกับตนเองในคืนวันที่มารดาเสียชีวิต คืนที่ตนเองคุกเข่าอยู่หน้าประตูใหญ่หอผู้าุโ ภายในใจของเขาในตอนนี้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก ผ่านพ้นคืนนี้ไปเขาก็จะบรรลุถึงระดับขอบเขตยอดยุทธ์แล้ว! และตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุเพียงสิบห้าปีกว่าเท่านั้น หากอาศัยการช่วยเหลือจากแหวนทองเหลืองระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ก็ไม่ใช่อะไรที่ห่างไกลอีกต่อไป แถมตนเองยังมีเ้าอสูรน้อยเสี่ยวเฮยที่มีระดับคุณภาพที่สูงกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์เสียด้วยซ้ำ ครั้งนี้กลับไปยังตระกูลเข้าร่วมเป็ศิษย์สายในได้อย่างแน่นอน
“ท่านแม่ ลูกกำลังจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของท่านสำเร็จแล้ว ลูกไม่ได้ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง...ฮึ! เย่ชิงขวง เย่หรง เย่เจี้ยน เ้าพวกคนใหญ่คนโตทั้งหลาย คอยดูเถอะสักวันข้าจะต้องเหยียบย่ำพวกเ้าทั้งหมดให้มาอยู่ใต้ฝ่าเท้าข้าให้ได้...”
เย่ชิงหานปากแสยะยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย จากนั้นหลับตาลงเริ่มต้นการฝึกฝนที่เ็ปทรมานขึ้น
ที่ใดมีแสงที่นั่นย่อมมีความมืดมิด ที่ใดมีผู้คนที่นั่นย่อมมีสังคม และแน่นอนว่าที่ใดมีผลประโยชน์ที่นั่นย่อมมีคนที่ยอมทำเื่ที่คนไม่ชอบใจ
หลายวันมานี้เย่ชิงหานอารมณ์ค่อนข้างดี เพราะในคืนนั้นในที่สุดเขาก็ลบล้างคำว่าไอ้ขยะออกไปได้ เขาประสบผลสำเร็จในการทะลวงจุดชีพจรเส้นสุดท้าย - เจว๋ม่าย พลังฝีมือบรรลุถึงขั้นที่ผู้คนมากมายไม่สามารถก้าวข้ามได้...ระดับขอบเขตยอดยุทธ์
ระดับขอบเขตยอดยุทธ์สำหรับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายแล้วไม่ถือว่าเป็ระดับที่สูงแต่อย่างใด สำหรับตระกูลใหญ่ทั้งห้ายิ่งเป็ระดับที่ธรรมดาทั่วไปมากๆ แต่ว่าอายุสิบห้ามีพลังฝีมือระดับขอบเขตยอดยุทธ์ ไม่ว่าจะในตระกูลเย่หรือในทวีปัเพลิงถือว่าเป็ความสำเร็จที่ไม่เลว ดังนั้นตระกูลเย่จึงได้ตั้งเงื่อนไขในการรับศิษย์สายในว่าก่อนอายุสิบหกปีต้องบรรลุถึงระดับขอบเขตยอดยุทธ์ให้ได้
พลังปราณรบเปรียบเสมือนเหล้า ร่างกายเปรียบเสมือนภาชนะที่บรรจุเหล้า หากภาชนะเล็กเกินไปและไม่แข็งแรงอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพของเหล้าที่ใส่ลงไป แน่นอนว่า่เวลาในการสร้างภาชนะนั้นสำคัญ ดังนั้นจุดชีพจรระยะเริ่มต้นยิ่งทะลวงได้เร็วเพียงใดยิ่งดี มันเป็สิ่งที่สำคัญและถูกให้ความสำคัญเป็อย่างมาก
สิ่งที่เป็ปัญหามาตลอดสิบปีในที่สุดก็ได้ถูกขจัดออกไปด้วยการฝึกฝนอย่างเ็ปทรมานตลอดสามสิบคืน เย่ชิงหานตอนนี้รู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถเงยหน้าอ้าปากได้เสียที
ความลำบาก ความเหนื่อยล้า ความเ็ปและความทรมานทางจิตใจ สิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่หลายคนไม่อยากจะพบพาน สำหรับคนที่มีระดับจิตใจที่แข็งแกร่งทรหดและมีความคิดที่เติบโตเต็มที่ สิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ไม่นับว่าน่ากลัวแต่อย่างใด แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหลังจากที่ลำบาก เหนื่อยล้า เ็ปและทุกข์ทรมานแล้วไม่มีผลงานหรือความสำเร็จใดๆ ให้เห็นเลย การมีความฝันแล้วพยายามทำตามความฝันอย่างยากลำบากจนประสบผลสำเร็จ ถือเป็เื่ที่ปีติสุขอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดสำหรับเย่ชิงหานในตอนนี้ภายในใจรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เสี่ยวเฮยแม้จะตัวยังเล็กเหมือนเดิม แต่เมื่อใดที่มันะเิพลังความเร็วและเขี้ยวฟันที่แหลมคมออกมามันทำให้เย่ชิงหานมีความสุขทุกครั้ง หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรออกล่าตามเขตรอบนอกของเทือกเขารกร้าง ด้วยฝีมือของเย่ชิงหานในตอนนี้ที่อยู่ในระดับขอบเขตยอดยุทธ์ บวกกับพลังความเร็วและเขี้ยวฟันอันแหลมคมของเสี่ยวเฮย มันทำให้เย่ชิงหานรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งสองไร้คู่ต่อกรฉันนั้น ด้วยเหตุนี้หลังจากผ่านการคิดพิจารณาบวกกับเืนักสู้ที่ไหลเวียนอยู่ภายในกาย เย่ชิงหานตัดสินใจเดินทางเข้าไปยังภายในส่วนที่ลึกของเทือกเขาอีกหน่อย
เย่ชิงหานและเสี่ยวเฮยเดินทางออกล่าเข้าไปยังส่วนที่ลึกขึ้น นอกจากบางครั้งที่พบกับมารอสูรระดับสี่ตัวสองตัวที่ทำให้เขารู้สึกตึงมือหน่อย ที่เหลือล้วนไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ฝีมือ ประสบการณ์ และสัตว์อสูรล้วนพัฒนาเติบโตขึ้นพร้อมๆ กัน มันยิ่งทำให้เย่ชิงหานปลื้มปีติยินดีมากยิ่งขึ้น