ประโยคสุดท้ายของอย่าถามว่าข้าคือใครคล้ายตะเกียงไฟที่ถูกจุดขึ้นในค่ำคืนอันมืดมิด ทำให้จิตใจของเยว่เฟิงเกอแจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย
ใช่แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นได้
นางยังสามารถย้อนเวลามาได้แค่เพราะกินหม้อไฟร้อนสำเร็จรูป
เช่นนั้นก็มีความเป็ไปได้ที่พี่ชายทั้งสองของนางเองก็อาจจะย้อนเวลามาในโลกยุคนี้เช่นกัน
ไม่เช่นนั้นก็คงเป็ไปไม่ได้เลยที่ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้จะไม่มีข่าวคราวใดของพวกเขาเลย
และก็เหมือนดังที่อย่าถามว่าข้าคือใครพูด ไม่แน่ในอนาคตอันใกล้นี้นางอาจจะได้พบพี่ชายทั้งสองก็เป็ได้
หลังเยว่เฟิงเกอบอกขอบคุณอย่าถามว่าข้าคือใครโดยที่จิตใจยังคงเศร้าสร้อยอยู่เล็กน้อย ก็ปิดวีแชท
ตอนนี้นางมีซิมโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อไปยังโลกยุคปัจจุบันเมื่อไรก็ได้
บางทีพี่ชายทั้งสองของนางอาจจะยังอยู่ที่โลกนั้นเช่นเดิม และเพียง้าให้เวลาตนเองได้พักผ่อนเงียบๆ สัก่หนึ่ง ซึ่งในระหว่างนี้คงไม่อยากให้ใครตามหาตัวพวกเขาเจอ ถึงได้ตั้งใจหายตัวไปเอง
หรือต่อให้พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว บางทีก็อาจเป็เช่นที่อย่าถามว่าข้าคือใครพูด พวกเขาอาจจะย้อนเวลามาเหมือนกันกับนางก็เป็ได้ ไม่แน่ในอนาคตนางอาจจะได้พบพี่ชายทั้งสองอีก
เมื่อปลอบใจตนเองเช่นนี้แล้ว เยว่เฟิงเกอก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
นางไม่อยากจมอยู่กับเื่นี้อีกต่อไปด้วยรู้ดีว่าต่อให้นางจะทุกข์ใจเศร้าใจต่อไปก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
เยว่เฟิงเกอยัดโทรศัพท์กลับไปใต้หมอนแล้วเดินออกไปจากห้องแห่งนี้
ทันทีที่ชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์เห็นเยว่เฟิงเกอออกมาแล้วก็รีบเข้าไปหาด้วยเป็ห่วงกังวล
“พระชายา ทรงไม่เป็ไรใช่หรือไม่เพคะ? ” ชิงจื่อถามเยว่เฟิงเกออย่างห่วงใย
ส่วนฉิงเอ๋อร์นั้นรินชาให้เยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอดื่มชาไปหนึ่งอึก ถึงได้ตอบคนทั้งสอง “ข้าไม่เป็ไร พวกเ้าไม่ต้องเป็ห่วงข้า”
ชิงจื่อเห็นเยว่เฟิงเกอยิ้มแล้วก็รับรู้ว่าพระชายาของนางไม่เป็อะไรแล้ว
ในที่สุดพวกนางก็วางใจลงได้เสียที
ไม่นานหลังจากนั้นม่อหลิงหานก็กลับจวน
เขารีบมาหาเยว่เฟิงเกอที่เรือนเยว่เหยาั้แ่มาถึง
และเมื่อเห็นว่าดวงตานางแดงก่ำ ใจเขาก็ให้บีบรัด
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดชายารักถึงได้ตาแดงช้ำเช่นนี้? ” ม่อหลิงหานเดินก้าวยาวๆ ไปหาเยว่เฟิงเกอ ก่อนจะตรวจดูั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าเพื่อหาว่านางาเ็ตรงไหนหรือไม่
เยว่เฟิงเกอกล่าวกับม่อหลิงหานเสียงเบา “ท่านอ๋องไม่ต้องตกพระทัยไปนะเพคะ หม่อมฉันเพียงคิดถึงบ้านขึ้นมาก็เท่านั้นเพคะ”
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่าคิดถึงบ้าน ก็รีบดึงนางเข้ามากอด
“ชายารักแต่งมาอยู่ไกลบ้านเพียงนี้ การที่เ้าจะคะนึงหาบ้านเดิมของตนก็หาใช่เื่ผิดแปลก รอให้เื่ทางแคว้นเฟิงหลันจบสิ้นลงก่อน เปิ่นหวางจะพาเ้าไปแคว้นเสวี่ยอวี้ ให้เ้าได้กลับไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดของตน ดีหรือไม่? ” ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วก้มลงจุมพิตเปลือกตานางเบาๆ
เยว่เฟิงเกอหลับตา พยักหน้าเบาๆ “เพคะ”
ที่จริงแล้วนางไม่ได้อยากกลับไปที่แคว้นเสวี่ยอวี้ แต่เป็บ้านของนางในโลกยุคปัจจุบันต่างหาก
แต่เมื่อนึกถึงว่า หากนางกลับไปได้จริงๆ ก็เป็ไปได้มากว่าที่จะไม่ได้พบม่อหลิงหานอีก นางก็อดกอดตอบม่อหลิงหานอย่างแแ่ไม่ได้
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอยกมือขึ้นมากอดเขาแน่น หัวใจเขาก็ค่อยๆ รู้สึกอบอุ่น เขาก้มหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากเยว่เฟิงเกอ ซึ่งครั้งนี้คนทั้งสองจุมพิตกันอย่างยาวนานจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
แน่นอนว่าชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์แอบถอยออกไปเงียบๆ ั้แ่ตอนที่คนทั้งสองกอดกันแล้ว...
ตกกลางคืน เมื่อคนทั้งสองกินอาหารเย็นเสร็จ เยว่เฟิงเกอก็ถูกม่อหลิงหานพาไปที่เรือนน้ำอุ่น
นี่เป็ครั้งที่สองที่เยว่เฟิงเกอได้มาที่นี่ โดยครั้งแรกที่นางมานั้น นางกับม่อหลิงหานได้ประมือกันไปรอบหนึ่ง
ส่วนครั้งนี้กลับเป็ม่อหลิงหานที่พานางมาด้วยตนเอง ทำให้นางอดรู้สึกเขินอายเล็กน้อยไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงว่าครั้งก่อนนางได้เห็นเรือนร่างอันแข็งแกร่งของม่อหลิงหานไปเกือบทั้งตัวแล้ว ก็อดหน้าแดงก่ำไม่ได้
“ท่านอ๋องเพคะ ทรงเข้าไปสรงน้ำก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะรออยู่ด้านนอก พระองค์สรงเสร็จเมื่อใด หม่อมฉันค่อยเข้าไป” เยว่เฟิงเกอหน้าแดง แอบมองเลยฉากกั้นไปยังบ่อน้ำร้อนที่มีไอขาวลอยวนอยู่เหนือน้ำ
ม่อหลิงหานเลิกคิ้ว มือที่จับเยว่เฟิงเกออยู่ยังคงมีท่าทีไม่คิดจะปล่อย
“หรือว่าชายารักไม่อยากอาบน้ำพร้อมเปิ่นหวาง? ครั้งก่อนเป็เ้าที่มาหาเปิ่นหวางก่อนนะ” ม่อหลิงหานพูดพลางดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมแขน
เขาโอบเยว่เฟิงเกอไว้ด้วยคิดจะพาเดินเข้าไปด้านใน
เยว่เฟิงเกอใหน้าแดงก่ำ หากว่านางเข้าไปกับเขาจะไม่เท่ากับเป็การเข้าถ้ำเสือหรือ?
ตอนนั้นเพราะนางถูกฉินหว่านผลักตกสระบัว ร่างทั้งร่างเหม็นคลุ้ง ถึงได้ต้องมาที่เรือนน้ำอุ่นแห่งนี้
แต่ก็ยังดีที่ครั้งนั้นนางยังไม่ได้เห็นร่างกายของม่อหลิงหานครบทุกส่วน
แต่ครั้งนี้หากต้องอาบน้ำร่วมกัน เกรงว่านางคงต้องเห็นเรือนร่างทั้งหมดของม่อหลิงหานอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถึงตอนนั้นคิดว่าเห็นแล้วคงจะไม่อาจลบเลือนไปจากดวงตาได้อีกตลอดไป
“คือว่า หม่อมฉันไม่ขอเข้าไปดีกว่าเพคะ ท่านอ๋องรีบเข้าไปสรงน้ำเถอะ หม่อมฉันจะรออยู่ตรงนี้” เยว่เฟิงเกอรีบร้อนหยุดฝีเท้า ไม่กล้าเดินหน้าไปอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอทั้งเขินอายและหวาดกลัว ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วยอมปล่อยนางไปในที่สุด
ก่อนที่นางจะยอมรับเขาเข้าไปเต็มหัวใจ เขาก็ไม่คิดจะบีบบังคับนาง
ม่อหลิงหานก้มหน้าลงไปดูดดึงริมฝีปากเยว่เฟิงเกอเบาๆ กล่าวว่า “รอข้าอยู่นี่” พูดจบก็เดินมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำร้อน
เพียงไม่นานเยว่เฟิงเกอก็ได้ยินเสียงคนกำลังใช้มือวาดน้ำ
นางกำลังจินตนาการตามว่าม่อหลิงหานกำลังแหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำร้อนด้วยร่างกายล่อนจ้อน ฉับพลันนั้นหัวใจนางก็เผลอเต้นระรัว
นางอยากจะแอบมองสักที แค่ทีเดียวก็เกินพอ
เยว่เฟิงเกอคิดเช่นนี้ก็ขยับแขนขาเดินไปหลังฉากกั้นแล้วชะเง้อมองเข้าไปด้านใน
น่าเสียดาย ด้านในมีหมอกหนา อีกทั้งตำแหน่งที่นางยืนอยู่ก็ยังห่างจากม่อหลิงหานมาก จึงมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น และได้ยินเพียงเสียงน้ำที่กระเซ็นไปตามการเคลื่อนไหว
เยว่เฟิงเกอหดคอกลับมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
ทันใดนั้นเองเสียงของม่อหลิงหานที่ด้านในก็ดังออกมา “ชายารักจะไม่เข้ามาจริงๆ หรือ? ”
เยว่เฟิงเกอรีบร้อนหดกายกลับไปแล้วกระแอมออกมาทีหนึ่ง “คือ หม่อมฉันรอด้านนอกดีกว่าเพคะ ท่านอ๋องรีบสรงน้ำเถิด”
ม่อหลิงหานนั่งแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อน โดยอาศัยน้ำอุ่นร้อนซุกซ่อนร่างกายท่อนล่างไว้ และเผยเพียงกล้ามเนื้อแน่นของร่างกายท่อนบน
ผมดำยาวของเขาถูกปล่อยสยายลงมา และมีอยู่ครึ่งหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำ
คำตอบของเยว่เฟิงเกอ ทำเอาม่อหลิงหานอดยกมุมปากขึ้นยิ้มไม่ได้ เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง “เมื่อครู่ยังแอบมองอยู่เลยแล้วทำเป็บอกว่าไม่อยากเข้ามา ช่างเป็แมวป่าน้อยที่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ ” จากนั้นจึงพูดกับเยว่เฟิงเกอที่ยืนรออยู่ด้านนอกต่อ “ชายารักเข้ามาถูหลังให้เปิ่นหวางหน่อยสิ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินม่อหลิงหานบอกให้นางเข้าไปถูหลังให้เขา หน้านางก็แดงขึ้นทันทีราวกับมีไฟกำลังโหมลุก
นางควรจะเข้าไปหรือไม่ควรเข้าไปดี?
หากนางไม่เข้าไปจะผิดต่อภาระหน้าที่ของชายารักของเขาหรือไม่
แต่หากนางเข้าไป หลังจากนี้คงจะไม่ใช่แค่ถูหลังให้เขาเท่านั้นแน่
ตกลงว่าควรจะเข้าไปหรือไม่ ช่างเป็เื่ที่ตัดสินใจได้ยากจริงๆ
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่ขาทั้งสองข้างของนางกลับไม่ฟังสมอง ก้าวเดินเข้าไปด้านในทันที
ไม่สนใจแล้ว ก็แค่ถูหลังให้ม่อหลิงหานเองไม่ใช่หรือ
หากอีกเดี๋ยวต้องได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็ถือเสียว่าเป็อาหารตาของนางไปก็แล้วกัน
และหากม่อหลิงหานกล้าทำอะไรนาง นางก็ไม่รังเกียจที่จะประมือกับเขาอีกสักรอบ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะเข้าไปแล้วนะเพคะ” เยว่เฟิงเกอพูดเบาๆ ไปก่อนประโยคหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปหาม่อหลิงหาน
เยว่เฟิงเกอเห็นรางๆ ว่าเขานั่งอยู่ในบ่อน้ำ
ม่อหลิงหานกำลังนั่งหันหลังให้นาง แขนทั้งสองข้างพาดอยู่บนขอบบ่อ
แขนยาวแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแ่า
เยว่เฟิงเกอกลืนน้ำลาย ในที่สุดก็เดินมาถึงด้านหลังของม่อหลิงหาน
ไม่อาจไม่พูดได้ว่าม่อหลิงหานมีรูปร่างที่สวยงามเป็อย่างมาก แค่มองเส้นลาดไหล่และไหปลาร้าของเขาก็บอกได้แล้วว่ารูปร่างของเขาสมบูรณ์แบบมาก
และรูปร่าง่ไหล่ผึ่งผายและเอวสอบคอดของเขานั้นก็ทำให้นางอดอยากััไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ครั้งก่อนที่เยว่เฟิงเกอได้เห็นเรือนร่างของม่อหลิงหาน นางหาได้สนใจแม้แต่น้อย
ครั้งนั้นนางเพียงอยากทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงจึงรีบร้อนมาที่เรือนน้ำอุ่น และไม่ทันได้สังเกตอะไรมากมาย
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เยว่เฟิงเกอในตอนนี้สนิทสนมกับม่อหลิงหานเป็อย่างมาก กระทั่งสายตาที่ใช้มองเขาก็ยังต่างไปจากเดิม
ม่อหลิงหานรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเยว่เฟิงเกอ เขาพูดโดยไม่หันศีรษะกลับไป “ชายารักทำอะไรอยู่ เหตุใดยังไม่ช่วยถูหลังให้เปิ่นหวางอีก? ”
เยว่เฟิงเกอกลืนน้ำลายอีกครั้ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าบนพื้นมีผ้าอยู่ผืนหนึ่ง นางคุกเข่าลงที่ด้านหลังของม่อหลิงหาน หยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาและเริ่มถูหลังให้เขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้