ฟึบ!
ท่ามกลางการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยลมหนาว กริชแดงโลหิตฝ่าความมืดก่อนเจาะคอของนายพลป๋ายฉี่ นักดาบเบอร์เซิร์กเกอร์เลเวล 26 สร้างความตกตะลึงให้แก่เ้าตัวทันที กว่าจะรู้ว่าถูกศัตรูซุ่มโจมตีก็ติดอยู่ในสภาวะมึนงงแล้ว ขณะที่ตรงหน้าชายผู้นั้นคือแอสซาซินสาวผู้หนึ่งสวมเกราะหนังส่องแสงแวววาว ถือกริชแดงโลหิตในมือ และหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือเยว่ชิงเฉี่ยน สมาชิกของกิลด์ปรากนั่นเอง
หลังจากที่เท้าััผืนหญ้าและโจมตีจนอีกฝ่ายมึนงง ชิงเฉี่ยนก็ก้าวเท้าพร้อมกวาดตาคู่งามมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นก็นั่งลงก่อนจะเริ่มดื่มยาเพิ่มเื เพียง 1 วินาทีพลังของเธอก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับสกิล สภาวะเืไหล เลเวล3
“ตูม!”
“-321!”
การถูกโจมตีทำให้นายพลป๋ายฉี่รู้ว่าจะต้องรีบหนี แต่ขณะที่หมุนตัวกลับ เยว่ชิงเฉี่ยนก็ใช้กริชแดงโลหิตโจมตีอีกฝ่ายซึ่งมีค่าดาเมจอย่างน้อย 30% ทำให้นายพลป๋ายฉี่ชะงักไปพร้อมกับค่าความเสียหายที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ -289 พอยต์ ทันทีที่ค่าความเสียหายปรากฏขึ้น เขาก็ล้มลงไปตาย
……
“เวร! ป๋ายฉี่ม่องเท่งไปซะแล้ว”
ห่างออกไปไม่ไกล นายพลหวางเจี่ยนก็ถือดาบมาดักหน้าแล้วโจมตีแบบสบายๆ ถึงกระนั้นเยว่ชิงเฉี่ยนก็ยังไม่อาจหลบพ้นการโจมตีที่เกิดขึ้นกะทันหันนั้นได้
“พรวด!”
“-272!”
การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เกือบจะเอาชีวิตของเยว่ชิงเฉี่ยนไปทันที หญิงสาวส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนจะรีบถอยไปตั้งหลัก ทว่าการโจมตีของอีกฝ่ายเป็ไปอย่างต่อเนื่อง อันเป็สกิลการโจมตีแบบคอมโบเลเวล 3
“แย่แล้ว รีบฮีลเืให้ฉันเร็วเข้า!”
เยว่ชิงเฉี่ยนถือกริชในมือพร้อมกับวิ่งหนี ทันใดนั้นร่างของเธอก็มีแสงที่เกิดจากสกิลห้ามเืเลเวล 3 ขึ้นมาก่อนที่เืจะเพิ่มขึ้น 300 พอยต์
นายพลหวางเจี่ยนที่เหมือนจะอายุราว 20 ปีกว่าๆ และมีใบหน้าเ็า ได้ดึงดาบออกมาก่อนจะวิ่งสุดฝีเท้าหมายฆ่าแม่สาวแอสซาซินให้จงได้ ขณะที่เยว่ชิงเฉี่ยนก็วิ่งหนีรวดเร็วราวกับสายลมพัด ภายใต้เกราะหนัง เห็นเรียวขาขาวผุดผ่องกำลังออกวิ่งอย่างรวดเร็วภายในป่า แม้ว่าตอนนี้เธอจะถูกไล่ล่า แต่กลับไม่มีอาการตื่นตระหนก และยังคอยหันไปสังเกตการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
“หึ!”
เสียงร้องดังออกจากลำคอ หวางเจี่ยนเห็นโอกาสของตัวเองแล้ว ก็รีบพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ไปดักหน้าเยว่ชิงเฉี่ยนพร้อมกับใช้ดาบและสกิลในการแทง ดูจากการโจมตีของเขาในเวลานี้แล้ว แอสซาซินตัวเล็กๆ อย่างเยว่ชิงเฉี่ยนก็แทบไม่อาจต้านทานไหว
“พรวด!”
ทันใดนั้นกริชเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านอากาศจัดการกับดาบของหวางเจี่ยนและโจมตีเขาจากด้านหลังจนเืลดลงไปมากกว่า 250 พอยต์ ตามด้วยร่างของแอสซาซินสาวอีกผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังนั้นพร้อมกับแทงกริชซ้ำจนทำให้เกิดค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 180 พอยต์ติดต่อกันถึงสองครั้ง
“หาที่ตาย!”
หวางเจี่ยนก้าวเท้ามาด้านหน้า หลบการโจมตีของเยว่ชิงเฉี่ยน จากนั้นใช้ยาเพิ่มเือย่างรวดเร็วก่อนที่จะเบี่ยงตัวหนีแอสซาซินสาวแล้ววิ่งลงเขาไป ในเวลานี้เขารู้ดีว่าการต่อสู้กับแอสซาซินถึงสองคน โอกาสได้รับชัยชนะมีน้อยเต็มที
้าเนินเขา มีแอสซาซินยืนอยู่ถึงสองคนพร้อมกับเส้นผมที่ปลิวไสว นอกจากไอเท็มที่ต่างกันแล้ว พวกเธอดูคล้ายคลึงกันมาก รูปร่างหน้าตาภายในเกมนี้แม้จะสามารถปรับเปลี่ยนได้เล็กน้อยก็จริง แต่มันก็ไม่ควรจะเหมือนกันขนาดนี้ นี่ดูราวกับว่าแอสซาซินสองคนนี้เป็ฝาแฝดกันเลย
เยว่ชิงเฉี่ยน เลเวล 26 อาชีพแอสซาซิน
เยว่เวยเหลียง เลเวล 26 อาชีพแอสซาซิน
……
ผมที่กำลังนั่งดูสถานการณ์อยู่ถึงกับตกตะลึง ให้ตายเถอะ นี่เยว่ชิงเฉี่ยนมีพี่น้องอีกคนด้วยหรือ จุ๊ๆ ดูไม่เลวนะเนี่ย ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็ที่ต้องตาของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงหรอก
ยามนี้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ นายพลหลี่มู่นับว่าเป็คนฉลาด เนื่องจากเขาใช้กลยุทธ์ฆ่าฮีลเลอร์ของอีกฝ่ายก่อน เพื่อเป็ฝ่ายควบคุมสถานการณ์ ถึงแม้เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงจะแข็งแกร่งมาก ทว่าก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือทุกคนได้ทันเวลา หลังจากเห็นคนของตัวเองถูกฆ่าตายด้วยลูกธนูของนายพลเหลียนโป่อย่างต่อเนื่อง เขาก็เปล่งเสียงด้วยความโกรธ “พวกนายตามฉันมา ไปจัดการกับนักธนูพวกนั้นก่อน”
ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างเงาเพื่อจะทำตามคำสั่งผู้นำ ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกหลี่มู่จัดการจนเหลือแค่ 2-3 คน และเมื่อเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงเข้าถึงตัวเหลียนโป่ก็พบว่าเหลือตนเองเพียงลำพังเท่านั้น
นายพลเหลียนโป่ อาชีพนักธนูเลเวล 25 ดูเหมือนอายุราวๆ 50 ปี ถือได้ว่าเป็นายพลาุโคนหนึ่งของกิลด์ และคงจะเป็ลุงใหญ่คนหนึ่งในที่นี้ด้วย ทว่าเมื่อเทียบกับเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงแล้ว ก็ถือว่าเป็ลุงใหญ่ที่มีอายุอย่างน้อยๆ 40 ปีเหมือนกัน ผมดูภาพตรงหน้าก่อนสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด การต่อสู้ระหว่างผู้าุโกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และย่อมมีคนหนึ่งาเ็แน่นอน
……
“ฉึก!”
รองเท้าหนังัักับพื้นหญ้าก่อนที่ร่างของเหลียนโป่จะถอยออกไปพร้อมกับลูกธนูที่ถูกยิงออกมา ทันใดนั้นลูกธนูก็เกิดการรวมตัวของเปลวเพลิงเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เืของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงลดลงจนเหลือไม่ถึง 50% ภายในพริบตา
“หึ! เตรียมตัวตายซะเถอะ!”
ในที่สุดเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงก็เปล่งเสียงก่อนจะปล่อยหมัดชกไปที่บ่าของอีกฝ่ายดัง ‘ปั้ก!’ ทำให้เหลียนโป่ถึงกับเสียหลัก ตอนนี้สิ่งที่เยี่ยนจ้าวอู๋ซวง้ามากที่สุดคือการชะลอ เขาย่อมไม่ปล่อยให้เสียโอกาสนี้ไป ทันใดนั้นจึงเริ่มใช้สกิลอู๋ซวงสไตรก์
การโจมตีแบบต่อเนื่องได้เกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว!
นายพลเหลียนโป่กระตุกยิ้มมุมปากกับภาพที่เห็นตรงหน้า ก่อนจะทิ้งร่างตัวเองลงจากเขาอันลาดชัน กลิ้งตกไปจนถึงด้านล่าง เขาวางแผนมาเป็อย่างดีแล้วโดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตรงนี้ ทำให้การโจมตีของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งถ้าเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงไม่มีสกิลอู๋ซวงสไตรก์ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับนักดาบธรรมดาๆ คนหนึ่ง
พอเห็นการโจมตีของตัวเองขึ้นคำว่า “MISS” ติดต่อกันถึง 5 ครั้ง สีหน้าของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงก็เปลี่ยนเป็สีเขียวพร้อมกับมือที่กำแน่น
ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดวูบขึ้นด้านหลัง เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงรีบหมุนตัวกลับไปมอง ทว่าโดนการโจมตีของหลี่มู่ผู้แข็งแกร่งที่สุดภายในกิลด์ และอยู่ในอันดับที่ 2 ของเมืองปาหวาง แน่นอนว่าคนผู้นี้คือคนที่สามารถจัดการกับเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงได้
“ชิ้ง!”
เสียงของดาบดังขึ้นพร้อมกับเกิดม่านแสงสีทอง การโจมตีอย่างต่อเนื่องเลเวล 3 ของหลี่มู่ถูกเรียกใช้งานขึ้นตรงหน้าเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงแล้ว
“-199!”
“-201!”
……
ร่างของเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงชะงักไป ทว่ายังสามารถยกเข่ากระแทกอกของหลี่มู่อย่างแรง พร้อมกับโจมตีด้วยดาบอีกครั้งจังๆ ให้ตายสิ ชายผู้นี้จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!
“-448!”
เืของหลี่มู่เดิมนั้นมีอยู่ไม่เต็มหลอด ทันทีที่ถูกอีกฝ่ายโจมตี จึงลงไปคุกเข่าก่อนร่างจะล้มลงกับพื้นและกลายสภาพเป็ศพ
เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะดึงขวดยาเพิ่มเืออกมาทำการเพิ่มเืให้ตัวเอง ทว่าทันใดนั้นมีลูกธนูพุ่งติดต่อกันถึง 2 ดอก ‘ปั้ก ปั้ก’ ร่างของชายผู้ติดอันดับ 1 ของเมืองปาหวางสั่นกระตุกก่อนจะลงไปนอนตายอยู่ที่พื้น ดาบหนักสีดำตกอยู่ข้างกาย พลันนั้นร่างของนายพลเหลียนโป่ก็ปีนขึ้นมาจากทางลาดชัน ก่อนจะเก็บดาบยาวนั่นไป “หึๆ ดาบยาวระดับทองแดงเลเวล 22 สินะ... ไม่เลวแฮะ”
หลังจากาอันวุ่นวาย ในที่สุดก็สรุปได้ว่ากิลด์ของนายพลได้เปรียบในเื่ของจำนวนคนที่เหลืออยู่ พวกเขา 5 คนล้อมบอสราชันอันเดธไว้และจัดการมันอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าบอสตัวนี้จะต้องตกเป็ของพวกตนอย่างแน่นอน เพราะกิลด์ปรากมีจำนวนคนไม่มาก และตอนนี้ก็เหลือเพียงเยว่ชิงเฉี่ยนกับเยว่เวยเหลียงที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดเพื่อรอโอกาสโจมตีบอส
……
ผมยังคงนั่งซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ รอดูบทสรุปเงียบๆ
“ระวังตัวให้ดี บอสกำลังจะตายแล้ว ระวังอย่าให้ใครมาแย่งได้เป็อันขาด!” นายพลเหลียนโป่บอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับง้างสายธนูในมือยิงไปที่คอของบอส
ราชันอันเดธเปล่งเสียงร้องด้วยความโกรธแค้นพร้อมกับฟาดแขนใส่หวังเจี่ยน แต่โชคดีที่พวกนี้ยังเหลือฮีลเลอร์อยู่ในกลุ่มอีกหนึ่งคน และการป้องกันของหวางเจี่ยนก็ไม่ได้แย่ จึงทำให้เขาต้านการโจมตีเมื่อครู่ได้
3%!
2%!
1%!
เมื่อเห็นเืของราชันอันเดธที่ต่ำลง ผมก็ตาร้อนผ่าว เยว่ชิงเฉี่ยนจะลงมือหรือไม่?
่ที่ผมกำลังขบคิด ในตอนนั้นเองพวกเธอก็โจมตี โดยร่างของฮีลเลอร์ที่เหลืออยู่ในกลุ่มของอีกฝ่ายเกิดกระตุกขึ้นมา พร้อมกับค่าความเสียหาย -552 พอยต์ที่ลอยเหนือศีรษะก่อนจะล้มลงไป จากนั้นที่ด้านหลังจึงเผยให้เห็นเยว่ชิงเฉี่ยนถือกริชแดงโลหิตกำลังพุ่งไปด้านหน้าเพื่อโจมตี ทำให้ลูกธนูของนายพลเหลียนโป่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะถูกยิงออกไป
เป็เวลาเดียวกับที่กริชของเยว่เวยเหลียงปักกลางหัวใจของราชันอันเดธอย่างแรงต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง โดยไม่สนใจกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยคลุ้ง ตอนนั้นเองร่างของราชันอันเดธก็ล้มลงพร้อมกับไอเท็มที่ถูกดรอปลงมา
“แย่งของจากพวกมัน!” หวางเจี่ยนแสดงท่าทีกระวนกระวายใจ
แต่น่าเสียดายที่ความเร็วของนักดาบไม่อาจเทียบได้กับแอสซาซิน เพราะทันทีที่ไอเท็มถูกดรอปลงมา ร่างของเยว่ชิงเฉี่ยนก็ไปอยู่ ณ จุดนั้นแล้ว เธอรีบหยิบของซึ่งมีไอเท็ม 3 ชุดใส่ลงในกระเป๋าเก็บของทันที แล้วพุ่งตัวขึ้นไปบนเนินเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับะโว่า “เม่ยเหม่ย[1]ถอยเร็ว สองต่อห้า เราสู้คนพวกนั้นไม่ได้หรอก”
เยว่เวยเหลียงได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นว่า “เจี่ยเจีย[2]ไปก่อนเลย ฉันจะถ่วงเวลาให้เอง”
เหลียนโป่รู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากชะงักไป เยว่เวยเหลียงที่หลบการโจมตีของหวางเจี่ยนก็ใช้กริชแทงหลังของเหลียนโป่จนล้มลงทันที และเนื่องจากในยามนี้พวกเขาไม่เหลือฮีลเลอร์แล้ว นั่นย่อมเข้าใกล้ความตายในอีกไม่นาน
“แม่ง!”
หวางเจี่ยนพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ฉันจะไปตามล่าเยว่ชิงเฉี่ยนเอง ไอเท็มอยู่ที่ยายนั่น!”
ทันใดนั้นเยว่เวยเหลียงก็จัดการฆ่าเบอร์เซิร์กเกอร์อีกคนตาย แต่ก่อนที่เธอจะตั้งหลักได้ จู่ๆ หินที่อยู่ใต้เท้าก็ะเิออกจนสร้างการดาเมจในทันที ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็การโจมตีโดยใช้สกิลเจาะทะลุผาหินของนักเวทเลเวล 20 ห่างไปไม่ไกลยังมีนักเวทเลเวล 24 อีกหนึ่งคน ทันทีที่ถูกโจมตี เยว่เวยเหลียงก็ชะงักไปก่อนจะล้มตัวลงกับพื้น
……
บนเขาอันลาดชัน ระหว่างที่เยว่ชิงเฉี่ยนกำลังหลบหนี ขาขาวๆ ของเธอก็ถูกหนามข้างทางเกี่ยวจนกลายเป็แผลยาว ทว่าเธอไม่แสดงอาการเ็ปใดๆ ยังคงวิ่งหนีเอาตัวรอด และรักษาไอเท็มที่ได้มาเมื่อกี้ ทันใดนั้นหวางเจี่ยนที่อยู่ด้านหลังก็เรียกใช้สกิลเพิ่มความเร็วเลเวล 3 เนื่องจากเขาเล่นสายอาชีพนักดาบ จึงสามารถเพิ่มความเร็วในการโจมตีได้ 6% และเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ 3% ทำให้เขาเข้าใกล้เยว่ชิงเฉี่ยนได้ไวขึ้น ในขณะเดียวกันนักเวทอีกคนก็วิ่งตามมาติดๆ
“แย่แล้ว...” เยว่ชิงเฉี่ยนขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ใน่คับขัน แม้ว่าเธอจะมีวาร์ปเพื่อกลับเมือง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการเปิดวาร์ปถึง 5 วินาที ซึ่งนั่นเพียงพอแล้วที่หวางเจี่ยนจะจัดการเธอได้ถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้บนบ่าของหวางเจี่ยนยังมีผึ้งบัมเบิ้ลบีที่อยู่ในโหมดต่อสู้ลอยตามมาติดๆ สำหรับนักดาบที่มีสัตว์เลี้ยงแล้ว ย่อมจัดการกับเยว่ชิงเฉี่ยนได้ไม่ยาก
“ตายซะเถอะ!”
ทันใดนั้นหวางเจี่ยนที่ตามหลังหญิงสาวมาติดๆ ก็ยกดาบขึ้นโจมตีใส่อย่างแรง
“-258!”
เยว่ชิงเฉี่ยนผงะและเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ด้วยคาถาหยาดน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนบ่าของเธอส่งผลให้การเคลื่อนไหวช้าลง ตอนนี้นักเวทตามเธอมาทันแล้ว
“-226!”
ไอเท็มที่เยว่ชิงเฉี่ยนมีอยู่ถือว่าไม่เลวเลย ทว่าเืของเธอในเวลานี้มีมากสุดแค่ 500 พอยต์เท่านั้น
……
ผมถือหอกโลหะโบราณไว้ในมือพร้อมกับความรู้สึกสับสนว่าควรจะทำอย่างไรกับเื่นี้ดี ระหว่างเข้าไปช่วยเพื่อน หรือไม่ควรเข้าไปสาระแนเื่ชาวบ้าน... ก่อนหน้านี้เยว่ชิงเฉี่ยนก็เคยบอกผมว่าพวกเราเป็เพื่อนกัน และจะเป็เพื่อนกันตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง
ผมกัดฟันแน่นก่อนตัดสินใจช่วยฮีลเืให้เธอโดยไม่ทำการโจมตี
ผมยื่นมือออกไปแล้วเรียกใช้สกิลรักษาชีวิต
“+450!”
เพียงชั่วพริบตาเืของเยว่ชิงเฉี่ยนก็กลับมาเต็มหลอดอีกครั้งจน เธอใ “เอ๋? เป็ไปได้ยังไงเนี่ย?”
หวางเจี่ยนหันขวับมาที่ผมก่อนจะะโด้วยความเดือดดาล “เวรเอ๊ย มีฮีลเลอร์แอบอยู่ตรงนั้น!”
เยว่ชิงเฉี่ยนไม่พูดอะไร เธอรีบใช้กริชแดงโลหิตแทงนักเวทตรงหน้า และเนื่องจากนักเวทผู้นี้เลเวลยังไม่ถึง 40 ทำให้ยังไม่สามารถเรียนรู้สกิลการรวบรวมโล่ิญญาได้ และจะมีเพียงิัที่ดึงดูดการโจมตีจากศัตรูเท่านั้น
“สวบ!”
หลังจากฆ่านักเวทแล้ว เยว่ชิงเฉี่ยนก็ถูกคาถาหยาดน้ำแข็งเลเวล 3 โจมตีอีกครั้ง ผมจึงใช้สกิลห้ามเืเลเวล 3 ช่วยเธอทันที จนทำให้เืของเยว่ชิงเฉี่ยนกลับมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังที่ข้างพุ่มไม้ ร่างของหวางเจี่ยนปรากฏขึ้นตรงหน้าผมพร้อมกับดาบที่มีแสงสีทองลอยออกมา “เซียวเหยาจื้อจ้าย! แกมันรนหาที่ตายชัดๆ!”
………………………………………………………………………………………….
[1] เม่ยเหม่ย แปลว่า น้องสาว
[2] เจี่ยเจีย แปลว่า พี่สาว