“พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร นายน้อยหาน?” เฟิงจื่อเห็นเสว่อู๋เหินและหลงสุ่ยหลิวมีทีท่าว่าจะเดือดดาลจึงรีบถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้าก็ว่าพวกเขาพูดไม่ผิดนี่?” ฮวาเฉ่าก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่พวกเขาพูดผิด แต่สิ่งที่พวกเขาพูดมามันไร้สาระไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องเลยสักนิด อะไรคือเสียงร้องเต็มไปด้วยพลังและรสชาติของบทกลอนสามเดือนยังดื่มด่ำอยู่ไม่ลืมเลือน? อะไรคือทำไมต้องอิจฉา? ทำไมต้องน้อยเนื้อต่ำใจ?” เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นต่อ “พวกเ้าต่างไม่ได้รู้จักกลอนบทนี้ หรืออาจจะพูดได้ว่าไม่รู้ความหมายของมันแต่กลับยังกล้าแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่อีก บทกลอนที่ทอดถอนใจต่อทัศนียภาพที่อยู่ตรงหน้ากับกาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว บทกลอนที่แต่งขึ้นอย่างประดิดประดอย แต่กลับถูกคนชมว่ามีพลัง พวกเ้าคิดว่ามันไม่น่าตลกหรอกรึ?”
“อ้อ? ถ้าอย่างนั้นพวกข้ารอฟังความเห็นอันสูงส่งของนายน้อยหาน” เสว่อู๋เหินสีหน้าเริ่มดำคล้ำยิ่งขึ้นไปอีก รีบโบกสะบัดพัดอย่างรวดเร็วราวกับว่าจะสะบัดอารมณ์ไม่ดีออกมาด้วย
“ยินดีน้อมรับฟังอย่างละเอียด!” หลงสุ่ยหลิวพูดตอบรับด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำเช่นกัน
“นายน้อยหาน นึกไม่ถึงว่าจะรู้เื่เกี่ยวกับโคลงกลอนด้วย? รีบๆ อธิบายเร็วเข้า!” เฟิงจื่อสายตาเป็ประกายด้วยความสนอกสนใจ ต้องเข้าใจว่าผู้ฝึกยุทธ์โดยมากในทวีปัเพลิงน้อยมากที่จะเข้าใจในโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนและศิลปะการแสดงต่างๆ อะไรพวกนี้
“แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าเย่ชิงหานพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล ตอนที่ฟังกลอนบทนี้รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว อ้างว้างและความจำใจ เพียงแต่พูดอธิบายออกมาไม่ถูก” ฮวาเฉ่าเอามามือจับใบหน้าที่สวยงามของตนเอง พูดออกมาด้วยสีหน้าคิ้วขมวด
เยว่เหนียงและหญิงสาวที่อยู่ท้ายเรือไม่ได้พูดจาใดๆ เพียงแต่สายตาทอประกายแสงหนึ่งวาบผ่านเมื่อได้ยินเย่ชิงหานพูดถึงสิ่งที่บทกลอนนี้บรรยายถึงว่าคือสิ่งใด จากนั้นสายตาของทั้งสองคนปรากฏความรู้สึกหงอยเหงา เปล่าเปลี่ยว และความคะนึงหาขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“แม่นางนานนาน ข้ามีเื่อยากจะถามสักข้อหนึ่ง” เย่ชิงหานยังไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงแต่หันหน้าไปทางหญิงสาวที่ยืนเอียงข้างอยู่ท้ายเรือ มองดูดวงตาสีดำสนิทของนาง จากนั้นเอ่ยถามขึ้นอย่างราบเรียบ
“เชิญคุณชายเย่ว่ามาได้เลย” หญิงสาวที่อยู่ท้ายเรือยืนเอียงข้างเล็กน้อยก่อนจะทำการคารวะลงครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดละก็ กลอนบทนี้น่าจะเป็ของผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์แต่งขึ้น?” คำพูดประโยคเดียวของเย่ชิงหานทำให้คุณชายทั้งสี่ตกตะลึงไปตามๆ กัน เยว่เหนียงและหญิงสาวที่อยู่ท้ายเรือจ้องมองมายังเย่ชิงหานอย่างแปลกประหลาดใจ คล้ายกับว่าไม่เข้าใจว่าเขาไปรู้มาจากไหน เนื่องจากว่ากลอนบทนี้เป็ครั้งแรกที่นางร้องให้คนนอกฟัง หญิงสาวที่อยู่ท้ายเรือคิ้วขมวดขึ้นถามด้วยความสงสัย “ถูกต้อง เป็บทกลอนที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์คนก่อนเยว่เอียนเอ๋อร์เป็คนแต่ง คุณชายเคยได้ยินมาก่อนรึ?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน!” เย่ชิงหานตอบออกมาอย่างราบเรียบ ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้หมุนตัวกลับไปมองลอดผ่านหน้าต่างออกไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปแล้วพูดออกมา “กลอนบทนี้สามารถแบ่งเป็สี่ตอน ตอนที่หนึ่ง สื่อถึงความไม่สมความปรารถนาต่างๆ ที่พบเจอ กินความไปถึงความในใจที่ยากจะอธิบายของหญิงสาว มีทั้งไม่สบายใจ มีทั้งโง่เขลาไม่เข้าใจและมีทั้งต่อต้าน ตอนที่สอง สื่อถึงความรู้สึกของหญิงสาวทั้งหลายที่มีต่อความอ้างว้างเดียวดายในชีวิต ไม่ใช่การทอดถอนใจหรืออิจฉาต่อสิ่งใด และไม่ใช่หญิงสาวคิดถึงความรักหรือคิดถึงบุรุษ”
เย่ชิงหานพูดไปเรื่อยคนเดียวราวกับว่าได้กลายเป็นักกวีพเนจรไปฉันนั้น ท้ายประโยคยังได้เน้นย้ำถึงการวิจารณ์ที่มั่วซั่วของเสว่อู๋เหิน
จากนั้นเขาไม่รอให้เสว่อู๋เหินพูดอธิบายสิ่งใดต่อพูดขึ้นต่อในทันที “ตอนที่สาม สื่อถึงการเรียกร้องหาความรักและความผิดหวังจากความรัก คิดว่าในตอนนั้นท่านผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์ผิดหวังเป็อย่างมากกับความรักที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นแต่กลับจบลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งผิดหวัง ทั้งเ็ป ทั้งใจสลาย จึงอยากจะแสวงหาการมีชีวิตอยู่ในรูปแบบใหม่ ตอนที่สี่ สี่อถึงความรู้สึกหวาดกลัวต่อทัศนียภาพที่ร่วงโรยและกาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแสวงหาความสุขของชีวิต การเข้าใจในชีวิต การยึดติดในการแสวงหาความหมายของความรัก”
“กลอนบทนี้ของผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์ บรรยายถึงความในใจของหญิงสาวอย่างนางที่มีชีวิตอยู่ในตระกูลเยว่ มีทั้งความรู้สึกห่วงกังวล โง่เขลาไม่เข้าใจและต่อต้านต่อสิ่งที่ตระกูลจัดแจงให้และต่อชีวิตของตนเอง ต่อมาในงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนได้พบเจอกับเย่เตาและเกิดความรักขึ้น แต่เย่เตากลับไปรักผู้หญิงอีกคนหนึ่ง นางรู้สึกผิดหวังกับความรักและใจสลาย จากนั้นเย่เตาตายไปตนเองก็ไม่สามารถต้านทานกาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และยังทอดถอนใจกับสิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บวกกับความคิดถึงเย่เตาอย่างลึกซึ้ง...แม่นางเยว่ชิงเฉิง ไม่ทราบว่าที่ข้าอธิบายไปถูกต้องหรือไม่?”
คุณชายทั้งสี่ที่ฟังแบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง คล้ายกับว่าสิ่งที่เขาพูดมามีกลิ่นอายของเค้าโครงเื่อยู่จริง เสว่อู๋เหินและหลงสุ่ยหลิวอยากจะเถียงแต่ก็ไม่รู้จะเถียงออกไปอย่างไร เพราะเื่ของศิลปะ วรรณคดี อะไรพวกนี้พวกเขาไม่ถนัด พวกเขาถนัดแค่ใช้พลังฝีมือในการแก้ไขปัญหา เพียงแต่...เ้าคนที่อยู่ด้านหน้าที่กำลังพูดพลังฝีมือก็ไม่แน่ว่าตนจะสู้ได้ ดังนั้นพวกเขารู้สึกอัดอั้นและคับอกคับใจเป็อย่างมาก แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเย่ชิงหาน พวกเขายิ่งรู้สึกตื่นตระหนกและประหลาดใจเป็อย่างมาก
เยว่ชิงเฉิง? เยว่ชิงเฉิงไม่ใช่ว่าเป็ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของงานเทศกาลในครั้งนี้หรอกรึ? หรือว่าหญิงสาวคนที่อยู่ท้ายเรือช่วยพวกเขาพายเรือจะเป็เยว่ชิงเฉิงจริง? ครั้นแล้วพวกเขาจึงส่งสายตามองไปยังหญิงสาวที่อยู่ท้ายเรือด้วยความตื่นใเล็กน้อย
หญิงสาวที่อยู่ท้ายเรือขนตางอนยาวของนางกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง ดวงตาที่ดำขลับของนางปรากฏแววของความสะดุ้งใ นางนิ่งเงียบลงไปชั่วครู่ จากนั้นวางไม้พายที่อยู่ในมือแล้วเดินผ่านม่านเข้ามาภายใน โค้งตัวลงทำความเคารพครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เยว่ชิงเฉิง คารวะคุณชายทุกท่าน”
เอ่ออ...!
คุณชายทั้งหลายที่อยู่ภายในเรือราวกับถูกฟ้าผ่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เยว่ชิงเฉิงทำไมถึงไม่ปรากฏตัวตามธรรมเนียมที่เคยมีมา พวกเขานึกถึงท่าทางน่าเกลียดและสายตาที่ละโมบเมื่อสักครู่ของตนเอง นึกถึงด้านดีๆ ของตนเองที่ยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น นึกถึงสิ่งที่เตรียมไว้แสดงอย่างเต็มที่ในงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนคืนนี้ แต่กลายเป็ว่าตอนนี้เยว่ชิงเฉิงปลอมตัวโผล่ออกมาก่อน ความคิดวาดฝันของพวกเขาทั้งหมดตอนนี้มลายหายไปหมดสิ้น รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่มีน้ำตา
คนบนเรือที่ยังอยู่ในอาการสงบมีเพียงเย่ชิงหานและเยว่เหนียงเพียงสองคนเท่านั้น เยว่เหนียงยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเดินไปยังท้ายเรือ เย่ชิงหานพยักหน้าออกมาเบาๆ ประสานมือแล้วพูดขึ้น “เย่ชิงหานคารวะแม่นางเยว่ชิงเฉิง”
“คารวะแม่นางเย่ชิงเฉิง” คนที่เหลือเห็นเย่ชิงหานเอ่ยปากจึงได้สติกลับคืนมา เพียงชั่วพริบตาเดียวอากัปกิริยาของทุกคนก็กลับมาสุภาพเรียบร้อยเป็นายน้อยคนเดิม
“ทุกท่าน เชิญนั่ง” เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าออกมาเบาๆ นั่งลงตรงตำแหน่งส่วนหน้าที่ยังว่างอยู่ มองไปยังเย่ชิงหานด้วยความสนใจแล้วพูดขึ้น “คุณชายหานฉลาดปราดเปรื่องเป็อย่างยิ่ง คารมในการพูดจาก็ล้ำเลิศ สำนวนแต่ละคำงดงามประณีต อธิบายได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ชิงเฉิงเคารพนับถือจากใจจริง...คุณชายหานคงจะเป็ลูกชายคนเดียวของผู้าุโเย่เตาสินะ”
“หืม?”
เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่าและหลงสุ่ยหลิวมองเย่ชิงหานอย่างประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าเยว่ชิงเฉิงจะประเมินเย่ชิงหานสูงขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเื่แรกที่ถามขึ้นกลับเป็ประวัติชีวิตภูมิหลังของเย่ชิงหาน ได้ยินว่าเย่ชิงหานคือลูกชายของเย่เตายิ่งทำให้รู้สึกแปลกประหลาดขึ้นไปอีก ได้ยินมาว่าลูกชายของเย่เตาเป็ไอ้ขยะไร้พร์มิใช่รึ? ถ้าเย่ชิงหานที่มีพร์ร้ายกาจขนาดนี้ มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวขนาดนี้ยังเป็ไอ้ขยะอีกละก็ อย่างนั้นพวกเขาคงเป็ได้แค่กรรมกรใช้แรงงานในเหมืองไปแล้ว
แต่เดิมชื่อเสียงของเย่ชิงหานในตระกูลก็ไม่ได้โด่งดังอะไรอยู่แล้ว ประกอบกับหน่วยข่าวกรองของแต่ละตระกูลเองยังทำงานได้ไม่ดีนัก เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่ชิงหานเป็ผู้ที่มีพร์ร้ายกาจของตระกูลเย่ที่ถูกฝึกมาอย่างเป็ความลับ คิดไม่ถึงว่าจะเป็ลูกชายของเย่เตา
ไอ้ขยะ? มีเพียงเสว่อู๋เหินที่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น หลายเดือนก่อนเขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
“ถูกต้อง! เย่ชิงหานขอเป็ตัวแทนบิดาแสดงความขอบคุณต่อความรักของผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์ และแสดงความเสียใจต่อการจากไปของท่านอีกด้วย แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้เื่ราวของบิดาตอนที่ยังมีชีวิตมากเท่าไร แต่ข้าก็รู้สึกได้ว่าในใจของเขาก็มีความรู้สึกผิดและเสียใจต่อผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์อยู่ สำหรับผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์ชิงหานก็มีเคารพนับถืออย่างมากเช่นเดียวกัน” เย่ชิงหานโค้งลำตัวลงเล็กน้อย แต่ภายในใจนั้นอับจนด้วยปัญญาอย่างยิ่ง ท่านพ่อน่ะท่านพ่อหนี้สินความเ้าชู้ของท่านต้องให้ข้ามาขอโทษแทนและคอยเช็ดก้นให้อีก
“ไม่เป็ไร อาหญิงเยว่เอียนเอ๋อร์ก่อนที่จะตายก็ไม่เคยพูดว่าเสียใจที่ได้รักผู้าุโเย่เตา นางยังเคยพูดประโยคหนึ่งว่า บนโลกใบนี้บุรุษที่แท้จริง...มีเพียงเย่เตา ข้าไม่เคยนึกเสียใจกับการเลือกของข้าในตอนนั้น” เยว่ชิงเฉิงทอดถอนใจออกมาเบาๆ สายตาเริ่มเลือนรางคล้ายกับกำลังคิดถึงเื่ราวบางอย่างในอดีต
“ไอ้หยา! นายน้อยหานเ้าทำอย่างนี้ไม่ถูกต้องแล้วละ จนถึงป่านนี้ข้าถึงค่อยรู้ว่าแท้จริงแล้วเ้าก็คือลูกชายของผู้าุโเย่เตาที่ข้าเคารพนับถือที่สุดผู้นั้น ทำอย่างนี้ไม่สมกับเป็เพื่อนเลยจริงๆ” เฟิงจื่อได้ยินดังนั้นไม่พอใจขึ้นมาทันที มองเย่ชิงหานอย่างขุ่นเคือง
เฟิงจื่อที่ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็มัดๆ ราวกับคนเถื่อนตัวั์จากเขตปกครองเทพา กลับใช้สายตาขุ่นเคืองราวกับหญิงสาวมองไปยังมายังเย่ชิงหาน หรือต่อให้เป็ผู้ชายคนไหนๆ ก็คงทนรับกับสายตาเช่นนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเย่ชิงหานไม่ได้หันไปสนใจเขาอีกเพียงแต่พูดออกมาว่า “เ้าไม่ถามข้าแล้วจะให้ข้าบอกอย่างไร หรือว่าจะให้ข้าเห็นใครก็ต้องไปสะกิดบอกเขาว่า...ข้านี่แหละลูกชายเย่เตา?”
“มันก็จริง เฟิงจื่อหรือว่าเ้าเห็นใครๆ ก็ร้องะโออกมาบอกเขาว่า ข้าคือคนบ้า คนบ้าก็คือข้า?” ฮวาเฉ่าที่อยู่ข้างๆ รีบพูดรับคำของเย่ชิงหาน ใบหน้าที่งดงามของเขายิ้มออกมาทำให้น่าดูเป็อย่างมาก
“ฮ่าๆ...”
ทุกคนหัวเราะออกมาด้วยความเบิกบานใจ ทำลายบรรยากาศเคอะเขินเมื่อสักครู่จนหมดสิ้น เมื่อสักครู่ที่ทำขายหน้าไปไม่เป็ไร แค่ต้องรีบทำคะแนนกลับคืนมาให้ไวที่สุดก็พอ ครั้นแล้วทุกคนจึงเตรียมที่จะโชว์ของดีของตนออกมาเพื่อสร้างความประทับใจให้สาวงามที่อยู่ตรงหน้าจดจำตนเองไว้
เพียงแต่...การแสดงยังไม่ทันที่จะเริ่มก็ต้องจบลงเสียก่อน เรือน้อยลอยมาถึงยังสถานที่จุดหมายพอดี เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ
มองดูสาวงามเดินห่างออกไปอย่างช้าๆ มองดูเกาะที่อยู่เบื้องหน้าที่เป็ดั่งดินแดน์ภายในดวงใจของเหล่าบุรุษทั้งหลาย ชั่วพริบตาเดียวจิตใจของทุกคนเริ่มซับซ้อนสับสนวุ่นวายขึ้นมาในทันที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้