หลังจากวางแจกันไว้บนกลางฝ่ามือของรูปสลักพระโพธิสัตว์กวนอิม ก็ได้ยินเสียงครืดดังกระหึ่ม รูปสลักพลันเลื่อนออก เผยให้เห็นช่องทางเข้าสายหนึ่ง
ถังชิงหรู อิงฉี เฉินิ และถังอวี้ซูต่างสบตากัน
"ที่นี่เป็อาณาเขตของพวกเ้า เ้าตัดสินใจเถอะ ใครจะรู้ว่าในนั้นมีอะไรบ้าง หากไม่อยากให้พวกเราเข้าไป พวกเราก็จะไม่เข้า" เฉินิปรายตาไปที่อิงฉี เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
"ท่านอ๋องชิ่ง ชาวเผ่าอิงกูเรา วาจาที่ลั่นออกไปแล้ว แม้สี่อาชายังยากตามกลับคืน ข้าผู้เป็หัวหน้าเผ่าวาจาหนักแน่นยิ่งเก้ากระถางศักดิ์สิทธิ์ อย่าได้เอาข้าไปเทียบกับคนชั้นต่ำพรรค์นั้น"
อิงฉีเข้าไปคนแรก ก่อนเอี้ยวศีรษะกลับมากวักมือเรียกถังชิงหรู "รีบเข้ามา พวกเราไปสำรวจข้างในกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง แต่ถ้ามีของประเภทโลงศพคนตาย ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกันนะ ฮ่าๆ ๆ "
ถังชิงหรูเหลือบสายตาไปทางเฉินิ ก่อนเอ่ยว่า "ไปเถอะ เข้าไปดูก่อน ส่วนจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ ถึงเวลาค่อยดูสถานการณ์อีกคราก็ได้" ถังอวี้ซูตบบ่าของเฉินิ ก่อนเดินตามเข้าไป
ทั้งสี่คนเดินผ่านทางเข้า สิ่งที่เห็นก็คือภาพบนฝาผนังซึ่งมีสีสันแปลกตาเป็พิเศษ ดูเหมือนว่าจะเป็รูปแบบของเผ่าอิงกู
"ข้าสงสัยว่าเ้าจะเดาถูก ที่นี่อาจมีทั้งโลงศพและร่างของคนตายจริงๆ " ถังชิงหรูมองภาพเขียนบนฝาผนังเ่าั้ก่อนตีความออกมา
"งั้นข้าจะไปดูสักหน่อยว่าเป็โลงศพกับร่างของผู้ใด" อิงฉียิ้มกล่าว "พวกเ้าคงไม่กลัวหรอกนะ?"
"เ้ายังไม่กลัว แล้วพวกเราต้องกลัวด้วยหรือ เพียงแต่หากเป็บรรพบุรุษของเ้า พวกเราบุกเข้าไป จะไม่เป็การรบกวนดวงิญญาของพวกเขาหรอกหรือ" เฉินิมองไปโดยรอบ สายตากวาดผ่านไข่มุกราตรีบนผนัง เอ่ยว่า "ไหนบอกว่าเผ่าอิงกูลำบากยากแค้น แค่เอาของที่อยู่บนนั้นออกมาสักเม็ด ก็พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพวกเ้าไปได้อีกสิบยี่สิบปี"
อิงฉีมองเฉินิด้วยสายตาดูแคลน โต้กลับไปว่า "ท่านอ๋องชิ่ง ท่านมีความสามารถเอามันลงมาได้ไหมเล่า ของเหล่านี้อายุกี่เดือนปีแล้วมิอาจทราบได้ อีกอย่างมันถูกฝังอยู่ในกำแพงหิน จะกลายเป็อันหนึ่งอันเดียวกันกับกำแพงไปแล้ว ต่อให้ใช้ช่างที่มีความชำนาญ ก็ยังไม่แน่ว่าจะงัดออกมาได้หรือไม่ อีกอย่าง นี่เป็ของบรรพบุรุษ พวกเราไม่กล้าแตะต้อง"
"คนหัวรั้น" เฉินิพึมพำ "ประโยคสุดท้ายถึงจะเป็สาเหตุที่แท้จริงกระมัง"
ถังชิงหรูปรามพวกเขาไม่ให้พูด ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ปรากฏประตูอีกบาน พวกเขาลองเคาะๆ ดู พบว่าข้างในเป็ช่องว่าง ก็แสดงว่าประตูบานนั้นสามารถเปิดออกได้ แต่ปัญหาก็คือทั้งผลักไม่เข้า ดึงไม่ออก พวกเขาต้องคิดหาวิธีอื่นเพื่อเปิดประตู
เฉินิเห็นกรอบทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆ นับไม่ถ้วนบนประตู ดูเหมือนไม่มีกฎเกณฑ์อันใด แต่ภายในกรอบเล็กๆ เ่าั้กลับมีลวดลายที่ไม่ต่อเนื่อง จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เขาลองเลื่อนดู ปรากฏว่ามันสามารถขยับได้ ก็แสดงว่ากรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ เ่าั้สามารถนำมาประกอบเป็รูปภาพ หากทำสำเร็จก็จะเปิดประตูบานนี้ได้
ขณะที่เฉินิเคลื่อนกรอบสี่เหลี่ยมชิ้นนั้น ก็ได้ยินเสียงครืดคราดดังมาจากประตู เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร กลับเป็ถังชิงหรูที่เคยพบเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ด้วยประสบการณ์ของนาง หากมีเสียงแบบนี้เกิดขึ้น ก็เป็สัญญาณเตือนบางอย่าง แสดงว่าระบบได้ถูกเปิดใช้งานและตั้งเวลาไว้แล้ว ขณะนี้มันกำลังนับถอยหลัง
"พวกเ้ารีบช่วยกันต่อภาพออกมาเถิด ได้ยินเสียงนั่นหรือไม่ การนำของสิ่งนี้มาปะติดปะต่อกันมีเวลาจำกัด หากเสียงนั้นเงียบไปแล้วยังต่อออกมาไม่ได้ ระบบก็จะถูกปิด ถึงเวลานั้นพวกเราจะไปจากที่นี่ได้หรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้"
"มีของแบบนี้ด้วยหรือ" อิงฉีใอย่างมาก "แต่มันละเอียดยิบขนาดนี้ จะต่อได้อย่างไร อีกอย่างภาพบนนั้นก็จางจนแทบมองไม่เห็น"
"ดังนั้นนี่คือบททดสอบ" ถังชิงหรูเอ่ย "ของสิ่งนี้เกิดจากความตั้งใจของผู้ประดิษฐ์ หากสามารถไขปริศนาได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่จำเป็ต้องสร้างกลไกนี้ขึ้นมาก็ได้"
ทั้งสี่ต่างร่วมแรงร่วมใจต่อภาพเขียนรูปนั้นอย่างสุดความสามารถ เวลาล่วงผ่านไปทีละน้อย เสียงติ๊กต็อกยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง พานให้อกสั่นขวัญแขวนและร้อนใจ พวกเขาสับเปลี่ยนตำแหน่งของภาพนั้นไม่หยุด แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจต่อให้เป็รูปภาพได้
"โอ๊ย..." อิงฉีร้อนรนกระวนกระวาย "ทำไปเพื่ออะไรกันเนี่ย"
"อย่าใจร้อน" ถังอวี้ซูปลอบประโลม "ยิ่งร้อนใจ ยิ่งยากจะประกอบออกมาได้"
ถังชิงหรูฟังวาจาของถังอวี้ซู มือก็หยุดชะงัก พลางหันไปมองถังอวี้ซู ดวงตาทอประกายวาบ
"เ้ากล่าวไม่ผิด" ถังชิงหรูดึงมือของเฉินิให้หยุด
เฉินิกำลังง่วนอยู่กับการต่อภาพ เห็นทุกคนหยุดกันหมดไม่ว่า ยังจะให้ตนเองหยุดไปด้วย ก็ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม
"ทำไมล่ะ" เฉินิมองดูภาพเ่าั้ "พวกเ้าต้องรีบช่วยกันต่อสิ"
"อย่าต่ออีกเลย" ถังชิงหรูมองดูภาพเ่าั้ "นับว่าอวี้ซูเตือนสติให้ข้าคิดได้ สีสันของภาพเ่าั้อ่อนจางมากจนแทบมองไม่เห็น แต่เสียงที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องกลับยิ่งทำให้พวกเราลนลาน นี่ไม่ใช่บททดสอบสติปัญญา แต่เป็การทดสอบความอดทนของพวกเรามากกว่า หากข้าเดาไม่ผิด ตราบใดที่พวกเราไม่ไปแตะต้องภาพเ่าั้ เสียงก็จะหยุดไปเอง แต่ถ้ายังคงััพวกมันต่อไป เสียงก็จะดังอยู่เรื่อยๆ เป็เสมือนคำสาปแช่งที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกเรา
แม้ถังชิงหรูจะกล่าวมีเหตุผล แต่ทุกคนก็ยังคงหวาดวิตก หากนางเดาผิด กลไกของที่นี่ก็อาจปิดตัวลง ความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในนี้เป็เื่เล็ก แต่พวกเขาออกไปไม่ได้สิถึงเป็สิ่งสำคัญที่สุด แต่อย่างไรเสีย พวกเขาต่างก็หยุดกันหมดแล้ว ดังนั้นแม้จะว้าวุ่นใจ ก็ต้องดูว่าการวิเคราะห์ของถังชิงหรูจะมาถูกทางหรือไม่
คลิก! ในที่สุดเสียงก็เงียบหายไป
แต่ละคนต่างกลั้นใจคอยดูว่าประตูใหญ่เบื้องหน้าจะมีการตอบสนองหรือไม่ นี่เป็่เวลาที่สำคัญยิ่ง จะเป็หรือตายก็ต้องดูชั่วยามนี้
ครืด... ประตูเปิดออก
ด้านในเป็ห้องที่กว้างขวาง ภายในนั้นมีสิ่งของวางอยู่เป็จำนวนมาก ั้แ่แจกัน เครื่องลายคราม ไปจนถึงเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ก็มีพร้อมสรรพเกือบทุกอย่าง และมีโลงศพโลงหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง
พวกเขาไม่เปิดฝาโลง แต่ก็จินตนาการสิ่งที่อยู่ในนั้นได้
"คนที่อยู่ในโลงคงเป็บรรพบุรุษของพวกเรา ดังนั้นอย่าไปรบกวนท่านเลย" อวี้ซูกล่าว
ในสายตาของพวกเขาสามคน ที่นี่ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ แต่มันกลับดูลึกลับในสายตาของถังชิงหรู สิ่งของที่อยู่ในนี้หาใช่ของในยุคสมัยนี้ ควรกล่าวว่า ด้วยความเร็วของวิวัฒนาการ ที่นี่ไม่น่าจะมีสิ่งของเหล่านี้ได้ พวกมันน่าจะมาจากยุคสมัยอื่นมากกว่า
เช่นนั้น เหตุใดของจากยุคสมัยอื่นถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าจะมีใครบางคนถูกพลังลึกลับพามายังโลกใบนี้เหมือนตนเอง?
ถังชิงหรู้าเปิดโลงศพเพื่อดูว่ามีสิ่งใดในนั้น แค่เห็นคนที่อยู่ด้านในให้ชัด นางถึงจะคลายข้อกังขาในหัวใจ แต่ต้องได้รับการยินยอมจากอิงฉีเสียก่อน ถึงอย่างไรคนที่อยู่ในนั้นก็อาจเป็บรรพบุรุษของนาง
ไม่! มิใช่อาจจะ แต่เป็บรรพบุรุษของนางอย่างแน่นอน!
"มีอะไรหรือ" อิงฉีเอ่ยถาม "ในนี้มีสิ่งใดผิดปรกติหรือเปล่า"
"ของในนี้คงเป็ของชนเผ่าอิงกู แล้วเหตุใดบรรพบุรุษของเ้าถึงต้องซ่อนมันไว้ในนี้ ไม่ส่งมอบต่อให้อนุชนรุ่นหลังเล่า" ถังชิงหรูถามข้อกังขา
"ที่จริงก็ไม่มีบันทึกเป็ลายลักษณ์อักษรว่าเผ่าของเราก่อตั้งมาอย่างไร หรือว่าก่อตั้งปีไหน และวันเวลาเ่าั้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง พวกเราทุกคนไม่มีใครรู้เื่นี้เลย แม้แต่ข้าผู้เป็หัวหน้าเผ่าก็ไม่รู้ประวัติศาสตร์ของชนเผ่าตนเองเลยสักอย่างเดียว" อิงฉีเอ่ยปากด้วยความจนใจ
"หากเ้าไม่ถือสา ข้าอยากเปิดโลงดูข้างใน" ถังชิงหรูบอกความคิดของตนเองออกไปโดยตรง แล้วรอดูท่าทีตอบสนองของอิงฉี
อิงฉีอึ้งไปพักหนึ่ง ด้วยคาดไม่ถึงว่าถังชิงหรูจะกล่าวออกมาเช่นนี้ นางตรึกตรองแล้วพูดว่า "ที่จริงข้าเองก็อยากรู้ว่าข้างในมีอะไร งั้นมาเปิดดูกันเถอะ"
ถังอวี้ซูไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกนาง แต่คนส่วนน้อยคำพูดย่อมไม่มีน้ำหนัก จึงได้แต่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ มิเอ่ยปากทัดทาน
อิงฉีผลักฝาโลง เสียงดังเอี๊ยดลั่นออกมาจากโลงศพ ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงลั่นขึ้นกลางอากาศ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเกาทัณฑ์จำนวนมากพุ่งออกมาจากกำแพงหิน้า
เฉินิรีบเข้ามาปกป้องถังชิงหรู เขาสะบัดแขนเสื้อปัดเกาทัณฑ์เ่าั้ออกไป ส่วนถังอวี้ซูก็ปกป้องอิงฉี เขาเอาตัวเข้าขวางกำบังนางไว้ด้านหลัง เสียงฉึบดังขึ้น เกาทัณฑ์ดอกหนึ่งเสียบเข้าที่เอวของถังอวี้ซู
"อวี้ซู" อิงฉีตื่นตระหนก เข้ามาประคองเขาด้วยความปวดร้าวใจ "ท่านเป็อย่างไรบ้าง"
"ไม่ตายหรอก" ถังอวี้ซูหัวเราะเบาๆ "อย่ากังวลไปเลย ฝ่าด่านเกาทัณฑ์เหล่านี้ไปให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน"
"จะรับมือไหวอย่างไรเล่า พุ่งออกมาราวกับห่าฝนเช่นนี้ ไม่มีทางหยุดได้อยู่แล้ว" อิงฉีกล่าวจบ ก็หันไปพูดกับถังชิงหรู "ชิงหรู พวกเราถอยก่อนเถอะ"
ถังชิงหรูหันไปหาเฉินิกล่าวว่า "ท่านต้านไว้สักครู่ ข้าจะค้นหากลไก ที่นี่ต้องมีกลไกอย่างแน่นอน"
อิงฉีหน้านิ่วคิ้วขมวด ถังอวี้ซูได้รับาเ็ ตอนนี้ไม่มีแก่ใจจะค้นหากลไกใดๆ ทั้งสิ้น คิดแต่อยากพาเขาไปรักษาอาการาเ็ แต่นางก็เข้าใจความคิดของถังชิงหรู พวกเขามาถึงขั้นนี้ ย่อมไม่อาจล้มเลิกกลางคัน
อิงฉีไม่เป็การต่อสู้ ถังอวี้ซูติดตามาุโในเผ่าพอจะเรียนรู้มาไม่กี่กระบวน แน่นอนว่ามิอาจเทียบกับเฉินิได้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถังอวี้ซูได้รับาเ็เพราะปกป้องอิงฉี เท่านี้ก็เพียงพอให้นางซาบซึ้งใจไปชั่วชีวิต
ถังชิงหรูเร่งค้นหากลไกภายใต้ขอบเขตอันจำกัดของเวลา แล้วก็เป็เช่นที่นางคาดไว้ ที่มุมแคบภายในโลงมีปุ่มอยู่เม็ดหนึ่ง นางลองกดลงไป พายุเกาทัณฑ์ก็หยุดลง
ทุกคนต่างระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
เฉินินั่งลงข้างโลงศพ ยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก
ถังชิงหรูเห็นเช่นนั้นก็ป้อนโอสถให้เขาเม็ดหนึ่ง ทันทีที่เข้าปากก็ละลาย ความเหนื่อยล้าเมื่อครู่พลันสลายไปและกลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
"ของสิ่งนี้ไม่เลว" เฉินิกล่าว "หากทหารของแคว้นเรามียาแบบนี้ยามหมดแรง จะต้องรักษาชีวิตไว้ได้แน่"
"น่าเสียดายที่ของสิ่งนี้ไม่อาจผลิตได้ในปริมาณมาก ดังนั้นท่านอย่าคิดไปเลย" ถังชิงหรูดับความฝันอันไร้เดียงสาของชายหนุ่มจนหมดสิ้น
อย่าว่าแต่สมุนไพรของดาวดวงนี้จะไม่ให้ผลลัพธ์อย่างที่จินตนาการเลย แม้ว่าจะเป็ยาที่ดีที่สุดบนดาวของพวกเขาก็ไม่มีทางสกัดเอาส่วนที่มีประโยชน์ออกมาได้
"โลงใบนี้มีกลไกจริงๆ ด้วย" อิงฉีกล่าวอย่างหงุดหงิด "ทำร้ายอวี้ซูของข้าจนได้รับาเ็ หากไม่ใช่สิ่งของของบรรพบุรุษ ข้าคงทำลายทิ้งไปแล้ว"
"อวี้ซู ตอนนี้ข้าไม่มีล่วมยา ไม่กล้าดึงเกาทัณฑ์ออกจากเอวของท่าน" ถังชิงหรูกล่าว "มีแต่ต้องออกไปถึงจะรักษาอาการาเ็ให้ท่านได้" ถังอวี้ซูย่อมเข้าใจเหตุผล ก็เอ่ยปากอย่างอ่อนโยน "ได้"
"ข้าจะเร่งทำเวลา" ถังชิงหรูตรวจสอบกลไกภายในโลงศพ
โลงใบนี้ออกแบบมาอย่างแยบยล ภายนอกแลดูงามวิจิตร ผู้สร้างมันขึ้นมาจะต้องเป็ระดับปรมาจารย์ และจะต้องเป็คนเดียวกันกับที่ออกแบบกลไกทั้งหมด
ด้วยลวดลายและวัสดุอันวิจิตรประณีต บรรพบุรุษของเผ่าอิงกูผู้นี้จะต้องเปี่ยมไปด้วยความสามารถ เผ่าอิงกูในยามนั้นคงจะแข็งแกร่งมากทีเดียว
"เอ๋?" ถังชิงหรูมองอักษรที่อยู่บนโลงก่อนพึมพำออกมา "ท่านเป็ชาวโลกหรอกหรือ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้