เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเห็นสถานการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้ จึงมองค้อนแม่นมเสิ่นไปอย่างแรงก่อนยื่นมือขึ้นไปจับแก้มของฉู่ลี่ให้หันหน้ากลับไปทางเดิม ก่อนที่นางจะฝืนยิ้มจอมปลอมออกมา “อย่าดื้อไปเลย”
การกระทำที่บุ่มบ่ามของมู่อวิ๋นจิ่นทำให้แม่นมเสิ่นกับติงเสี่ยนเกิดความแปลกใจ รวมทั้งสายตาของฉู่ลี่ก็ชะงักไปชั่วขณะ
นับว่าการรับประทานอาหารเย็นในค่ำคืนนี้ผ่านไปด้วยดี
…
ในยามค่ำคืน มู่อวิ๋นจิ่นเอนกายนอนลงบนที่นอนอันอ่อนนุ่ม พร้อมกับนึกถึงเื่ของตระกูลเวินที่จื่อเซียงเล่าให้ฟัง
ภายในหัวสมองของนางพรั่งพรูความคิดมากมายนับมิถ้วน
ดูท่าหลายปีมานี้เ้าของร่างที่แท้จริง อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก ด้วยเกรงว่าจะถูกกักตัวอยู่ในเรือนมวลบุปผา และจะต้องมีเหตุให้ถึงแก่ชีวิตกระมัง
แต่เมื่อิญญาของนางเข้าสู่ร่างของคุณหนูสามสกุลมู่ที่ถูกบีบคอจนตาย จึงก่อให้เกิดเื่ราวปัญหามากมายเข้ามาหาอย่างไม่หยุดหย่อน
หรือว่านี่เป็เพราะนางดวงแข็งเกินไป?
หากเป็เช่นนั้นจริง นับจากนี้คงต้องระมัดระวังนิสัยของตัวนางเองให้ดีเสียแล้ว
มิเช่นนั้นการมีศัตรูมากหน้าหลายตา นางอาจทำให้นางรับมือทั้งหมดไม่ไหว
…
ในเช้าวันถัดมาในที่สุดวันเกิดของฉู่ลี่ก็มาถึง
เมื่อคืนนี้กว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะนอนหลับ เวลาก็ล่วงเลยไปเที่ยงคืนแล้ว เช้าวันนี้กลับถูกจื่อเซียงปลุกด้วยเสียงดังโครมครามจนต้องตื่นมานั่งง่วงเหงาหาวนอนอยู่หน้าโต๊ะผลัดแป้ง
“คุณหนู วันนี้ั้แ่เช้าขุนนางน้อยใหญ่ต่างมาส่งของขวัญที่จวนไม่น้อย ทว่ากลับถูกแม่นมเสิ่นปฏิเสธกลับไปทุกราย” จื่อเซียงช่วยมู่อวิ๋นจิ่นเกล้าผมไปด้วย เอ่ยปากไปด้วย
มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเพียงว่า “ฉู่ลี่ผู้นี้ไม่เคยให้โอกาสใครทั้งนั้น สงสัยขุนนางเ่าั้ที่หวังประจบเลียแข็งเลียขาเขา จะต้องเหนื่อยลากเืเสียกระมัง”
จื่อเซียงหัวเราะชอบอกชอบใจ
หลังจากที่ผลัดแป้งเป็ที่เรียบร้อยแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก ด้านจื่อเซียงที่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นมือว่างเปล่าพลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนูของขวัญแสดงความยินดีล่ะเ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวเข้าไปช่วยหยิบให้เ้าค่ะ”
“ของขวัญแสดงความยินดี?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน “เจอหน้าที่ห้องทานอาหารก็เรียบร้อยแล้ว”
“ช่างลึกลับอะไรขนาดนั้นเลย ดูท่าทางแล้วคุณหนูคงจะใช้ความคิดไปเป็อย่างมากนะเ้าค่ะ” จื่อเซียงยกมือขึ้นป้องปาก
เมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหารได้ยินเพียงเสียงแม่นมเสิ่นกำลังบ่นพึมพำอยู่ “นี่มันน่ารำคาญจะตายชัก ทั้งเหล่าขุนนางใหญ่น้อยรู้ทั้งรู้ว่าองค์ชายไม่รับของขวัญวันเกิดแต่อย่างใด ยังจะสรรหาของขวัญวันเกิดมาส่งไว้ที่หน้าจวน”
“การวางของขวัญวันเกิดไว้ข้างนอกจวน ดูแล้วสร้างความสกปรกไม่เป็ระเบียบ”
แม่นมเสิ่นให้คนไปหยิบกล่องของขวัญที่ส่งมาจนเต็มโต๊ะ จากนั้นยกมือปาดเหงื่อ และบีบนวดตรงสะเอว
เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินออกมา แม่นมเสิ่นก็ผายมือให้ดูของขวัญที่ถูกส่งมาแสดงความยินดี “พระชายา ของขวัญเหล่านี้จะจัดการอย่างไรดีเ้าคะ? ปกติแล้วองค์ชายไม่รับของขวัญวันเกิดเ้าค่ะ!”
“โยนออกไปก็สิ้นเื่ ฉู่ลี่ไม่เอา เหล่าขุนนางไม่เอา สุดท้ายต้องมีคนที่อยากได้” มู่อวิ๋นจิ่นพูดไปหัวเราะไป
“เอ่อ…” แม่นมเสิ่นอึกอัก
มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เห็นสำรับอาหารเช้าจัดวางอยู่บนโต๊ะ จึงเอื้อมมือไปหยิบขนมถั่วแดงขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “ฉู่ลี่ไปไหน?”
“องค์ชายเข้าวังั้แ่เช้าตรู่แล้วเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นตอบ
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับทราบ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา และนั่งลงรับประทานอาหารเช้า
…
จนกระทั่งถึงยามหวงฮุน[1] ฉู่ลี่ถึงได้เดินทางกลับมาถึงจวน
“กลับมาแล้วหรือเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นนั่งคอยั้แ่ตะวันยังไม่ตกดิน เพื่อรอรับองค์ชายหก
ส่วนมู่อวิ๋นจิ่นก็ถูกแม่นมเสิ่นลากให้อยู่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อรอฉู่ลี่ เมื่อเห็นเขากลับมาจึงผ่อนลมหายใจ ก่อนลุกขึ้นบิดี้เีไปมา
“องค์ชาย เหตุใดถึงกลับมาเสียดึกดื่นล่ะเ้าคะ?” แม่นมเสิ่นรินน้ำชาไปถามไป
ฉู่ลี่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบหลางตอบเสียงเรียบว่า “ปรึกษาเื่ราชการกับเสด็จพ่อ ทำให้เวลาล่วงเลยมาเสียหน่อย”
“ที่แท้เป็อย่างนี้นี่เองนะเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นพยักหน้ารับงก ๆ “วันนี้เป็วันเกิดขององค์ชาย บ่าวได้ปักปลอกหมอนรูปยวนยางหนึ่งคู่ให้องค์ชายและพระชายาเ้าค่ะ”
จากนั้นแม่นมเสิ่นหันไปหยิบของขวัญแสดงความยินดี ส่งให้แก่ฉู่ลี่
มู่อวิ๋นจิ่นมองตามมือของแม่นมเสิ่น เห็นเป็ปลอกหมอนสีแดงสด เป็คู่ยวนยางที่ซบไหล่อิงแอบกัน
เมื่อฉู่ลี่เห็นเป็รูปคู่ยวนยาง[2] ก็แอบชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะยื่นมือออกไปรับมา “ลำบากเ้าแล้ว”
“ไม่ลำบาก ไม่ลำบากแม้แต่น้อยเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นแววตาเปี่ยมด้วยความดีใจที่ฉู่ลี่รับของขวัญที่ตนเตรียมไว้ จากนั้นหันไปมองมู่อวิ๋นจิ่น “พระชายาหก ของขวัญวันเกิดของท่านล่ะเ้าคะ?”
มู่อวิ๋นจิ่นเผยอปากขึ้น ก่อนยิ้มอย่างมีเลศนัย “วางอยู่บนโต๊ะทานอาหารแล้ว”
…
เมื่อเดินไปถึงห้องอาหาร
ทุกคนต่างเห็นอาหารเลิศรสจัดวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะไปหมด ทุกสายตาต่างมองด้วยความใ จากนั้นก็พากันมองดูสีหน้าท่าทางของฉู่ลี่
ฉู่ลี่ขมวดคิ้วมองอาหารที่เรียงรายเต็มโต๊ะ ก่อนจะใช้สายตาเ็ากวาดมองมายังมู่อวิ๋นจิ่น
“มู่! อวิ๋น! จิ่น!”
ฉู่ลี่จ้องเขม็งไปที่มู่อวิ๋นจิ่นสายตาเ็า ระคนความขัดเคืองจนต้องเปล่งชื่อนางออกมาทีละคำเสียงดังฟังชัด
ติงเสี่ยนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่ลี่ หันหน้ามาทำท่าเหมือนยกมือขึ้นมาปาดคอ ทั้งแววตายังแสดงความเศร้าสร้อย
มู่อวิ๋นจิ่นทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว เฉยเมยกับสายตาของฉู่ลี่ที่จับจ้องมา พร้อมกับชี้ไปยังอาหารเลิศรสที่วางเรียงรายไว้เต็มโต๊ะ “นี่คือแกงเนื้อวัวหูหลัวปัว หูหลัวปัวผัดไข่ไก่ หูหลัวปัวผัดผักดอง…”
มู่อวิ๋นจิ่นยืนแนะนำอาหารสิบสองจานอย่างละเอียดให้ทุกคนได้ยิน และแนะนำอาหารทะเลที่ทำกับหูหลัวปัว
“หูหลัวปัว[3] ผัดตับหมูเป็อาหารที่ดีที่สุดในนี้เลย”
แม่นมเสิ่นกับติงเสี่ยนที่ยืนฟังมู่อวิ๋นจิ่นแนะนำ ต่างส่ายหน้าพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็การบอกให้มู่อวิ๋นจิ่นหยุดอธิบายได้แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นมองข้ามสายตาของพวกเขาไป และเอาแต่จับจ้องไปที่ฉู่ลี่ “ถึงแม้องค์ชายจะไม่ชอบทานอาหารเหล่านี้ แต่นี่เป็อาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์ ที่สำคัญข้าได้ให้บ่าวรับใช้นำหูหลัวปัวปรุงใส่ไปในอาหารทุกอย่างแล้ว และรสชาติของหูหลัวปัวคงจะไม่แสดงออกมา”
“องค์ชายจะลองทานดูหรือไม่?”
ฉู่ลี่ที่จ้องมู่อวิ๋นจิ่นด้วยแววตาที่แข็งทื่อ แต่ไม่นานนักก็กลายเป็แววตาที่ร้อนระอุแทบปะทุออกมา
“ทานอาหารเถอะ”
ฉู่ลี่แสยะยิ้มก่อนนั่งลงบนเก้าอี้
ทางด้านแม่นมเสิ่นกับติงเสี่ยนหันหน้าสบตากันด้วยไม่อยากจะเชื่อ องค์ชายยอมทานอย่างนั้นหรือ?
ในระหว่างที่รับประทานนั้น มู่อวิ๋นจิ่นเอาแต่คีบหูหลัวปัวให้กับฉู่ลี่อยู่ตลอด ส่วนเนื้อและผักชนิดอื่น นางกลับคีบใส่ชามตนเอง
ฉู่ลี่หน้าบูดบึ้ง ในใจเริ่มโกรธขึ้ง แต่ยังคงระงับความโกรธก่อนพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เปิ่นหวงจื่อ[4] จำได้ว่าเ้าก็ชอบทานหูหลัวปัวเหมือนกันนี่”
มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังเคี้ยวเนื้อวัวอยู่ในปากก็ตอบกลับฉู่ลี่ไปว่า “วันนี้เป็วันเกิดขององค์ชาย เหล่านี้ล้วนเป็ของขวัญวันเกิด ขอให้องค์ชายทานให้อร่อยแล้วกัน”
ได้ยินเช่นนั้นฉู่ลี่จึงเผยอปากเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “ถ้าเ้าไม่กลัวเปิ่นหวงจื่อระงับเงินสามหมื่นตำลึงทอง ก็ให้เปิ่นหวงจื่อทานของพวกนี้ลงไปอีก”
“...” มู่อวิ๋นจิ่นชะงักลงไปชั่วขณะ
ดูเหมือนว่านางกำลังถูกองค์ชายหกข่มขู่ใช่หรือไม่?
มู่อวิ๋นจิ่นคันปากยิบ ๆ อยากสวนกลับอย่างแรง ทว่าครั้งก่อนนางก็ถูกฉู่ลี่เล่นงานกลับ จึงเลือกสงบปากสงบคำเสียดีกว่า
หลังจากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาลง คีบหูหลัวปัวเข้าปากบ้างอย่างไม่ส่งเสียงใด
ฉู่ลี่จึงค่อยผ่อนคลายอารมณ์ที่ขึงขังลงหน่อย
…
ระหว่างที่เดินกลับเรือนลี่เฉวียน มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปด้วยพลางยกมือขึ้นลูบท้องที่อิ่มแปล้ไปด้วย
ฉู่ลี่ชำเลืองมองท่าทางมู่อวิ๋นจิ่นด้วยหางตา “ั้แ่วันพรุ่งนี้เปิ่นหวงจื่อจะต้องไปทำธุระนอกเมืองสักครึ่งเดือน”
พูดจบฉู่ลี่ก็ไม่รู้ตัวว่าเหตุใดต้องบอกเื่นี้ให้มู่อวิ๋นจิ่นทราบด้วย
“โห จะไม่อยู่อีกครึ่งเดือนเลยหรือ? เช่นนั้นพาข้าไปด้วยได้หรือไม่? วัน ๆ ข้าอยู่แต่ในจวนจนจะเฉาตายอยู่แล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกตาโตด้วยไม่ค่อยสบอารมณ์
ฉู่ลี่คาดไม่ถึงว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะมีข้อเสนอเช่นนี้
เดิมทีองค์ชายหกอยากปฏิเสธทันที ทว่าพอมองแววตาที่ลุกวาวด้วยความหวังของนางแล้ว จึงพยักหน้าอนุญาตโดยมิรู้ตัว
“องค์ชาย…” ติงเสี่ยนเดินเข้าไปกระซิบข้างหูฉู่ลี่
“ไม่เป็ไร การไปครั้งนี้ไม่ค่อยเคร่งเครียด” ฉู่ลี่เอ่ยขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นรีบถลึงตามองติงเสี่ยน จากนั้นจึงหันมาฉีกยิ้มที่แลดูอ่อนหวานให้กับฉู่ลี่ “พูดแล้วนะ ครั้งนี้พาข้าไปด้วย”
“อืม” ฉู่ลี่พยักหน้ารับ
เมื่อตกลงกับฉู่ลี่เป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นก็รีบเดินกลับห้องเก็บข้าวเก็บของ
“คุณหนู บ่าวต้องตามไปด้วยหรือไม่เ้าคะ?” จื่อเซียงมองมู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัว
“เ้านี่นะ ข้าไปแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นเหล่ตาตอบจื่อเซียง
“กระนั้นบ่าวไม่ติดตามไปด้วยก็ได้ อย่างไรเสียองค์ชายหกก็อยู่กับคุณหนู” จื่อเซียงเปรยเสียงเรียบ
“ช่างบังเอิญเสียจริง คราวนี้คุณหนูจะได้มีโอกาสอยู่กับองค์ชายหกสองต่อสองบ้าง”
“เ้าอย่าคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย ข้าแค่อยากออกไปดูที่นอกเมืองเตี๋ยฮวาเท่านั้นเอง” มู่อวิ๋นจิ่นหันไปเขกหัวจื่อเซียงเบา ๆ
มู่อวิ๋นจิ่นพอเข้าใจอาณาจักรซีหยวนที่เป็ของชางฮัวอยู่บ้าง กับสามอาณาจักรที่ประกอบด้วยอาณาจักรตงหลิน อาณาจักรหนานถิงและอาณาจักรเป่ยิที่กว้างใหญ่ และยังมีอีกหลายอาณาจักรที่นางยังไม่เคยไป นางไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเตี๋ยฮวาไปจนแก่หรอก
ในระหว่างที่นางเก็บสัมภาระเป็ที่เรียบร้อยแล้ว ด้านนอกห้องก็มีเสียงเคาะดังขึ้น “พระชายาถึงเวลาออกเดินทางแล้วขอรับ”
หือ?
“เดินทางดึกดื่นเที่ยงคืนเลยหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้น
“ใช่แล้วขอรับ องค์ชายเตรียมตัวออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รอพระชายาขอรับ” ติงเสี่ยนตอบกลับ
มู่อวิ๋นจิ่นนึกถึงเื่ราวในเมื่อก่อน เวลาที่นางตื่นนอนขึ้นมาก็จะไม่พบฉู่ลี่ แท้จริงแล้วเขาชอบออกเดินทาง่เวลากลางคืนนี่เอง
คิดมาถึงตรงนี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็หิ้วกระเป๋าเดินออกไปหน้าประตู
พอนางเดินออกมาติงเสี่ยนก็นำทางไปที่ประตูหลังของจวน
ประตูหลังจวนในเวลานี้มีรถม้าสีดำสนิทรออยู่
มู่อวิ๋นจิ่นเดินขึ้นรถม้าก็ได้พบกับฉู่ลี่ที่นั่งพิงพนัก หลับตาสนิทอยู่ด้านใน
มู่อวิ๋นจิ่นจึงโยนกระเป๋าลงด้านข้าง ก่อนหย่อนตัวลงบนที่นั่งแล้วเปลี่ยนเป็นอนแผ โดยที่ฉู่ลี่กำลังนั่งหลับตาอยู่
นอนนี่แหละถือว่าสบายที่สุดแล้ว!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น มู่อวิ๋นจิ่นก็หาวออกมาด้วยความง่วง ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้าเข้าสู่ห้วงนิทรา
ในระหว่างที่นางหลับตาลงนั้นเอง ฉู่ลี่กลับลืมตาขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ภาพเบื้องหน้าเป็มู่อวิ๋นจิ่นกำลังนอนสบายอุราโดยถือหยกประจำตัวไว้แน่น
......................................................................................................................................................................
[1] ยามหวงฮุน คือ ่เวลาประมาณ 19.00-21.00 น.
[2] ยวนยาง คือ เป็ดแมนดาริน เป็สัญลักษณ์แสดงถึงความรักใคร่ของสามีภรรยา
[3] หูหลัวปัว คือ แครอท
[4] เปิ่นหวงจื่อ สรรพนามที่องค์ชายเรียกแทนตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้