เมื่อเห็นว่าเป็การตัดได้นักธุรกิจที่ล้อมดูอยู่นั้นจึงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที พวกเขาจึงเดินขึ้นไปล้อมตัวหลินเยว่ไว้อย่างแ่า
“สหายหนุ่ม ผมให้ 4 แสนหยวน คุณขายหินหยกก้อนนี้ให้ผมได้ไหม?” นักธุรกิจคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นพูดพร้อมยิ้มอย่างประจบ
“ผมให้ 4.5 แสนหยวน คุณให้ผมนะ ราคานี้เป็อย่างไรล่ะ?”นักธุรกิจอีกคนจึงเอ่ยขึ้นมาบ้าง
เมื่อมีนักธุรกิจ 2 คนเริ่มพูดนำขึ้นมา นักธุรกิจคนอื่นๆจึงไม่ยอมแพ้ และรีบเสนอราคาของตนเองขึ้นมาบ้าง
“5 แสน!”
“5.3 แสน!”
……
ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึง 7แสนแต่ราคานี้ก็ยังห่างไกลกับราคาที่หลินเยว่ตั้งอยู่ในใจที่ 1.2 ล้านหยวนมากนักยิ่งไปกว่านั้นหยกที่ตัดออกมาไม่ได้มีมูลค่าแค่ 1.2 ล้านหยวนด้วยนะ
โจวเต๋อเซิงไม่ได้เสนอราคาออกมา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มค้างไว้อยู่ตลอดตอนนี้เขาเข้าใจความหมายของหลินเยว่แล้ว ที่อีกฝ่ายพูดออกมาว่ามีธุรกิจมูลค่า 1ล้านนั้นก็คือหินหยกก้อนตรงหน้านี้นั่นเองในเมื่อได้ตกลงกันไว้แล้ว สุดท้ายหินหยกก้อนนี้ย่อมตกเป็ของเขาอย่างแน่นอนถ้าเช่นนั้นเขายังต้องไปแย่งเสนอราคาทำไมล่ะ!
ขณะที่หลินเยว่ฟังราคาที่ผู้คนรอบๆ เสนอขึ้นมาเขาก็ส่ายศีรษะอยู่ตลอด และเวลานี้เองก็มีคนคนหนึ่งะโออกมาเสียงดัง“พวกคุณเลิกแข่งกันเสนอราคาได้แล้ว เขา้าใช้หินหยกก้อนนี้เพื่อใช้หนี้คืนในราคา1.2 ล้านหยวนราคาที่พวกคุณเสนอมันต่ำจนเกินไป เขาไม่มีทางขายหรอก!"
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น เสียงหัวเราะของผู้คนรอบๆก็ดังฮือขึ้นมาทันที ส่วนหลินเยว่ก็ยังคงยิ้มรับเท่านั้น เพราะสิ่งที่คนผู้นี้พูดขึ้นมาเป็ความจริงนั่นเอง
นักธุรกิจที่เสนอราคาเ่าั้ก็เริ่มยิ้มอย่างขัดเขินแต่ทว่าพวกเขาต่างมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ดังนั้นใบหน้าแดงเล็กน้อยในตอนแรกพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่หนึ่งในนักธุรกิจกลุ่มนี้ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่คิดอยากทดลองเป็ครั้งสุดท้าย“สหายหนุ่ม หากคุณยังตัดหินหยกก้อนนี้ต่อไปอาจจะตัดเจ๊งก็ได้นะ สู้ขายให้กับผมก่อนไม่ดีกว่าหรือผมยอมให้ 8 แสนหยวนดีไหมล่ะ?”
อันที่จริง ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา เขาก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนักถึงแม้ว่าดูจากหยกที่ปรากฏอยู่ด้านในและร่องรอยสภาพหินนี้แล้วโอกาสการตัดเจ๊งจะมีน้อยมาก แต่ทว่าราคา 8 แสนหยวนก็เป็ราคาสูงสุดเท่าที่เขาจะเสนอออกมาได้แล้ว
หลินเยว่ยังคงส่ายศีรษะ เขาพูดตอบ “ขอโทษด้วย ผมคิดจะตัดต่อไป”
ช่างมีความกล้าหาญมั่นใจไม่ธรรมดาเลย!
คนอายุยังน้อยแต่มีความกล้าเช่นนี้มีไม่เยอะจริงๆ!
คนที่มุงอยู่มีจำนวนไม่น้อยถึงกับอุทานออกมาเมื่อได้ยินหลินเยว่พูดว่าจะตัดหินหยกต่อในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากรู้สึกไม่เข้าใจพฤติกรรมของหลินเยว่ที่เมื่อเห็นผลประโยชน์ตรงหน้าแล้วก็ยังไม่ยอมรับไว้เพราะนี่มันเป็พฤติกรรมของคนโง่ไร้สติจริงๆ!
เขายังหนุ่มเกินไปจึงไม่รู้จักปรับความคิดให้เข้ากับสถานการณ์จริง!
ส่วนเถียนเซิ่งที่มุงดูอยู่ท่ามกลางผู้คนในที่แห่งนี้กลับมองหลินเยว่ด้วยสายตาเลื่อมใสเขารู้สึกว่าคนแบบนี้ถึงจะถือว่าเป็คนแน่จริง กล้าคิดกล้าทำ ไม่กลัวความพ่ายแพ้ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงบิดาของตนเอง เขาจึงต้องถอนหายใจออกมาตัวเขายังมีปัญหาและอุปสรรคมากมายที่คอยขัดขวางอยู่ ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำตัวอิสระไร้ความเกรงกลัวได้อย่างหลินเยว่แต่เมื่อเขาคิดว่าเขากำลังจะได้เงิน 1.2 ล้านหยวนเถียนเซิ่งก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขาจะนำเงิน 1 ล้านคืนให้กับบิดาของเขา ส่วนอีก 2 แสนที่เหลือเขาจะเก็บไว้เอง และเขาจะใช้เงิน2 แสนนี้สร้างกิจการของตัวเองขึ้นมา
เถียนเซิ่งที่มุ่งมั่นตัดสินใจเื่อนาคตของตัวเองได้แล้วจึงกำหมัดแน่นสายตาของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นเด็ดขาดผิดปกติ
หลินเยว่หยิบเครื่องเจียระไนขนาดเล็กขึ้นมาและค่อยๆ ฝนหินหยกในมือขึ้นเพียงไม่นานนักหยกสีเขียวขนาดเท่ากำมือของผู้ใหญ่ก็ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกๆ คนตัวหยกส่องประกายสีเขียวสดใสอย่างเต็มที่ดูเหมือนว่าประกายสีเขียวนี้จะปรากฏขึ้นเต็มก้อนหยกก้อนนี้ สีไม่เข้มแต่ก็ไม่อ่อนอีกทั้งให้ความรู้สึกว่ามีหมอกแห่งเทพเซียนล่องลอยรายล้อมอยู่
เมื่อเห็นหยกเช่นนี้แล้ว สายตาของผู้คนรอบๆต่างจ้องเขม็งทันที หยกเช่นนี้มันหาได้ยากมากจริงๆสามารถพบหยกเช่นนี้ได้ที่เถิงชงก็ถือว่าการเดินทางมาที่นี่ครั้งนี้ไม่เสียเปล่าเลย
หยกชั้นเลิศเลยนะ!
เมื่อโจวเต๋อเซิงเห็นหยกก้อนนี้ก็ตะลึงงันเช่นกันไม่ว่าหยกแบบนี้จะไปวางไว้ที่ไหน ก็ถือได้ว่าเป็หยกคุณภาพเยี่ยมก้อนหนึ่งจริงๆ ความโปร่งใสและการทะลุผ่านของแสงดีมากเป็หยกชนิดเก่าแก่ และเป็หยกเนื้อน้ำแข็ง ที่สำคัญและมีค่าที่สุดก็คือภายในหยกก้อนนี้ไม่มีรอยตำหนิใดๆการพบหยกแบบนี้ได้ในวงการนี้ก็คือได้ว่ามีความคุ้มค่าจริงๆ!
เถ้าแก่เกามองหยกในมือของหลินเยว่ด้วยความละโมบ มันเป็หยกที่งามยิ่งนักมันควรจะตกอยู่ในมือเขาสิ หยกแบบนี้จะให้คนธรรมดามาทำให้แปดเปื้อนได้อย่างไร!
ไม่ได้การละ ผมจะต้องเอามาเป็ของตัวเองให้ได้!
เถียนเซิ่งและวัยรุ่นที่อยู่ข้างๆเขาต่างมองหยกในมือหลินเยว่นิ่งราวกับท่อนไม้ พวกเขาตกตะลึงจนพูดไม่ออกในที่สุดความดื้อรั้นของเถียนเซิ่งก็เข้าใจความหมายของคำว่า ‘เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน’ อย่างแท้จริง แต่ก่อนเขาคิดว่าตนเองพนันหินหยกเก่งกาจมาโดยตลอดดังนั้น เขาจึงกล้าเอาเงิน 1 ล้านหยวนมาพนันหินหยกแต่เมื่อเขาได้เห็นหลินเยว่ในวันนี้เขาถึงได้เข้าใจจริงๆ ว่ายอดคนเป็อย่างไรนอกจากหลินเยว่จะมีฝีมือการตัดหินหยกที่น่าตกตะลึงแล้วเขายังมีความมั่นใจว่าจะสามารถตัดหยกมูลค่ามหาศาลได้จากหินหยกที่มีลักษณะภายนอกดูไม่ดีเช่นนี้ได้ด้วยความมั่นใจแบบนี้ และการที่มีสายตาเฉียบคมเช่นนี้ หลินเยว่มีมากกว่าตนเองไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
แต่ทว่า ณ เวลานี้เถียนเซิ่งไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้หรือล้มเหลวเลยเพราะเขากลับรู้สึกต้องพยายามต่อสู้ให้มากยิ่งขึ้น
หลินเยว่ ผมจะต้องเอาชนะคุณให้ได้!
ต้องทำให้ได้อย่างแน่นอน!!!
เมื่อหยกถูกตัดออกมาแล้วจึงมีนักธุรกิจล้อมเข้ามามากยิ่งขึ้น และครั้งนี้ก็มีความบ้าคลั่งยิ่งกว่าครั้งที่แล้วสีหน้าของแต่ละคนมีคำว่า “บ้าระห่ำ” และ ผลประโยชน์”สองคำนี้ปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ผมให้ 9 แสน!”
“1 ล้าน!”
“1 ล้าน 5หมื่น!”
……
นักธุรกิจทั้งหลายต่างเสนอราคาที่เกินกว่า 1.2ล้านอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเกินกว่ามากเสียด้วย
“ผมให้ 1.5 ล้าน สหายหนุ่ม ขายหินหยกก้อนนี้ให้ผมได้หรือเปล่าราคา 1.5 ล้านมันเกิน 1.2ล้านไปแล้วนะนอกจากจะซื้อหินหยกก้อนนั้นด้วยราคา 1.2 ล้านแล้วยังได้เงินเปล่าๆ มาอีก 3 แสนหยวน”มีนักธุรกิจผู้หนึ่งพูดจาโน้มน้าวหลินเยว่
หลินเยว่ปล่อยให้นักธุรกิจผู้นั้นพูดตามสบายแต่สุดท้ายเขาก็ยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขอโทษพร้อมทั้งส่ายศีรษะ
นักธุรกิจผู้นั้นถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ อันที่จริงเขายินดีเสนอราคาที่สูงกว่านี้แต่เขามองออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะขายหินหยกก้อนนี้ออกมาเลย หากจะต้องพยายามเสนอราคาอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้แล้วเขายอมที่จะถอยออกมาอย่างเข้าใจในสถานการณ์ยังจะดีเสียกว่า
หลินเยว่มองไปยังโจวเต๋อเซิงพวกเขาทั้งคู่สบตากันพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเป็การสื่อความหมายทั้งหมดโดยไร้คำพูด
และเวลานี้เอง เถ้าแก่เกาที่ยืนอยู่ข้างๆจึงเริ่มเอ่ยขึ้นมาบ้าง “สหายหนุ่มหลินเยว่ ผมให้ 1.8 ล้านหยวน คุณขายหยกก้อนนี้ให้ผมได้ไหม?”เมื่อพูดจบ เขาจึงส่งยิ้มให้กับหลินเยว่
1.8 ล้านหยวน?
หลินเยว่ตกตะลึงเขาคาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เกาจะเอ่ยปากเสนอราคาในตอนนี้อีกทั้งยังเสนอราคาที่สูงมากอีกด้วย แต่ทว่าเขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษให้กับอีกฝ่าย“ขอโทษด้วยครับ หินหยกก้อนนี้ผมได้ขายให้กับคุณโจวแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหลินเยว่ใบหน้าของโจวเต๋อเซิงจึงปรากฏรอยยิ้มฝืนๆ ออกมาหากไม่ได้รู้มาก่อนว่าหลินเยว่ไม่ได้มีเจตนาร้ายตอนนี้เขาคงสงสัยว่าอีกฝ่ายจงใจสร้างความบาดหมางระหว่างเขากับเถ้าแก่เกาหรือเปล่าในวงการธุรกิจฮ่องกง ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเถ้าแก่เกาเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นมากถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวอีกฝ่ายแต่หากมีศัตรูน้อยลงไปหนึ่งคนก็ถือว่ามีเพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนและการมีเพื่อนเพิ่มก็ถือว่าเป็การเปิดโอกาสให้กับตนเองมากขึ้น
และในสถานการณ์ที่อึดอัดเช่นนี้โจวเต๋อเซิงจึงต้องเอ่ยปากขึ้นมาจริงๆ เขาส่งยิ้มให้กับเถ้าแก่เกาพร้อมพูดขึ้น“เถ้าแก่เกา ขอโทษด้วยนะ ผมได้เสนอซื้อหินหยกก้อนนี้ด้วยราคา 2 ล้านหยวนแล้ว”
“2 ล้านหยวน?”
โจวเต๋อเซิงเสนอราคาที่สูงขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร?
หลินเยว่พลันคิดได้ทันทีว่าคำพูดเมื่อสักครู่นี้สามารถทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเถ้าแก่เกาและโจวเต๋อเซิงเกิดความตึงเครียดได้ง่ายโจวเต๋อเซิงจึงต้องเสนอราคาที่สูงมากเพื่อหาทางลงให้กับอีกฝ่าย ดังนั้นหลินเยว่จึงได้แต่ส่งยิ้มแสดงความขอโทษให้กับโจวเต๋อเซิงส่วนโจวเต๋อเซิงจึงหัวเราะเป็การตอบกลับ เพื่อเป็การบอกว่าหลินเยว่ว่าไม่ต้องกังวลกับเื่นี้ไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้