กลางดึก วานไจ่[42]สำนักงานใหญ่กรมตำรวจฮ่องกง ห้องทำงานรองผู้กำกับการหน่วย OCTB
ม่านบังตาปิดสนิท เซี่ยเจียหัวถือเอกสารปึกหนึ่ง ด้วยสีหน้าของเขาเ็าขณะยืนอยู่หน้าโต๊ะ ทำให้บรรยากาศดูตึงเครียด ด้านหลังโต๊ะทำงานมีรองผู้กำกับหลิวผู้บังคับบัญชาของเขานั่งอยู่ ทั้งสองคนมองไปยังชายหนุ่มหัวฟูที่นั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา ซึ่งก็คืออาเปียวบอดี้การ์ดของชย่าลิ่วอี
"นายตามชย่าลิ่วอีมาหนึ่งปีครึ่ง แล้วไม่มีหลักฐานสำคัญอะไรเลยหรือ?!" รองผู้กำกับหลิวตบโต๊ะด้วยความโกรธ
อาเปียวยักไหล่พร้อมกับคาบบุหรี่ "ท่านครับ ผมก็อยากจะทำนะครับ แต่ชย่าลิ่วอีระวังตัวมาก! อย่าดูถูกเขาเพราะอายุน้อย เขาเริ่มตามไปสามเหลี่ยมทองคำกับชิงหลงั้แ่อายุยี่สิบ มีเส้นสายกับเ้าพ่อค้ายาแถวนั้น หลังจากชิงหลงตายเขาก็เป็คนเดียวในแก๊งเซียวฉีที่รู้เื่ยาเสพติด ผมรู้แค่ว่าเขามีลูกน้องอยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ติดต่อกับชุยตงตง ส่วนคนที่เขาติดต่อด้วย เขาไปรับ 'ของ' เอง พาไปแค่ลูกน้องคนสนิทไม่ได้เอาบอดี้การ์ดกระจอกๆ อย่างผมไปด้วย แถมลูกน้องก็ไม่รู้ว่าจะไปจอดรถที่ไหนจนกว่าจะถึงเวลาจริงๆ"
"ในเมื่อนายยังไม่ได้อะไรมาเลย แล้วทำไมถึงรีบเปิดเผยตัวตน?!"
"ท่านครับ ผมก็ไม่อยากให้เป็แบบนี้!" อาเปียวพูด "ผมยินดีสละชีพเพื่อประชาชน แต่ก็ไม่อยากตายแบบไม่รู้เื่รู้ราว! คืนนี้ถ้าผมไม่ตาย ชย่าลิ่วอีต้องสงสัยผมแน่ๆ ว่าเป็คนของเฝยชีหรือไม่ก็ตำรวจ ถ้าผมกลับไปหาเขา ก็เท่ากับไปตาย แล้วที่สำคัญถ้าผมไม่รู้ทันว่าเฝยชีคิดไม่ซื่อ แล้วออกมาบอกพวกท่านก่อน พวกท่านจะไปจับคนได้เยอะขนาดนี้หรือ?"
รองผู้กำกับหลิวคว้าเอกสารบนโต๊ะ แล้วปาใส่อาเปียวไม่ยั้ง ปาไปด่าไปทีละเล่ม! "ยังกล้าเถียงอีก! ไปแฝงตัวเป็มาเฟียมาสองปี! ไม่ทำอะไรเป็ชิ้นเป็อัน! ได้แต่เื่ไม่ดีมา! ยังมางอแงกับฉันอีกหรือ?! ห๊า?!"
อาเปียวเอามือกุมศีรษะและพยายามหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง รู้สึกน้อยใจและพูด "ผมเอาชีวิตเข้าแลกมาสองปี มันง่ายนักเหรอไง! ท่านรองผู้กำกับหลิวปฏิบัติกับคนทำคุณประโยชน์แบบนี้เนี่ยนะ ท่านเนรคุณชัดๆ !"
"คนทำคุณประโยชน์หรือ?! คนทำคุณประ**อะไร!" รองผู้กำกับหลิวได้ยินยิ่งโมโห ปาหนังสือใส่อีกสามเล่ม
"โอ๊ย! สารวัตรเซี่ยอย่าดูเฉยๆ ช่วยผมด้วย!"
เซี่ยเจียหัวไม่สนใจและขมวดคิ้ว เหมือนไม่ได้เห็นการต่อสู้ของทั้งสองคน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเ็า แล้วพูดกับรองผู้กำกับหลิวว่า "ที่เกิดเหตุถูกเผา คนของตระกูลหัวตายหมด ถนนใกล้เคียงไม่มีกล้องวงจรปิด ลูกน้องของเฝยชีมีผลประโยชน์ขัดแย้งกับชย่าลิ่วอี คำให้การของพวกเขาจะถูกตั้งคำถามได้ง่าย ด้วยหลักฐานที่มีตอนนี้ยากที่จะเอาผิดเขาได้ เราต้องรีบจับชย่าลิ่วอีกับลูกน้องคนสนิทของเขาให้ได้และหวังว่าจะให้ลูกน้องของเขาซัดทอดเขา"
"เื่นี้ยากมาก" อาเปียวพูดแทรก "ชย่าลิ่วอีเป็คนใจกว้างและรักพวกพ้อง รู้จักซื้อใจคนเก่งมาก ถ้าผมไม่ใช่สายสืบ ผมก็คงภักดีต่อเขาสุดๆ ลูกน้องเขาจะขายนายตัวเองได้ไง ไม่มีทางขายเขาหรอก"
"ช่างประเสริฐจริงๆ ! ฉันว่าเขาเป็พ่อแกมากกว่า! งั้นก็ไปเข้าแก๊งซานเหอกับเขาเลยสิ! ไม่ต้องกลับมาแล้ว!" รองผู้กำกับหลิวทำท่าจะปาหนังสือใส่อีก เขายกมือขึ้นปัด แล้วหดมือกลับไปสูบบุหรี่ด้วยความหงุดหงิด
"นายเขียนรายงานเกี่ยวกับชย่าลิ่วอีอย่างละเอียด ส่งให้ฉันภายในสามวัน" เซี่ยเจียหัวพูดกับอาเปียว "นิสัย, ความชอบ, คนที่เขาติดต่อด้วย, สถานที่ที่เขาไป... ทุกเื่ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ขอแค่ที่นายนึกออก เขียนมาให้หมด อย่างน้อยหนึ่งหมื่นคำ"
"อะไรนะ?!" อาเปียวร้องเสียงหลง "ท่านสารวัตรเซี่ย ยี่สิบปีมานี้ผมเขียนหนังสือไม่ถึงหนึ่งหมื่นคำเลยนะ!"
เซี่ยเจียหัวไม่สนใจเขา พยักหน้าทำความเคารพให้รองผู้กำกับหลิว แล้วหันหลังเดินออกไป เหลือแต่อาเปียวที่มองรองผู้กำกับหลิวด้วยความขมขื่นและเว้าวอน
รองผู้กำกับหลิวถอนหายใจ "รีบเขียนนะ ่นี้ลำบากนายแล้ว ฉันจะจัดที่พักปลอดภัยให้ มีคนคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากเื่นี้จบ จะส่งนายไปเรียนต่อต่างประเทศ"
….
หลังจากผ่านค่ำคืนแห่งการนองเื ชย่าลิ่วอีรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองอิ่มเกินไป นอกนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติ เขายืดแขนยืดขาบนเตียงของเหอชูซาน แล้วก็จัดการเกาหัวตัวเองพลางทบทวนเื่ราวต่างๆ ก่อนจะปิดไฟเข้านอน
กินโจ๊กไปเยอะกลางดึกเลยปวดฉี่ เขาจึงสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำในความมืด เมื่อกลับมาเขาเดินผ่านโซฟา เห็นคนไร้ประโยชน์เหอนอนขดตัวอยู่บนนั้น หัวหนุนกระเป๋าเอกสาร ขาเรียวยาวเกือบลากไปถึงพื้น
เสื้อแจ็กเก็ตที่เคยคลุมตัวเขา ตอนนี้ได้เลื่อนหลุดลงไปแล้ว
ชย่าลิ่วอีเดินเข้าไปดู แล้วก้มลงหยิบเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นมาคลุมตัวเขาใหม่อีกครั้ง
หลังจากเสียงฝีเท้าของชย่าลิ่วอีเงียบหายไป เหอชูซานลืมตาขึ้นในความมืด เอามือลูบคลำเสื้อแจ็กเก็ตเบาๆ สองสามครั้ง
าานักแสดงเหอแฝงตัวอยู่ในความมืด รอคอยเวลาที่เหมาะสมอย่างอดทน หลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังมาจากห้องของชย่าลิ่วอี เขาจึงลงจากโซฟาอย่างเงียบๆ แล้วเดินย่องเข้าไปในห้องนอนอย่างลับๆ ล่อๆ
ชย่าลิ่วอีไม่ได้ล็อกประตูไว้ เขาใช้นิ้วเคาะขอบประตูเบาๆ แล้วค่อยๆ ผลักประตูเปิดออกอย่างระมัดระวังทีละนิด
ชย่าลิ่วอีนอนตะแคงข้าง หายใจยาวและสม่ำเสมอ ห้องทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงน้อยนิดที่ลอดผ่านช่องว่างของม่าน ทำให้มองเห็นเงาของเขาได้เลือนราง ผ้าห่มบางๆ บุ๋มลงตรงเอวเขา เผยให้เห็นส่วนเว้าโค้งที่สวยงาม ก่อนจะลาดขึ้นเป็เนินตรงสะโพกที่งอนงาม...
เหอชูซานยืนพิงประตู กลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบๆ ไม่กล้าก้าวเข้าไปอีกก้าว เขาตระหนักดีว่าชย่าลิ่วอีเป็คนนอนหลับระแวงภัยสูง เพียงแค่มีเสียงผิดปกติเล็กน้อย เขาก็สามารถพลิกตัวเตะคนที่เข้ามาให้ติดผนังได้เลย!
เขายืนอยู่ที่ประตูเหมือนภูตผีในยามค่ำคืน เต็มไปด้วยความรักที่เก็บงำไว้แบบคนที่แอบชอบ และความหื่นกระหายของคนที่แอบมอง มองอยู่นานอย่างเงียบๆ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ในใจ พอใจกับสิ่งที่ได้เห็นในตอนนี้ เขาจึงปิดประตูห้องเบาๆ แล้วคลานกลับไปนอนบนโซฟา
เสียงเอี๊ยดอ๊าดแ่เบาของโซฟามือสองที่ถูกทับดังมาจากห้องนั่งเล่น ชย่าลิ่วอีที่หลับตาแน่นตลอดเวลาก็ขมวดคิ้วในความมืด
ไอ้เด็กเหลือขอ เขาสบถในใจ
ทั้งสองคนต่างมีแผนการในใจตลอดทั้งคืน ตื่นเช้ามาจึงมีเส้นเืแดงในดวงตา เหอชูซานหาวหวอดพลางทำแซนด์วิชไข่ดาว ชย่าลิ่วอีตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำอีกครั้ง มองแซนด์วิชด้วยความรังเกียจ แล้วกลับขึ้นเตียงไปนอนต่อ
เหอชูซานไม่กล้าไปยุ่งกับลูกพี่ใหญ่ชย่าที่ยังนอนไม่พอ เขาจึงวางแซนด์วิชไว้บนโต๊ะ หยิบถุงผ้าไปจ่ายตลาด เขาหน้าตาสะอาดสะอ้านนิสัยสุภาพอ่อนโยนเป็ที่รักของบรรดาแม่ค้า พวกเธอถามเขาไม่หยุดว่าเขาย้ายมาอยู่แถวนี้เมื่อไหร่ ทำงานที่ไหน ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขากลับมาพร้อมถุงที่เต็มไปด้วยของและยังมีต้นหอมใหญ่สองต้นที่ได้มาฟรีๆ อยู่ในถุงด้วย
เขาซื้อหม้อใบเล็กและเครื่องปรุงรสอย่างดีมาเพิ่มอีก แล้วก็ปิดประตูครัวทำอาหารเสียงดังโครมคราม ในตอนเที่ยงลูกพี่ใหญ่ชย่าลุกขึ้นมาล้างหน้าด้วยความงัวเงีย เขาโผล่หัวออกมาจากห้องครัว "พี่ลิ่วอี ตื่นแล้วหรือครับ?"
"อือ"
"อย่าลืมแปรงฟันนะครับ แปรงสีฟันอันใหม่อยู่ในแก้ว"
“หุบปาก”
เหอชูซานยกหนิวจ๋าร้อนๆ หนึ่งชาม ปลานึ่งหนึ่งตัวซึ่งเป็ที่โปรดปรานของลูกพี่ใหญ่ชย่าใน่ตรุษจีน และกับข้าวอีกหนึ่งอย่าง วางเรียงกันบนโต๊ะน้ำชา ในห้องไม่มีเก้าอี้เพิ่ม ทั้งสองคนจึงนั่งเรียงกันบนโซฟาก้มหน้าคีบอาหารพร้อมกัน
เดิมทีก็เบียดกันจะแย่อยู่แล้ว เหอชูซานยังจะงอข้อศอกคีบอาหารให้ชย่าลิ่วอีอีก แต่ถูกลูกพี่ใหญ่ชย่าใช้ตะเกียบปัดกลับไป "กินของนายไป"
"แผลยังเจ็บอยู่ไหมครับ?" เหอชูซานถาม
“ไม่เป็ไรแล้ว”
"เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ? มีเหงื่อออกหรือเปล่า ถ้ามีเหงื่อออกจะเปลี่ยนยาให้ใหม่นะครับ"
ชย่าลิ่วอีหน้าตายไร้อารมณ์ ใช้ตะเกียบฉีกเนื้อปลา ไอ้สารเลวนั่นรู้ดีแท้ๆ เพราะว่ามาแอบดูเขาตอนกลางคืน แต่ยังมีหน้ามาถามอีกว่าเขานอนหลับสบายดีไหม?!
เขาไม่สนใจคำถามของเหอชูซาน คีบเนื้อปลาส่วนที่นุ่มที่สุดเข้าปากแล้วกัดอย่างแรง ทันใดนั้นเขาก็พูด "วันนี้วันอาทิตย์ ทำไมนายไม่ชวนเสี่ยวเหอออกไปเที่ยว?"
เหอชูซานมีสีหน้าเรียบเฉย คีบผักกาดขาวขึ้นมา "่นี้เธอไม่ค่อยสบาย ไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอก"
“ป่วยเป็อะไร?”
"เธอไม่ได้บอกรายละเอียด บอกผมว่าไม่เป็ไร ดูเหมือนจะเป็หวัด"
"หึ พวกนายไม่ใช่ว่ารักกันมากหรือ? ทำไมเธอป่วยนายไม่ไปดูเธอหน่อยล่ะ?"
เหอชูซานก้มหน้าลงพลิกปลาอีกด้านหนึ่งจากนั้นเงยหน้าขึ้นมองชย่าลิ่วอี ในขณะที่ยังคงมีสีหน้าซื่อสัตย์และจริงใจ นอกจากนี้ในแววตายังมีความกังวลอย่างจริงใจต่อคนรัก "เดิมทีผมก็วางแผนจะไปดูเธอในบ่ายวันนี้"
"ตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน?"
"ยังอยู่ที่จิ่วหลงครับ เช่าบ้านอยู่กับเพื่อน ๆ"
"ทำไมไม่ให้เธอมาอยู่ที่นี่ด้วยกันล่ะ"
เหอชูซานก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ยังไม่ถึงขั้นอยู่ด้วยกัน"
เสแสร้ง! แกยังเสแสร้งต่อหน้าฉันอีก!
ลูกพี่ชย่าพูดจาเชือดเฉือนทุกคำถาม บีบคั้นทีละก้าว าานักแสดงเหอรับมือได้ทุกสถานการณ์ ไม่เปิดช่องโหว่ ทั้งสองคนประลองฝีปากกันตลอดมื้ออาหาร แต่ก็ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ
หลังจากเก็บจานชามเสร็จ เหอชูซานก็ทำท่าทางจริงจัง เปลี่ยนมาใส่ชุดสูทพร้อมจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยก่อนกล่าวลาชย่าลิ่วอีอย่างจริงจัง "พี่ลิ่วอีครับ พักผ่อนให้สบายนะ ผมจะไปดูเสี่ยวเหอ เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาจะซื้อข้าวมาฝาก"
ชย่าลิ่วอีเอนหลังพิงโซฟาพลิกดูนิตยสารบันเทิงหลายเล่มที่เขาซื้อมาเมื่อเช้านี้ แล้วส่งเสียง "อืม" ออกมาเบาๆ
"มีอะไรที่ผมต้องเอาไปให้เจ้ตงตงไหมครับ? หรือเธอมีอะไรจะฝากให้พี่?"
"อย่าไปที่ 'บริษัท' ของฉันนะ แถวนั้นมีแต่ตำรวจนอกเครื่องแบบ" ชย่าลิ่วอีพูด "ซื้อโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันเครื่องหนึ่งแล้วก็เปิดซิมใหม่ให้ด้วย"
เหอชูซานตอบรับคำ จากนั้นก็แต่งตัวหล่อเหลาออกไปเยี่ยมคนรัก ชย่าลิ่วอีเอนกายอยู่ข้างหน้าต่าง เปิดม่านขึ้นเล็กน้อยเห็นเขาก้าวเดินอย่างมั่นคงสีหน้าสงบนิ่งเดินผ่านถนนไปไม่เปิดเผยพิรุธใดๆ ออกมา
"ไอ้พวกไม่เอาไหน!"
ชย่าลิ่วอีนั่งอยู่บนโซฟาอ่านเื่ซุบซิบดารายาวนานตลอดบ่าย จนเต็มไปด้วยเื่ราวความบาดหมางของตระกูลผู้ดี จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนอนบนเตียง หลับๆ ตื่นๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตู เขาจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทำให้เจ็บแผลที่เอว
เขาเจ็บจนต้องกัดฟันแน่น ก่อนจะพยุงเอวตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน เหอชูซานพูดอยู่ข้างนอก "พี่ลิ่วอี ผมกลับมาแล้วครับ"
"ผมวางโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ตรงนี้นะครับ" เขาพูดพลางสังเกตเห็นท่าทางการเดินที่แปลกไปของชย่าลิ่วอี๋ "พี่เป็อะไรไปหรือเปล่า? แผลเจ็บหรือ?"
ชย่าลิ่วอีสะบัดมือ สวมชุดนอนลายหมีน้อย แล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น แยกขาออกเล็กน้อย โชว์มาดหัวหน้าใหญ่
"ไก่ไห่หนาน, ผัดซิ่งกวา[43]" เหอชูซานวางขวดและกระปุกที่ซื้อกลับมาไว้บนโต๊ะกาแฟ แล้วพูดว่า "ข้าวกล้องแดงครับ แล้วก็ผักดองที่ป๊าดองไว้ด้วย ซุปปลาหมึกกระดูกฉลามและปลาหมอ ผมต้มให้เสี่ยวเหอกินบำรุงร่างกาย พอดีว่าต้มไว้เยอะหน่อย ลองชิมดูนะครับว่าชอบไหม"
เชิงอรรถ
[42]วานไจ่ คือย่านหว่านไฉ ย่านในฮ่องกง ในภาษาจีนกลาง
[43] เซิ่งกวา เป็ผักชนิดหนึ่งที่คล้ายกับบวบ
