สือเจียงหย่วนอยากดื่มเบียร์อีกกระป๋องเพื่อจะได้คุยกับคังอิงอีกสักหน่อย แต่เขานึกถึงคำพูดที่เคยบอกคังอิงเอาไว้ว่าจะดื่มแค่สามกระป๋อง ดังนั้นจึงตัดสินใจส่ายหน้าปฏิเสธพลางกล่าวว่า
“ไม่ล่ะ แค่สามกระป๋องก็พอ ผมดื่มพอแล้วล่ะ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
เมื่อสือเจียงหย่วนตัดสินใจแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะจากไปโดยไม่รีรอ
คังอิงไม่คิดว่าสือเจียงหย่วนจะอดทนต่อความอยากดื่มเบียร์อีกกระป๋องได้ ดูท่าผู้ชายคนนี้จะมีวินัยในตนเองจริงๆ คังอิงค่อนข้างพอใจกับท่าทีของเขาในคืนนี้ เธอจึงเอ่ยถามขึ้น
“คุณยังจะขับรถอีกเหรอ?”
สือเจียงหย่วนตอบ “ก็แน่สิ แค่นี้ผมยังไม่เมาเลย วางใจเถอะ”
คังอิงมองดูท่าทางการเดินของเขา แล้วไม่พบว่าเขามีอาการเดินเซ แถมสีหน้าก็ยังดูแจ่มใสเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยหลังจากดื่มเบียร์ เธอจึงเชื่อคำพูดของเขา
ในตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการดื่มแล้วห้ามขับ คนที่ดื่มเหล้าแล้วขับรถมีเยอะแยะไป ดังนั้นคังอิงจึงไม่ได้ห้ามปรามเขา เธอคิดว่าด้วยสภาพของเขาในตอนนี้กับทักษะการขับรถของอีกฝ่าย คงไม่เกิดเื่อะไรขึ้นแน่ๆ
คังอิงกำชับเขาให้ขับรถช้าๆ บนท้องถนน อย่าขับรถเร็วเพราะเขาเพิ่งดื่ม สือเจียงหย่วนพยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง แล้วกำชับคังอิงว่าอย่าลืมล็อกประตูให้เรียบร้อย
หลังจากสือเจียงหย่วนออกไปไม่นาน คังอิงก็ได้ยินเสียงสตาร์ตรถจี๊ปดังมาจากนอกลานบ้าน ต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงรถดังเล็กน้อย จากนั้นก็เร่งความเร็วออกไป บรรยากาศนอกลานบ้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
กลับกันบ้านข้างๆ ที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้ พอมันได้ยินเสียงรถก็ใจนเห่าไม่หยุด
ทันใดนั้นคังอิงก็นึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกสือเจียงหย่วนเกี่ยวกับเื่ที่จะติดตั้งโทรศัพท์กับเพจเจอร์เลย
ช่างเถอะ ไหนๆ เขาก็มาที่นี่บ่อยๆ เอาไว้ค่อยบอกก็แล้วกัน
คังอิงเก็บอาหารที่เหลือบนโต๊ะ และเอาเศษอาหารใส่ถังขยะ ถึงแม้จะอยู่ใน่ฤดูร้อน หากไม่รีบเก็บขยะพวกนี้ อีกเดี๋ยวมันจะส่งกลิ่นเหม็นออกมา จากนั้นเธอก็ล้างชามกับตะเกียบที่ใช้ตอนกินดื่ม ก่อนจะไปอาบน้ำเพื่อชำระล้างกลิ่นแอลกอฮอล์
ยามราตรีใน่ฤดูร้อนในเขตชานเมืองเงียบสงบมาก พอลมพัดผ่านก็พากลิ่นหอมอ่อนๆ ของนาข้าวมาด้วย ลูกสุนัขส่งเสียงครางราวกับมันกำลังฝันร้ายอยู่ข้างนอกเป็ระยะๆ
คังอิงไม่ได้เปิดพัดลม เธอนอนอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ที่เย็นเฉียบ ยามราตรีในฤดูร้อนอันเย็นสบายเช่นนี้ ทำให้คังอิงที่คุ้นเคยกับการใช้เครื่องปรับอากาศรู้สึกสบายใจเป็ที่สุด
ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่อยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิคงที่ยี่สิบสี่ชั่วโมง แม้ว่าจะรู้สึกสบายมาก แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน คือร่างกายของเธอลืมวิธีควบคุมอุณหภูมิไปแล้ว
เคยมี่หนึ่งที่เธอมักจะจามตอนที่อยู่ในห้อง เธอจึงไปหาหมอ หมอบอกว่าเธอเป็โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ซึ่งเป็ผลมาจากการที่เธออยู่ในห้องแอร์เป็ประจำ หมอบอกว่าหากอยากรักษาโรคนี้ เธอต้องออกจากห้องแอร์
่ฤดูร้อนอากาศร้อนมาก ส่วนฤดูหนาวอากาศเย็นมาก จะเป็ไปได้อย่างไรที่จะไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ? คังอิงทำได้เพียงกินยาแก้แพ้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองจาม
นานวันเข้าโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ของเธอก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนเช้าเธอต้องจามนับสิบกว่าครั้งกว่าจะหยุด
จนกระทั่งลูกน้องของเธอรู้ว่าขอแค่เธอปรากฏตัวขึ้นที่ไหน ก็ต้องปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศจากยี่สิบเอ็ดองศาเป็ยี่สิบเจ็ดองศาเซลเซียสทันที มิฉะนั้นเธอจะต้องจามไม่หยุดแน่นอน
ในเวลานั้นสิ่งที่ต้องมีอยู่ในกระเป๋าถือแบรนด์แอร์เมสของคังอิงก็คือกระดาษทิชชู่
คังอิงนึกถึงเื่พวกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบจมูก ทันใดนั้นเธอก็พบว่าโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ที่เคยรบกวนเธอหายไปแล้ว ดีจริงๆ!
หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแถมยังดื่มเบียร์ไปอีก เปลือกตาของคังอิงก็เริ่มหนักอึ้ง เธอจึงผล็อยหลับไปในไม่ช้า
รุ่งเช้าวันต่อมา คังอิงตื่นนอนตามปกติ เสียงเจื้อยแจ้วของนกที่อยู่นอกหน้าต่างเป็นาฬิกาปลุกให้กับเธอ
พอคังอิงตื่นก็ได้ยินเสียงไก่ตัวผู้กับไก่ตัวเมียที่กำลังพาลูกไก่ไปหาอาหารจากบ้านข้างๆ ไกลออกไปมีเสียงะโของชาวนาที่กำลังต้อนวัวควายเดินลุยทุ่งนาเพื่อไถกลบตอซังข้าวหลังเก็บเกี่ยวในฤดูร้อนให้จมลงไปในโคลน เพื่อเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็ปุ๋ยสำหรับปลูกข้าวรอบสองในฤดูใบไม้ร่วง
เช้าวันใหม่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังเช่นนี้ทำให้จิตใจของคังอิงสงบลง เธอรู้ว่าตัวเองได้กลับมาเกิดใหม่จริงๆ แม้จะเป็การอยู่ในร่างกายของคนอื่นก็ตาม
คังอิงบิดี้เีแล้วลุกขึ้นจากเตียง พออาบน้ำล้างหน้าเสร็จ เธอก็ใช้แป้งกับไข่ทำเจียนปิ่ง จากนั้นก็หยิบขาหมูเย็นที่สือเจียงหย่วนเอามาเมื่อวานนี้ออกมาอุ่น เธอห่อขาหมูด้วยเจียนปิ่ง แล้วกินคู่กับน้ำชาชั้นเลิศจนอิ่มท้อง
ร่างกายอ่อนเยาว์นี้เต็มไปด้วยพลังอันเปี่ยมล้น คังอิงรู้สึกถึงพลังที่แตกต่างจากร่างกายวัยกลางคนของเธอ มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลายวันก่อนคังอิงต้องเดินทางไปไหนมาไหน แต่วันนี้นับว่าเธอมีเวลาว่างมากขึ้น ในเวลานั้นลูกสุนัขก็คลานออกมาจากบ้านสุนัข มันกระดิกหางสั้นๆ แล้วเดินมาดมเท้าของเธอไปมา
คังอิงรู้ว่ามันกำลังหิว เธอจึงเทข้าวต้มใส่ชามอาหารบนพื้น ลูกสุนัขกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย มันกระดิกหางไปมาอย่างสบายใจ
จากนั้นคังอิงก็ไปที่บ้านข้างๆ เพื่อขอให้อาซ้อเพื่อนบ้านตัดกิ่งดอกทานตะวันกับดอกกุหลาบกับดอกไม้อื่นๆ ที่สามารถนำมาปักชำได้ให้เธอ เธอเห็นว่าพวกเขากำลังตากเมล็ดดอกเข็มอินเดีย จึงถือโอกาสขอมาหนึ่งกำมือ
ดอกเข็มอินเดียเป็ไม้เถาขนาดเล็กที่เลื้อยเกาะไปกำแพงบ้านและพื้นดิน มันจะบานสะพรั่งเป็รูปดาวห้าแฉก มีทั้งสีแดงเข้มและสีชมพู ซึ่งดูสวยงามมาก
คังอิงนำเมล็ดดอกเข็มอินเดียมาโรยไว้ที่โคนกำแพง จากนั้นก็หยิบกระถางที่ไม่ได้ใช้แล้วมาทำความสะอาด แล้วปักกิ่งดอกไม้ต่างๆ ลงไป รดน้ำเสร็จแล้วก็นำไปวางไว้ที่มุมๆ หนึ่งของกำแพงที่มีร่มเงา
ถึงจะอยู่ใน่ฤดูร้อน แต่หากกล้าไม้ไม่ถูกแดดจ้าแผดเผา พวกมันก็สามารถอยู่รอดได้ คังอิงปักชำดอกไม้ไปกว่าสิบกระถาง เธอถึงได้หยุดพัก
เวลานี้พระอาทิตย์ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะ เงาไม้ค่อยๆ เปลี่ยนตำแหน่งไปตามแสงอาทิตย์ แต่โคนต้นไม้นั้นยังคงเย็นสบายอยู่เสมอ
คังอิงล้างมือให้สะอาด แล้วย้ายโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ไผ่มาวางไว้ที่โคนต้นไม้ เธอต้มน้ำแล้วจิบชาอย่างสบายใจ ‘ขโมยลักเอาเวลาว่างไปครึ่งวัน’ [1] คำกล่าวนี้อธิบายสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
ถึงจะมีเื่ต้องทำมากมาย แต่เธอก็ยังต้องผ่อนคลายและหาความสุขให้ตนเองอยู่บ้าง เธอต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา
เงินทองนั้นหาได้ไม่สิ้นสุด! อดีตประธานบริษัทที่เคยร่ำรวยและสูญเสียทุกอย่างไปเข้าใจความจริงข้อนี้เป็อย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพในการทำงานของคนในยุคนี้ยังค่อนข้างต่ำ เธอเพียงแค่ปล่อยเหยื่อออกไป ฝูงปลาก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่ต้องใช้เวลาสักพักกว่าปลาเ่าั้จะกินเบ็ด หากเธอร้อนใจเกินไปจะทำให้งานพังเสียเปล่าๆ
ขณะที่คังอิงกำลังชงชาชุดที่สอง เธอก็ได้ยินเสียงรถจี๊ปที่คุ้นเคยดังมาจากด้านนอก
รถจี๊ปเสียงดังมาก ไม่ต่างอะไรจากเสียงรถแทรกเตอร์ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเขตชานเมืองที่เงียบสงบ ต่อให้อยู่ห่างกันหนึ่งกิโลเมตรก็ยังได้ยิน
ตอนนี้เป็่กลางวันแสกๆ คังอิงไม่ได้ล็อกประตู ประตูเหล็กถูกปิดไว้เพียงครึ่งเดียว สือเจียงหย่วนผลักประตูเข้ามา บนใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของอาการเมาค้างแม้แต่น้อย ดูท่าว่าความแข็งแรงของคนหนุ่มสาวนั้นดีจริงๆ สามารถสร่างเมาได้อย่างรวดเร็ว
พอเห็นคังอิงนั่งจิบชาอยู่ใต้ต้นไม้ สือเจียงหย่วนก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าคังอิงที่ปกติดูท่าทางคึกคักกระฉับกระเฉง จะมานั่งดื่มชาด้วยท่าทางสบายๆ ไร้กังวลแบบนี้
บนถาดดินเผาหงหนี [2] มีชุดน้ำชาสีขาวสะอาดตา มีน้ำชาอยู่ครึ่งถ้วย ไอน้ำมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่พื้นหลังด้านหลังแก้วชานั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย เป็ความผิดปกติที่เกิดจากแสงหักเหผ่านหยดน้ำ ทำให้รู้สึกราวกับว่าน้ำชาในแก้วนั้นร้อนมาก
คังอิงสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ส่วนด้านล่างเป็กระโปรงยาวแค่เข่า ผมสีดำขลับของเธอทิ้งตัวลงบนบ่า ใบหน้างดงาม ดูอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น ภายใต้กลิ่นไอหอมของชาทำให้ทุกอย่างดูอ่อนละมุน จนรู้สึกถึงกลิ่นหอมผ่อนคลายเอื่อยๆ อยู่ตรงหน้า
เชิงอรรถ
[1] ขโมยลักเอาเวลาว่างไปครึ่งวัน เป็คำกล่าวที่สื่อถึงการหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ชีวิต แม้จะมีภาระหน้าที่มากมายก็ตาม
[2] ดินสีแดงที่นิยมนำมาใช้ปั้นเครื่องปั้นดินเผาของจีน เรียกรวมๆ ว่าดินตระกูลหงหนี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้