ไอเทม 4 ชิ้นนั้น มีไข่สัตว์เลี้ยงหายาก 1ใบ ที่เหลือเป็อุปกรณ์ทองคำขาว และะเิ 2 ลูก
ไข่สัตว์เลี้ยงผีดิบเงิน: ไข่สัตว์เลี้ยงระดับ B มีพิษเป็อย่างมากสามารถตายได้เมื่อััถูก และไม่มียาแก้พิษ เคลื่อนไหวเหมือนสายลม รวดเร็ว ไร้ซึ่งเสียงเนื่องจากมีร่องรอยทางสติปัญญาอยู่เล็กน้อย จึงพัฒนาจนมีสติปัญญาเป็ของตนเอง
ปรากฏว่าเป็ไข่สัตว์เลี้ยงระดับB ซึ่งค่อนข้างหาได้ยากในเวลาปกติ แต่ถ้าเป็ก่อนหน้านี้ฉินโจ้วคงจะคว้าเอาไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้ขาดแคลน และยังมีสัตว์เลี้ยงระดับSS คงไม่แปลกที่เขาจะเลือกตัวที่มีคุณค่าสูงกว่า
ขวานั์เซวียนหวา :อาวุธทองคำขาวระดับกลาง, พลังโจมตี +650, ความเร็ว +2, พละกำลัง +2 มีโอกาสทำให้ติดพิษจากปรอทและสามารถถูกสังหารได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว อาชีพที่ใช้ได้ : นักรบ, อัศวิน, คนเถื่อน
นี่เป็ขวานที่ไม่มีทักษะเสริมนอกจากใช้โจมตี ก็ถือได้ว่าเป็อาวุธทองคำขาวทั่วไป
ะเิปรอท: เป็พิษที่ได้มาจากผีดิบเงิน หลังจากเกิดการะเิ คนที่อยู่ในรัศมี 50 เมตร จะถูกปรอทครอบคลุม คนที่ััถูกจะตาย และไม่มียาถอนพิษ
นี่เป็อาวุธที่ดี ฉินโจ้วรู้สึกชอบะเิปรอทมากเขาชื่นชอบอาวุธที่สามารถสร้างความเสียหายแบบกลุ่มได้
"ผมดีใจที่คุณอยู่ที่นี่ด้วยเสี่ยวเกอ" ฉินโจ้วพูดอย่างจริงใจ เมื่อย้อนคิดไป ถ้าหนานกงเสี่ยวไม่ได้ลงมืออย่างใจเย็นผลลัพธ์ในเวลานี้คงจะแตกต่างไปจากนี้เป็แน่
หนานกงเสี่ยวย่นจมูกเล็กน้อยและแสดงท่าทางภูมิใจ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ทางเดินสู่สุสานชั้นที่สี่ผีดิบส่วนใหญ่เป็ผีดิบขนแกร่ง
ผีดิบขนแกร่ง: ระดับ 59 พลังชีวิต 60,000 ในระหว่างที่ฝึกฝนวิทยายุทธทำให้ขนตามร่างกายเจริญเติบโต จนรวมตัวกันขึ้นเป็ชั้นป้องกันคล้ายกับเกราะวิชาขนแกร่งนั้นมีชื่อเสียงเหมือนกับผิวทองแดงกระดูกเหล็ก ยิ่งฝึกฝนร่างกายก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอาวุธธรรมดาทั่วไปยากที่จะทำให้เกิดาแ เป็มอนสเตอร์ที่ผู้เล่นต่างไม่ชื่นชอบ
ถึงอย่างไรก็ตามแม้ว่าผีดิบขนแกร่งนั้นจะดุร้าย แต่ก็มีผลกับผู้เล่นธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ภายใต้การโจมตีร่วมกันของ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' กับ ''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ'' ชะตากรรมคงหนีไม่พ้นความพ่ายแพ้และต้องเดินเข้าสู่ความตายแน่นอน
บึ้มมม...
ผีดิบขนแกร่งกลิ้งไปกับพื้นทั่วร่างกายไหม้เกรียมดำเป็ตอตะโก ไร้ซึ่งลมหายใจมีอุปกรณ์ดรอปออกมาหนึ่งชิ้นและหินดูดเือีกสี่ก้อน ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ถูกปล่อยติดต่อกันออกไปสิบกว่าลูกเสียงะเิดังขึ้น แล้วผีดิบขนแกร่งก็ตายลงทั้งๆ ที่ยังมีทักษะอยู่อีกหลายอย่างแต่เมื่อถูกยับยั้งความแข็งแกร่งทำให้ไม่สามารถแสดงออกมาได้แม้แต่น้อย มันจึงตายไปพร้อมกับความเกลียดชัง
คลื่นเสียงจากพิณที่มองไม่เห็นโจมตีใส่ผีดิบขนแกร่งที่กำลังลอบโจมตีฉินโจ้ว ก่อนที่คอจะถูกแยกออกจากตัวหลังจากต่อสู้ไประยะหนึ่ง ปลายนิ้วของหนานกงเสี่ยวก็ดูคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นการโจมตีด้วยเสียงดนตรีนั้นเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ดูลึกลับยิ่งนักไม่ว่าผีดิบขนแกร่งจะแอบโจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถเล็ดลอดจากสายตาของเธอไปได้หนานกงเสี่ยวนั้นเปรียบได้กับบอดี้การ์ด ทำหน้าที่ระวังหลังให้กับฉินโจ้วเป็อย่างดีและจัดการกับภัยคุกคามทั้งหลายจากสิ่งที่มองไม่เห็น
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน :ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามเพิ่มระดับของทักษะพื้นฐาน ''ทักษะหน่วง'' ได้สำเร็จ ตอนนี้เลเวล 99
ฉินโจ้วถึงกับหัวเราะร่าขึ้นมาหลังจากรอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดก็เพิ่มระดับได้เสียที เขาจึงเพิ่มแต้มทักษะไปที่''ทักษะหน่วง'' โดยทันทีและเสียงจากระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน :ขอแสดงความยินดีด้วยกับผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามที่เพิ่มระดับทักษะพื้นฐาน ''ทักษะหน่วง'' จนถึงระดับเลเวล 100
ทักษะหน่วง :เวทมนตร์ขั้นพื้นฐานเลเวล 100 เมื่อโจมตีใส่ศัตรูจะทำให้ค่าสถานะของศัตรูลดลงโดยความเร็วในการโจมตีลดลง 99% ความเร็วในการตอบสนองลดลง 99%ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 99% เป็ระยะเวลานาน300 วินาทีซึ่งสามารถใช้ซ้ำกับเป้าหมายเดิมได้โดยจะลดค่าสถานะเพิ่มอีก 1% (ผลของทักษะจะขึ้นอยู่กับเลเวลของทักษะ และจะได้ผลน้อยลงถ้าเลเวลของเป้าหมายสูงกว่าผู้เล่น)ใช้พลังจิต 10 หน่วยต่อการใช้ในแต่ละครั้งระยะเวลาในการร่ายเวท : ไม่มี (ค่านี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เล่น)เพิ่มความสามารถในการโจมตีแบบกลุ่ม(ระยะที่สามารถใช้ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เล่น) เพิ่มระยะการโจมตีเป็ 50เมตร
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามเป็ผู้เล่นคนที่สองที่เก็บระดับเลเวลทักษะจนเต็มได้รับรางวัลเป็ค่าชื่อเสียง 2,000 แต้ม รางวัลแต้มสถานะฟรี 200 แต้มและแต้มทักษะ 2 แต้ม
ฉินโจ้วถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยแต้มทักษะก่อนหน้า ทำให้ในเวลานี้มีแต้มทักษะรวมทั้งหมด 5 แต้ม ในเขตเหยียนหวงนี่เป็สิ่งที่ค่อนข้างหาได้ยากยิ่ง โดยปกติโอกาสที่คนทั่วไปจะได้รับมากที่สุดก็คือ1 แต้มทักษะ ฉินโจ้วรู้สึกว่าในเวลานี้ราวกับเมฆหมอกจางหายไปและได้เห็นพระอาทิตย์ฉายแสงขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงมากเมื่อมองไปที่ผีดิบขนแกร่งที่ะโโลดเต้นเ่าั้ ก็รู้สึกว่าน่าเกลียดพิลึกชั่วขณะหนึ่งเขาเคยมีความคิดที่จะลองพยายามเก็บแต้มทักษะสุดท้าย แต่ก็กลับรู้สึกอยากจะหัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมาเพราะนั่นมันเป็เื่ยากมากเกินไปจนดูไม่น่าจะเป็จริงได้ผู้เล่นที่เก่งกว่าก็มีมาก และระดับของทักษะอื่นๆ ของเขานั้นก็ยังต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆ
แต้มทักษะก็เปรียบได้กับอาวุธิญญาไม่มีผู้เล่นคนไหนที่จะไม่ต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มา ถึงอย่างไรก็ตามแม้อาวุธิญญาจะมีค่าแต่แต้มทักษะนั้นเหมือนจะไม่มีค่าเลย
"หน่วง"
ฉินโจ้วชี้ไม้เท้าเวทขึ้นร่างของผีดิบขนแกร่งก็เริ่มช้าลง ความเร็วลดลงทันที คล้ายกับรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเหยียบเบรกกะทันหันแต่การเคลื่อนไหวนี้ไม่มีเสียง และเกิดขึ้นในทันทีทันใด ทันทีที่ ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ถูกปล่อยออกไปผีดิบขนแกร่งก็ะเิจนไม่เหลือแม้โครงกระดูก
หลังจากที่ระดับเลเวลของ ''หน่วง'' นั้นเต็มแล้ว ฉินโจ้วก็มีประสิทธิภาพในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกราว10% และผีดิบขนแกร่งก็ไม่สามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไปกลุ่มผีดิบต่างค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า ทำให้เขาปล่อย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' และ ''หน่วง''ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความแม่นยำ ผีดิบขนแกร่งยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้ก็ถูกจัดการเสียก่อนแล้วจากนั้นฉินโจ้วก็เรียกอัศวินปฐีสองตัวออกมาไว้คอยเป็บอดี้การ์ดให้กับหนานกงเสี่ยวด้วย
การก้าวเดินไปทีละก้าวพร้อมกับจัดการมอนสเตอร์ไปด้วยดูแล้วก็ไม่ต่างจากการต่อสู้ของนักรบ ทำให้จำนวนของผีดิบขนแกร่งเริ่มลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ในใจของฉินโจ้วไม่ได้คิดถึงเื่การจัดการมอนสเตอร์มากขึ้นไปกว่านี้ เลเวลทักษะของเขาที่เต็มแล้วนั้นให้ประโยชน์กับเขามากกว่า อาวุธเป็สิ่งที่จำเป็แต่ก็ไม่มากเท่าไร หลักการนี้ถูกสรุปขึ้นจากคนรุ่นก่อนและสืบทอดต่อกันมาเป็หลายพันปีแล้ว ซึ่งเขาเองไม่เคยเข้าใจถึงจุดนี้มาก่อน เมื่อเห็นทักษะก็รู้สึกไม่ต่างจากการไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือที่ระดับเลเวลเท่ากันจะเห็นถึงการเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น ''หนามกระดูก'' ซึ่งเวลานี้ไม่ต่างจากซี่โครงไก่ที่พลังโจมตีนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ยังมีทักษะอีกมากมายในเกมที่ให้ได้เรียนรู้ตราบใดที่คุณใช้มันได้อย่างเหมาะสม แม้จะมีเพียงแค่หนึ่งหรือสองทักษะก็สามารถครองโลกได้เลยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงมีดที่สามารถผ่าภูผาได้ มันคงจะมีคุณสมบัติที่สุดยอดฟาดฟันเพียงครั้งเดียวก็ตัดได้ทุกสิ่ง และก็คงจะมีเพียงหนึ่งเดียว
หลังจากที่พยายามทำความเข้าใจสิ่งนี้ในใจของฉินโจ้วก็รู้สึกว่างเปล่า และค่อยๆ รู้สึกเข้าใจมากยิ่งขึ้น ในเวลานี้เสียงการเพิ่มระดับจากท้องฟ้าก็ได้ดังขึ้นระดับกลายเป็เลเวล 59 อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวแค่หนึ่งระดับต้องใช้เวลาถึงสามรอบ นี่เป็สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงในการก้าวเข้าสู่ระดับสูง
ถ้าต่ำกว่าระดับ60 ก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ซึ่งคำพูดนี้ได้อยู่ในเกมมาเป็เวลายาวนานแล้ว
ฉินโจ้วออกจากห้วงความคิดก่อนจะกลับมาสู่โลกแห่งความเป็จริงและพบว่าเสียงพิณของหนานกงเสี่ยวนั้นเริ่มมองเห็นได้ยากขึ้น จนแทบจะไร้รูปร่างแล้วแต่ก็ยังรู้สึกได้ราวกับได้ยินเสียงฟ้าร้องในสถานที่เงียบสนิทพวกผีดิบขนแกร่งต่างก็ล้มตายลงโดยไม่รู้ว่าการโจมตีเ่าั้มาจากที่ใดภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสองคน ผีดิบขนแกร่งก็กลายเป็แค่ผักจานหนึ่งไม่สามารถที่จะต้านคลื่นลมนี้ได้เลย
หลังจากไล่สังหารผีดิบขนแกร่งไปตัวแล้วตัวเล่าทันใดนั้นที่ด้านหน้าก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้น แสงที่สว่างขึ้นนั้นทำให้ดวงตาของคนนั้นถึงกับมืดบอดไปชั่วขณะ ทันทีที่เปลี่ยนจากความมืดมิดเป็สว่างจ้าทั้งสองคนก็สูญเสียการมองเห็นไปชั่วครู่ก่อนที่สายตาจะกลับสู่สภาพปกติเมื่อเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อตอนที่เข้ามาถึงห้องสุสานผีดิบขนแกร่งก็ถูกกำจัดไปทั้งหมดอย่างไม่ทันรู้ตัว
ที่บริเวณ้าประดับไปด้วยไข่มุกราตรีขนาดเท่าไข่ไก่นับร้อยเม็ดทำให้ห้องสุสานทั้งห้องสว่างไสวคล้ายกับเวลากลางวันกำแพงทั้งสี่ด้านถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงามวิจิตรตระการตา เมื่อเข้าใกล้กึ่งกลางห้องก็พบกับเสาหยกขาวทั้งสี่ตั้งตรง แต่ละเสาสลักลวดลายัทองห้ากรงเล็บเอาไว้แต่ละเสามีัทอง 9 ตัว รวมทั้งหมดเป็ 36 ตัว ซึ่งเท่ากับจำนวนของ 36 ขุนพล์ที่พื้นปูด้วยกระเบื้องสองสีเทาและขาว เมื่อนับดูแล้วก็ไม่มากไม่น้อย มีแค่ 72ก้อน เทียบได้กับ 72 ขุนพลนรกดูจากมุมมองของการออกแบบ แสดงว่าผู้ที่ออกแบบนั้นต้องใช้ความพยายามเป็อย่างมาก
โลงศพสีทองวางตั้งอยู่กึ่งกลางห้องมีแสงสีทองส่องเป็ประกาย ให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศที่งดงามที่โลงศพถูกแกะสลักด้วยสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่าง มองดูคล้ายแมลงหรือแมลงวันคล้ายกับนกแต่ก็ไม่เชิง แต่มันปล่อยกลิ่นอายโบราณออกมา
ทั้งซ้ายและขวาของห้องไม่มีประตูเมื่อมองจากระยะไกล ก็ไม่สามารถมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ภายใน
"อะไรกัน"ฉินโจ้วะโขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างต่ำ
"เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?"หนานกงเสี่ยวเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบถาม
"ไม่มีทางเดินสุสานลงไปชั้นล่างอีกแล้วนี่เป็ชั้นสุดท้าย มันน่าจะเป็บอส ระวังตัวให้ดี" ฉินโจ้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจจึงส่งเสียงเตือนออกมา
เนื่องจากห้องสุสานนี้ค่อนข้างแปลกหรือจะพูดว่ามันดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ทั้งคู่จึงไม่รีบร้อน แต่กลับใช้วิธีนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวแต่ไม่คิดว่าหลังจากรออยู่ชั่วครู่ โลงศพก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆทำให้ฉินโจ้วถึงกับขมวดคิ้ว ทำไมบอสยังคงใจเย็นอยู่ได้ เราควรจะไปเคาะโลงเพื่อบอกให้รู้ว่าเรามาถึงแล้วดีไหม? นี่มันเงียบเชียบมากเงียบเกินไปจนรู้สึกไม่ดีเพราะทำให้เริ่มรู้สึกตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะเริ่มร่ายเวท วินาทีต่อมานักรบโครงกระดูกก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ก่อนจะปรากฏขึ้นต่อหน้า
ทหารโครงกระดูกไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดลงมือฟันดาบดำลงไปที่โลงศพทองคำ ก่อให้เกิดเสียงดังขึ้นคล้ายกับหยกกระทบกันแต่โลงศพทองคำไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยมีรอยเท่าขนแมวและยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวต่างมองหน้ากันแววตาแสดงถึงความประหลาดใจและสับสน ดาบดำของทหารโครงกระดูกนั้นมีความคมมาก ชนิดที่ว่าไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบได้แม้แต่สิวหัวเหล็กก็ยังถูกแบ่งครึ่งเป็สองส่วนได้ และแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เกิดแม้แต่รอยขีดข่วนโลงศพทองคำนี้ดูแล้วก็ไม่ธรรมดาเลย
ฉินโจ้วเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปก็ต้องดูคุณสมบัติของโลงศพทองคำก่อน เมื่อจ้องมองดู สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
โลงศพทองเหลือง: ระดับ? คุณสมบัติ? ลักษณะนิสัย?ความสามารถ?
นอกจากชื่อแล้วข้อมูลอย่างอื่นนั้นคืออะไรกัน? สิ่งนี้หมายถึงอะไรกันแน่ แต่อย่างน้อยระดับเลเวลของโลงนี้คงเทียบได้กับอาวุธิญญาหรืออาจจะสูงกว่าก็เป็ได้โลงศพที่เป็อาวุธิญญา ฉินโจ้วรู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้มันบ้าเสียจริง ผู้คนจำนวนมากต่างหาอุปกรณ์ิญญาไม่พบแต่เขากลับเจอมันอย่างง่ายดายแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรอุปกรณ์ิญญาชิ้นนี้ก็ดูแปลกแตกต่างมากเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่
ฉินโจ้วเดินตรงไปที่โลงศพอย่างเงียบๆในเวลานี้เขาพบว่าแสงสีทองที่ส่องออกมาจากพื้นผิวของโลงศพนั้นดูแตกต่างจากทองคำทั่วไปเพราะมีสีแดงเข้มเจืออยู่ภายในด้วย ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยแต่ก็พอระบุได้ว่าโลงศพนี้น่าจะมีส่วนผสมของทองแดงรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่ทองคำในแวบแรกที่เห็น โลงศพนี้ดูหรูหรา แต่เมื่อมองดูอย่างตั้งใจก็พบว่ามันไม่ได้ดูดีมากนักค่อนข้างจะธรรมดาเสียด้วยซ้ำ การประดับประดาตกแต่งมากมายก็จริง แต่ส่วนใหญ่ลวดลายกลับดูธรรมดารูปทรงก็ยังดูธรรมดาอีก เป็ลักษณะกล่องสี่เหลี่ยมดูแล้วเหมือนกล่องมากกว่าโลงศพเสียอีก
ฝาโลงก็ไม่ได้ตอกตะปูยึดเอาไว้แต่มีน้ำหนักมาก หลังจากที่ลองเคาะโลงส่งเสียงดังหนวกหูอยู่พักใหญ่ โลงศพก็ยังไม่มีอะไรตอบสนองออกมาฉินโจ้วจึงให้อัศวินปฐีทั้งหกตัวช่วยออกแรงดันฝาโลงจนเปิดออกเป็ช่องเล็กๆ ถึงแม้ว่าจะเป็เพียงแค่ช่องว่างเล็กๆแต่ก็พอที่จะมองเห็นด้านในว่ามีอะไรอยู่
เพราะโลงศพดูไม่น่าจะเป็อันตรายทำให้แม้แต่หนานกงเสี่ยวเองก็ลืมความกลัวไปชั่วครู่ก่อนจะตามฉินโจ้วมาเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในโลงนั้น ทันทีที่เห็นทั้งคู่ต่างรู้สึกแปลกประหลาดใจมาก
ในโลงศพมีผีดิบนอนหงายอยู่แต่ก็ไม่เชิงเป็ผีดิบ แต่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไรดี ตรงหว่างคิ้วมีแสงสีทองไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็บอสแน่แท้ เมื่อรวมกับสิ่งที่คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ที่ทั้งคู่นั้นคาดไม่ถึงก็คือดูเหมือนว่าบอสนั้นกำลังอยู่ใน่วิวัฒนาการ ก็เท่ากับว่าในเวลานี้บอสก็ไม่ต่างจากแกะที่กำลังรอถูกเชือดเพราะไม่สามารถโต้ตอบได้แต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่ต่างจาก์ประทานโชคลาภก้อนใหญ่มาให้
นางฟ้าผีดิบทองคำ :ระดับเลเวล? พลังชีวิต? ทักษะ? สถานะ : กำลังวิวัฒนาการหลังจากที่นางฟ้าผีดิบได้ขึ้นเป็หัวหน้า ก็ได้รับพลังทองคำมาเล็กน้อยจนกลายเป็นางฟ้าผีดิบทองคำ ซึ่งจะเป็ผีดิบที่ทรงพลังมาก หลังจากพันปีที่บำเพ็ญเพียรก็ถึงเวลาสำคัญที่จะฝ่าด่านอีกครั้ง
เนื่องจากอยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการนอกจากชื่อแล้ว คุณสมบัติอื่นไม่สามารถมองเห็นได้แต่นั่นก็เป็เหตุผลที่ระดับของนางฟ้าผีดิบถึงได้สูงมาก
ั้แ่คอขึ้นไปของนางฟ้าผีดิบนั้นยังคงรูปร่างของผีดิบเอาไว้ มีกล้ามเนื้อที่แข็งทื่อ มีเขี้ยวสัตว์ยื่นยาวออกมาแต่ดูเหมือนว่าั้แ่ส่วนคอลงไปนั้นไม่ใช่รูปร่างของผีดิบ แต่ยังคงเป็มนุษย์ทั้งขนตามร่างกายและเล็บยังอยู่ในสภาพปกติ ิัเรียบเนียนแต่ดูซีดเผือดอยู่บ้าง โดยเฉพาะอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นเหมือนน้ำแข็ง ทุกอย่างยังดูคล้ายกับคนธรรมดาทั่วไปนี่เป็การวิวัฒนาการจากผีดิบเป็ซากศพ ก็ถือว่าเป็ผีดิบประเภทหนึ่งแต่ที่แตกต่างกันก็คือ ิัของผีดิบทั่วไปจะแข็งทื่อ ไม่สามารถงอได้แต่ิัของซากศพนั้นนุ่มและมีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถงอแขนขาและเคลื่อนไหวได้คล้ายกับมนุษย์
"คุณจะรอมันจนกว่าจะวิวัฒนาการแล้วค่อยจัดการดีไหม?"หนานกงเสี่ยวเสนอแนะขึ้น
"ไม่หรอก เราต้องจัดการเดี๋ยวนี้เลย" เมื่อฉินโจ้วคิดสะระตะแล้วจึงรีบปฏิเสธข้อเสนอของหนานกงเสี่ยวดูจากผีดิบขนแกร่งแล้ว เขาเดาว่านางฟ้าผีดิบทองคำนั้นระดับจะต้องเกินเลเวล 60เป็แน่ ฉินโจ้วยังไม่เคยพบมอนสเตอร์ระดับเลเวลเกิน 60 มาก่อน แต่ก็ไม่ยากที่จะมองออกว่าจะต้องแข็งแกร่งเป็อย่างมากถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองคนนั้นมากขึ้น แต่ก็ยังไม่พอที่จะต่อกรกับมอนสเตอร์ที่ระดับเลเวลสูงกว่า60 และอีกฝ่ายเป็ถึงบอสอีกด้วย ซึ่งพอจะเดาผลลัพธ์ได้ออกว่าจะเป็อย่างไรและที่สำคัญนางฟ้าผีดิบนั้นเป็มอนสเตอร์ที่ค่อนข้างน่ากลัวหลังจากวิวัฒนาการแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ และถึงแม้ไม่คิดก็ยังรู้ได้เลยว่ามันจะต้องน่ากลัวมากทีเดียว
การวิวัฒนาการของมอนสเตอร์นั้นค่อนข้างหาได้ยากมีเพียงแค่หนึ่งในหมื่น แต่มอนสเตอร์ประเภทนี้เองก็ไม่สามารถกำจัดได้ง่ายดายนักปกติฉินโจ้วจะกำจัดหนามตำตาออกก็ต่อเมื่อเขานั้นมั่นใจเต็มที่ เขาเองก็ไม่อยากจะให้ตนเองต้องขี่หลังเสือเพื่อความปลอดภัยแล้ว ฉินโจ้วตัดสินใจที่จะกำจัดทิ้งก่อนที่มันจะวิวัฒนาการสำเร็จ
ฉินโจ้วมองดูหนานกงเสี่ยวด้วยสายตาที่อ่อนโยนแก้มสีชมพูเนียนละเอียด ขนตางอนยาวกะพริบสั่นไหว ทำให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความอ่อนโยนและน่าทนุถนอมแต่สาวน้อยคนนี้ในใจยังมีด้านที่บ้าคลั่งที่คนอื่นไม่รู้ซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากคำพูดเหล่านี้การจะรู้จักใครสักคน เราไม่สามารถมองแต่เพียงภายนอกฉินโจ้วคิดว่ารู้จักหนานกงเสี่ยวดีมากแล้ว แต่ในเวลานี้กลับเพิ่งพบว่าที่เขารู้นั้นยังห่างไกลมากนัก
จะจัดการกับบอสก่อนอื่นคงต้องเปิดโลงให้ได้ก่อน
ครืดๆๆ...
เสียงของฝาโลงกำลังค่อยๆ เคลื่อนออกแขนของฉินโจ้วตอนนี้อ่อนล้าไปหมดแล้ว ก่อนจะนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงหายใจเหนื่อยหอบ ฝาโลงศพนี้ค่อนข้างหนักมาก ไม่ต่างจากูเาลูกใหญ่เลยหลังจากใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงก็สามารถเปิดออกได้น้อยกว่า 10 เิเ ฉินโจ้วถึงกับก่นด่าอยู่ในใจขนาดว่าเขาให้อัศวินปฐีทั้งหกช่วยแล้วยังได้ผลลัพธ์อย่างที่เห็นเขาไม่รู้เลยว่าคนที่สร้างสุสานนี้ขนโลงศพทั้งโลงลงมาชั้นใต้ดินที่ลึกเกือบพันเมตรได้อย่างไรกัน
"ถ้าคุณไม่ไหวเดี๋ยวผมจัดการเอง" ฉินโจ้วหายใจหอบอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่มีแรงมากพอที่จะดันฝาโลงในขณะที่เขากำลังคิดว่าทำไมฝาโลงถึงหนักขนาดนี้ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันทำมาจากวัสดุชนิดใด?
"ผีดิบใกล้จะวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์แล้ว"หนานกงเสี่ยวเตือนเขาในขณะที่เธอเริ่มกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของนางฟ้าผีดิบทองคำ
ฉินโจ้วรู้สึกใมากเมื่อได้ยินก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว ตามที่คาดเอาไว้ การวิวัฒนาการที่เดิมมาถึงคอแต่ตอนนี้ผ่านดวงตาไปจนจะถึงกึ่งกลางหว่างคิ้วแล้ว ดูท่าว่าใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วเขี้ยวก็หดกลับเข้าไปแล้ว ิัก็ไม่แข็งทื่อ มองแวบแรก ก็ดูเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปถ้าอยู่บนเตียง ก็สรุปได้เลยว่าเหมือนคนนอนหลับทั่วไป ไม่ใช่คนตายอย่างแน่นอน
สีหน้าของฉินโจ้วมีความวิตกกังวลขึ้นมานางฟ้าผีดิบทองคำดูเหมือนจะวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์ได้ตลอดเวลาเขาเองก็คิดว่าการโจมตีทั่วไปนั้นอาจจะสายเกินไป ก่อนจะมีความคิดสายฟ้าแลบเกิดขึ้นดูท่าคงต้องลองเสี่ยงดูสักครั้ง
"ดับสูญว่างเปล่า"
ล้มเหลว!
"ดับสูญว่างเปล่า"
ล้มเหลว!
เปลือกตาของนางฟ้าผีดิบทองคำเริ่มมีการขยับเคลื่อนไหวเหมือนกำลังจะพยายามลืมตาขึ้น การวิวัฒนาการเหลืออีกราวหนึ่งนาทีสุดท้ายเหงื่อเริ่มไหลเต็มหน้าผากของเขา ท่าทางของฉินโจ้วดูเหมือนกำลังรวบรวมสมาธิดวงตาเริ่มสงบลงมากกว่าแต่ก่อน
"ดับสูญว่างเปล่า" ล้มเหลว!
"ดับสูญว่างเปล่า"ล้มเหลว!
คราบเหงื่อยังคงหลงเหลืออยู่บนหน้าผากดวงตาของฉินโจ้วเริ่มจ้องเขม็ง ดูเหมือนว่านางฟ้าผีดิบทองคำนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งมากจริงๆเขาถึงกับล้มเหลวสี่ครั้งติดต่อกันนี่ทำลายสถิติของฉินโจ้วั้แ่เริ่มเข้าเกมมาเลยทีเดียว เขาเองไม่ได้พูดอะไรออกมาสีหน้าของเขาเริ่มเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้นหนานกงเสี่ยวที่กำลังมองอยู่เริ่มรู้สึกตื่นเต้นแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวว่าจะรบกวนสมาธิของฉินโจ้วเข้า
เวลานี้ในห้องเริ่มเกิดอาการสั่นไหวคล้ายกับแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงซึ่งมาจากทั่วทุกทิศทาง ฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวเข้าใจได้ในทันทีการวิวัฒนาการนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่มีเหตุผลอื่น ทั้งสองคนต่างก็เข้าใจราวกับมองตาก็รู้ใจสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ต่อหน้ามันดูลึกลับมาก แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
ทันทีที่ดวงตาของนางฟ้าผีดิบทองคำเปิดออกกระแสแห่งความดุร้ายก็พุ่งตรงออกมา ดวงตาส่องเป็ประกายราวกับ้าแหวกทะลุช่องว่างออกมาความรุนแรงไหลบ่าราวกับพายุฝนถล่มูเาน้ำป่าไหลหลาก คลื่นความโกรธพวยพุ่งออกมาราวกับ้าทำลายทุกสิ่งหรือใครก็ตามที่กล้าออกมาขวางทาง ฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวที่อยู่ใกล้ที่สุดต่างก็มีสีหน้าซีดเผือดพวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้ เนื่องจากถูกแรงกดดันดังกล่าวราวกับร่างถูกตรึงเอาไว้
ก่อนที่คลื่นความรุนแรงจะถาโถมเข้าใส่ฉินโจ้วสิ่งสุดท้ายที่ฉินโจ้วจำได้ก็คือ ''ดับสูญว่างเปล่า'' นั้นได้พุ่งเข้าใส่นางฟ้าผีดิบทองคำ
สำเร็จ!
เวลานี้ดูราวกับจะเนิ่นนานไม่มีที่สิ้นสุดแต่จู่ๆ ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คล้ายกับภาพลวงตาที่แปลกประหลาดแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองได้จดจำไปตลอดชีวิต ความรุนแรงราวกับฟ้าจะถล่มใส่จู่ๆก็พลันหายไป ราวกับถูกดึงดูดกลับไปอย่างรวดเร็ว จนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้เห็นเมื่อมองกลับเข้าไปในโลงศพอีกครั้ง ก็พบว่าเงาของนางฟ้าผีดิบทองคำนั้นได้หายไปแล้วเหลือไว้เพียงเศษฝุ่นผงสีทองจาก ''ดับสูญว่างเปล่า'' และมีไอเทมที่ดรอปออกมาหลายชิ้น
อ่อก...
อั่ก...
ฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวต่างก็กระอักเืออกมาด้วยกันทั้งคู่หลังจากการวิวัฒนาการของนางฟ้าผีดิบทองคำ ก็ได้สร้างอาการาเ็ให้กับคนทั้งสองฉินโจ้วนั้นยังโอเค เพราะเขาเตรียมใจไว้แล้วแต่สำหรับหนานกงเสี่ยวนั้นใไปชั่วขณะเธอเองรู้สึกขอบคุณพี่ฉินที่ไม่ยอมทำตามข้อเสนอแนะของเธอไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ก็เป็ได้
นางฟ้าผีดิบทองคำนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง