เดิมทีเมืองลั่วเสียเป็เมืองขนาดเล็กทางตอนใต้ของดินแดนเสวียนคง เมืองแห่งนี้ได้รับผลประโยชน์จากการก่อตั้งกิจการใหญ่ของหอการค้าเสวียนคง เมืองเล็กๆ จึงค่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา กิจการใหญ่ของหอการค้าเสวียนคงตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีอาณาเขตกว้างขวางประดุจสวนป่าไม้ เรียกได้ว่าเป็สัญลักษณ์ของเมืองลั่วเสีย
เมื่อกลุ่มของกูเฟยเยี่ยนมาถึงก็เป็่เวลายามบ่ายแล้ว พวกเขาไม่ได้ตรงไปยังหอการค้าเสวียนคงทันที แต่ไปพักอยู่ที่โรงเตี้ยมที่ใกล้หอการค้าเสวียนคงมากที่สุด
การที่จะไปเยี่ยมเยียนถึงที่จะต้องส่งจดหมายเยี่ยมเยียนเสียก่อน
กูเฟยเยี่ยนเขียนในจดหมายเยี่ยมเยียนว่าถูกชะตางานอดิเรกของเถ้าแก่เฉิง อีกทั้งเขียนข้อตกลงทางการค้าที่ค่อนข้างดึงดูดใจ เพียงแต่หญิงสาวมีความลังเลเล็กน้อยเพราะไม่กล้าปลอมแปลงตัวตน จึงหันไปถามอย่างจริงจัง “เตี้ยนเซี่ยเพคะ พระองค์มีสหายทางการค้าที่สามารถหยิบยืมชื่อมาใช้ได้หรือไม่เพคะ? ”
จวินจิ่วเฉินจึงตอบไปว่า “เปิ่นหวางไม่มีสหายสนิททางการค้า แต่มีข่าวลือว่าเ้าของหมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์เป็สมาชิกในราชวงศ์จวิน เ้าใช้ชื่อของหมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์เถอะ”
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าวิธีการนี้ยอดเยี่ยมมาก ชื่อเสียงนี้มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์แต่ก็มีความคลุมเครือ เหมาะสมแก่การใช้งานเหลือเกิน เหมยกงกงชำเลืองตามองจิ้งหวางแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ เพราะฝ่าาสงสัยมาโดยตลอดว่าเ้าของหมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์ที่แท้จริงก็คือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เพียงแต่บัดนี้ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิด
เหมยกงกงลอบคิดในใจ ไม่ว่าการเดินทางในครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง เมื่อกลับไปก็จะมีเื่ราวไว้รายงานฝ่าา
ด้วยเหตุนี้กูเฟยเยี่ยนจึงใช้สกุลกู้และใช้นามของเถ้าแก่หมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์ในการส่งมอบจดหมายเยี่ยมเยียนให้เถ้าแก่เฉิง และในคืนวันนั้นพวกเขาก็ได้รับการตอบกลับจากหัวหน้าผู้ดูแลหอการค้าเสวียนคง หัวหน้าผู้ดูแลบอกกล่าวว่า่นี้เถ้าแก่เฉิงมีงานค่อนข้างเยอะจึงให้เขามาเจรจาแทน
กูเฟยเยี่ยนไม่แน่ใจว่าเถ้าแก่เฉิงเห็นจดหมายเยี่ยมเยียนหรือไม่ แต่จากความเร็วในการตอบกลับของหัวหน้าผู้ดูแลแล้ว หัวหน้าผู้ดูแลมีความสนใจในการค้าขายของนางมาก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น กูเฟยเยี่ยนแต่งกายเป็บุรุษ จวินจิ่วเฉินปลอมตัวเป็ผู้คุ้มกัน เหมยกงกงเป็บ่าวรับใช้ ทั้งสามคนออกเดินทางไปที่หอการค้าเสวียนคงด้วยกัน
หัวหน้าผู้ดูแลหอการค้าเสวียนคงมีนามว่าซ่างกวนเทา เขาคือคนในครอบครัวเถ้าแก่เนี้ย เนื่องจากเขาได้รับความไว้วางใจจากเถ้าแก่เฉิงกับเถ้าแก่เนี้ย เขาจึงมีขอบเขตอำนาจยิ่งใหญ่ภายในหอการค้าเสวียนคง
ทันทีที่กลุ่มของกูเฟยเยี่ยนมาถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นหัวหน้าผู้ดูแลมารอรับที่หน้าประตูด้วยตนเอง หัวหน้าผู้ดูแลคือชายวัยกลางคนอายุห้าสิบ เส้มผมขาวโพลน ใบหน้าสุภาพและอ่อนโยน ชายสูงวัยสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีเทาเข้มพลางถือแว่นขยายไว้ในมือ ยามนี้เขาไม่เหมือนผู้ที่ประกอบการค้า แต่เหมือนกับท่านผู้เฒ่าที่สอนหนังสือมากกว่า
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายการค้าไม่เคยเปิดเผย “ความเฉลียวฉลาด” ไว้บนใบหน้า กูเฟยเยี่ยนจึงค่อนข้างระมัดระวัง เพราะนางจะได้พบเถ้าแก่เฉิงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่านางสามารถจัดการหัวหน้าผู้ดูแลท่านนี้ได้หรือไม่
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนลงจากรถม้า หัวหน้าผู้ดูแลก็พรวดพราดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ครั้นเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนแต่งกายเป็บุรุษ เขาจึงค่อนข้างที่จะประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เขาเอ่ยด้วยความเกรงอกเกรงใจ “เถ้าแก่กู้เดินทางมาแต่ไกล ขออภัยที่ข้าไม่ได้ไปต้อนรับ ข้าเสียมารยาทมากจริงๆ ”
กูเฟยเยี่ยนโค้งคำนับด้วยความเกรงใจเช่นกัน “ยินดีที่ได้พบหัวหน้าผู้ดูแล การที่ได้พบท่านในวันนี้ถือเป็ความโชคดีของเสี่ยวหนวี่จื่อ [1] อย่างยิ่ง วันนี้เสี่ยวหนวี่จื่อจะต้องคว้าโอกาสขอรับคำชี้แนะจากท่าน”
“ไม่กล้าๆ ”
หัวหน้าผู้ดูแลดูเหมือนผู้ที่ถ่อมตน ทว่าเขากลับอาศัย่จังหวะที่กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สนใจหันไปพิจารณาจวินจิ่วเฉินกับเหมยกงกงที่อยู่ด้านข้าง เพียงแต่เขาเพียงแค่ชำเลืองตามองแล้วเอ่ยว่า “เถ้าแก่กู้ เชิญด้านใน”
ระหว่างทางที่เดินไปห้องรับรอง กูเฟยเยี่ยนซักถามถึงเื่เถ้าแก่เฉิงอย่างอ้อมๆ ทว่าหัวหน้าผู้ดูแลปิดปากแน่น นอกจากเขาจะไม่ตอบแล้ว เขายังเปลี่ยนหัวข้อย้อนมาหยั่งเชิงความสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์กับราชวงศ์จวินแห่งอาณาจักรเทียนเหยียนอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน [2] นางตอบกลับไปอย่างง่ายดาย สี่ตำลึงปาดพันชั่ง [3] บดบังกลับไป
จวินจิ่วเฉินกับเหมยกงกงติดตามอยู่ด้านหลัง พวกเขาทั้งสองคอยฟังมาตลอดทาง จวินจิ่วเฉินมีความพอใจต่อกูเฟยเยี่ยนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เหมยกงกงก็มีความเลื่อมใสศรัทธา
เหมยกงกงแอบคิดว่าโชคดีที่นังหนูคนนี้ไม่ได้แต่งงานกับตระกูลฉีและไม่ได้แต่งงานกับตระกูลเฉิง ไม่อย่างนั้นฝ่าาคงจะวิตกกังวลอย่างแน่นอน นังหนูที่เฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ ถ้าให้เป็แค่ศาสตราจารย์แพทย์ คงจะน่าเสียดายจริงๆ
เมื่อมาถึงห้องรับรอง กูเฟยเยี่ยนกับหัวหน้าผู้ดูแลต่างก็ทักทายและประลองฝีมือกันพอแล้ว นอกเหนือจากความเกรงใจที่หัวหน้าผู้ดูแลมีต่อกูเฟยเยี่ยนแล้ว เขายังยอมรับในตัวนางอีกด้วย หลังจากที่เขานั่งลงก็เริ่มการเจรจาการทางการค้าทันที
“เถ้าแก่กู้ ท่านนำของสิ่งนั้นมาหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนรีบให้เหมยกงกงนำสุราสองขวดออกมา ครั้นนางเทออกมา กลิ่นสุราหอมกรุ่นก็ปะทะเข้าสู่จมูก
“หัวหน้าผู้ดูแล เชิญ”
หัวหน้าผู้ดูแลดมกลิ่น พิจารณาสี ก่อนจะตั้งใจลิ้มรสชาติ กูเฟยเยี่ยนมองอยู่ในสายตา นางมั่นใจว่าหัวหน้าผู้ดูแลคือผู้ที่มีความรู้ในเื่ของสุรา
หลังจากที่หัวหน้าผู้ดูแลดื่มหมดหนึ่งถ้วย เขาก็พึมพำเบาๆ “สุรานี้มีสมุนไพรแต่ปราศจากกลิ่นของสมุนไพร ปริมาณของสมุนไพรมีไม่มากแต่มีคุณสมบัติที่ช่วยให้เกิดอารมณ์ครึ้มเมา น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ ! ”
กูเฟยเยี่ยนจะนำสุราทั่วไปมาได้อย่างไร?
จวินจิ่วเฉินคือผู้ที่จัดหาสุราขวดนี้มาให้ สุราขวดนี้ถูกหมักเป็การส่วนตัว เป็ของล้ำค่าระดับสูง ไหนจะนางนำมาปรุงเพิ่มเติมโดยการใส่แก่นสารสมุนไพรมากมายลงไปอีก ไม่อาจหาซื้อได้ตามท้องตลาดแน่นอน และแก่นสารสมุนไพรที่นางใส่ลงไปก็มีซานชีรวมอยู่ด้วย!
ถ้าการซื้อขายในครั้งนี้สำเร็จ หอการค้าเสวียนคงก็จะเป็ผู้จัดหาซานชี
ครั้นเห็นว่าหัวหน้าผู้ดูแลปีติยินดี กูเฟยเยี่ยนจึงรีบเติมให้อีกถ้วยด้วยรอยยิ้ม “เสียดายที่เถ้าแก่เฉิงไม่มีเวลา หัวหน้าผู้ดูแล ท่านว่าสุรานี้…จะมีรสชาติที่ถูกปากเขาหรือไม่ จากที่ผู้น้อยเข้าใจ สุราที่สามารถเข้าปากเถ้าแก่เฉิงได้จะขายได้มโหฬาร! ความหมายของเ้าของหมู่บ้านบุปผาจันทร์คือทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน ทางฝั่งของพวกเราออกสูตรหมักสุรา หอการค้าเสวียนคงออกวัตถุดิบ ท่านว่า…”
กูเฟยเยี่ยนยังพูดไม่จบ หัวหน้าผู้ดูแลก็ขัดจังหวะเสียก่อน เขาเอ่ยกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่น “เถ้าแก่กู้ สุราตัวนี้ ต่อให้เถ้าแก่เฉิงมีงานมากเพียงใด เขาก็ต้องดื่มอย่างแน่นอน เพียงแต่สุราก็คือสุรา การซื้อขายก็คือการซื้อขาย ถึงแม้ว่าเถ้าแก่เฉิงจะติดสุรา แต่ก็ดื่มเพียงแค่สุราของร้านตัวเอง ฮ่าๆ ไม่เหมือนเหล่าฟูที่โลภของร้านอื่น”
ใจของกูเฟยเยี่ยนเต้นผิดจังหวะทันทีที่ได้ยินเช่นนี้
โลภของร้านอื่น?
นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ้าโลภผลประโยชน์หรือ? ดูเหมือนว่าถึงแม้หัวหน้าผู้ดูแลคนนี้จะเป็คนสนิทของเถ้าแก่เนี้ย แต่ก็เห็นแก่ตัวมาก! เขา้าโลภเพียงใดกัน?
กูเฟยเยี่ยนไม่กลัวเขาโลภ แต่โลภมากก็ไม่ได้!
นางรีบเติมอีกถ้วยพลางเอ่ยกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่น “สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ถึงแม้สุราจะดี แต่ถ้าโลภมากก็จะทำร้ายตนเอง!”
หัวหน้าผู้ดูแลยังคงยิ้มแย้มไม่แสดงความคิดเห็น
กูเฟยเยี่ยนจะเทสุราอีกครั้งแต่เขาหยุดนางไว้ เขาหยิบถ้วยสุราขึ้นมาเล่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “เถ้าแก่กู้ ท่านมีความรู้เกี่ยวกับถ้วยสุราหรือไม่? ท่านสังเกตถ้วยสุราของเหล่าฟูสิ”
กูเฟยเยี่ยนไม่มีความรู้เกี่ยวกับถ้วยสุราเลย ทว่านางก็รับถ้วยสุรามา นางแสร้งทำเป็พิจารณาพลางชื่นชมอย่างน้ำไหลไฟดับ ในท้ายที่สุดจึงถามเขาหนึ่งประโยค “ถ้วยใบเล็กนี้เป็สินค้าสั่งทำหรือ? ”
หัวหน้าผู้ดูแลเอ่ยด้วยความยิ้มแย้ม “เหล่าฟูบังเอิญพบที่ร้านเครื่องลายครามแห่งหนึ่งในตรอกเอ่อฝั่งตะวันตกของเมือง”
กูเฟยเยี่ยนพยักหน้าโดยที่ไม่ได้ถามต่อ
หัวหน้าผู้ดูแลเปลี่ยนไปพูดถึงเื่อื่นอีกครั้งโดยที่ไม่ได้เจรจาถึงเื่ของสุราสมุนไพรอีก อีกทั้งยังไม่พูดถึงด้วยว่าจะทำการค้าหรือไม่ และไม่พูดด้วยว่าจะแนะนำกูเฟยเยี่ยนต่อเถ้าแก่เฉิงเมื่อใด ในส่วนของกูเฟยเยี่ยนนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเลยสักคำเดียว
ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่งก่อนที่กูเฟยเยี่ยนจะขอตัวลา
ทันทีที่รถม้าเคลื่อนตัวออกจากประตูหอการค้าเสวียนคง เหมยกงกงก็ทนไม่ไหวแล้ว เขารีบเอ่ยถามอย่างกังวล “แพทย์หญิงกู นี่…นี่คือคว้าน้ำเหลวหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนยังไม่ทันได้อ้าปาก จวินจิ่วเฉินก็พูดกับหมางจ้งที่ปลอมตัวเป็คนขับรถม้า “ไปที่ตรอกเอ่อฝั่งตะวันตกของเมือง”
——————
เชิงอรรถ
[1] เสี่ยวหนวี่จื่อ หมายถึง คำที่ใช้แทนตัวเองของหญิงสาว
[2] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง คำอุปมาถึงผู้ที่ไม่ได้รับมือได้อย่างง่ายดาย
[3] สี่ตำลึงปาดพันชั่ง หมายถึง การใช้พลังน้อยเอาชนะพลังมาก