ตอนที่ 1
“น้องมาร์คเสร็จรึยังลูก จะได้เวลาแล้วนะ” เสียงของเจ๊เอวี่ะโดังเข้ามายังห้องแต่งตัวก่อนที่เ้าตัวจะเดินมาถึงด้วยซ้ำ
“ใกล้เสร็จแล้วครับเจ๊” มาร์คตอบ เพราะตอนนี้เหลือแค่ติดเครื่องประดับเล็กน้อยก็เสร็จเรียบร้อย
“นักข่าวมารอกันแล้ว” เจ๊เอวี่บอกด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนเพิ่งเคยเจอกองทัพนักข่าวครั้งแรกทั้งที่ก็เจอออกจะบ่อย
“โอเคครับ เสร็จพอดี” เมื่อพี่สไตล์ลิสต์ใส่เครื่องประดับชิ้นสุดท้ายเสร็จมาร์คก็ตอบเจ๊เอวี่พร้อมรอยยิ้มหล่อ
“อื้ม ลูกเจ๊หล่อที่สุด” เจ๊เอวี่จับมาร์คหมุนซ้ายหมุนขวาก่อนจะเอ่ยชมอย่างภูมิใจ แต่ที่หล่อได้แบบนี้ก็ต้องขอบคุณช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์เขานะครับ เก่งมาก
“อวยกันเองไม่เบื่อบ้างเหรอเจ๊” มาร์คเอ่ยแซวขำๆ
“ไม่นะลูกอิชั้นหล่อ เน้อะ” นอกจากจะอวยเพิ่มแล้วเอวี่ยังหันไปพยักเพยิดหน้าเออออกับพี่ๆช่างแต่งหน้าและทีมสไตล์ลิสต์ ซึ่งทุกคนในห้องแต่งตัวก็เห็นด้วยเพราะสายตาพวกเธอต่อให้ไม่ต้องลงเครื่องสำอางมาร์คก็หล่อมากจริงๆ หล่อแบบใสๆคลีนๆ แต่พอมีเครื่องสำอางแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าก็ทำให้ดูเท่สมาร์ทขึ้นเป็เท่าตัว
ทันทีที่ก้าวเท้าสู่พรมแดง แสงเฟรชสาดส่องเข้ามาไม่หยุดหย่อน มาร์คยิ้มให้นักข่าวและช่างภาพอย่างเป็กันเอง แต่บางทีก็รู้สึกว่าจะเยอะไปนิด กล้องนี้บ้างกล้องนั้นบางเล่นเอากรามแทบค้าง เขาเดินมาหยุดอยู่หน้าแบคดรอปเพื่อให้นักข่าวได้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จในครั้งนี้
โดยรวมสัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพรวมของงาน การแจ้งเกิดในวงการนายแบบ ฐานแฟนคลับ และพรีเซนเตอร์สินค้ายี่ห้อต่างๆ นอกจากนี้ยังมีถามเื่เกี่ยวกับความรัก
“ไม่ทราบว่าคุณมาร์คมีคนรู้ใจรึยังครับ?” นักข่าวถาม
“ตอนนี้ยังครับ อนาคตต้องรอดู” มาร์คบอกแล้วยิ้มหล่อให้นักข่าวหนึ่งกรุบ ความขี้เล่นนี้เรียกเสียงกรี๊ดจากนักข่าวหญิงและชายได้ไม่น้อย
“ไม่ทราบว่าคุณมาร์คมีสเป็คแบบไหนคะ?” นักข่าวอีกคนถามขึ้นมาบ้าง
“ผมชอบคนที่มีวุฒิภาวะโตกว่าครับ” มาร์คตอบไปตามความรู้สึกเพราะเื่พวกนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่องานเขามากนัก
“คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเพศที่สามค่ะ?” นักข่าวถาม
“สำหรับผมเพศไหนก็คนเหมือนกันมีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันครับ” มาร์คตอบรวมๆ เพราะสำหรับเขาทุกคนมีสิทธิเท่าเทียม
“อย่างนี้มีโอกาสไหมค่ะที่คุณมาร์คจะมีแฟนเป็ผู้ชาย ?” นักข่าวถามอย่างลุ้นๆ
“ผมว่าถึงเวลานั้น หัวใจเป็ตัวกำหนดครับ” มาร์คตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มมหาเสน่ห์ที่ใครเห็นมักหลงรัก
“ใครได้หัวใจคุณมาร์คไปคงโชคดี” นักข่าวพูดแซว
“ผมก็หวังว่าเขาจะไม่ปวดหัวไปเสียก่อน” มาร์คพูดอย่าขบขัน
“คุณมาร์คออกจะน่ารักขนาดนี้” นักข่าวสาวเอ่ยชมจากใจ
“ขอบคุณนะครับ” มาร์คกล่าวขอบคุณก่อนจะขอตัว
เขาอยากให้แด๊ดและแม่ของเขาได้เห็นความสำเร็จครั้งนี้มากๆ
เพราะกว่าที่เขาจะมีได้ทุกวันนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ การฝึกซ้อมที่หฤโหด ต้องมีระเบียบวินัยและต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แด๊ดและแม่ของมาร์คประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เป็การจากกันโดยไม่มีการล่ำลา โดยทิ้งมรดกเอาไว้ให้ผมไม่น้อย แต่ชีวิตตอนนั้นต่อให้มีมรดกมหาศาลเพียงใดมันก็เคว้งคว้างมากสำหรับเด็กอายุ 20 คนนึง ที่ไม่เหลือใคร เพราะทั้งชีวิตเขามีแค่แด๊ดและแม่เท่านั้น แม่เคยเล่าให้ฟังและเขาเองก็จำไม่ลืมทั้งน้ำเสียงและความรู้สึกเ็ปที่แม่ของเขาเคยได้รับ ั้แ่ที่แม่ตั้งท้องสายเืสวิตช์ซึ่งก็คือเขา ทางญาติฝ่ายแม่ก็ตัดขาดไม่แม้แต่มาดูดำดูดีกันสักนิด ไม่แม้แต่จะโทรมาถามไถ่ ตอนคลอดคุณตาคุณยายก็ไม่มาเยี่ยม เพราะงั้นจึึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาอยากจะสืบหาญาติฝ่ายแม่ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ใช้ชีวิตได้ปกติดี ส่วนญาติฝั่งแด๊ดก็ยังมีติดต่อกันบ้างและส่วนใหญ่แด๊ดมักจะพาเขากับแม่ไปฉลองคริสต์มาสที่นู้นทุกปีซึ่งมันก็ไม่แย่เท่าไหร่
คือชีวิตของมาร์คเขาไม่จำเป็ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตเพราะสิ่งที่แด๊ดและแม่เหลือเอาไว้ให้มันไม่น้อยเลย แต่สำหรับมาร์คกลับคิดว่าหากเราใช้อย่างเดียวโดยไม่หาเพิ่มสักวันเงินเ่าั้ก็จะหมดไป
มรดกทรัพย์สินที่แด๊ดกับแม่ทิ้งไว้ให้ก็มีบ้านของครอบครัว 1 หลังซึ่งตอนนี้เขากลับไปแค่นานๆครั้งเพราะั้แ่เข้าวงการนายแบบเขาก็ย้ายมาอยู่คอนโดแทนแต่ที่บ้านก็มีแม่บ้านคอยปัดกวาดดูแล ส่วนเจ้เอวี่ก็อยู่คอนโดเดียวกันแต่คนละห้องเพราะเขา้าความเป็ส่วนตัว มีรถยนต์หรูแบรนด์นอก 3 คัน 1 ใน 3 คันเป็คันที่แด๊ดซื้อให้เป็ของขวัญวันเกิดอายุครบ 20 ปีก่อนท่านเสียแค่ไม่กี่เดือน เป็อีกหนึ่งคันที่เขารักและหวงมาก ส่วนบิ๊กไบท์ BMW S1000 คันโปรดเขาซื้อด้วยเงินของตัวเองคันนี้เขาใช้ขับขี่บ่อยที่สุด และก็ยังมีเงินสดในเซฟที่ธนาคาร 50 ล้านและในบัญชีอีก 50 ล้าน ลงทุนตลาดหุ้นในชื่อเขาอีกเล็กน้อย
แต่กว่าจะผ่าน่เวลาที่สุดแสนจะโดดเดี่ยวนั่นเพื่อกลับมาเป็คนเดิมมันเหนื่อยไม่น้อย และกว่าจะพบกับเจ้เอวี่ซึ่งเป็ผู้จัดการส่วนตัวของเขาในปัจจุบันก็อายุเกือบ 25 ปี เจ๊เอวี่ใช้เวลาไม่น้อยที่ทำให้เขาเปิดใจเดินในเส้นทางนี้จากนั้นชีวิตผมก็มุ่งหน้าเข้าสู่วงการนายเต็มตัว ลืมบอก เจ้แกเป็ตุ๊ดครับ ( แต่สวยมาก ตัดงวงแล้วด้วยอันนี้เจ้เล่าเอง ) ^_^
“เป็อะไรคิดถึงแด๊ดกับแม่เหรอ ?” ยอมรับว่าเจ๊แกเป็คนที่รักและใส่ใจเขามากอย่างเช่นตอนนี้ เขารู้ั้แ่ที่สัมภาษณ์เสร็จเจ๊แกสังเกตตลอด และเจ๊เป็อีกหนึ่งคนที่เขาให้เข้ามาอยู่ในเซฟโซนนอกจากเพื่อนรัก เจ๊เอวี่เป็เหมือนพี่ชาย หรือว่าพี่สาวดี ?
“คิดถึง” มาร์คตอบไปตามตรงแล้วคลี่ยิ้มให้ผู้จัดการส่วนตัว
“มาๆ มากอดเจ๊” เอวี่บอกอย่างปลอบใจแล้วสวมกอดมาร์คแรงๆเพื่อเติมพลัง เธอรู้ดีว่าเด็กของเธอแข็งแกร่งและสดใสมากแต่บางครั้งความรู้สึกเศร้ามันก็กัดกินจิตใจนั้นไปทีละน้อย เธอไม่อยากเห็นมาร์คที่จมอยู่กับอดีตเหมือนที่ผ่านมา
“แค่คิดถึงน่าเจ๊ อย่าลืมนี่นิวมาร์ค” มาร์คบอกยิ้มๆความโศกเศร้าหายไปหมดแล้วเหลือเพียงความรักความทรงจำเท่านั้น
“จ๊ะๆ เจ๊จะเชื่อแล้วกัน ว่าแต่ที่ให้สัมภาษณ์คือเอาจริง ?” มาร์ครู้ดีว่าทำไมเจ้ถึงได้ถามเื่นี้
“รู้มากนะเจ๊” มาร์คไม่ได้ตอบกลับอะไรจริงจังแค่แซวเล่นกลับเฉยๆ
“ย๊ะ ระดับเจ๊เอวี่” เจ๊เอวี่พูดพรางเชิดหน้านิดๆ
“ก็ไม่รู้สิเจ๊ ถ้าใช่ก็คงใช่ !!” มาร์คบอกยิ้มๆ เจ๊เอวี่ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ
จากนั้นทั้งมาร์คและเจ๊เอวี่ก็เดินทางกลับคอนโดด้วยรถส่วนตัวของมาร์ค
ก็เมื่อ 10 ปีที่แล้วนอกจากแด๊ดและแม่เสีย มันยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ หลุมศพของแด๊ดและแม่วางอยู่คู่กัน มาร์คจัดเอาไว้อย่างสมเกียรติ คือใน่บ่ายวันนั้นหลังจากที่ทำพิธีศพเรียบร้อย มีคุณยายสวมชุดขาวกิริยาท่าทางดูน่าเชื่อถือ อายุน่าจะเกือบ 60 ปีแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะสีขาวริมฟุตบาทซึ่งอยู่ติดกับรถเขาพอดี และในขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถ
“พ่อหนุ่ม มานี่หน่อย” คุณยายเรียก ซึ่งตอนแรกก็ไม่แน่ใจแต่พอมองดูรอบๆก็มีแค่เขาและคุณยาย
“ครับ คุณยายเรียกผมเหรอครับ ? ” มาร์คถามอย่างงงๆ เมื่อคุณยายพยักหน้าเขาก็เดินไปหาคุณยายคนนั้น
“พ่อหนุ่มเชื่อเื่โชคชะตามั้ย ?” มาร์คคิดอย่างฉงนใจคุณยายก็ถามแปลก ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล
“เชื่อมั้งครับ” มาร์คตอบอย่างไม่แน่ใจแล้วยิ้มให้บางๆทั้งที่ั์ตายังคงโศกเศร้า
“เื่พรหมลิขิตละ ?” คุณยายก็ยังถามต่อ
“ครับ ยายจะดูดวงให้ผมเหรอ ?” มาร์คถามกลับไปตรงๆ เพราะดูแล้วคงไม่พ้นหมอดูเป็แน่ ดูเสร็จก็คงเรียกเก็บเงิน เขาไม่ได้อยากจะคิดลบแต่ส่วนใหญ่ก็เป็อย่างนั้น
“จะเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ถูก เอามือซ้ายมาสิ” คุณยายบอกแล้วยิ้มอย่างใจดี เหมือนมองลูกหลานของตัวเอง มาร์คเองก็เหมือนโดนมนต์สะกดยกมือของตัวเองวางลงบนมือเหี่ยวย่นของคุณยายที่แบรออยู่อย่างว่าง่าย
“อืม ถือว่าเป็นิมิตที่ดี เนื้อคู่ของพ่อหนุ่มไม่ต้องหาหรอก ก่อนอายุ 31 พ่อหนุ่มจะเจอเขาเอง แค่สบตากันเท่านั้นพ่อหนุ่มจะรับรู้ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ชีวิตของพ่อหนุ่มในตอนนี้ถึงจุดเปลี่ยนใช่มั้ย สองสิ่งสูญเสียสิ่งหนึ่งต้องเดินหน้าต่อ ส่วนเื่หน้าที่การงานจะมีคนนำพาไปในทางที่ดีและมีชื่อเสียง พ่อหนุ่มไม่ต้องเชื่อยายหรอก ให้อนาคตตัดสินว่าสิ่งที่ยายพูดนั่นเป็จริงมั้ย” คุณยายทำนายดวงด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน มาร์คแค่ยิ้มรับบางๆ
“ครับ” มาร์คตอบ ที่คุณยายทักก็ถือว่าตรงนะ เพราะเขาเพิ่งเสียบุคคอันเป็ที่รักไปถึงสองคนในเวลาเดียวกัน หรือว่าคุณยายจะเห็นตอนเขาเดินออกจากที่หลุมศพ ส่วนเื่เนื้อคู่ตอนนั้นมาร์คนึกขำในใจที่คนๆนึงแค่มองตากันแล้วจะรู้ว่าใช่เนื้อคู่เหรอ ? บ้าไปแล้วคุณยาย
“ยายจะบอกว่าชาตินี้เขาเกิดเป็ผู้ชายนะพ่อหนุ่ม” คำพูดของคุณยายคือในอนาคตเขาจะมีแฟนหรือคนรักเป็ผู้ชาย ?
“เอ่อครับ” มาร์คตอบอย่างไปไม่เป็เพราะเขาไม่เคยคิดถึงเื่นี้มาก่อน
“พ่อหนุ่มกับเขาคู่กันมาทุกภพทุกชาติ ชาตินี้ก็เช่นกัน” คุณยายขยายความด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าท่ามองเห็นอนาคตและอดีตชาติ
“ขอบคุณสำหรับคำนายนะครับคุณยาย นี่เงินครับ” เมื่อเห็นว่าคุณยายทำนายดวงจบแล้ว มาร์คก็กล่าวขอบคุณพร้อมหยิบเงินจากกระเป๋าส่งเงินให้คุณยายจำนวนหนึ่ง
“ยายทำนายให้ฟรีจ๊ะ พ่อหนุ่มไปเถอะ โชคดีนะ” คุณยายดันมือมาร์คกลับ ตัดบทสนาทันทีเพราะเธอถือว่าหน้าที่ของเธอได้จบลงแล้ว
“ขอบคุณมากนะครับยาย” มาร์คเองเมื่อเห็นท่าทีของคุณยายที่ไม่ยอมรับสินน้ำใจเขาก็กล่าวขอบคุณอีกครั้งแล้วขึ้นรถไป
ให้โชคชะตานำพา………….
คุณยายพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วมองรถของมาร์คพุ่งทะยานไปบนลู่ถนน
หลังจากวันนั้น 5 ปีต่อมามาร์คก็เจอกับเจ๊เอวี่ และสุดท้ายคำทำนายที่คุณยายคนนั้นก็เป็จริงในเื่หน้าที่การงาน ที่เหลือก็มาดูกันว่าจะตรงจริงมั้ย สำหรับเขาห้าสิบๆ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะของแบบนี้รอดูเฉยๆก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถึงแรกๆตอนที่เล่าให้เจ๊เอวี่ฟัง นางจะว่าเขาบ้าก็ตาม
ผม มาร์ค รพี รัตนมณี น้ำหนัก 80 กก. ส่วนสูง 185 ซม. จบจากมหาวิทยาลัย UK สาขานิเทศน์ ปัจจุบันมีอาชีพเป็นายแบบที่ดังอันดับต้นๆของประเทศ มีงานเข้ามาไม่ขาดสายเพราะเขาเป็ลูกครึ่งไทย-สวิตช์เซอร์แลนด์ ใบหน้าได้แม่มาไม่น้อย ส่วนรูปร่างสัดส่วนค่อนข้างสูงมีกล้ามเนื้อพอดีตัว ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป ผมนับถือศาสนาคริสต์ สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษาคือ ไทย เยอรมัน อังกฤษ และจีน มีผู้จัดการส่วนตัวก็คือเจ๊เอวี่คนสวย ผมรวยแต่ไม่ฟุ่มเฟือย เป็คนสุภาพแต่ไม่ได้เรียบร้อย ร่าเริง ขี้เล่นและเฟรนลี่ ภายนอกดูเข้ากับคนได้ง่ายแต่ในความจริงแล้วผมเปิดรับแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ผมมีเพื่อนสนิทแค่คนเดียวชื่อว่าติน นอกจากนั้นก็ไม่สนิทแต่ก็มีออกไปเที่ยวไปดื่มด้วยกันบ้างบางครั้ง
งานวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่ไปเดินโชว์สื่อเล็กน้อยและให้สัมภาษณ์ จะมีงานถ่ายแบบโปรแจ็คใหญ่ก็สัปดาห์หน้าทีเดียว ที่เหลือก็อีเว้นท์ยิบย่อย
@คอนโดมาร์ค
หลังจากที่ขึ้นมาบนคอนโดเรียบร้อย เจ๊เอวี่กับพนักงานของคอนโดก็เอาข้าวของที่แฟนคลับซื้อให้เข้ามาเก็บที่ห้อง ในระหว่างนี้มาร์คก็คุยแชทกับเพื่อนสนิทไปด้วย
“เจ๊คืนนี้ไปป่ะ ?” มาร์คถามขึ้น เมื่อพนักงานออกไปแล้วก็เหลือแค่เจ๊เอวี่ที่ยังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ว้ายยยย ผู้ชายชวน !” เจ๊เอวี่กรี๊ดลั่นห้องด้วยความดีใจ ไม่บ่อยนักที่มาร์คจะเป็คนชวนเธอไปเที่ยวกลางคืนเพราะส่วนใหญ่เป็เธอเองที่ต้องลากมาร์คไป หรือไม่ก็แอบหนีเที่ยวกับเพื่อนสนิทแค่สองคนเท่านั้น
“ไป ไม่ไป ?” มาร์คถามอย่างกวนๆ
“ไปสิคะ น้องมาร์คสุดหล่อของเจ๊” เอวี่ตอบด้วยสีหน้าท่าทียิ้มแย้ม แอบแตะอั๋งเบาๆโดยการใช้มือลูบแขนมาร์คเล่น ซึ่งเป็เื่ปกติของทั้งคู่ที่หยอกล้อกันเป็ประจำ
“ไอ้ตินไปด้วย” มาร์คบอกยิ้มๆ มือที่แตะอั๋งเขาเมื่อครู่ยกออกทันที
“กรี๊ดดดดดด ตินสุดหล่อของเจ๊อีกคน” เอวี่กรี๊ดอีกครั้งด้วยความดีใจ ก็นะ่นี้ตินๆของเธอติดงานบ่อยชวนแต่ละรอบก็โดนปฏิเสธทุกที
“ทันทีเลยนะเจ๊” มาร์คแกล้งแซวขำๆ
“อะแน่นอน ของดีๆทั้งนั้นงั้นคืนนี้เจ๊ขอควงสอง ไม่ได้การละเย็นแล้วเดี๋ยวเจ้ไม่สวย เจ๊ขอไปจัดการตัวเองก่อน” เจ้เอวี่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีสุดๆ มองไปที่นาฬิกาขวาฝาผนังก็พบว่าเย็นแล้วเธอก็ขอตัวกลับห้องตัวเองทันที
“ตามสบายเลยครับ” มาร์คบอกยิ้มๆ เขาก็เข้าห้องไปนอนพักผ่อนเอาแรงสำหรับท่องราตรีคืนนี้
@คลับ T 22:05 น.
ทั้งสามคนต่างพารถส่วนตัวกันมาเอง เพราะคิดว่าคงไม่ได้กลับด้วยกันแน่นอน นัดเจอกันที่หน้าคลับ พอมาร์คลงจากรถตินและเอวี่ก็จอดรถที่ข้างๆจากนั้นก็รอเดินเข้าคลับพร้อมกัน แล้วเจ๊เอวี่ก็ได้ทำตามที่พูดไว้คือควงทั้งมาร์และตินเข้าไปในคลับ
“ดูสิ ชะนีมองสุดหล่อของเจ้ตาเป็มันเลย คงอิจฉาเจ๊ล่ะสิ คิคิ” เจ๊เอวี่จีบปากจีบคอพูดอย่างอารมณ์ดีเชิดหน้าหยิ่งนิดๆ ก็จริงอย่างที่เจ้เอวี่พูด ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ แม้แต่เกย์สาวก็มองเขาและตินด้วยสายตาเชิญชวนอย่างไม่มีใครยอมใคร
มาร์คไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนั้นถึงขยันอ่อยจังทั้งที่วันนี้เขาแต่งตัวมาเที่ยวแบบเรียบๆ เสื้อยืดกางเกงสามส่วน แค่เซตผมเปิดหน้าเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับเขาดูเฉยๆไม่ได้มีเสน่ห์โดดเด่นคือแตกต่างกับตอนที่เขาถ่ายแบบหรือเดินแบบมาก
พอเข้ามาด้านในมาร์คก็เดินขึ้นโซนชั้นสองที่เขาได้จองเอาไว้ ต้องบอกว่าเขาเป็แมมเบอร์วีไอพีของที่นี่ก็ว่าได้ มาบ่อยจนสนิทกับเ้าของคลับเสียอย่างนั้น อาจเป็เพราะไลน์สไตล์คล้ายๆ กันเลยทำให้เราสนิทกันได้ง่าย แต่ก็จะมีอีกคลับที่มาร์คและตินไปบ่อยก็คือคลับเค
ซึ่งทั้งที่คลับทีและคลับเคมีจุดเด่นในการบริการลูกค้าและการปกปิดข้อมูลของลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม ข้อดีของห้องวีไอพีของที่นี่คือ ข้างในมองเห็นข้างนอกได้ แต่ข้างนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ เรียกได้ว่าส่วนตัวสุดๆ ไม่แปลกที่คลับแห่งนี้จะได้รับความนิยมจากเซเลปดาราคนดัง ทันทีที่ขึ้นมาชั้นสองของคลับ ธีย์ก็มาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง รวมทั้งทักทายตินและเอวี่พอเป็มารยาท เขากับธีย์พูดคุยกันเล็กน้อย เขาเดินมานั่งลงที่เก้าอี้มุมโปรดซึ่งเป็โซฟาตัวยาว ตินก็นั่งลงใกล้ๆมาร์คส่วนเจ๊ก็นั่งห่างออกไปอีกตัว
“คุณธีย์นั่งด้วยกันมั้ยครับ ?” มาร์คถามอย่างเป็มิตร
“ขอบคุณครับ แต่คืนนี้ผมต้องขอโทษด้วยพอดีมีนัดกับพวกเพื่อนๆที่ห้องนู้น” ธีย์ชี้ไปที่ห้องกระจกซึ่งอยู่ติดกัน มาร์คก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ปกติหากธีย์ไม่ติดลูกค้าคนพิเศษหรือพวกเพื่อนๆของเขาก็จะมานั่งที่ห้องนี้กับมาร์คและตินเป็ประจำ
“ครับ” ธีย์และมาร์คชนแก้วกันพอเป็มารยาทแล้วก็ขอตัวออกไป
“ได้ข่าวว่าคุณธีย์คบกับคุณเควินเ้าของคลับเครึเปล่า มาร์ครู้เื่นี้ป่ะ ?” หลังจากที่ธีย์เดินออกไปแล้วเจ้เอวี่แกก็เมาส์ทันที
“อืม แต่ผมว่าเจ๊ไม่ควรอยากรู้นะ” มาร์คพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เป็การบอกกลายๆว่าไม่ควรเสือกเื่ของเขา
“ได้ยินแค่นี้เจ๊ก็สบายใจ” เจ้เอวี่ตอบยิ้มๆเพราะแอบกลัวเควินอยู่เหมือนกันได้ข่าวว่ามีอิทธิพลมากพอสมควร
จากนั้นทั้งสามนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ มองผู้คนมากมายที่ชั้นหนึ่งกำลังเต้นโยกย้ายไปตามจังหวะของเสียงเพลง
“2 หนุ่มคืนนี้ห้ามทิ้งเจ๊เอวี่คนสวยนะ” เจ้เอวี่บอกตินและมาร์คด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับคนสวย” ตินพูดยิ้มๆ
“อื้อ ปากหวานมาเป็ผัวเจ๊มาๆ” เจ้เอวี่พูดทีเล่นทีจริงแล้วขยับมานั่งใกล้ๆ ตินใช้มือเรียวลูบไล้แขนตินเบาๆก่อนจะกอดเอาไว้
“เจ๊เพื่อนผม ปล่อยมันให้ไปเจออนาคตที่สดใสเถอะ” เจ๊เอวี่ทำท่าจะจุ๊บ แต่ก่อนที่จะได้ลวนลามมากไปกว่านั้นมาร์ก็ร้องห้ามไว้ได้ทัน แล้วพูดปิดท้ายอย่างขำๆ
“ว้ายยย นั่นปากเหรอคะน้องมาร์ค” เจ๊เอวี่ก็สลัดจุ๊บทิ้งแล้วแว๊ดใส่มาร์คทันที
“ก็ปากนะสิครับ” มาร์คตอบยิ้มๆ
“ย๊ะ แค่ได้แทะโลมก็ยังดี” เจ๊เอวี่พูดอย่างเชิดๆ เอากับเจ๊เค้าสิครับยอมที่ไหน ลูบๆถูๆตินจนแทบจะมีเลขขึ้นแล้วครับมาร์คได้แต่มองอย่างสงสาร ส่วนตินก็เอาแต่ยิ้มขำ ( เจ๊เธอเอาจริงขึ้นมาแล้วจะขำไม่ออก เดี๋ยวจะหาว่ามาร์คไม่เตือน )
“แต่ผมว่าเจ๊เอวี่น่าจะเป็ฝ่ายทิ้งพวกผมมากกว่าน๊า” ตินพูดยิ้มๆ เพราะเขาเห็นเจ๊เอวี่นั่งมองด้านล่างอยู่นานแล้ว
“ไม่จริ้ง ตินอย่าใส่ร้ายคนสวยสิ” เอวี่พูดด้วยน้ำเสียงสูงนิดๆ เอนหัวซบไหล่แกร่งของตินเบาๆ
“หึ ครับคนสวย” ตินพูดยิ้มๆ มองไปที่ด้านล่างไปด้วย
“สักคนมั้ยมึง ?” มาร์คถามขึ้นพรางพยักหน้ากับตินยิ้มๆ
“ไม่ว่ะ คืนนี้แค่อยากดื่ม มึงอะ ?” ตินตอบแล้วถามกลับ
“เหมือนกัน”
ทั้งสามนั่งดื่มกันได้สักพัก เริ่มรู้สึกถึงแอลกอฮอล์ที่กำลังไหนเวียนอยู่ภายในเื หน้าเริ่มตึง แก้มเริ่มแดง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเมา เจ๊เอวี่คนสวยก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนไปๆ คนเดียวแต่ตอนกลับมาดันมีควงผู้ชายเดินมาด้วยเสียอย่างนั้น
“ไหนว่าจะไม่ทิ้งพวกผมไง ?” มาร์คถามขำๆ
“เอาน่า เพื่อความสุขของเจ๊” เอวี่ทำท่าทางโบกไม้โบกมือแล้วพูดยิ้มๆ
“อย่าหนักละ พรุ่งนี้มีงาน” มาร์คยังคงเอ่ยแซวอีกเล็กน้อย
“บ้า ตินฝากมาร์คด้วยนะ” เอวี่ว่ามาร์คด้วยท่าทีเขินอาย แต่มาร์ครู้ดีว่านั่นคือการแสดง แต่เจ้เอวี่ก็ไม่ลืมฝากฝังเขาไว้กับตินซึ่งไม่รู้ว่าใครต้องดูแลใคร เพราะตอนนี้ตินเอาแต่ยกแก้วกระดกเหล้าเข้าปากรัวเลย เหมือนมันหิว ?
“รับทราบครับคนสวย” ตินตอบรับยิ้มๆ
แล้วเจ๊เอวี่คนสวยก็ควงชายหนุ่มคนนั้นออกไปจากคลับ คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าเขาไปที่ไหน และทำอะไรกัน
“่นี้มึงเป็ไงบ้าง เหนื่อยเหรอ ?” มาร์คถามตินยิ้มๆ เพราะเขารู้สึกว่าเพื่อนเขามีบางอย่างในใจ
“อืม งานของที่บ้านมีปัญหาว่ะ” ตินบอกพร้อมยกเหล้าขึ้นดื่ม
“ไม่ไหวกูพร้อมช่วยเสมอ” มาร์คบอกเพื่อนรักอย่างเห็นใจ เพราะยามที่เขาลำบากเพื่อนรักของเขาคอยช่วยเหลือเสมอ ตอนนี้เขาเองก็พร้อมที่จะช่วยตินเหมือนกัน
“ขอบใจ ถ้าไม่ไหวกูจะบอก” ตินตอบแล้วยิ้มบางๆให้ จากนั้นเราทั้งคู่ก็นั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายเป็ไอ้ตินที่ฟุบหลับไปเสียก่อน ลำบากพวกพี่การ์ดต้องมาช่วยแบกไปส่งที่รถอีก
มาร์คขับรถไปส่งตินที่คอนโดส่วนรถค่อยพามันไปเอาพรุ่งนี้ พอถึงคอนโดก็ให้พี่ยามช่วยแบกพาตินขึ้นไปบนห้อง ส่งไอ้ตินถึงที่โซฟาเรียบร้อยเขาก็กลับมาอาบน้ำนอนแต่ก่อนจะนอนไม่ลืมแชทบอกเจ๊เอวี่ว่าเขาอยู่ที่ห้องแล้ว ที่ต้องทำแบบนี้เพราะเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาหนีเจ้เอวี่ไปทำสปาแล้วเผลอหลับทางร้านเขาก็ไม่กล้าปลุกเพราะเห็นลูกค้ากำลังหลับสบาย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้วพอเห็นว่าโทรศัพท์แบตหมดเขาก็กลับคอนโดทันที พอลิฟต์เปิดชั้นที่เขาอยู่ก็เจอเจ๊เอวี่ยืนจังก้าเท้าสะเอวรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็โดนเจ๊แกบ่นยาวเหยียดว่าไปไหนทำไมไม่บอกและอีก บลาๆๆ ั้แ่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็เลยต้องบอกเจ๊แกว่าอยู่ที่ไหน
หลายวันที่ผ่านมามาร์คก็ออกอีเว้นท์ทุกวัน พอ่ค่ำในบางคืนเขามีนัดทานข้าวกับเอเจนซี่ของบริษัทต่างๆ ส่วนตินก็ไม่ค่อยได้เจอกันแต่แชทคุยกันทุกวัน
และแล้วก็ถึงวันเดินทางไปถ่ายแบบโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง
……………………………………………
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้