ก่อนการแข่งขันหนึ่งสัปดาห์ โหยวเจียไปดูพวกเขาเล่นด้วยกันหนึ่งเกม จากนั้นเธอจึงแอบเรียกเซี่ยเจิงให้มาอยู่ข้างๆ เพื่อถามคำถามอะไรบางอย่าง
“ราบรื่นดีใช่ไหม? ” ถึงแม้ว่าโหยวเจียจะไม่ค่อยรู้เื่กีฬาสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ััได้ถึงบรรยากาศที่ทุกคนในสนามแข่งขันกันอย่างดุเดือด
“วางใจได้เลยครับ” เซี่ยเจิงพยักหน้า
“พอเธอบอกให้วางใจฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย เธอนี่พึ่งพาได้จริงๆ ” โหยวเจียยิ้มพลางพูดออกมา ในขณะที่พูดเธอก็กวาดสายตามองไปยังชวีเสี่ยวปอที่กำลังซ้อมชู้ตลูกบาสเกตบอลอยู่ในสนาม “เขาไม่เป็อะไรใช่ไหม? ”
“ครับ? ” เซี่ยเจิงไม่เข้าใจความหมายที่เธอ้าจะสื่อถึง
“วันนี้ตอนที่เขาเจอฉันในตอนบ่าย เขาเข้ามาบอกกับฉันอย่างกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวามากๆ เลยว่า ห้องของพวกเราเก่งที่สุดแล้วครับ”
เซี่ยเจิงเดาว่าคำพูดเดิมของชวีเสี่ยวปอคงจะพูดว่า : ห้องของพวกเราโคตรจะเก่งที่สุดแล้วครับ แต่โหยวเจียไม่กล้าที่จะพูดออกมาตามนั้นตรงๆ
โหยวเจียหยุดการเคลื่อนไหวไป สายตาของเธอกลับมีความกังวลขึ้นมา “เขารู้สึกกดดันเกินไปหรือเปล่านะ”
“ไม่ใช่ครับ ครูห้ามคิดแบบนั้นเลยนะครับ” เซี่ยเจิงและพวกเขาอีกหลายคนล้วนเข้าใจเป็อย่างดีว่าทำไมชวีเสี่ยวปอถึงได้พยายามทำเต็มที่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่เหตุผลนี้ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยให้โหยวเจียรับรู้ได้ “เขาแค่อยากชนะในเกมการแข่งขันนี้น่ะครับ เพราะว่าสองสามวันก่อนพวกเด็กสายวิทย์ห้องหนึ่งมาทำตัวโอ้อวดกับพวกเราครับ”
“โอ้อวดอะไรกัน? ” โหยวเจียมองเขาด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ “ห้ามมีเื่ทะเลาะต่อยตี แล้วก็ห้ามก่อเื่เด็ดขาดนะ !”
“ถ้าจะมีเื่กันก็คงจะไม่รอใช้การแข่งขันเพื่อทำให้พวกเขาดับหรอกครับ” เซี่ยเจิงพูดความจริงออกมา อันที่จริงไม่ใช่เพียงแค่ชวีเสี่ยวปอเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนตั้งใจทุ่มเทไม่แพ้กัน
“ทำดีมาก” โหยวเจียยกนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างมีความสุข
ใน่เย็นก่อนการแข่งขันหนึ่งวันชวีเสี่ยวปอและซือจวิ้นไปบ้านของเซี่ยเจิง
การพาซือจวิ้นไปด้วยเป็ความคิดของเซี่ยเจิง เพื่อหลีกเลี่ยงคำพูดที่เขามักจะพูดว่าพวกเขาทั้งสองคนชอบแอบทำอะไรกันสองต่อสอง ที่ไม่ใช่แบบที่เพื่อนเขาทำกัน ชวีเสี่ยวปอจึงไม่ได้ขัดอะไร
ทั้งสามคนพูดคุยถึงการแข่งขันในวันพรุ่งนี้มาตลอดทาง ทั้งยังแวะซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จจากร้านพะโล้ที่อยู่ข้างทางด้วย เซี่ยเจิงบอกว่าในตู้เย็นยังมีข้าวเหลืออยู่อีกครึ่งหม้อ เดี๋ยวผัดข้าวผัดไข่ก็น่าจะทานได้แล้ว
“ไม่ดื่มกันหน่อยเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอเขย่าถุงพลาสติกในมือที่ใส่พะโล้เอาไว้อยู่ไปมา วันนี้เล่นได้ไหลลื่น เขาเลยอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย
“ฉลองกันล่วงหน้าเหรอ? ” ซือจวิ้นพูดอย่างยิ้มๆ “มั่นใจมากเลยนะปอเอ๋อร์”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว” ชวีเสี่ยวปอยักคิ้ว
“ที่บ้านมี” เซี่ยเจิงพูด “แต่ไม่เย็นนะ ถ้าจะดื่มแบบเย็นๆ เดี๋ยวไปแวะซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตไหม? ”
“ไม่ดื่มแบบเย็นดีกว่า ต้องระวังตัวเอาไว้หน่อย” ชวีเสี่ยวปอตีไปที่ท้องของตัวเองสองครั้ง “เข้าสนามตอนท้องปั่นป่วนมันจะไม่คุ้มเอา”
ในตอนที่เข้าบ้านมาแม่ของเซี่ยเจิงก็เดินออกจากห้องนอนมาดื่มน้ำพอดี ซือจวิ้นจึงรีบยืนตัวตรงพร้อมทั้งทักทายออกไป “คุณป้าสวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะๆ ” แม่ของเซี่ยเจิงคงจะนอนหลับไปแล้วตื่นหนึ่ง เพราะเธอยังดูงัวเงียอยู่นิดหน่อย หลังจากทักทายพวกเขาไปสองคำก็กลับเข้าไปในห้องนอนแล้ว
“พวกนายนั่งดูทีวีไปกันก่อนนะ” เซี่ยเจิงปิดประตูห้องนอนของแม่เขาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงหยิบรีโมตที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้ชวีเสี่ยวปอ “ฉันไปผัดข้าวก่อนนะ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอรีบกดลดเสียงโทรทัศน์ลงทันที จากนั้นก็เปิดหาช่องที่มีภาพยนตร์ฉายอยู่ แต่เขาก็กลับดูอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ เพราะเขารู้สึกอยากจะไปดูว่าเซี่ยเจิงกำลังทำอะไรอยู่ในห้องครัวตลอดเวลา
คงจะกำลังทำกับข้าวละมั้ง จะทำอะไรอย่างอื่นได้
การถามเองตอบเองเช่นนี้ทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขาคิดอะไรเป็เด็กๆ ไปมากเลยทีเดียว แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ยังลุกขึ้นมา ทว่าปากกับบอกซือจวิ้นว่า “ฉันไปเอาเบียร์นะ”
แต่ท้ายที่สุดซือจวิ้นกลับไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ชวีเสี่ยวปอจึงหันไปมองเขาทีหนึ่ง และพบว่าเขานั่งพิงโซฟาหลับไปเรียบร้อยแล้ว
“พ่อครัวใหญ่” ชวีเสี่ยวปอไปยืนพิงอยู่ตรงประตูห้องครัว “ซือจวิ้นหลับไปแล้ว”
“่นี้เขาคงเหนื่อยน่าดูเลย” เซี่ยเจิงมองเขาไปครั้งหนึ่ง ราวกับเขารู้ว่าชวีเสี่ยวปอต้องมาที่ครัวแน่นอน ในขณะนั้นในมือของเซี่ยเจิงกำลังตอกไข่อยู่ เขาเคาะไปที่ข้างชามอย่างคล่องแคล่ว “ซ้อมกับทีมโรงเรียน แล้วยังต้องมาซ้อมกับพวกเราอีก”
“นายเองก็ลำบากไม่น้อยเลยเหมือนกัน” ชวีเสี่ยวปอก้มหน้าพร้อมทั้งยิ้มออกมา “ยังต้องดูแลจัดการเื้ัให้ดีอีก”
เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเทไข่ที่ตีให้เข้ากันแล้วลงไปในกระทะ จากนั้นก็มีเสียงฉ่าดังตามขึ้นมา ทำให้มีกลิ่นหอมโชยออกมา
เซี่ยเจิงพับแขนเสื้อ พร้อมทั้งหยิบตะหลิวขึ้นมาผัดไปมา
ชวีเสี่ยวปอชำเลืองมองไปยังแขนของเซี่ยเจิง เนื่องจากการใช้แรงกล้ามเนื้อจึงรัดแน่นจนเห็นเป็เส้นเือันไหลลื่นต่อเนื่องกันปรากฎขึ้นมา และในตอนนั้นเองชวีเสี่ยวปอก็คิดเชื่อมโยงถึงคำคำหนึ่งขึ้นมา
เซ็กซี่
ถูกต้องแล้ว เซี่ยเจิงในตอนทำอาหารเขาดูเซ็กซี่มาก
“มั่นใจจริงๆ เหรอ? ” เซี่ยเจิงเทข้าวสวยลงไปในกระทะ จากนั้นจึงใช้ตะหลิวค่อยๆ บี้ข้าวที่เป็ที่ติดกันเป็ก้อนให้แตกออกจากกัน “กับการแข่งขันในวันพรุ่งนี้”
“อืม” ชวีเสี่ยวปอกำหมัดแน่น “เพื่อห้องของพวกเรา เพื่อโหยวเจีย เพื่อ...” เขาอยากที่จะพูดว่าเพื่อนายถึงได้ตั้งใจขนาดนี้ แต่เมื่อพอจะพูดจริงๆ กลับเปลี่ยนกลายเป็อีกประโยคหนึ่ง “เพื่อทุกคนที่พยายามกันขนาดนี้”
“อืม” เซี่ยเจิงโรยเกลือลงไปในกระทะเล็กน้อย แล้วจึงมองไปเห็นสายตาที่ดูซับซ้อนของชวีเสี่ยวปอ “ฉันรู้สึกว่า่นี้นายเปลี่ยนไปมาเลยละ”
“เปลี่ยนไป? ” ชวีเสี่ยวปอก้มหน้าลงไปมองปลายเท้าของตัวเอง “เปลี่ยนตรงไหน”
“เมื่อก่อนฉันมักจะรู้สึกว่านายดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรเลย” เซี่ยเจิงหันหลังกลับมาพร้อมทั้งเอามือยันไว้บนเตา “ตอนนี้กลับรู้สึกว่า ที่จริงแล้วเพียงแค่นายอยากทำ นายก็จะมุ่งมั่นทำมันอย่างสุดกำลัง”
ชวีเสี่ยวปอกลอกลูกตาไปมา ท่าทางของเซี่ยเจิงที่ยืนพิงอยู่เพียงแค่ครึ่งตัวเช่นนี้ มันทำให้เขาดูขายาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด และมันก็ทำให้ชวีเสี่ยวปอเกิดความคิดวู่วามที่อยากจะเข้าไปลูบคลำขึ้นมา แต่มันก็เป็เพียงความคิดวู่วามเท่านั้น ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าจุดสนใจของเขาในตอนนี้ยิ่งดูผิดแปลกมากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว เขาจึงรีบพูดต่อออกมาทันที : “คำพูดนี้คือ...ชมฉันใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เซี่ยเจิงยิ้ม จากนั้นเขาก็โบกมือเรียกชวีเสี่ยวปอ “มานี่หน่อย”
ชวีเสี่ยวปอเดินเข้าไป
เซี่ยเจิงอ้าแขนทั้งสองข้างออก
“นี่คือ? ”
“มากอดหน่อยปอเอ๋อร์” เซี่ยเจิงไม่ได้ให้เวลาชวีเสี่ยวปอครุ่นคิดเลยสักนิด ทันใดนั้นก็ดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเองโดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น “พรุ่งนี้ สู้ๆ นะ”
“สู้ๆ ” ร่างกายของชวีเสี่ยวปอแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็เอาคางวางลงไปบนไหล่ของเซี่ยเจิง ทั้งยังตบหลังของเซี่ยเจิงอย่างหนักมือไปสองที “ไปด้วยกัน”
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอและซือจวิ้นกลับกันไปแล้ว เซี่ยเจิงจึงเริ่มลงมือเก็บโต๊ะ
ทั้งสามคนดื่มเบียร์ไปสองขวด แต่ก็ยังดื่มไม่หมด เหลืออีกครึ่งขวด เซี่ยเจิงเขย่าขวดดู และกำลังคิดอยู่ว่าจะดื่มเบียร์ที่เหลือนี้ให้หมดหรือเอาไปเททิ้งดี ในตอนนั้นเองแม่ของเขาก็ผลักประตูห้องนอนแล้วเดินออกมา
“พวกเขาไปกันแล้วเหรอ? ” แม่ของเซี่ยเจิงสางผม แล้วจึงเดินมานั่งบนโซฟา
“ครับ” เซี่ยเจิงหยิบชามหลายใบตรงนั้นซ้อนเอาไว้ด้วยกัน “แม่ยังไม่นอนเหรอครับ? ”
“นอนแล้ว ตื่นแล้ว” แม่ของเซี่ยเจิงหาวออกมา “วางเอาไว้เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่มาเก็บให้”
“วางเอาไว้ถึงพรุ่งนี้ก็ล้างยากแล้วครับ” เซี่ยเจิงส่ายศีรษะ
“นี่ลูกชายสุดที่รักของแม่” ผู้หญิงคนนี้มีความสุขจนผ่อนลมพูดออกมาประโยคหนึ่ง “วันนี้ลูกดูมีความสุขมากเลยนะเนี่ย ?”
เซี่ยเจิงไม่ได้ตอบกลับไป เก็บขยะที่อยู่บนโต๊ะไปทิ้งลงถังขยะ
“แม่ดูออกหมดแล้ว” แม่ของเซี่ยเจิงทำเสียงจิ๊ปาก “พอเสี่ยวปอมาลูกก็จะดูมีความสุขเป็พิเศษ”
เห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? เซี่ยเจิงหยุดการกระทำในมือลง คำพูดของแม่ทำให้เขารู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
ถ้าเป็คนอื่นพูดเขาก็คงจะไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ แต่เมื่อมันออกมาจากปากของแม่ เซี่ยเจิงจึงรู้สึกเหมือนกับว่า “เื่ในใจที่แอบรักใครสักคนกำลังถูกญาติสนิทจับได้ซะแล้ว”
ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะไม่ได้หมายความอย่างนั้นก็ตาม
“ผมมีความสุขอะไรที่ไหนกัน” เซี่ยเจิงพยายามปกปิดมันเอาไว้
“เอาเถอะ นานๆ ทีลูกจะมีเพื่อนสนิทสักคน อีกอย่างเมื่อก่อนลูกก็ไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้านด้วย” แม่เปิดโปงเขาออกมาอย่างไม่ไว้หน้า “แล้วก็อีกอย่างเสี่ยวปอเด็กคนนี้ก็เป็คนดีมาก มีมารยาททั้งยังรู้จักวางตัว ตอนนี้เด็กที่เป็เหมือนเขาก็มีน้อยมากแล้วจริงๆ ”
พอ
ในใจของเซี่ยเจิงหลุดขำออกมาทีหนึ่ง รู้จักวางตัวบวกกับมีมารยาท ถ้าเขาเอาสองคำนี้ไปบอกชวีเสี่ยวปอนะ เขาก็คงจะมีความสุขไปจนตายเลยละ
“ชอบเขาขนาดนี้ ก็ให้เขามาเป็ลูกแม่เลยสิครับ”
แล้วจู่ๆ แม่ก็ตบไปที่ต้นขา “ได้สิ แม่คงจะมีความสุขมากเลยละ !”