เหงื่อเม็ดเย็นเฉียบผุดที่ขมับของลู่เต้า เบื้องหน้าคือก้อนหินั์หนักอึ้ง เื้ัคือสายตาที่จ้องมองมาอย่างร้อนใจของพี่น้องตระกูลหง และรอยยิ้มจ้องจับผิดของฮูหยินหง
‘ล้อเล่นอะไรเนี่ย ก้อนหินใหญ่ขนาดนี้ ปีศาจก็ยกไม่ไหวหรอกมั้ง!’ ลู่เต้าคำรามอยู่ในใจด้วยความขุ่นเคือง
ขณะที่กำลังจะยอมแพ้ เขาก็หันไปด้านข้างโดยไม่ตั้งใจ สายตาสบเข้ากับหงฝูพอดี ลู่เต้ารีบหันกลับมาคิดในใจ ‘แย่แล้ว ลืมไปว่าหงฝูคิดว่าข้าเป็ยอดฝีมือ’
ไป๋เสียััได้ถึงความร้อนใจของลู่เต้า จึงฉวยโอกาสเอ่ยว่า “ถ้าหากยกไม่ขึ้นก็คงถูกเปิดโปงสินะ เพิ่งจะรับของกินจากเขาไปมากมายขนาดนี้ ก็ถูกเปิดโปงซะแล้ว เ้าอ้วนนั่นคงจะเสียใจมากถ้ารู้ว่าโดนหลอกเข้า”
“อึก...” สีหน้าผิดหวังของพี่น้องตระกูลหงลอยเข้ามาในหัวของลู่เต้าทันที ทำเอาหัวใจเขาพลันเจ็บแปลบ
“ตะ... แต่ว่า...” ลู่เต้าจ้องหินก้อนั์ด้วยความกระวนกระวายใจ “ข้ายกหินก้อนนี้ไม่ไหวจริงๆ!”
“หากข้ามีวิธีล่ะ” ไป๋เสียยิ้มเ้าเล่ห์
“จริงเหรอ” สีหน้าลู่เต้าพลันดีใจขึ้นมา ทว่าไม่นานก็สงบลง พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ดะ...เดี๋ยวก่อน... เ้าไม่ได้คิดแผนร้ายอะไรอีกใช่หรือไม่”
“เหอะ อย่ามาดูถูกข้า”
“เดี๋ยวก่อน! เอาๆ!” ลู่เต้ากลัวว่าไป๋เสียจะเปลี่ยนใจ จึงรีบเอ่ยปาก
ฮูหยินหงเห็นว่าลู่เต้ายืนนิ่งอยู่กับที่ ในใจก็ดีใจ คิดว่าในที่สุดก็จับไต๋ได้แล้ว แต่กลับไม่รู้ว่ามีสายลมพัดผ่าน ลู่เต้าพลันมีท่าทางเ็าขึ้นมา
“เช่นนั้นต่อไปนี้เื่ที่พักอาศัย ข้าจะเป็คนตัดสินใจเอง” ไป๋เสียยิ้มเ้าเล่ห์
“น่าโมโห... รู้แล้ว” ลู่เต้าพึมพำ “เ้าจะทำอย่างไร”
ไป๋เสียเพียงยิ้มมีเลศนัยเท่านั้น ก่อนยกนิ้วขึ้นเป่าส่งเสียงหวีดแหลมดังก้องไปทั่วจวนตระกูลหง
ฮูหยินหงและพี่น้องทั้งสองรีบเอามืออุดหูเอาไว้เพื่อป้องกันอันตราย ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าลู่เต้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ไม่นานก็มีเสียงโกลาหลดังขึ้นมา ไป๋เสียเดินไปที่ก้อนหินั์อย่างไม่รีบร้อน มองซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังชื่นชมรูปลักษณ์อันแปลกประหลาดของหินฮวงจุ้ย
ไม่นานไป๋เสียก็เดินอ้อมไปด้านหลังก้อนหินั์ เพียงแค่ปัดกอหญ้าเตี้ยๆ ออก แสงสีเงินวาววับก็ปรากฏขึ้น กระบี่ิญญา ‘ฉิวหลัว’ กำลังกระดิกหางรอคอยอยู่แล้ว
ตอนนี้ลู่เต้าถึงได้รู้ว่าที่แท้เสียงเป่าปากเมื่อครู่ก็เพื่อเรียก ‘ฉิวหลัว’ ออกมา
ย้อนกลับไปที่เหลาอาหารหรู ‘หอชมจันทร์’ ในเมืองัทมิฬ โจวเทียนหยวนที่ดื่มเหล้าจนเมามายเงยศีรษะขึ้นพร้อมกับยกไหเหล้าขึ้น เทเหล้าเข้าไปในท้องจนลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลงอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าแดงก่ำของเขาวางไหเหล้าลงอย่างหยาบคาย ใช้แขนเสื้อเช็ดปากกล่าวอย่างสบายใจ “เฮ้อ เหล้าเก่ายังคงดื่ม”
ขณะที่โจวเทียนหยวนกำลังมึนเมาอยู่นั้น ก็มีเสียงเป่าปากอันคุ้นเคยดังมาจากนอกหน้าต่าง เขาเดินโซเซไปที่หน้าต่าง ก่อนจะพิงเสามองไปทางจวนตระกูลหงด้วยสายตาพร่ามัว
ทันใดนั้นก็มีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งทะลุหลังคาออกมาจากจวนตระกูลหง ก่อนจะบินวนรอบจวนหนึ่งรอบแล้วร่อนลงในสวน
“นั่น... อึก... นั่นไม่ใช่ ‘หยาดน้ำฟ้าเหมันต์’ ของยวนิหรอกเหรอ” โจวเทียนหยวนที่เมามายเอ่ยพึมพำ “ทำไม... อึก... ถึงไปอยู่ที่นั่นได้...”
จากนั้นด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าแ่เบาเดินเข้ามา โจวเทียนหยวนหันกลับไปมองเห็นเฉายวนิในชุดคลุมยาวสีขาวเดินเข้ามาในห้องรับรอง กระบี่ิญญา ‘หยาดน้ำฟ้าเหมันต์’ ยังคงเหน็บอยู่ที่เอวเช่นเดิม
โจวเทียนหยวนที่ดื่มสุราไปมากมองกระบี่เฉายวนิสลับกับนอกหน้าต่าง และไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ
“เอ๊ะ... ทำไมเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” โจวเทียนหยวนรู้สึกหนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ พลางพึมพำ “กระบี่เล่มนั้นมัน...”
ยังพูดไม่ทันจบ โจวเทียนหยวนก็เมามายจนล้มหลับไป
เมื่อเฉายวนิเห็นโจวเทียนหยวนทำตัวไม่สมกับเป็ผู้ใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและพาไปที่เตียง
ในขณะที่เฉายวนิกำลังจะออกจากห้องรับรอง เพื่อให้อาจารย์ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่รู้ว่าโจวเทียนหยวนฝันเห็นสิ่งใด ถึงได้พึมพำออกมาว่า “อู๋ฉาง...”
เฉายวนิพลันชะงัก ขมวดคิ้วก่อนจะปิดประตูห้องแล้วจากไป
กลับมาที่สวนของจวนตระกูลหง ไป๋เสียใช้ปลายนิ้วลูบคมกระบี่ ‘ฉิวหลัว’ อย่างพอใจ มันดีใจจนกระดิกหางเป็รูปพัด
“สมกับเป็กระบี่ิญญาที่ข้าหลอมขึ้นมา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสิบปี เ้าก็ยังคงจำเสียงเป่านกหวีดนี้ได้” ไป๋เสียกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “แล้วของที่ข้าให้เ้าเอามาเล่า”
‘ฉิวหลัว’ ใช้ปลายดาบชี้ไปที่พื้นเป็เชิงบอกว่า “นำมาแล้ว” จากนั้นก็เริ่มคุ้ยเขี่ยหาในพงหญ้า ลู่เต้าที่ใคร่รู้จึงเอ่ยถาม “เ้าให้มันเอาอะไรมา”
“ในน้ำเต้าลูกกวาดของข้ามีลูกกวาดสีแดงขาวชื่อ ‘ลูกกวาดิญญา’ ที่กินเข้าไปภายในไม่กี่ลมหายใจก็จะมีพลังแข็งแกร่งดุจพลังิญญา หินก้อนนี้ก็มิใช่ปัญหาสำหรับเ้าอีกต่อไป” ไป๋เสียกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจ
‘ฉิวหลัว’ ใช้ปลายดาบเขี่ยพื้นอยู่นาน ในที่สุดก็ดันบางอย่างออกมาจากกองหญ้า รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เสียพลันเลือนหายไป ดวงตากลายเป็มืดมน
“นี่... เ้าหมาโง่!” ไป๋เสียกล่าวด้วยดวงตาไร้ิญญา มุมปากกระตุกยิ้มอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เ้าคาบอะไรมา!”
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าไป๋เสียไม่ใช่น้ำเต้าลูกกวาดที่เขา้าอย่างเร่งด่วน แต่เป็กิ่งไม้ที่หาได้ทั่วไป
“ถึงแม้มันจะไม่ได้ลืม แต่ดูเหมือนมันจะจำผิดมาตลอดั้แ่แรก” ลู่เต้าเสริมขึ้นมา
‘ฉิวหลัว’ ยังคงกระดิกหางอย่างภาคภูมิใจ ไป๋เสียเดือดดาลจนใช้นิ้วดีดกระบี่อย่างแรง
“ข้าให้เ้าเอาน้ำเต้าลูกกวาดมา! ได้ยินหรือไม่! น้ำเต้าลูกกวาด!” ไป๋เสียโมโหจนใช้มือทั้งสองข้างวาดรูปน้ำเต้าในอากาศ จากนั้นก็เอ่ยข่มขู่ “ถ้าหากเ้าคาบกิ่งไม้กลับมาอีก ข้าจะฆ่าเ้าให้ตาย!”
‘ฉิวหลัว’ ได้แต่หูลู่หางตกเดินจากไปอย่างหงอยๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากหลังก้อนหินั์ “ท่านเฮยเจิ้ง เกิดอะไรขึ้นหรือ”
‘ฉิวหลัว’ เพิ่งจะจากไป ถึงแม้จะไปกลับรวดเร็วแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลา ไป๋เสียจึงแสร้งทำเป็กำลังชื่นชมหินฮวงจุ้ยก้อนนี้ มือแตะบนก้อนหิน ความเย็นยะเยียบแผ่ซ่านจากฝ่ามือ เขาเดินวนไปวนมาหลายรอบเพื่อถ่วงเวลา
ไป๋เสียทำสีหน้าสงบนิ่ง ตรวจดูหินฮวงจุ้ยอย่างละเอียดก่อนจะกล่าวว่า “เนื้อหินเย็นสะท้าน... ฮูหยิน หินฮวงจุ้ยก้อนนี้นำมาจากแดนเหมันต์สินะ”
ฮูหยินหงตอบรับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ข้าใช้เงินมากมายขนส่งมาจากแดนเหมันต์ ทว่า... คะ... คงไม่เป็ไรใช่หรือไม่ถ้าจะให้ท่านเฮยเจิ้งช่วยย้ายเสียหน่อย”
ในขณะที่ไป๋เสียกำลังคิดหาวิธีถ่วงเวลาฮูหยินหงอยู่นั้น ก็มีของแข็งๆ มาสะกิดที่ข้างเท้าเบาๆ เมื่อเขาก้มลงไปมอง ก็พบว่า ‘ฉิวหลัว’ คาบน้ำเต้าลูกกวาดกลับมาแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋เสียก็ยิ้มรับพลางตอบ “แน่นอน ไม่เป็ไรอยู่แล้ว”
กล่าวจบเขาก็หลบไปหลังหินฮวงจุ้ย เปิดน้ำเต้าลูกกวาด เทลูกกวาดหลากสีสันออกมาหลายเม็ด มีทั้งสีเขียวสีแดงที่ดูสีสันสวยงามยิ่งนัก
แต่ในจังหวะที่ไป๋เสียกำลังจะหยิบลูกกวาดสีแดงขาวขึ้นมากิน ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงมอบสิทธิ์การควบคุมร่างกายให้ลู่เต้า
“รสชาติของ ‘ลูกกวาดิญญา’ เม็ดนี้ข้าไม่ชอบ ฉะนั้นเื่หลังจากนี้ เ้าจัดการเองแล้วกัน” เสียงของไป๋เสียดังขึ้นในหูลู่เต้าที่ยังไม่ทันรู้เื่รู้ราว
“น่ารำคาญจริงๆ สลับไปสลับมาทำไมกัน” ลู่เต้าพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
ลู่เต้าไม่รอช้า รีบนำลูกกวาดสีแดงขาวเข้าปาก ไม่นานลูกกวาดก็ละลาย ความหวานอ่อนๆ กระจายไปทั่วปลายลิ้น พลังิญญาอันบริสุทธิ์ไหลเวียนไปทั่วร่าง
เพียงแค่หายใจเข้าออกหนึ่งครั้ง ลู่เต้าก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มพูนเหมือนมีพลังเหลือเฟือ
“นี่สินะ ความรู้สึกของการมีพลังิญญาแข็งแกร่ง” ลู่เต้ายกฝ่ามือขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น พลังิญญาที่ล้นปรี่ออกมาจากร่างกายเป็กลุ่มควัน “ยอดเยี่ยมจริงๆ ทำไมไม่เอาออกมาให้ข้ากินตั้งนานแล้วเล่า”
“เ้าหนู บนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกนะ” ไป๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยากจะหยั่งถึง “หาก้าบรรลุเป้าหมายก็ต้องแลกบางอย่างมา นี่แหละกฎของโลก”
“หมายความว่าอย่างไร” ลู่เต้าฟังแล้วไม่เข้าใจ
“อีกไม่นานเ้าก็จะเข้าใจเอง”
ไป๋เสียคิดว่าปล่อยให้ลู่เต้าได้ััด้วยตัวเองดีกว่าตนต้องพูดมากมายให้ฟัง
เมื่อสิ้นเสียง ลู่เต้าก็เบิกตากว้าง ความเผ็ดร้อนรุนแรงแผ่ซ่านจากปลายลิ้น!
ไป๋เสียที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างภายในร่างกายจึงใช้พลังิญญาสร้างเกราะป้องกัน ป้องกันตัวเองจากพลังิญญาที่ร้อนแรง เขาพับเพียบนั่งสมาธิภายในเกราะป้องกันพลางกล่าวว่า “ลูกกวาดเม็ดนี้... มันเผ็ดจนตายได้เชียวล่ะ”
