ความเป็จุดสนใจของอวิ๋นอี้นั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งยังมีระดับ จนถึงขนาดที่ซูเมี่ยวเออร์และหว่านฉือถึงกับพูดมิออก
เดิมทีพวกนางอยากจะใช้โอกาสนี้ในการปิดทองให้หน้าตนเอง [1] แต่ผู้ใดจะคิดล่ะว่ากลับเป็การ ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น [2] เสียได้!
อวิ๋นอี้เ้าเล่ห์จริงๆ ถือมั่นไม่พูดกระไร แค่รอดูให้พวกนางแสดงความเขลาเอง!
ซูเมี่ยวเออร์สีหน้าเขียวม่วง ราวกับพยายามอดกลั้นสิ่งใดอยู่อย่างเต็มที่ สถานการณ์ของหว่านฉือนั้นดีกว่านางเล็กน้อย แต่ว่าในใจของนางก็มีความคิดเดียวกัน
เกลียดอวิ๋นอี้!
นังอวิ๋นอี้!
เมื่อก่อนนั้นดูถูกนางไปจริงๆ!
มีเพียงหรงซิวเท่านั้นที่มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า เขาปรบมือด้วยความชื่นชมและพูดว่า “อวิ๋นเออร์ วิธีการของเ้านั้นรอบคอบเสียจริง! ครานี้ประชาชนของหลางโจว จะต้องขอบคุณเ้าเสียแล้ว!”
“พูดกระไรเล่าเพคะฝ่าา! ข้าเพียงแต่อยากจะแบ่งเบาความกังวลของท่าน เพียงแค่ช่วยฝ่าาได้ ก็นับเป็เกียรติของข้าแล้วเพคะ!” อวิ๋นอี้ยิ้มค่อยๆ หยีตาพูด
หรงซิวถอนหายใจ ไม่เห็นด้วยอย่างมาก “อวิ๋นเออร์มิต้องถ่อมตนหรอก เ้ามีความสามารถเยี่ยงนี้ จะโทษก็ต้องโทษที่เมื่อก่อนนั้นเก็บซ่อนไว้อย่างดี วันนี้เ้าทำให้ข้าได้เปิดโลกเสียจริง!”
“ข้าเพียงแค่ทำทุกอย่างอย่างถ่อมตนเท่านั้นเองเพคะ” อวิ๋นอี้พูดถึงตรงนี้ ก็ตั้งใจมองไปทางหว่านฉือ แล้วพูดต่อเบาๆ ว่า “อันที่จริงแล้ว ความสามารถนั้น ก็เฉกเช่นกางเกงในที่เราใส่กัน จำเป็ต้องมีไว้ แต่จะไปป่าวประกาศว่าเรานั้นมีกับทุกคนมิได้หรอกเพคะ เช่นนั้นมิใช่คนบ้าหรือเพคะ?”
คำพูดของนางนั้นหยาบคายก็จริง แต่อุปมาได้อย่างเหมาะสมมาก ทำเอาหรงซิวอดมิได้ ต้องขำออกมาเบาๆ
อวิ๋นอี้ผลักเขา จงใจก้มหน้าลง “นอกจากนี้ ปกติที่ข้าไม่แสดงออกกระไร ก็เพราะคิดว่าความสามารถนั้นมิได้มีไว้โอ้อวด แต่มีไว้ทำเื่อื่นที่มีความหมายมากกว่านั้น การเรียนรู้ที่สำเร็จผลนั้นอยู่ที่การนำไปใช้ มิใช่นำมาให้เปรียบเทียบกันอย่างน่าเบื่อหน่าย น้องเมี่ยวเออร์ น้องหว่านฉือ พวกเ้าว่าใช่หรือไม่?”
ชี้ต้นหม่อนด่าต้นฮว๋าย [3] อยู่นาน ในที่สุดก็วกเข้ามาถึงตัวพวกนางแล้ว
หว่านฉือกับซูเมี่ยวเออร์พากันตอบรับว่าเพคะเหมือนกัน มิมีแสดงความไม่พอใจใดๆ เลยสักนิด
อวิ๋นอี้พอใจเป็อย่างมาก
นางนวดเอว แล้วเริ่มพูดส่งแขก “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าจะไปเขียนมาตรการ หากน้องทั้งสองสนใจก็อยู่ดื่มชาก่อนได้”
ถูกเย้ยหยันมาเช่นนี้แล้ว ผู้ใดจะมีความสนใจได้อีก?
ทั้งสองคนขโมยไก่มิได้ยังเสียข้าวสารอีกกำ [4] ก็ลุกขึ้นกล่าวลาจากไปอย่างชาญฉลาด
พวกนางเดินออกไป หรงซิวก็จับเอวอวิ๋นอี้อุ้มขึ้นทันที
“เฮ้! โอ๊ยๆๆๆ ... ฝ่าาทำกระไรเพคะ!” นางจับไหล่ของเขา แล้วต่อยหมัดเล็กๆ ลงไปด้านหน้า “กลางวันแสกๆ เป็บ้ากระไรไปเพคะ!”
“เมียจ๋า!” หรงซิวมุดหน้าเข้าไปที่ลำคอของนาง แล้วขบกัดปากเบาๆ "ข้าได้เจอสิ่งล้ำค่าจริงๆ!"
เขาเป็เหมือนสุนัขตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งกอด ทั้งจูบ แทบจะงอกหางออกมาสะบัดแรงๆ “เ้าบอกสิว่าเ้าน่าสนใจเพียงนี้ได้อย่างไรกัน!”
อวิ๋นอี้ถูกเขานัวเนียจนอ่อนแรง จึงทำได้เพียงกอดคอเขาไว้แน่นๆ เอนหัวเข้าไป แล้วพูดพึมพำ “พอแล้วเพคะ ข้ารู้ว่าฝ่าาชอบข้า มิต้องพูดตลอดหรอกเพคะ!”
หรงซิวชะงัก แล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
เขาจูบไปที่ใบหูของนางอย่างเสน่หา “เ้ารู้แล้วข้าก็ยังต้องพูด เกรงว่าวันใดเ้าจะลืมไป ข้าจะต้องบอกเ้าทุกวัน ให้เ้าจำใส่ใจไว้!”
“น่าเบื่อชะมัด!” อวิ๋นอี้จิ้มหน้าเขา “เมื่อก่อนข้ามิยักรู้ ว่าท่านจะน่าเบื่อเช่นนี้!”
“น่าเบื่อก็น่าเบื่อสิ!”
“ทำตัวเด็กจริงๆ!”
“ก็จะทำ!”
“...... ฝ่าาปล่อยข้าได้แล้วเพคะ! ข้าจะไปเขียนมาตรการให้ท่านแล้ว!” อวิ๋นอี้มิได้อารมณ์เสียแล้ว เพียงแต่จะเปลี่ยนเื่พูดใช้ประนีประนอม
เมื่อพูดถึงเื่งาน หรงซิวก็จริงจังขึ้นมา เขาวางอวิ๋นอี้ลงที่เก้าอี้ ตนเองนั่งอยู่ข้างๆ สั่งให้คนไปเอาอุปกรณ์การเขียนมา เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมเรียบร้อยแล้ว เขาก็บอกกับอวิ๋นอี้ “เ้าพูด ข้าจะจดให้เอง”
เขาเป็คนแยกแยะได้ชัดเจน งานก็คืองาน เื่เล่นก็คือเื่เล่น
หลังจากที่นั่งลงแล้ว นอกจากเื่การป้องกันอุทกภัยแล้ว ก็มิได้พูดถึงเื่อื่นอีกเลย
อวิ๋นอี้พูดจนคอแหบแห้ง หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็เอาความคิดทั้งหมดคิดเป็มาตรการ จัดแจงออกมาจนเสร็จสรรพ
นางยกถ้วยชาขึ้นมา ก็ยกดื่มจนหมด ถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นใหม่ “โดยทั่วไปก็เป็เช่นนี้ล่ะเพคะ ฝ่าาดูอีกรอบ เอาแค่สาระสำคัญ ตัดเื่มิจำเป็ออกไป ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์จริง”
หรงซิวใช้พัดเป่าตัวหนังสือให้แห้ง แล้ววางลงอย่างระมัดระวัง ถึงได้พูดตอบว่า “อื้ม มีวิธีบางอย่างที่ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดไว้ เ้าได้พูดอีกครั้ง ข้าก็คิดออกแล้วว่าจะทำอย่างไร”
“เช่นนั้นจะดีมากเลยเพคะ” อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างจริงใจ “ได้ช่วยประชาชน ข้าก็ดีใจ”
หรงซิวดึงมือนางมา “ฮูหยินทำเื่เพื่อประชาชนมามากมายเช่นนี้ อยากจะได้ของรางวัลใดหรือ? คืนนี้ข้าจะไม่ยอมพักผ่อน จะสนองให้เ้าเอง”
“จริงจังมิได้เลยนะเพคะ!” อวิ๋นอี้ว่าเขา “ผู้ใดอยากจะให้ฝ่าาใช้แรงกัน ข้าเพียงแค่อยากออกไปข้างนอก!”
“จะไปที่ใด?”
“ข้าได้ยินมาว่าแม่น้ำที่หลางโวต่อกับทะเลผิง ข้าอยากจะไปดูทะเล ฝ่าาหาเวลาพาข้าไปหน่อยนะเพคะ?” อวิ๋นอี้เลิกคิ้วขึ้น ดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลขึ้นทันใด
หรงซิวจูบหลังมือของนางอ้อยอิ่ง “อย่าว่าแต่จะไปดูทะเลเลย เ้าอยากจะทำสิ่งใด ข้าล้วนจะไปกับเ้า เ้าอยากได้สิ่งใดข้าก็จะให้”
“หากข้า้าชีวิตของฝ่าาเล่าเพคะ!”
“เยี่ยงนั้นมิได้” หรงซิวพูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นทันใด “เ้าก็คือชีวิตของข้า ผู้ใดจะแตะต้องมิได้”
อวิ๋นอี้หน้าแดงอย่างไร้เหตุผล แล้วดุเขาอย่างอ่อนโยน “ปากดีนัก!”
เื่ที่จะไปดูทะเลผิงก็ถูกจัดไว้เช่นนี้ หรงซิวเพียงแค่รับปาก แต่หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เขาก็ยุ่งจนปลีกตัวออกไปที่ใดมิได้อีกแล้ว
เวลาฤดูน้ำหลากใกล้เข้ามาเรื่อยๆ การทำงานของเขาจำเป็ต้องเร่งรีบขึ้น
วิธีที่เคยกล่าวถึงก่อนหน้า ถูกหรงซิวปรับปรุงแก้ไข และเอาไปใช้
แท่นวัดระดับน้ำถูกสร้างขึ้น และได้ส่งคนไปตรวจสอบและจดบันทึกเป็ระยะ ส่วนเื่การขุดลอกร่องน้ำ กับอ่างกักเก็บน้ำ เป็งานใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่ทำสำเร็จได้ภายในไม่กี่วัน
หรงซิวให้ทหารของกองทัพบางส่วนเร่งทำงาน แต่อย่างไรเสียก็มีทหารในมือน้อยเกินไป งานใหญ่เกินไป จึงทำได้เพียงให้ทั้งเมืองหลางโจวออกประกาศ รวบรวมหาแรงงานคน
เขาระบุข้อดีและข้อเสียอย่างชัดเจนในประกาศ และระบุชัดเจนว่าทุกคนที่มาร่วมงานจะได้รับค่าตอบแทน ในไม่ช้าวิธีนี้ก็ได้ผล สร้างกลุ่มแรงงานที่แข็งแกร่งได้
ทุกการทำงานอยู่ภายใต้การดูแลของหรงซิว มีการตั้งหัวหน้างานมากมาย ซึ่งเป็ระเบียบอย่างดี ความคืบหน้าของการทำงานก็เป็ไปได้อย่างน่าพึงพอใจ
ใต้เท้าเฉาสบายใจเสียจนหุบยิ้มมิได้ เขารับราชการที่หลางโจวมาสามปี ทุกๆ ปีล้วนมีน้ำท่วม เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ
คนภายนอกล้วนลือกันว่าเขายักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ใช้เงินของราชวงศ์ทำให้ตนเองอิ่มท้อง เขายอมรับว่าถึงแม้ตนเองจะดูเหมือนข้าราชการที่ละโมบโลภมาก แต่สิ่งที่เขามิได้ทำเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยจริงๆ
เขาเป็ข้าราชการงานอักษร มีฝีมือการเขียนที่โดดเด่น แต่หากจะให้เขาแก้ไขเื่น้ำท่วม ก็คงทำได้เพียงวิธีการเดิมๆ หากมิใช่การสกัดกั้นน้ำ ก็เป็การขุดลอกปล่อยน้ำ เขาทำสิ่งที่ทำได้ไปหมดแล้ว แต่ก็มิเป็ผล เขาก็สิ้นหวังอย่างมากเช่นกัน
โชคดีที่องค์ชายเจ็ดเป็คนทำจริง เขามาที่นี่ก็ออกมาตรการแต่ละอย่าง มองดูแล้วก็ทำให้เขาตื่นเต้นและมีพลังขึ้นมา
ดังนั้นถึงแม้ว่าอาทิตย์จะส่องแดด สาดแสงจนทำให้เหงื่อออกเต็มหลังไปหมด เขาก็ยังตั้งใจไปควบคุมดูงานด้วยตัวเองทุกวัน
วิ่งไปมาเหนื่อยจริงๆ แต่ก็ได้เรียนรู้หลายอย่าง เมื่อก่อนเขาประเมินความสามารถหรงซิวต่ำไป เคยได้ยินแต่เื่ซุบซิบนินทาของเขาเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคนคนนี้จะมีกึ๋นที่เก่งกาจเช่นนี้
“ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ!” ใต้เท้าเฉาได้สติกลับมา ก็ยื่นกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำให้หรงซิว “ดื่มน้ำหน่อยพ่ะย่ะค่ะ! อากาศร้อนมากจริงๆ ฝ่าาจะไปพักตรงร่มเงานั้นหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หรงซิวมองดูประชาชนที่กำลังขุดทางน้ำอยู่ไกลๆ แล้วปาดเหงื่อที่หน้าผากลวกๆ เขารับกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมาเงียบๆ ตอนที่เงยหน้าดื่มน้ำ จู่ๆ ก็คิดถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ “ใต้เท้าเฉา ประชาชนอยู่กันกลางแดดจ้า เกรงว่าพวกเขาจะเป็ลมแดด ต่อจากนี้ทั้งเช้าและบ่าย ให้จัดคนมาส่งน้ำหวาน ประชาชนทำงานกันหนึ่งชั่วยามให้พักสิบห้านาที ให้ทุกคนได้หายใจหายคอ ทำงานและมีเวลาพักผ่อนอย่างพอดี การทำงานถึงจะได้มีประสิทธิภาพ”
“ฝ่าาทรงมีเมตตายิ่ง!” ใต้เท้าเฉาเข้าใจได้ในทันที “พวกเราได้พบเจอกับท่าน เป็ความโชคดีของเราเสียจริง! ข้าน้อยขอเป็ตัวแทนประชาชนหลางโจว ขอบพระทัยฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ!”
หรงซิวพูดอืม แล้วพูดอีก “วันพรุ่งข้ามีธุระ ข้าจะไม่เข้ามา ท่านอย่าลืมมาดูงานตามเวลานะ อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดใด!”
ใต้เท้าเฉาก็ต้องตอบรับตามนั้นอยู่แล้ว เขาสังเกตคำพูดและสีหน้าของเขา เมื่อเขาพูดถึงวันพรุ่ง สีหน้าของหรงซิวก็อ่อนโยนขึ้น จึงมีการคาดเดาอย่างกล้าหาญขึ้น “ฝ่าาคงจะมิใช่อยู่กับพระชายาในวันพรุ่งนะพ่ะย่ะค่ะ? ขออภัยที่ข้าน้อยละลาบละล้วงพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่ามาตรการการป้องกันอุทกภัยครานี้ พระชายาก็ได้ช่วยอย่างมากเช่นกัน พระชายาเป็วีรสตรีของเราจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคนชมสตรีของตน เขาก็ดีใจว่าโดนชมเองเสียอีก ั์ตาของหรงซิวลึกซึ้งและอ่อนโยน “นางน่ะหรือ...”
เขาหยุดกะทันหัน มีสตรีสาวร่างเล็กปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยท่าทีอ่อนช้อย ทันใดนั้นหัวใจก็ราวกับลูกธนู [5] เขาอยากเจอนางในทันที
เชิงอรรถ
[1] ปิดทองที่หน้า 脸上贴金 หมายถึงการพูดหรือการทำสิ่งใดให้ตัวเองได้หน้า
[2] ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น 为别人做了嫁衣裳 หมายถึง การทุ่มเทแรงกายแรงใจแล้วผลประโยชน์ตกไปอยู่ที่คนอื่น
[3] ชี้ต้นหม่อนด่าต้นฮว๋าย 指桑骂槐 หมายถึง พูดถึงอีกคนแต่ด่าอีกคน
[4] ขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวอีกกำ 偷鸡不成蚀把米 หมายถึง หาประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ทั้งยังขาดทุนอีก
[5] หัวใจราวกับลูกธนู 归心似箭 หมายถึง ใจที่อยากกลับบ้านให้รวดเร็วได้อย่างลูกธนู เป็ความคิดที่อยากกลับบ้านมาก