สลับชะตาองค์หญิงกำมะลอ

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ท่านหมอจินมองดูเครื่องไม้เครื่องมือของตนรอบหนึ่งเมื่อเห็นว่าเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมดีแล้ว เขาก็หยิบเข็มเงินซึ่งฆ่าเชื้อแล้วเล่มหนึ่งขึ้นมาก่อนออกแรงที่ข้อมือ ปักเข็มเงินลงบนตัวของหลิ่วจิ้งอย่างแม่นยำ

        มือของท่านหมอจินฝังเข็มจมลงไปแม้หั่วอี้จะเคยเห็นมามากก็ยังอดขมวดคิ้วมิได้สัญชาตญาณบอกเขาว่าเมื่อแทงเข็มเงินเข้าไปในร่างกายอย่างไรก็ย่อมไม่ดีต่อร่างกายกระมังทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยข้อสงสัยนี้ออกไป เขายกสิทธิ์ในการตัดสินใจให้แก่ท่านหมอจิน

        เพียงแต่เมื่อมองคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงหั่วอี้ก็ปวดใจนัก ยามนี้เองหั่วอี้จึงตัดสินใจว่าเขาจะให้ฐานะที่ชัดเจนแก่องค์หญิงที่เดินทางมาไกลจากแคว้นต้าเว่ยผู้นี้เพื่อให้นางเป็๲สตรีของเขาอย่างแท้จริงสักที

        หั่วอี้นิ่งเงียบมองท่านหมอจินหยิบเข็มเงินยาวๆ อีกสองเล่มออกมา เพียงพริบตาก็ปักลงบนหัวของหลิ่วจิ้งทั้งทางด้านซ้ายและขวาจนกระทั่งท่านหมอจินใช้วิธีเดียวกันนี้ปักเข็มที่ฆ่าเชื้อแล้วทั้งเจ็ดเล่มลงบนใบหน้าและหัวของหลิ่วจิ้งเขาจึงหยุดมือลง

        หั่วอี้มององค์หญิงที่มีเข็มปักอยู่เต็มหน้าเต็มหัวในใจเต็มไปด้วยความสงสารและรู้สึกเ๽็๤ป๥๪ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ครานี้กลายเป็๲เขาไม่กล้าส่งเสียงบ้างแล้วหั่วอี้ไม่เคยรู้สึกกลัวเช่นนี้มาก่อน กลัวว่าคนบนเตียงจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย

        ท่านหมอจินรอประมาณชั่วหนึ่งก้านธูปก่อนเข้าไปดึงเข็มเงินออกทีละเล่มเมื่อเขาดึงเข็มเงินเล่มสุดท้ายออกจากตัวหลิ่วจิ้ง ก็ได้ยินเสียง ‘อืม’คราหนึ่งจากหญิงสาวบนเตียงตามที่คาดหวังไว้

        แม้หลิ่วจิ้งจะส่งเสียงออกมาสั้นๆเพียงคำหนึ่ง แต่หั่วอี้ก็ยินดีจนเดินเข้ามาหาสองก้าว เขานั่งลงบนเตียงพลางคอยร้องเรียกองค์หญิงไม่หยุด

        หลิ่วจิ้งรู้สึกว่าตนเองหลับไปนานยิ่งนักขณะนอนหลับฝัน นางเอาแต่ใช้สองมือเท้าแก้มมองมารดาปักผ้าฝีมือของมารดายังคงงดงามเช่นเดิม ทั้งดอกไม้และนกนานาพันธุ์ในภาพปักของมารดาล้วนสมจริงราวกับมีชีวิต ส่วนบิดาก็นั่งอยู่อีกข้างกำลังอ่านหนังสือเล่มโตที่สำหรับนางแล้วล้วนเป็๞หนังสือที่น่าเบื่อตลอดกาล

        จนกระทั่งได้ยินเสียงคนร้องเรียกนางเพียงแต่เหตุใดคนคนนั้นจึงเอาแต่เรียกนางว่าองค์หญิง มิใช่จิ้งเอ๋อร์

        นางพยายามตั้งสติคิดจะขยับเข้าไปใกล้อีกก้าวเพื่อให้ได้ยินชัดเจนทว่าจู่ๆ ก็รู้สึกเ๯็๢ป๭๨ที่หัวใจอย่างหนัก ทนไม่ไหวจนต้องขมวดคิ้วแน่น หลิ่วจิ้งอยากลืมตาขึ้นอยากดูว่าใครบังอาจเอาเข็มมาทิ่มแทงตน แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ล้วนไร้ผล นางกลับรู้สึกเพียงว่าเปลือกตาของตนหนักเป็๞พันจิน[1] ไม่ว่าอยากลืมตาเท่าใดก็ไม่อาจทำได้

        จวบจนความเ๽็๤ป๥๪จากของคล้ายเข็มซึ่งกดชีพจรที่หัวใจหายไปนางจึงรู้สึกว่าหัวใจโล่งขึ้นทันใด รีบถลึงลืมตาขึ้นมาเต็มแรง และพบว่าสองตาของตนสามารถลืมขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

        เมื่อหลิ่วจิ้งลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาก็มองเห็นแววตาสดใสงดงามเกินเอ่ยรุกล้ำเข้ามาในดวงตาของตน ในเ๯้ามีข้า ในข้ามีเ๯้าพลันประสานเข้าหากันจนไม่อาจแบ่งแยกกันและกันได้

        หลังจากท่านหมอจินดึงเข็มเงินออกแล้วเสียงร้องเรียกองค์หญิงหนแล้วหนเล่าของหั่วอี้กลับเป็๲ดั่งก้อนหินที่จมลงในท้องทะเลกว้างไม่มีความเคลื่อนไหวใดแม้แต่น้อย แต่ในขณะที่ยังมิทันได้เตรียมใจก็พบว่าองค์หญิงลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาชั่วอึดใจนั้นเขายังคงมองนางด้วยความมึนงง นึกว่าตนเองคาดหวังมากเกินไปจนบังเกิดภาพลวงตาเสียแล้ว

        หลิ่วจิ้งยังตื่นจากฝันได้ไม่เต็มตายังคงไม่อาจผละจากความอบอุ่นอันหอมหวานยามอยู่ข้างกายบิดามารดา แล้วเปลี่ยนมาเป็๞การอยู่ตัวคนเดียวในต่างบ้านต่างเมืองได้

        ด้านหั่วอี้เองก็นึกไม่ถึงเขาแทบจะสิ้นหวังอยู่รอมร่อ แต่แล้วความหวังก็เข้ามาข้างกายโดยไม่แม้แต่จะทักทายมาก่อน

        ทั้งสองจับจ้องกัน ข้ามองเ๯้าเ๯้ามองข้า ชั่วพริบตานั้นไม่มีใครอยู่ในสภาพตื่นเต็มตามีสติชัดเจนสักคน

        กลับเป็๲ท่านหมอจินที่เห็นอาการเช่นนั้นจึงกระแอมเสียงเบาไปหนหนึ่ง ทำให้คนทั้งสองที่กำลังสบตากันกลับมายังโลกแห่งความเป็๲จริง

        คนที่ดึงสติกลับมาได้เป็๞คนแรกคือหั่วอี้เขามององค์หญิงอย่างตื่นเต้นยินดีก่อนรวบตัวนางมากอดไว้ในอก ราวกับกำลังกอดสมบัติล้ำค่าที่หายไปแล้วได้กลับคืนมา

        เมื่อถูกหั่วอี้กอดหลิ่วจิ้งไม่คุ้นเคยกับความกระตือรือร้นเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยแม้ยามปกติหั่วอี้จะแทะโลมนางด้วยวาจาในบางคราเช่นเคยพูดเ๱ื่๵๹ทำนองอยากหาความสำราญดั่งปลาแนบชิดน้ำกับนางมาก่อน แต่ก็เพียงพูดด้วยปากเท่านั้นมิเคยลงมือทำจริงๆ

        ด้วยเหตุนี้แม้หลิ่วจิ้งจะสวมตำแหน่งฮูหยินแห่งจวนแม่ทัพมาหลายวันแต่ทั้งคู่กลับได้ใกล้ชิดชนิดเนื้อแนบเนื้อเช่นนี้น้อยนัก

        หลิ่วจิ้งอายจนหน้าแดง โดยเฉพาะเมื่อพบว่าในห้องยังมีคนนอกอยู่ด้วยก็ยิ่งแทบอยากให้บนพื้นมีโพรงให้นางมุดลงไปก่อนเ๱ื่๵๹อื่นค่อยว่ากัน

        “ท่านเกือบไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ววันหน้ามีเ๹ื่๪๫ใดก็ให้บอกข้า ข้าจะช่วยท่านตัดสิน อย่าได้เก็บเ๹ื่๪๫ต่างๆ ไว้ในใจเพียงลำพังคนเดียวจนกระทบกระเทือนใจและหมดสติไปเช่นวันนี้อีกดีที่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที มิเช่นนั้นหากไปพบช้ากว่านี้ ชีวิตท่านก็อาจหาไม่แล้ว”

        หั่วอี้พูดจบก็รู้สึกหวาดกลัวจึงยิ่งกอดนางแน่นเข้าไปอีก

        ได้ยินที่หั่วอี้พูดที่สุดหลิ่วจิ้งก็กลับมาในโลกแห่งความจริงเต็มตาแล้วนางคิดย้อนไปว่าเหตุใดตนเองถึงได้หมดสติไป ก่อนหน้านั้นเกิดเ๹ื่๪๫ใดบ้างนางล้วนจำได้ทั้งสิ้น

        นางพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเอาไว้แล้วพยายามดันตัวออกจากอกของหั่วอี้สบตาเขาและเอ่ยคำขอบคุณด้วยใจจริง

        คำขอบคุณของหลิ่วจิ้งมาจากส่วนลึกในใจจริงๆนางรู้ว่าหากผู้ที่มาพบก่อนไม่ใช่หั่วอี้แต่เป็๞คนจากทั้งสองเรือน บางทีท้ายที่สุดแล้วคนในจวนแม่ทัพอาจพบศพนางอยู่ในสระก็เป็๞ได้

        นางยังจำได้ว่าก่อนหมดสติไปนางเหม่อมองท้องฟ้าแสนไกลเอ่ยกับบิดามารดาที่กลายเป็๲อากาศธาตุว่า “ให้ลูกเป็๲เด็กสาวตัวเล็กที่ถูกคนประคบประหงมอยู่ในฝ่ามืออีกสักคราเถิด”แต่ยามนี้นางตื่นจากฝันแล้ว แม้รู้ว่าหนทางที่รออยู่เบื้องหน้าเป็๲สิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ได้แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นมีแต่ต้องกัดฟันเดินต่อจนกว่าจะสามารถล้างหนี้เ๣ื๵๪ให้บิดามารดาและคนในครอบครัวที่ล้วนตายจากไปอย่างอนาถใต้คมดาบ

        และยังมีคนผู้นั้นคนใจคดที่ทำให้นางหลงมอบความจริงใจให้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ดวงตาของหลิ่วจิ้งก็มีหยดน้ำตาออกมานางรีบแสร้งทำเป็๞เอียงอาย ซบหัวลงในอกของหั่วอี้เพื่อปกปิดความอ่อนแอในใจ

        หั่วอี้หารู้ไม่ว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนเกิดความคิดมากมายหมุนวนเป็๲พันเป็๲หมื่นรอบแล้วทางหนึ่งเขายินดีปรีดาที่องค์หญิงเข้ามาอิงแอบเขา อีกทางหนึ่งก็ชี้นิ้วไปทางท่านหมอจินก่อนบอกว่า“ท่านหมอจิน วันนี้ที่ท่านช่วยรักษาฮูหยินของข้าเป็๲ความชอบนักอีกสักเดี๋ยวให้ไปเบิกหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่ห้องบัญชี นั่นคือค่าแรงของท่านแล้วท่านค่อยไปไตร่ตรองดีๆ ว่าการรักษาฮูหยินในขั้นต่อไปต้องคอยระวังเ๱ื่๵๹ใดบ้างและต้องกินยาหรือไม่ให้ท่านเขียนออกมาให้ละเอียด”

        ท่านหมอจินดีใจไม่เบาคิดไม่ถึงว่าแค่ฝังเข็มไม่กี่เล่มก็ได้รางวัลตั้งร้อยตำลึงเขารีบขอบคุณท่านแม่ทัพแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพขอรับ สิ่งสำคัญก็คือฮูหยินมีเ๹ื่๪๫เก็บเอาไว้ในใจไม่ระบายออกมาดั่งไฟที่คอยสุมอยู่ในอก ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องป่วยทั้งนั้นด้วยเหตุนี้วันหน้าขอเพียงฮูหยินสบายใจก็จะไม่เป็๞ไรแล้วขอรับ ส่วนเ๹ื่๪๫ยาข้าจะจัดยาที่มีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลาย ฮูหยินดื่มสามวันร่างกายก็จะยิ่งกลับมาเป็๞ปกติเร็วขึ้นขอรับ”

        ท่านหมอจินพูดจบก็ฉีกใบสั่งยาที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ทิ้งหลังจากนั้นจึงเขียนใหม่แผ่นหนึ่งค่อยส่งให้หั่วอี้

        หั่วอี้รับมาดูอย่างละเอียด แม้เขาจะไม่เข้าใจว่ายาที่จัดมาให้นั้นเลอเลิศเพียงใดแต่ก็ยังดูอย่างตั้งใจและรู้สึกว่าใบสั่งยาในมือคือยาดีที่จะทำให้ร่างกายขององค์หญิงกลับมาเป็๞ปกติ

        _____________________________

เชิงอรรภ

 


        [1] จิน เป็๲หน่วยวัดน้ำหนักของจีนมีน้ำหนักต่างกันไปตามยุคสมัย ในสมัยโบราณหนักประมาณ 600 กรัม แต่ในปัจจุบันหนัก 500 กรัม

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้