อาลักษณ์หลี่ยุ่งอยู่ทั้งวัน ตอนอาหารเย็นถึงได้แวะไปกระโจมของสกุลสวี่ เพราะว่าจางจ้าวฉือนอนอยู่ในกระโจม อาลักษณ์หลี่เองก็รู้สึกผิดที่จะเข้าไปข้างในมากเกินไป จึงนั่งอยู่ตรงหน้าเตียงของสวี่เหรา พูดคุยกันเื่ตอนกลางวันคร่าวๆ เมื่อรู้สึกว่าอากาศหนาวเกินไป จึงรีบขอตัวกลับไปยังที่พักของตนเอง
สวี่ตี้เอ่ย “พ่อตา ท่านว่าพวกเราสามารถแนะนำให้ทุกคนที่มีญาติอยู่ใกล้ๆ ไปพักกับญาติหรือสหายก่อนได้หรือไม่ รอจนถึงปีใหม่แล้วค่อยกลับมาแล้วสร้างเรือนใหม่?”
อาลักษณ์หลี่เอ่ยตอบ “ข้าได้ปรึกษากับคนอายุมากหลายคนในเื่นี้ คิดว่าก็คงได้นะ คำนวณง่ายๆ แล้วที่สามารถไปพึ่งญาติได้ ก็มีจำนวนเกินกว่าครึ่ง แต่ก็ไม่สามารถให้ทุกคนออกไปเช่นนี้ได้นะ ข้ารู้สึกว่าพวกเราควรจะต้องชดเชยอะไรให้หรือไม่?”
สวี่ตี้เอ่ย “เื่นี้พวกเราสามารถไปปรึกษากับแม่ทัพเว่ยหลางได้ ดูว่าจะชดเชยเป็เงินสักเล็กน้อยได้หรือไม่ ในมือไม่มีเงินจะไปที่ไหนก็ไม่ได้ ท่านว่าดีหรือไม่?”
อาลักษณ์หลี่เอ่ย “เื่นี้หรือ พูดไปแล้วก็ง่าย พอทำจริงๆ ก็ยาก เงินที่เมืองพวกเราหามาได้ก็เอาไปซ่อมกำแพงหมดแล้ว สรุปตอนนี้เมืองก็ถูกคนทำลายไปแล้ว บ้านของหลายคนก็ถูกเผา ที่ไหนก็ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก อยากจะสร้างใหม่ข้าว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียว”
สวี้ตี้เอ่ย “เื่นี้ให้เว่ยหลางช่วยพวกเราคิดก็พอขอรับ ความคิดเป็เขาเสนอออกมา เขาจะต้องรับผิดชอบในการแก้ไขให้มันดีขึ้น ท่านไม่ต้องกังวลไปก่อน เสื้อผ้าที่เอาไว้กันหนาวกับอาหารเพียงพอหรือไม่ขอรับ?”
อาลักษณ์หลี่เอ่ยตอบ “ก็ไม่ใช่ว่าพอหรอก พวกเรารีบร้อนกันออกมา ทุกคนก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็เช่นนี้ ตอนนี้มีหลายคนที่ไม่มีผ้าห่มใช้ในตอนกลางคืน”
สวี่ตี้เอ่ย “พวกนี้ไม่ใช่ปัญหาอะไร ขอแค่พวกเราสามารถหาซื้อมาได้ก็พอแล้วขอรับ”
หลังจากอาลักษณ์หลี่กลับไปแล้ว จางจ้าวฉือก็เอ่ย “สวี่ตี้ แม่ว่าลูกปกปิดความสามารถเอาไว้บ้างก็ดีนะ อย่าเปิดเผยออกมาเช่นนี้ นี่ไม่ดีเลย”
สวี่ตี้เอ่ย “รอท่านพ่อหายดีแล้วข้าก็ไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้แล้วขอรับ พ่อตาของข้าคนนี้น่ะ เป็คนดี แต่ว่าอยากจะทำเื่นี้ให้มันดี จะอย่างไรก็มีความยากอยู่ ตอนนี้ท่านพ่อก็เป็เช่นนี้ด้วย ข้าไม่ช่วยพ่อตา ข้ายังสามารถลืมตามองพ่อตาของตนเองพบความลำบากได้หรือ? ท่านแม่ นี่คือพ่อตาที่ท่านหาให้ข้าเองนะขอรับ”
จางจ้าวฉือไม่เอ่ยคำใดแล้ว ตบห่อผ้าที่นอนอยู่ข้างกายตนเองเบาๆ ตอนกลางคืนอากาศหนาวเกินไปจริงๆ ไม่เพียงนางที่จะต้องห่มผ้าหนาๆ เด็กก็ต้องห่อผ้าหนาเช่นกัน อีกทั้ง้ายังวางผ้าห่มลงไปอีกชั้นหนึ่ง
แม่นมลู่จุดเตาถ่านในกระโจม ระดับความอุ่นยังมีจำกัด ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าว “หวังว่าจะรีบคิดหาวิธีจัดที่พักได้นะเ้าคะ พวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปนานกว่านี้ มันหนาวเกินไป ไม่ดีต่อทุกคนเลย”
สวี่ตี้เอ่ย “อีกเดี๋ยวตอนที่ซื่อจื่อมาข้าจะพูดกับเขา ขอให้พวกเราไปพักที่จวนแม่ทัพของเขาก่อนนะขอรับ จวนแม่ทัพมีเรือนมากขนาดนั้น ให้พวกเรายืมสักหลังคงได้”
สรุปเว่ยหลางมาดึกไปมาก มาแล้วก็พูดคุยกับสวี่ตี้ “ข้าได้ให้ผู้ดูแลของข้าไปทำความสะอาดจวนแม่ทัพแล้ว ครอบครัวพวกเ้าย้ายเข้าไปก่อน อาศัยอยู่ในเรือนที่ข้าอาศัยอยู่ปกติ ในสถานการณ์พิเศษพวกเราเองก็ไม่ต้องไปคิดเล็กคิดน้อย คนอื่นๆ ข้าจะค่อยๆ จัดการ อย่างไรก็สามารถให้พวกเขาหาสถานที่คนสามารถพักได้”
แม่นมลู่กล่าว “ซื่อจื่อ ให้พวกเราเก็บของไปตอนนี้หรือเ้าคะ?”
เว่ยหลางเอ่ยตอบ “ข้าให้พ่อบ้านหารถม้ามาสองคัน พวกท่านนั่งรถม้าไป พ่อบ้านบอกว่าเก็บกวาดห้องเสร็จแล้ว ตั่งเองก็จุดไฟไว้แล้ว พวกท่านเข้าไปอาศัยได้เลย”
แม่นมลู่ได้ยินเช่นนั้นถึงได้วางใจลง ตอนกลางคืนอุณหภูมิยิ่งต่ำ หากให้จางจ้าวฉือกับลูกที่เพิ่งคลอดออกมาอยู่ในกระโจม แม่นมลู่ไม่วางใจจริงๆ
พ่อบ้านของจวนแม่ทัพเป็คนฉลาดมากความสามารถ ครอบครัวพวกเขากี่รุ่นก็เป็พ่อบ้านที่จวนแม่ทัพ ไม่เพียงจะดูแลจวนแม่ทัพที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างเป็ระเบียบ ยังจัดการกับความสัมพันธ์ของประชาชนของจวนแม่ทัพกับทางด้านเหอซีได้ดีมาก พ่อบ้านได้นำรถม้ามาสองคันด้วยตนเอง ช่วยครอบครัวสวี่ทั้งคนและของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วถึงได้ให้คนขับรถม้าพากลับไป
เรือนในจวนแม่ทัพจะเยอะอย่างไรก็มีจำกัด เมืองขนาดใหญ่ มีคนกี่พันคนกัน จะจัดที่พักอย่างไรก็จัดไม่ได้ครบทุกคน อาลักษณ์หลี่ตามไปปรึกษากับเว่ยหลาง ว่าจะให้เงินชดเชยก่อนได้หรือไม่ ให้คนที่อยากจะไปพึ่งญาติเอาเงินไปใช้ก่อน
คนมากมายขนาดนี้มารวมตัวกันที่ด้านล่างด่านเยี่ยนเหมิน จะพูดอย่างไรก็ไม่ใช่เื่ดี เว่ยหลางเองก็เพราะว่าตนเองวางแผนออกมาเช่นนี้ถึงได้ทำให้คนเหล่านี้ไม่มีบ้านให้กลับ ถ้าหากพวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องเมืองเอาไว้ ไม่แน่ว่าอู่ลี่จี๋อาจจะถอยทัพไปเพราะว่าโจมตีนานแล้วไม่ได้ผล เช่นนี้พวกเขาก็ยังคงสามารถอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้ ดังนั้น เว่ยหลางจึงเอาเงินออกมาจากคลังส่วนตัว ให้พ่อบ้านเอาไปแบ่งกับคนที่อพยพออกมาจากเหอซี
เื่ต่อมาล้วนเป็อาลักษณ์หลี่กับพ่อบ้านของจวนแม่ทัพประสานงานจัดการ จะจัดการอย่างไรสวี่เหราไม่สามารถยุ่งได้ เขาในตอนนี้นอนอยู่ตั่งอุ่นๆ เมื่อทั้งตัวรู้สึกสบายแล้วก็ไม่กล้าขยับ พอขยับก็รู้สึกว่าในสมองเหมือนวุ้นชิ้นหนึ่งที่สั่นไหวไปมาแล้วรู้สึกคลื่นไส้
จางจ้าวฉือถูกแม่นมลู่พาชิงเหมี่ยวกับชิงซุยมาจัดการทำความสะอาดทั้งตัว เปลี่ยนชุดสะอาดชุดใหม่ นอนอยู่บนตั่ง ข้างกายเป็คุณชายน้อยของตนเอง ซึ่งเด็กชายคนนี้มาได้เสี่ยงอันตรายจริงๆ จางจ้าวฉือนอนตะแคงมองเด็กน้อยหลับ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจ คนต่างพูดว่าฮูหยินผู้เฒ่าให้ความรักมากที่สุดก็คือหลานชายคนเล็ก ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล
แม่นมลู่ยกโจ๊กถ้วยหนึ่งมาให้กับจางจ้าวฉือ ก่อนจะเอ่ย “ทานโจ๊กก่อนเถิด ข้าได้สั่งคนให้ไปซื้อของมาจากทางก่านโจวแล้ว พรุ่งนี้จะมีน้ำแกงขาหมู ฮูหยินสาม ตอนนี้เ้ารู้สึกว่ามีน้ำนมเพิ่มหรือไม่?”
จางจ้าวฉือเอ่ยตอบ “ไม่มีเลยเ้าค่ะ คาดว่าเป็เพราะตอนคลอดไม่ราบรื่น ข้าจะจ่ายยาขับน้ำนมให้ตัวเองก่อน ส่วนสมุนไพร ในสมุนไพรที่พวกเราเอามาคงจะมีทั้งหมด ลองดื่มสักสองถ้วยดูก่อนแล้วกัน”
ตอนนี้ไม่มีนมผงให้เด็กกินสำรอง อีกทั้งตอนนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ จึงไม่มีที่ให้ไปหาแม่นมมาป้อนนมเด็ก ถ้าหากจางจ้าวฉือยังไม่มีน้ำนมอีก เด็กชายที่เพิ่งคลอดก็คงทำได้แค่ดื่มน้ำข้าว เช่นนั้นไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของเด็กเป็อย่างมาก เพื่อเด็กแล้ว จางจ้าวฉือจะต้องทำให้ตนเองมีน้ำนมให้ได้
แม่นมลู่รีบไปเอาพู่กันกับหมึกมา จางจ้าวฉือก็เขียนสูตรที่โต๊ะข้างตั่ง ก่อนที่แม่นมลู่จะรีบไปตรวจสอบสมุนไพร แล้วต้มยามาให้ หลังจากจางจ้าวฉือดื่มเข้าไปตอนกลางคืน กลางดึกก็รู้สึกว่าเริ่มมีน้ำนมเล็กน้อย แม่นมก็รีบอุ้มเด็กมาดูดนม ไม่รู้ว่าเหตุใด สำหรับเื่ดื่มนมเด็กน้อยต่อต้านมาก ไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด
จางจ้าวฉืออุ้มเด็กเข้ามาในอ้อมอก แล้วตบหลังเบาๆ “ลูกเอ๋ย เ้าไม่ดื่มนมแล้วจะโตได้อย่างไร ข้าเป็แม่ของเ้า ก็ต้องค่อยๆ ป้อนนมเ้าจนโต เพื่อให้เ้ามีน้ำนมดื่มแม่ถึงต้องกินยาเข้าไป ตอนนี้ถึงได้มีน้ำนมให้ หากเ้ายังไม่ดูดดีๆ ก็เท่ากับแม่ทำไปเสียเปล่าหรือ? แค่ดื่มน้ำข้าวร่างกายเล็กๆ ของเ้ารับไม่ไหวหรอกนะ มา แม่อุ้มเ้ากินนมดีๆ จะได้โตไวๆ”
ลองป้อมนมอีกรอบ เด็กน้อยก็เริ่มอ้าปากดูดนม แม่นมลู่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เด็กคนนี้ ฟังคำพูดของท่านเข้าใจด้วย ไอ๊หยา เด็กน้อยของพวกเราฉลาดจริงๆ”
จางจ้าวฉือตอบ “ตอนที่เขาอยู่ในท้องพวกเราก็พูดกับเขาบ่อยๆ ข้าคิดว่าเขาสามารถฟังออกนะเ้าคะ เอาล่ะ ขอแค่กินได้ก็พอแล้ว แม่นมเ้าคะ ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถิด ลูกข้าข้าดูแลได้เ้าค่ะ”
แม่นมลู่ตอบ “ได้ที่ไหนกัน เ้ากำลังอยู่ไฟนะ คนที่อยู่ไฟไม่สามารถเหนื่อยได้ ตอนเ้าคลอดลูกลำบากมากแล้ว ต่อมาก็ยังรีบร้อนเดินทางอีก หากยังไม่พักผ่อนดีๆ จนกลายเป็อาการป่วยเรื้อรังนั่นเป็เื่ทั้งชีวิตเชียวนะ”
จางจ้าวฉือหัวเราะแล้วเอ่ย “แม่นมเ้าคะ ไม่เป็อันใดจริงๆ เ้าค่ะ ข้าเป็หมอจะยังไม่รู้เื่นี้ได้อย่างไร?”
แม่นมไม่ฟังนาง “เ้ายังพูดเช่นนี้อีก วันนั้นข้าไม่ให้เ้าไปที่โรงหมอ เ้าก็พูดเช่นนี้ ผลเป็อย่างไร เหนื่อย คลอดลูกกลางทาง เ้าฟังข้าเถิด ตอนนี้ข้าจะดูแลเ้าอยู่ไฟดีๆ ดูแลคุณชายน้อยของพวกเราดีๆ มา เ้านอนลงไปก่อน ข้าจะลูบให้คุณชายน้อยเรอก่อน จากนั้นค่อยกล่อมเขานอน”
จางจ้าวฉือทำอันใดมิได้ จึงทำได้แค่นอนลงไป จากนั้นก็มองแม่นมลู่ดูแลเด็ก
สวี่เหรานอนมาสามวัน สุดท้ายก็ไม่ได้อาเจียนอีก แต่ว่าก็ยังคงวิงเวียนศีรษะอยู่ อาลักษณ์หลี่ยุ่งจนหัวหมุนไปหมด สวี่เหราจึงไปที่เรือนหน้าของจวนแม่ทัพ ที่นั่นตอนนี้ถูกใช้มาเป็สำนักงานเขตชั่วคราว ไว้จัดการเื่ต่างๆ
อาลักษณ์หลี่รับผิดชอบดูแลเื่หนังสือต่างๆ ภายในเขต ตอนที่ได้รับคำสั่งให้อพยพ จึงนำเขาเอาหนังสือต่างๆ ภายในเขตใส่กล่องออกมา ตอนนี้เขากลับพบว่าคนของเป่ยตี้จะอาศัยจังหวะนี้มาโจมตีเหอซี มีหนังสือพวกนี้อยู่ อยากจะสั่งคนของเหอซีตามใจชอบก็ไม่ใช่เื่ง่าย
สวี่เหรามาดูกล่องใส่หนังสือที่วางอยู่เต็มชั้นวางหนังสือ รู้สึกว่าอาลักษณ์หลี่ผู้นี้เป็คนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง คิดว่ารอถึงตอนที่ตนได้เลื่อนตำแหน่ง ถึงอย่างไรเขาก็จะพาอาลักษณ์หลี่เลื่อนขั้นไปด้วย
เห็นสวี่เหราเข้ามา อาลักษณ์หลี่ก็รีบเข้าไปพยุง ก่อนจะเอ่ย “ใต้เท้าหลี่ ครั้งนี้ท่านพักผ่อนไปกี่วันเอง เหตุใดถึงมาที่นี่เล่าขอรับ ที่นี่มีข้าอยู่ท่านยังไม่วางใจหรือ?”
สวี่เหราโบกมือ “ข้าไม่สามารถให้เ้าเหนื่อยผู้เดียวได้ จะปีใหม่แล้ว ตอนนั้นพวกเราก็ให้คนที่เหลืออยู่มาทานข้าวดีๆ ด้วยกันสักมื้อ เป็การปลอบใจทุกคน เ้าคิดว่าอย่างไร?”
อาลักษณ์หลี่เอ่ย “เอาสิ ข้ามีความคิดนี้มานานมากแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เป็คนอายุมากแล้ว ปกติก็ว่างกันตลอด กินข้าวเช้าเสร็จพวกเขาก็ไปเก็บฟืนบนูเา ไม่เช่นนั้นก็ช่วยกันทำเื่เล็กๆ น้อยๆ”
สวี่เหราถอนหายใจ “ล้วนเป็ประชากรที่ดีมากๆ เลยนะ เพื่อความสงบสุขของแคว้นพวกเราก็เสียสละยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ควรจะถูกคนมากมายสลักชื่อลงไป ใต้เท้าหลี่ ข้าอยากจะเขียนจดหมาย ส่งให้กับองค์ฮ่องเต้ ข้าอยากจะให้พระองค์รู้ถึงความทุ่มเทที่คนเหล่านี้ทำให้กับแคว้นนี้”
อาลักษณ์หลี่พยักหน้าแข็งขัน “จดหมายของซื่อจื่อส่งไปหลายวันแล้ว ตอนนี้พวกเราเขียนไปอีก ยังจะส่งไปถึงหน้าพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้ทันหรือ?”
สวี่เหราตอบ “คงจะทัน”
สวี่เหราไม่ได้คิดที่จะเอาจดหมายของตนเองส่งไปยังเส้นทางปกติ เขาอยากจะให้องครักษ์ที่แม่นมลู่พากลับมาด้วยนำกลับไป ไม่ว่าจะเป็จดหมายที่เอากลับไปส่งให้องค์ฮ่องเต้ หรือว่าไปส่งให้หย่งหนิงโหวเย่ ไม่เพียงจะบอกกับคนในจวนเื่จางจ้าวฉือคลอดลูก บอกเื่น่ายินดีกับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็หย่งหนิงโหวเย่ว่าพวกเขามีเหลนชาย หลานชายที่ไม่ได้ส่งของขวัญให้ปีนี้เพราะอะไร จะต้องบอกเหตุผลพวกนี้ให้กับคนในจวนเข้าใจ
จดหมายที่ส่งให้องค์ฮ่องเต้และที่เรือนของสวี่เหราถูกส่งไปยังเฉินอู่ฝู แล้วให้เขานำไปถวายให้กับองค์ฮ่องเต้อีกทอดหนึ่ง
นี่ก็เป็วันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองแล้ว ไปที่ใดก็ล้วนมีบรรยากาศครึกครื้น เหลียงเฉิงตี้ได้เขียนตัวฝูที่แปลว่าความสุขเอาไว้มากมาย ก่อนจะให้คนข้างกายเอาไปส่งให้ที่จวนของเสนาบดี นี่ก็ถือว่าเป็รางวัลอย่างหนึ่งสำหรับพวกเขา
เห็นตัวฝูสีแดงตัวใหญ่ๆ พวกนั้นบนโต๊ะขนาดใหญ่ เหลียงเฉิงตี้ก็ถือจดหมายที่สวี่เหราเขียนมาไว้ในมือ แล้วตรัสกับเฉินกงกงว่า “อู่ฝู สวี่เหราที่เป็ซูเซิงคนหนึ่ง กลับมีความกล้าหาญเช่นนี้ พาคนทั้งเมืองจับเป็องค์ชายห้าของเป่ยตี้กับแม่ทัพเว่ยหลาง จดหมายของแม่ทัพเว่ยหลางก็คงจะถึงแล้วใช่หรือไม่?”
เฉินอู่ฝูกล่าว “กราบทูลฝ่าา ทางด้านหน่วยทหารยังไม่ได้รับเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงเฉิงตี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะเสียงเย็น “ถึงว่าล่ะ ช่างเถิดๆ อย่างไรพวกเราก็จับเป็องค์ชายห้าของเป่ยตี้ได้ คาดว่าตอนนี้เป่ยตี้ก็คงจะยุ่งวุ่นวายมากแล้ว จดหมายของเว่ยหลางจะมาหรือไม่มานั้นมีความหมายอันใด คนบางคนในเมืองหลวงคงจะจัดงานฉลองคืนข้ามปีกันแบบไม่มีความสุขเสียแล้ว”
เฉินอู่ฝูโค้งคับนับ ฟังคำตรัสของเหลียงเฉิงตี้อยู่เงียบๆ ตอนนี้เหลียงเฉิงตี้มีองค์ชายที่โตเลยวัยสวมกวานมาแล้วห้าพระองค์ ทุกพระองค์ต่างฉลาดเฉลียวและมากความสามารถ ทุกคนต่างอยากจะได้ตำแหน่งที่เหลียงเฉียงตี้นั่งอยู่ ซึ่งเหลียงเฉิงตี้ยังมิได้แก่จนถึงขั้นไม่มีแรงทรงงาน เหตุใดจะต้องหลีกทางให้กับโอรสของตนเอง เช่นนั้นก็ปล่อยให้โอรสของตนเองก่อเื่ต่อไป พวกเ้าอยากจะหาเื่ก็หาไป ขอแค่ไม่เกินขอบเขต เหลียงเฉิงตี้ก็มิได้สนพระทัย แต่เหล่าองค์ชายทำสิ่งใด จากความสามารถในการควบคุมของเขา เขาย่อมรู้เื่ทั้งหมด
ครั้งนี้เป่ยตี้ติดต่อกับองค์ชายกี่พระองค์ในเมืองหลวง เหลียงเฉิงตี้เห็นอยู่ในสายพระเนตรทั้งหมด พระองค์เองก็อยากจะดูความสามารถของเว่ยหลางและสวี่เหรา จึงปล่อยให้เหล่าโอรสก่อเื่ต่อไป ผลสรุปเว่ยหลางกับสวี่เหราก็มิได้ทำให้เหลียงเฉิงตี้ทรงผิดหวัง ก็แค่เมืองเล็กๆ เองไม่ใช่หรือ ถูกคนเป่ยตี้ทำลายไปแล้ว พวกเราก็สร้างใหม่ได้ และจะต้องสร้างให้ดีกว่าคราวก่อน ขาดเงินอย่างนั้นหรือ ผู้ใดสร้างความวินาศ คนผู้นั้นก็ต้องออกเงินสิ
เหลียงเฉิงตี้หัวเราะแล้วตรัส “สวี่เหราบอกว่าฤดูใบไม้ผลิปีนี้เขาจะเริ่มสร้างเมืองใหม่ อู่ฝู ติดอะไรเขาไว้ก็ต้องคืน ถึงแม้โอรสของเจิ้นจะเป็องค์ชาย แต่ว่าเขาเองก็เป็คน ถึงตอนนั้นข้าก็จะรอดู ว่าเหล่าองค์ชายสามารถคืนให้เขาได้เท่าไหร่ บนโลกใบนี้ไม่มีเหตุที่ว่าติดหนี้แล้วไม่ใช้คืน เอาล่ะ เ้าไปที่จวนหย่งหนิงโหว เอาจดหมายที่เขียนให้ที่บ้านของสวี่เหราส่งกลับไป แล้วเอาของไปมอบให้กับฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็ตัวอักษรฝูอีกหลายใบพวกนี้เอาไปให้หมด ตอนที่จวนสวี่ส่งของไปให้คนที่เหอซี เ้าก็ไปที่พระคลังของเจิ้น ไปหาของที่เหมาะสมออกมาและนำไปด้วย มีขุนนางแบบสวี่เหราอยู่ เจิ้นก็วางใจแล้ว!”
เฉินอู่ฝูพาองครักษ์คนหนึ่งไปที่จวนหย่งหนิงโหวเงียบๆ ปิดประตูในห้องตำราของหย่งหนิงโหวเย่พูดคุยกันอยู่นาน หลังจากบอกลาไปแล้ว หย่งหนิงโหวเย่ก็นั่งอยู่ในห้องตำราอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอาของที่เฉินอู่ฝูนำมารีบร้อนไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
หย่งหนิงโหวเย่รู้อยู่แล้วที่เฉินอู่ฝูมาในครั้งนี้มาเพราะคนเื้ั เขาทำลายที่มาของข่าวในห้องตำราเรือนหน้าทิ้ง คนเรือนหลังไม่รู้ว่าห้องตำราเรือนหน้านั้นมีคนมาเยือน จึงเห็นเพียงแต่สีหน้าเคร่งขรึมของโหวเย่ ด้านหลังมีคนถือของตามมา มุ่งตรงไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า เรือนหลังของจวนโหวขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ มีการเคลื่อนไหว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้