"ข้าไม่เชื่อว่าการลอบสังหารเป็ฝีมือของฮองเฮา"
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทั่วตำหนักน้ำเสียงสงบนิ่งและมั่นคง
ผู้คนหันมองตามเสียงนั้นคนที่เอ่ยปากแต่งกายด้วยชุดสีขาวทั้งตัว เขานั่งตัวตรงสงบเสงี่ยมอยู่บนตั่งใบหน้านิ่งสงบ เพียงแค่ใบหน้านั้นอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกดุจดั่งอาบสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทว่านั่นไม่ใช่หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่เอาตัวเข้าบังลูกธนูแทนฉางไทเฮาจนร่างกายาเ็หรือ
เมื่อเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ทำให้สีหน้าคนแปรเปลี่ยน
“ท่านอ๋องหลีท่านพูดแทนพวกเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?” อูเสียนกล่าวอย่างไม่พอใจ“พวกเขาเป็คนทำ ข้าเชื่อว่ามันชัดเจนพอแล้วสุดท้ายฮ่องเต้เป่ยฉีก็ไม่กล้าปกป้องคนผิด ท่านไม่ใส่ใจเอาความ ทว่าเกรงว่าแคว้นหนานเยวี่ยของข้าไม่กลัวที่จะมีปัญหาและจะไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกองค์หญิงของแคว้นเราได้เช่นนี้"
“อูเสียนอ๋อง เสด็จแม่ไทเฮาเองก็ไม่เชื่อว่านี่เป็ฝีมือของฮองเฮาเสด็จแม่ไทเฮาชื่นชอบความสงบ ไม่อยากยุ่งเื่ทางโลกนักถึงอย่างไรเสด็จแม่ไทเฮาเองก็ไม่ได้ติดใจมีปัญหาอะไร ข้าเองก็ได้รับาเ็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเื่ราวครานี้ ก็ถือว่าแล้วกันเถิดต่อไปนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ต้องสืบสาวเื่นี้แล้ว” จ้าวเยี่ยนเอ่ยเสียงดังเสียงของเขาดังก้องทั่วทั้งตำหนัก“ตงหลีและหนานเยวี่ยต่างก็เกี่ยวดองกับเป่ยฉีของข้าจากการสมรสปรองดองกันมาหลายชั่วอายุคนแล้วเสด็จแม่ไทเฮาเองก็หวังไว้เช่นกันว่าจะปรองดองแบบนี้ไปตลอดอีกหลายชั่วอายุคน”
"เป็วาสนาของแคว้นเป่ยฉีของข้าแล้วที่มีท่านอ๋องหลีผู้ปล่อยวางและไทเฮาที่เมตตาเช่นนี้"
ระหว่างงานเลี้ยง ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็คนเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้ว่าเสด็จอาและเสด็จพี่หลีอ๋องก็ไม่เชื่อว่าการลอบสังหารนั่นเป็ฝีมือของเสด็จแม่ฮองเฮา”จ้าวอี้ยกจอกสุราขึ้น เงยหน้าดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ดูเหมือนมีความสุขและรู้สึกโล่งใจเหลือล้น
เหนียนยวี่ซึ่งนั่งถัดจากจ้าวอี้อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากหันมองไปทางจ้าวเยี่ยน มิอาจซุกซ่อนความรู้สึกเย้ยหยันในใจได้
ด้วยวิธีนี้ภาพลักษณ์ไม่ติดใจเอาความและความเมตตากรุณาของจ้าวเยี่ยนและฉางไทเฮาก็ยิ่งตราตรึงใจผู้คน แต่ทุกคนจะเชื่อจริงหรือว่าการลอบสังหารครานี้มิได้เกี่ยวข้องกับฮองเฮาอวี่เหวินและแคว้นตงหลี?
เกรงว่าคงไม่ง่ายเยี่ยงนั้น
ไม่เพียงแค่นั้น ในใจของผู้คนเกรงว่าคงจะยิ่งมั่นใจแล้วว่าเื่ราวครานั้นกับฮองเฮาอวี่เหวินยากจะไม่เกี่ยวข้องกัน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างรู้ดีว่าในราชวงศ์เป่ยฉีนี้ฉางไทเฮาและหลีอ๋องสองแม่ลูก แม้ภายนอกจะแสดงออกมาว่าได้รับการต้อนรับอย่างมีเกียรติสูงส่งทว่ากลับใช้ชีวิตอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาตลอด
ฉางไทเฮาเพื่อโดยรวมแล้ว นางจำใจกล้ำกลืนความคับแค้นเื่ลอบสังหารครานั้นลงท้องไป นี่คงไม่ใช่เื่ที่ดูจะเป็ไปไม่ได้มิใช่หรือ?
เหนียนยวี่ยิ้มบางๆ หัวเราะเล็กน้อย อุบายของฉางไทเฮาและหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนนี่ช่างร้ายกาจเสียจริง
เพียงไม่ตรวจสอบคนหนึ่ง ก็กลายเป็ความผิดของแคว้นตงหลีและฮองเฮาอวี่เหวินเสียแล้ว
เช่นนี้ การลอบสังหารที่นอกประตูเมืองครานั้น...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอย่างรอบคอบเช่นนั้นเื่การลอบสังหารก็ยิ่งควรค่าแก่การตรวจสอบ
เหนียนยวี่จ้องมองฮองเฮาอวี่เหวินอย่างครุ่นคิดเห็นเพียงแค่ว่าสีหน้าของนางไม่สู้ดีเพราะคำพูดของจ้าวเยี่ยนที่จะไม่ตรวจสอบ ทว่ากลับยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นสิ่งนี้ก็ยิ่งทำให้ความสงสัยของเหนียนยวี่เพิ่มขึ้นมาอีกเื่ที่คาดเดาในหัวยิ่งคิดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
"ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะเื่ที่ฉางไทเฮาถูกลอบสังหาร กระหม่อมได้ติดตามสืบหาเบาะแสของหัวธนูดอกนั้นและได้พบร่องรอยบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ"
เหนียนยวี่ที่กำลังครุ่นคิด เมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในตำหนักเหนียนยวี่เบนสายตามองฉู่ชิงโดยไม่รู้ตัวเห็นเพียงเขาที่กำลังถวายความเคารพต่อหน้าฮ่องเต้
“จริงหรือ?” ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้ว หลีอ๋องเอ่ยว่าไม่ต้องตรวจสอบเื่นี้บางทีอาจจะปล่อยไปได้ ทว่าฉู่ชิงกลับเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ กลัวแค่ว่าจะทำให้เื่นี้กลายเป็เื่ที่ทำให้เขาลำบากใจอีกแล้วชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หยวนเต๋อรู้สึกได้ถึงความซับซ้อนในใจที่มิอาจเอ่ยออกมาได้ทว่าเขาก็มิอาจวางตัวไม่สนใจเื่นี้ได้ "เช่นนั้นเ้าลองบอกมาว่าเ้าพบอะไรอีก"
"ทูลฝ่าา เป็เพียงเบาะแสเล็กน้อยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะฉู่ชิงเองก็มิกล้าบุ่มบ่ามชี้ขาดก่อนที่จะยืนยันผล ทว่าตามที่รู้มาทั้งหมดการลอบสังหารครานี้ มิใช่เื่ฉาบฉวยอย่างที่เราเห็น” ฉู่ชิงกล่าวอย่างชัดเจนทุกคำทุกประโยคดังก้องกังวาน กระจายไปทั่วทุกมุมทั้งตำหนัก และเต็มไปด้วยพลัง
ในเป่ยฉี เกี่ยวกับการสืบคดี คำพูดของท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้ยังฟังดูไร้ข้อกังขายิ่งกว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อเสียอีก
“นี่…” ฮ่องเต้หยวนเต๋อกะพริบตาปริบๆและกำลังคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ทว่าอูเสียนอ๋องกลับเอ่ยปากขึ้นมาก่อนว่า"ในเมื่อมีเบาะแส เช่นนั้นก็ควรตรวจสอบเื่นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสืบหาจนกว่าจะพบความจริง และแถลงไขให้ฉางไทเฮาให้ได้มิเช่นนั้น จะมีค่าควรคู่กับฮ่องเต้องค์ก่อนของเป่ยฉีของพวกเ้าได้อย่างไร?"
เหนียนยวี่เฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆเบนสายตามองไปทางจ้าวเยี่ยน ทว่ากลับเห็นว่าคิ้วของเขาขมวดไปเล็กน้อยในใจเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ดูแล้ว ท่านอ๋องหลีผู้นี้คงไม่้าให้สอบสวนเื่นี้ต่อไปจริงๆ!
ยิ่งเขาไม่้าให้เื่นี้ถูกสอบสวน นางก็ยิ่งหวังว่าฉู่ชิงจะสืบหาสอบสวนเื่นี้ต่อไป
นางอยากจะเห็นเสียจริงว่าท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ของเื่ราวนี้จะออกมาเป็อย่างไร
"ใช่เปิ่นกงเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของอูเสียนอ๋อง" ฮองเฮาอวี่เหวินจู่ๆก็เอ่ยปากตรัสขึ้นมาทันใด ทุกคนล้วนตื่นใและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินฮองเฮา...มีความคิดอยากให้สืบต่อไปงั้นหรือ? ทว่าถ้าหากท่านแม่ทัพหลวงพบบางอย่างขึ้นมาจริงๆเช่นนั้นฮองเฮาผู้นี้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก?
ฮองเฮาอวี่เหวินรับความกดดันจากสายตาของทุกคนใบหน้าประดับรอยยิ้ม สง่างามน่าเกรงขาม "ในเมื่อมีเบาะแสแล้วเกรงว่าคงต้องรอไปอีกสักหน่อย ข้าเชื่อว่า ด้วยความสามารถของแม่ทัพหลวงจะต้องหาสืบหาความจริงเื่นี้ออกมาได้อย่างแน่นอนต้องหาตัวคนที่ลอบสังหารออกมาได้แน่ คืนความยุติธรรมให้ฉางไทเฮา"
และคืนความยุติธรรมให้นางด้วยเช่นกัน!
ในตำหนัก เกิดบรรยากาศแปลกประหลาดที่มิอาจบรรยายได้หลายคนที่นั่นก็ยังมองไม่ออกถึงสถานการณ์ตรงหน้าว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
ท่าทีตอบสนองของฮองเฮาอวี่เหวิน ยิ่งกระตุ้นความตื่นเต้นของเหนียนยวี่ให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก
ฮ่องเต้หยวนเต๋อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วตรัสออกมาว่า "ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็ต้องสืบหาให้ดีจะต้องไม่ผิดพลาดเด็ดขาด"
ณ เวลานี้ ในสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่เขาทำได้มีแค่เพียงสั่งให้ฉู่ชิงตรวจสอบเท่านั้น
"รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"ฉู่ชิงขานรับเสียงดังกังวาน
เช่นนี้ก็ตัดสินใจเื่สืบสวนการลอบสังหารได้แล้วในสายตาอูเสียนอ๋องพึงพอใจมาก ไม่ไล่ต้อนอีกต่อไป ราวกับใคร่ครวญแล้วว่าหลังผลลัพธ์ของเื่นี้ถูกเปิดเผยฮองเฮาอวี่เหวินและแคว้นตงหลีอย่างไรก็ต้องลำบากต่อไปแน่ทว่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขากลับขมวดคิ้ว สายตาราวกับมีบางสิ่งพาดผ่าน
“งานเลี้ยงฉีเฉี่ยวครั้งนี้เดิมทีเป็วันของเหล่าคนหนุ่มสาวทำให้พวกเ้าต้องมาได้ยินเื่ลอบสังหารไม่ลอบสังหารเหล่านี้เสียแล้ว ช่างกดดันเกินไปหน่อยจริงๆข้าที่เป็สตรีตั้งครรภ์ผู้หนึ่ง ฟังแล้วยังเหนื่อยล้า"องค์หญิงใหญ่ชิงเหอลูบครรภ์เบาๆ เอ่ยขึ้น น้ำเสียงใสกระจ่าง
“ใช่ๆ วันนี้เหล่าคุณหนูคุณชายตระกูลขุนนางแต่ละตระกูลเองก็อยู่ที่นี่ทั้งหมดดีที่สุดคือต้องทำเื่ดีงามเช่นนี้ให้สำเร็จ" ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยสุรเสียงดังก้องกังวานคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง "ขอให้แต่ละท่านแนะนำตัวให้ข้าฟังหน่อยเจิ้นอยากจะลองดูเสียหน่อยว่าเหล่าปวงประชาของเจิ้นในที่นี้ ได้อบรมสอนสั่งบุตรและบุตรีของพวกเ้ากันอย่างไร"
ทันใดนั้น ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงออกมาจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
บอกว่าเป็การแนะนำตนเอง ทว่าแท้จริงแล้วมันคือโอกาสในการแสดงตัวตน
บางคนก็เริ่มตื่นเต้นจนประหม่าบางคนก็กระตือรือร้นที่จะลอง
เพียงไม่นาน ก็มีคุณชายผู้หนึ่งออกมาร่ายรำเพลงดาบด้านหน้าของตำหนักมีคนเริ่มแล้ว ก็ไม่มีคนยอมถอย บ้างท่องกลอน บ้างเล่นดนตรี บ้างร่ายรำบรรยากาศในตำหนักฉวินฝางดูอบอุ่นกลมกลืนและสวยงามทว่ากลับไม่มีฉากการประลองฝีมือที่เรียกความตื่นเต้นเลย
เหนียนยวี่นั่งมองเหล่าคุณชายแต่ละตระกูลออกมาแสดงศิลปะดูเหมือนนางจะไม่สนใจอะไรพวกนี้ ความสนใจของนางยังคงถูกตรึงอยู่ที่ใครบางคนทว่านางกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ความคิดของใครบางคนกลับติดตรึงอยู่ที่นาง...