“เซี่ยฟู่กุ้ย คุณเห็นเองกับตาเหรอว่าเซี่ยโม่เป็คนทำร้ายลูกของคุณ หรือมีคนอื่นเห็น จะพูดอะไรต้องมีหลักฐาน การที่ผ้าห่อตัวเด็กขาดไม่ได้แปลว่าเด็กถูกทำร้ายเสมอไป” คนที่ดูเป็หัวหน้าของกลุ่มตำรวจเอ่ยถาม
“คุณตำรวจ งั้นลูกผมหายไปไหนล่ะ ต้องเป็มันแน่ๆ ที่ทำร้ายลูกผม ทั้งหมดเป็ฝีมือมันนั่นแหละ” เซี่ยฟู่กุ้ยยังคงเอ่ยอย่างมั่นใจ
ตำรวจคนเดิมกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขัง “คุณเห็นเองกับตาเหรอว่าเธอเป็คนอุ้มลูกคุณไป อุ้มไปแล้วมาทิ้งที่หน้าบ้านตัวเองเนี่ยนะ แล้วคุณเห็นเองกับตาเหรอว่าเธอทำร้ายลูกคุณจนเสียชีวิต?”
เซี่ยฟู่กุ้ยพูดไม่ออก ในใจคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อดี เขาทำแผนพังแล้วหรือนี่
เซี่ยเฉินซีคือชีวิตของเขา ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ลูกชายของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แล้วไปอยู่ที่ตรงไหน
คนในหมู่บ้านที่มุงดูต่างหัวเราะพร้อมกับคิดในใจ หากเซี่ยโม่เป็คนเอาตัวเด็กไปทำร้ายจริง ไม่มีทางพากลับมาบ้านแล้วทิ้งเศษผ้าไว้แถวหน้าบ้านอย่างแน่นอน ใครที่ไหนทำผิดแล้วยังจะทิ้งหลักฐานไว้ชี้เป้าตัวเองบ้าง ไม่มีทาง เด็กสาวหาใช่คนโง่งมเสียหน่อย
“เขาพูดจบแล้ว ทีนี้ถึงตาฉันพูดบ้างนะคะ” เซี่ยโม่มองเ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ใจจริงเธอคิดจะเรียกชื่อด้วยซ้ำ กับคนแบบนี้ไม่อยากนับถือเป็พ่ออีกต่อไป แต่กลัวว่าหากเรียกแบบนั้นคนอื่นจะหาว่าเธอเป็เด็กไม่ดีเอาได้ เช่นนั้นเลยใช้คำว่าเขาแทน
ทุกคนนึกถึงเื่ที่เซี่ยฟู่กุ้ยทำกับลูกสาวในไส้แล้วพากันเงียบ ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรแม้จะเห็นว่าเด็กสาวไม่ได้เรียกว่าพ่อก็ตาม
ตำรวจเอ่ยอนุญาตด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ว่ามา”
“เช้าวันนี้ทุกคนในบ้านกำลังหลับกันอยู่ก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ข้างนอก ฉัน คุณตา และคุณยายเลยรีบวิ่งมาดู เห็นเขาถือเศษผ้าร้องห่มร้องไห้ที่หน้าบ้าน ตอนพวกเราออกมาก็มีหลายคนยืนดูอยู่ก่อนแล้วค่ะ” เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ตำรวจหันไปถามกลุ่มชาวบ้านที่มุงดู “ทุกคน มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม”
หนึ่งในบรรดาคนที่ยืนมุงมีหลายคนเป็พวกช่างเจรจา “ไม่เห็น พวกเราออกมาเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ ไม่นานก็เห็นคนบ้านอู๋รีบวิ่งออกมาดูเช่นกัน”
“คุณตำรวจ ทุกคน ได้ยินเขาเล่าแล้วใช่ไหมคะ เขาเล่าว่าพอมาที่นี่ก็เจอแต่เศษผ้าขาดๆ ที่หน้าบ้าน แล้วเขาก็นั่งร้องไห้” เธอเกริ่นแล้วเล่าต่อ “แต่คนที่บ้านฉันได้ยินเสียงร้องไห้ถึงค่อยออกกันมา ประตูบ้านฉันปิดสนิท ลงกลอนไว้แ่า แล้วเื่ที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับบ้านฉันได้ยังไงคะ”
ตำรวจหลายนายหันไปมองหน้ากัน ที่เด็กสาวว่ามาฟังดูมีเหตุผล
ในบรรดาคนที่ยืนมุงมีสาวใหญ่ข้างบ้านรวมอยู่ด้วย สาวใหญ่ข้างบ้านกลอกตามองบน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ใครจะไปรู้ว่าเด็กเซี่ยโม่กับสองสามีภรรยาอู๋เพิ่งออกมาจากบ้านเมื่อกี้ หรือก่อนหน้านี้แอบออกมาแล้วก็ไม่รู้”
เธอหันไปมองสาวใหญ่ข้างบ้าน อีกฝ่ายมายุ่งอะไรด้วย
“คุณกำลังจะบอกว่า ฉันกับคุณตาคุณยายแอบออกจากบ้านมาฉีกผ้าให้ขาดแล้วกลับเข้าบ้าน ปิดประตูลงกลอน อยู่ในบ้านรอให้เขามาร้องโวยวายอย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยโม่ยิ้มเ็า
ทุกคนฟังแล้วก็หัวเราะออกมา
ใบหน้าสาวใหญ่ข้างบ้านประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว ก่อนจะโต้กลับ “ก็ฉันได้ยินเซี่ยฟู่กุ้ยเล่าว่า พอเขาตามมาก็เจอแค่เศษผ้าแต่ไม่เจอตัวเด็ก”
คนที่ดูเป็หัวหน้าของกลุ่มตำรวจมองสาวใหญ่ข้างบ้านด้วยแววตาคมกริบ “คุณผู้หญิง หากไม่มีหลักฐานก็อย่าคาดเดาส่งเดช คุณเห็นกับตาเองเหรอว่าคนในบ้านแอบออกมาดู เห็นเองกับตาเหรอว่าพวกเขาอุ้มเด็กกลับมาจริงๆ คุณมีหลักฐานไหม ให้ข้อมูลเท็จมันผิดกฎหมายนะ”
“ฉันก็แค่เดา…” สาวใหญ่ข้างบ้านออกอาการอึกอัก
“เื่นี้ให้คุณเดาส่งเดชได้ที่ไหน” นายตำรวจคนเดิมกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
สาวใหญ่ข้างบ้านเงียบปากทันที ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
เซี่ยโม่มองสาวใหญ่ข้างบ้านอย่างดูถูก ก่อนจะเอ่ยต่อ “หากตรวจลายนิ้วมือบนผ้าแล้วไม่รู้ ก็ส่งขึ้นไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจ หรือไม่ก็ให้สุนัขตำรวจมาดมดูก็ได้ค่ะว่าตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน”
พอหัวหน้าตำรวจได้ฟังแววตาพลันเป็ประกาย มองเด็กสาวอย่างชื่นชม “มีเหตุผล”
ที่เด็กสาวพูดนั้นมีเหตุมีผล ความคิดความอ่านดูเป็ผู้ใหญ่ ตำรวจหลายนายมองเซี่ยโม่อย่างชื่นชมเช่นกัน
“หัวหน้าครับ งั้นเดี๋ยวผมไปพาสุนัขตำรวจกับครูฝึกมาดีไหมครับ” เ้าหน้าที่ตำรวจในกลุ่มนายหนึ่งเอ่ยเสนอ
เซี่ยโม่นึกยินดีอยู่ในใจ โรงพักในตำบลมีสุนัขตำรวจอยู่จริงด้วย แม้เธอจะไม่ชอบน้องชายต่างมารดา แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็คือหนึ่งชีวิต เธอไม่อยากให้เซี่ยเฉินซีเป็อะไรไปั้แ่อายุยังน้อย
ผู้เป็หัวหน้าตำรวจพยักหน้าอนุญาต นายตำรวจคนนั้นจึงขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่โรงพัก
เดิมทีสถานีตำรวจในตำบลไม่มีสุนัขตำรวจ แต่บังเอิญว่าเมื่อวานผู้บัญชาการระดับสูงได้ส่งสุนัขตำรวจกับครูฝึกมาอบรมพวกเขา
เื่ที่อบรมคือวิธีผูกมิตรและสื่อสารกับสุนัขตำรวจ และการใช้สุนัขตำรวจสืบหาหลักฐานจนปิดคดีได้สำเร็จ
เนื่องจากในอนาคตสถานีตำรวจตามตำบลต่างๆ จะมีสุนัขตำรวจที่เกษียณแล้วมาประจำการเพื่อช่วยไขคดี
ความจริงแล้วหน่วยสุนัขตำรวจต้องใช้งบประมาณสูง เบื้องบนเลยสั่งให้ส่งสุนัขตำรวจที่อายุมากแล้วมาประจำการในโรงพักตามตำบลต่างๆ เพื่อลดงบประมาณของหน่วยสุนัขตำรวจ และที่ส่งสุนัขตำรวจกับครูฝึกมาอบรมก็เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัวล่วงหน้า พอถึงเวลาต้องลงสนามจริงจะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
นับว่าเด็กสาวโชคดีมากที่มาเกิดเื่ตอนนี้
“ทุกคนลองดูว่าที่ผมกับที่กางเกงของเขามีอะไรติดอยู่” เซี่ยโม่แนะ
ตำรวจหลายนายมองสำรวจตามตัวเซี่ยฟู่กุ้ยตามที่เด็กสาวบอก เซี่ยฟู่กุ้ยได้ยินเช่นนั้นรีบปัดหญ้าที่ติดตามตัวออกทันที
เธอพูดดักคอผู้เป็บิดา “ปัดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ หรือกำลังกลัวอะไรคะ”
เซี่ยฟู่กุ้ยจ้องมองเด็กสาวอย่างโกรธแค้น เขาอยากฆ่าอีกฝ่ายให้ตายเสียเดี๋ยวนี้เลย
ตำรวจสังเกตเห็นหญ้าที่ติดอยู่ตามตัวของเซี่ยฟู่กุ้ยภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเด็กสาว้าจะสื่ออะไร
“ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าหญ้าที่ติดอยู่ตามตัวเขามาจากไหน” เซี่ยโม่พูดพลางชี้ไปยังต้นหญ้าที่ขึ้นข้างทาง
ทุกคนต่างหันไปมองตามทิศทางที่เด็กสาวชี้บอก ก่อนจะหันไปมองที่หน้าบ้าน เห็นได้ชัดว่าหญ้าที่วางกองตรงพื้นหน้าบ้านเป็หญ้าชนิดเดียวกับที่ขึ้นอยู่ข้างทาง
“เขาบอกว่าฉันแค้นตระกูลเซี่ย ้าทำร้ายลูกชายวัยสองเดือนของเขาให้ตาย ถ้าฉันขโมยเด็กไปและเอามาวางที่หน้าบ้านตัวเองจริง ฉันจะเอาหญ้ามาปูรองทำไมคะ” เซี่ยโม่ร่ายยาวด้วยน้ำเสียงเ็า
ทุกคนคิดตามก่อนจะหัวเราะออกมา
เธอเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้บอกเองว่ารีบร้อนออกจากบ้าน พอถึงหน้าบ้านฉันก็เห็นแต่เศษผ้า ก่อนนี้ไปทำอะไรอยู่ข้างทางจนหญ้าติดตามตัวเหรอคะ เขาไม่ใช่เด็กซะหน่อยจะได้ไปนอนกลิ้งบนหญ้าแล้วค่อยมาร้องห่มร้องไห้ที่หน้าบ้านคนอื่น หรือว่าเขาเป็ห่วงผ้าก็เลยเอาหญ้ามาปูรองผ้าเอาไว้?”
ทุกคนที่ได้ฟังพากันหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“นอกเสียจากในผ้าจะมีเด็กอยู่ เขาคงเป็คนเอาเด็กมาวางไว้เอง ด้วยความเป็ห่วงลูกก็เลยเอาหญ้ามาปูรอง ตอนรอให้คนในบ้านออกมาก็ไปแอบนอนพักอยู่แถวหญ้าข้างทาง พอตื่นมาอีกทีไม่เจอลูกถึงได้ร้องห่มร้องไห้ที่หน้าบ้านฉันแบบนี้” เซี่ยโม่วิเคราะห์ออกมาเป็ช่องเป็ฉาก
ชาวบ้านต่างส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เด็กสาววิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผลประหนึ่งเห็นเหตุการณ์ก็ไม่ปาน
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย เซี่ยฟู่กุ้ยก็เถียงข้างๆ คูๆ อย่างเจ็บใจ “มันคือหญ้าจากบนเตียงฉันต่างหาก แกพูดมั่วอะไรของแก”
“ในเมื่อบอกว่ามาจากบนเตียง งั้นจะกลัวอะไรคะ จะปัดออกทำไม หรือความจริงแล้ว้าปัดหลักฐานที่อยู่บนตัวทิ้งกันแน่” เด็กสาวพูดหยัน
ตำรวจที่มาหาใช่หูหนวกตาบอด เมื่อครู่ทุกคนเห็นกับตาว่าเซี่ยฟู่กุ้ยปัดเศษหญ้าตามตัวทิ้งจริงๆ กอปรกับที่เด็กสาววิเคราะห์มา ไม่นานทุกคนก็รู้ดีว่าอะไรเป็อะไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้