ณ หมู่บ้านชิงเหอ คนของทางการมาแจ้งข่าวก่อนเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านสือต้าหนิวจัดแจงผู้ที่เกี่ยวข้อง รอจนขุนนางราชสำนักมาถึง จะได้เริ่มการตรวจสอบ
สือต้าหนิวได้รับข่าวก็รีบไปบ้านสกุลจ้าว จ้าวเหลยได้ยินว่าคนของทางการมาแล้ว สมองถึงกับอื้ออึง
“ในอดีตมักจะมาหลังปีใหม่ เหตุใดครั้งนี้มาได้เร่งรีบเพียงนี้?” เสียงของจ้าวเหลยสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่เล็กน้อย
สือต้าหนิวรีบมากำชับจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ
“นี่ใช่เื่ที่เรากำหนดได้หรือ คนเขาอยากมาเมื่อใดก็มาเมื่อนั้น ได้ยินว่าครั้งนี้พาหมอหลวงมาด้วย ้ารักษาลูกชายคนโตของเ้า พวกเ้ารีบหาตัวเขาให้เจอดีกว่า”
สือต้าหนิวเองก็ร้อนใจ แม้ว่าจ้าวจือชิงจะไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นหน้า แต่ทุกเดือนก็ต้องได้เจอสักสามถึงห้าครั้ง เพียงแต่นับั้แ่เกิดเื่กับสกุลลั่วในปีนี้ ก็ไม่ค่อยได้เจอเขา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยมั่นใจ เพราะถึงอย่างไรความลำเอียงของคนสกุลจ้าว เขาก็รับรู้มาั้แ่แรก
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว…”
จ้าวเหลยตอบรับอย่างต่อเนื่อง แต่ในใจกลับกังวลอย่างมาก
จ้าวจือจุ่นได้ยินความเคลื่อนไหวก็ออกมาจากในห้อง “เื่นี้ให้ข้าจัดการเอง”
ขณะพูดก็เตรียมตัวออกไป กลับคิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับหลี่ชุนฮัวที่เดินเชิดหน้ามา
“กำลังจะไปไหนหรือ?” หลี่ชุนฮัวพูดจบก็แอบสบถด่าตนเองโง่เขลา ลูกชายต้องไปเข้าเรียนแน่นอนอยู่แล้ว “รอเดี๋ยว แม่จะทำของอร่อยให้เ้านำไปด้วย ของที่ขายข้างนอกอย่างไรก็มิสู้ของที่ทำเองที่บ้าน”
“มิต้องทำวุ่นวาย” จ้าวจือจุ่นห้ามนางไว้ “คนของทางการมาแล้ว…”
หลี่ชุนฮัวหุบยิ้ม เหตุใดจึงมาเร็วเพียงนี้
“มา มา มาก็มาสิ ใช่ว่าสมัยก่อนเ้าไม่เคยเจอ…” หลี่ชุนฮัวใบหน้าเกร็ง นางคิดว่าปกปิดได้เป็อย่างดี แต่กลับไม่รู้ว่าความตื่นตระหนกในแววตากลับหักหลังนาง
จ้าวจือจุ่นไม่ได้เปิดโปง หากแต่ยืนกรานออกไป ผ่านไปชั่วครู่ก็กลับบ้านด้วยสีหน้าสงสัย
หลี่ชุนฮัวมองดูโคลนที่เปื้อนรองเท้าเขา ซึ่งเหมือนกับคู่ที่ตนเพิ่งเปลี่ยนไป
“นี่เ้าไปไหนมา?”
นางรีบลุกขึ้นมาสอบถาม ้ารู้ว่ามันใช่สิ่งที่ตนเองคิดหรือไม่
“คนหายไปแล้ว”
เพียงคำเดียวของจ้าวจือจุ่นทำให้การคาดเดาของหลี่ชุนฮัวเป็จริง จ้าวเหลยที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าแม่ลูกเขาใช้สารลับอะไรกัน แต่ดูจากท่าทางของหลี่ชุนฮัวที่ไม่อยากจะเชื่อและวิ่งออกไปหาอะไรบางอย่าง จึงคาดเดาได้คร่าวๆ ว่าต้องเป็เื่ไม่ดี
“นางทำอะไรอีก?”
จ้าวเหลยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ราวกับขอเพียงลูกชายพูดมาหนึ่งคำ เขาก็จะไปจับตัวหลี่ชุนฮัวมาสั่งสอนสักยก
สำหรับสิ่งที่หลี่ชุนฮัวทำทั้งหมด จ้าวเหลยไม่ได้รู้เื่จริงๆ ถึงแม้จะรู้เื่โดยรวม แต่ก็ไม่มีทางห้ามปราม
ขณะที่จ้าวจือจุ่นจะเอ่ยอะไรออกมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
จ้าวเหลยเปิดประตูและเห็นว่าเป็สือต้าหนิว ด้านหลังของเขามีใต้เท้าที่สวมชุดขุนนางโผล่พรวดออกมา เขาสำรวจหน้าตาที่ไม่ได้คุ้นเคยเหมือนคนก่อนหน้านี้ คราวนี้ลำบากแล้ว หากเป็คนสนิทของจี้ฉงเหวินมา บางทียังกลบเกลื่อนง่าย แต่คนที่มาตอนนี้ไม่มีคนใดที่คุ้นเคย หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจะทำเช่นไรดี
ไม่เพียงแต่จ้าวเหลยที่เป็กังวล จี้ฉงเหวินที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวง นับั้แ่ใต้เท้าที่รับหน้าที่เดินทางออกจากเมืองหลวง เขาก็พะวักพะวน พอคำนวณเวลาในตอนนี้ เดาว่าน่าจะเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ในหมู่บ้านชิงเหอแล้ว เขากลัวเพียงว่าคนสกุลจ้าวจะจัดการเื่ราวได้ไม่ดี ทั้งที่ตอนนี้คือ่เวลาสำคัญของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาจำต้องรู้ข่าวคราวของหมู่บ้านชิงเหอเป็คนแรก
สือต้าหนิวช่วยแนะนำใต้เท้าหยางกับขุนนางราชสำนักให้แก่คนสกุลจ้าว จ้าวจือจุ่นรู้แก่ใจดีว่าตอนนี้ไม่อาจหลบหลีกได้และไม่มีเวลาใช้แผนอื่น จึงได้แต่เฝ้าวาดหวังว่ามารดาของเขาจะจัดการเ้าทึ่มจ้าวได้อย่างเหมาะสม
มิเช่นนั้นเส้นทางขุนนางของตนยังไม่ทันเริ่มก็คงต้องจบสิ้นแล้ว
“บัณฑิตคำนับใต้เท้าหยาง คำนับขุนนางราชสำนัก” จ้าวจือจุ่นรีบเดินหน้าไปคำนับ “ท่านพ่อข้าเห็นท่านทั้งสองและประหม่าไปชั่วขณะ หากผิดกาลเทศะ ขอใต้เท้าอย่าได้ตำหนิกล่าวโทษ”
ขณะจ้าวจือจุ่นพูดก็เชื้อเชิญทุกคนเข้าไปและหันไปชงชา
เฉียนจี้หวั่งเพิ่งมาครั้งแรกไม่เข้าใจสถานการณ์ เขามองหยางหนิงแวบหนึ่ง อีกฝ่ายรับรู้ความคิดของเขาทันที
“จ้าวจือจุ่นไม่ต้องลำบาก ครั้งนี้ใต้เท้าเฉียนมาเพื่อ้าดูสถานการณ์ความเป็อยู่ของพี่ชายเ้า ไม่ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนหรือ?”
เมื่อได้ยินว่าพวกเขาไม่มีความคิดจะรอด้วยซ้ำ มือของจ้าวจือจุ่นที่รินน้ำชาก็สั่นเทาเบาๆ ดีที่เขาสังเกตเห็นทันเวลาและหลบเลี่ยงความผิดปกติไปได้
จ้าวเหลยเห็นเช่นนี้ก็ไม่รู้ควรทำอย่างไรต่อ จึงได้แต่มองดูลูกชายจัดการสถานการณ์ตรงหน้านิ่งๆ
จ้าวจือจุ่นไตร่ตรอง ในใจก็มีแผนการ
“อ้อ เื่มันเป็เช่นนี้ หลายวันมานี้ในบ้านไม่ค่อยสงบ พี่ใหญ่มั่นใจกับการต่อสู้ จึงรั้นจะไปจับคนก่อเื่ด้วยตนเอง ดังนั้นหลายวันมานี้จึงพักอาศัยอยู่ที่แปลงผักด้านหลัง ข้าจะไปเชิญพี่ใหญ่มาเดี๋ยวนี้”
จ้าวจือจุ่นพูดและเดินออกไปด้านนอก จ้าวเหลยเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไป ใครจะรู้ว่ากลับเห็นจ้าวจือจุ่นส่ายหน้าเงียบๆ จ้าวเหลยจึงได้แต่หยุดและยอมอยู่เผชิญหน้าใต้เท้าทั้งสองอย่างจำใจ
อย่างไรก็ตาม หลี่ชุนฮัวที่กำลังเตรียมตัวเข้าบ้านกลับใขวัญหนีดีฝ่อเพราะคำพูดของลูกชาย นางพิงกับกำแพงและถึงขั้นขาอ่อนเล็กน้อย
เื่แปลงผัก ลูกชายรู้ได้อย่างไร? ในใจเขาจะคิดเช่นไรกับตนเอง
“จุ่นเอ๋อร์ จุ่นเอ๋อร์ แม่มิใช่คนที่จิตใจเหี้ยมโหดเพียงนั้น… เ้าต้องเชื่อว่าที่แม่ทำทุกอย่างนั้นหวังดีกับเ้า…”
จ้าวจือจุ่นปรายตามองสภาพอ่อนระทวยของนาง สายตาเกลียดชังทำให้หลี่ชุนฮัวเหมือนตกนรก
“ทางที่ดีที่สุดท่านแม่ภาวนาให้หาคนไม่พบดีกว่า มิเช่นนั้นหากพวกเขารู้เื่ที่ท่านแม่ทำ ท่านแม่คิดว่าพวกเขาจะปล่อยท่านแม่หรือ!”
เมื่อได้ยินเสียงเ็าเพียงนี้ของจ้าวจือจุ่น หัวใจของหลี่ชุนฮัวเหมือนถูกมีดกรีดก็ไม่ปาน
นางทำเช่นนี้เพื่อใคร ก็เพื่อหวังให้วันข้างหน้าเขาใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องมีตัวถ่วงมิใช่หรือ ใช่ นางเป็แค่หญิงชาวบ้านคนหนึ่งไม่รู้เื่อะไรทั้งนั้น แต่นางรู้ว่าจ้าวจือชิงทำให้จี้ฉงเหวินไม่พอใจ นั่นจึงทำให้จ้าวจือจุ่นต้องยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้
ตอนนี้จ้าวจือชิงยังไปข้องแวะกับคนสกุลลั่วอย่างไม่มียางอาย หากถูกจี้ฉงเหวินรู้เข้า ชั่วชีวิตนี้จ้าวจือจุ่นคงไม่มีทางได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก ที่ตนเองรีบร้อนเพียงนี้และอยากรีบกำจัดจ้าวจือชิงก็เพื่อเขาทั้งนั้น
หลี่ชุนฮัวได้ยินแล้วปาดน้ำตา จากนั้นก้มหน้าสะอื้นไห้ “เ้าสบายใจได้ เื่เหล่านี้ไม่เกี่ยวกับเ้า ฝีมือแม่ทั้งนั้น…”
“มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าอยู่แล้ว! ก็ต้องเป็ท่านแม่อยู่แล้ว...”
จ้าวจือจุ่นที่กลัวว่าจะแปดเปื้อนตนเองถึงกับพูดจาตัดขาดไร้เยื่อใย จากนั้นหันเดินไปทางแปลงผัก
หลี่ชุนฮัวเบ้ปาก แล้วเดินเข้าประตูบ้านอย่างเหม่อลอย กระทั่งจ้าวเหลยเรียก นางก็เหมือนไม่ได้ยินและยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในลานบ้านราวกับหุ่นเชิด
......
ตอนที่ชีเหนียงกับหลิงชางไห่ไปถึง หยางหนิงกับใต้เท้าเฉียนก็รู้ว่าจ้าวจือชิงไม่ได้อยู่บ้านสกุลจ้าว
เมื่อเห็นหลิงชางไห่ หยางหนิงรีบไปต้อนรับ
เขาเพียงแค่พยักหน้าทักทายชีเหนียง จากนั้นรีบคำนับหลิงชางไห่ “ผู้น้อยคำนับใต้เท้าหลิง เมื่อครู่กำลังคิดว่าจะไปหาท่านพอดี”
หลิงชางไห่โบกมือ “ลุกขึ้นเถอะ พวกเ้าหาข้าก็เปล่าประโยชน์”
ชัดเจนว่าเฉียนจี้หวั่งรู้จักกับหลิงชางไห่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉียนจี้หวั่งก็เดินขึ้นหน้า
“ท่านหัวหน้าโรงแพทย์หลวงหมายความว่าเช่นใด?”
ตอนที่มาเฉียนจี้หวั่งได้รู้มาจากหยางหนิงว่า จ้าวจือชิงเคยถูกคนทำร้ายาเ็และได้ท่านหลิง หัวหน้าโรงแพทย์หลวงช่วยทำการรักษาเขา
-----
