สิ้นแสงสุริยาที่ลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว บัดนี้มีเพียงแสงของดาราทำหน้าที่ส่องนำทางเด็กน้อยทั้งสอง สองพี่น้องสะพายตะกร้าไม้ไผ่เดินกลับเข้าเรือนตระกูลหลี่อย่างเงียบๆ แม่เฒ่าหม่าเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นด้านหลังเรือนนางก็รีบตรงดิ่งเข้ามาเล่นงานหลานสาวทันที
“หายหัวไปทั้งวันพึ่งจะกลับมาหรือ ไหนมาดูซิว่าพวกเ้าขนสิ่งใดกลับมาบ้าง”
หญิงชราแย่งตะกร้าจากมือของหลี่ซางเป่า เมื่อเห็นว่ามีเพียงผักป่าไม่กี่ต้นนางก็เกิดโทสะขึ้นมาทันที
“ได้มาเท่านี้เองหรือ เ้าพวกตัวไร้ประโยชน์เลี้ยงเสียข้าวสุก หายไปทั้งวันงานการที่เรือนไม่ยอมทำ แต่สิ่งที่ได้กลับมามีแค่หญ้าไม่กี่ต้น พวกเ้าเอามาเลี้ยงหมูหรือ”
ดวงตาของเด็กสาววาวโรจน์เมื่อได้ยินผู้เป็ย่าเอ่ยบริภาษตนเองและน้องสาว หลี่อันหนิงโยนตะกร้าไผ่สานที่มีผักป่าสองกำมือลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี
“แล้วท่านย่า้ามากแค่ไหน หากท่านอยากได้มากกว่านี้คงต้องให้คนทั้งบ้านไปช่วยกันเก็บแล้วล่ะ”
“นี่!เ้ากล้าย้อนข้าหรือ”
แม่เฒ่าหม่าชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังเด็กทั้งสองที่ยืนถือมีดพร้าในมือ หลี่อันหนิงถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ
“ข้าเพียงถามท่านเท่านั้น เราพี่น้องทำงานในเรือนทุกอย่าง อาหารท่านย่าก็ไม่ให้เราทาน ยังไล่ไปเก็บผักป่า เช่นนี้เราจะมีแรงที่ไหนทำงานให้ท่านเล่า”
หญิงชราไม่เคยเห็นหลานสาวที่ตนเกลียดชังแสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน หรือว่านางจะหัวกระแทกเลยกล้าแสดงท่าทางอวดดีออกมา
“กิน!กิน!กิน! รู้จักแต่กินแต่ไม่รู้จักทำงาน เป็ตัวล้างผลาญไม่พอยังทำงานให้สมกับข้าวปลาที่ตระกูลหลี่เลี้ยงดูไม่ได้ ข้าเพียงสั่งให้พวกเ้าไปเก็บผักป่าเท่านั้น แต่กลับเถียงฉอดๆ อกตัญญูแล้ว เ้าพวกอกตัญญู”
เสียงด่าทอของหญิงชราดังกึกก้องไปถึงห้องโถง เหล่าบุตรชายและสะใภ้ต่างรู้ดีว่าเื่เช่นนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็ประจำ ทว่าครั้งนี้กลับได้ยินเสียงของหลี่อันหนิงหลานสาวคนโตของตระกูลหลี่แย้งกลับมา
ทำเอาทุกคนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“เช่นนั้นท่านย่า้าให้เราทำอย่างไร ั้แ่ที่ข้าจำความได้ เราสองพี่น้องก็ทำงานทุกอย่างราวกับเป็ทาส นั่นยังไม่พอต่อความ้าของท่านอีกหรือ หรือว่าท่าน้าให้เราทำงานจนกว่าจะตาย ท่านย่าอย่าลืมนะว่าเราสองพี่น้องไม่ใช่ทาสขายตัวมาทำงานให้กับตระกูลหลี่ ถ้าอยากได้คนทำงานท่านก็ไปซื้อทาสในอำเภอมาสิ จากนี้ข้าจะไม่ทำงานที่ท่านสั่งอีกแล้ว”
“ไปเถอะเป่าเอ๋อ ข้าวไม่ให้กินยังจะมาสั่งอยู่ได้”
เด็กสาวตอกกลับหญิงชราด้วยสีหน้าเ็า นางเดินผ่านแม่เฒ่าหม่าที่กำลังอึ้งไปอย่างไม่สนใจ
“นี่!นี่! ฏแล้ว นางเด็กสารเลวนั่นฏแล้ว คิดว่าตนเองเป็ใครถึงได้กล้าเถียงข้าฉอดๆ เช่นนี้ ดี!ถ้าไม่ยอมทำงานเช่นนั้นก็ไม่ต้องกิน ถ้าไม่มีข้าวปลาตระกูลหลี่กรอกปาก ข้าจะดูซิว่าเ้าจะทนได้ถึงเมื่อใด”
หลี่อันหนิงได้ยินเสียงแม่เฒ่าหม่าแผดเสียงด่าทอตามหลังมา นางบิดปากเล็กน้อยก่อนคิดในใจ ที่ให้พวกตนกินอยู่ทุกวันแม้แต่ขอทานยังกระเดือกไม่ลง
หลังจากที่หลี่อันหนิงพาน้องสาวกลับมายังห้องเก็บฟืน นางก็หยิบหนังสือเก่าเล่มหนึ่งออกมาจากกล่องใต้เตียง มันเป็หนังสือที่มารดาใช้สอนตนเองอ่านเขียน นานมากแล้วที่นางมิได้เปิดมัน
“พี่ใหญ่ท่านสอนข้าได้หรือไม่”
เด็กสาวส่งยิ้มให้น้องน้อยอย่างอ่อนโยน นางเปิดหน้าต่างออกเพื่อให้แสงจันทร์ด้านนอกส่องลอดเข้ามาภายใน ก่อนจะใช้ไม้เขียนบนพื้นทีละตัว ก่อนออกเสียงให้หลี่ซางเป่าพูดตาม
“ยากจัง พี่ใหญ่ท่านจดจำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร”
เด็กน้อยหน้ามุ่ยเกาหัวอย่างงุนงง
“ไม่มีสิ่งใดยากเกินความสามารถของคนหรอกนะเป่าเอ๋อ ถ้าน้องขยันหมั่นเพียร ก็สามารถอ่านได้เช่นกัน”
หลี่อันหนิงเอ่ยสั่งสอนน้องสาวของตนด้วยสีหน้าเอ็นดู บัดดลความคิดของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นภายในหัวของนาง
“เด็กนั่นอ่านเขียนได้ั้แ่เมื่อใด”
เป็เสียงความคิดของหลี่เจี๋ยผู้ที่ไม่เคยมาเหยียบที่นี่ั้แ่ที่มารดาตั้งท้องน้องฝาแฝดของนาง บิดาผู้ไร้ความรับผิดชอบเขาทรยศต่อมารดา แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายยามเมื่อนางจากไปชายผู้นี้ก็ไม่เคยเห็นเป็เื่สำคัญ
เขามาที่นี่ทำไม
สถานที่อันแสนสกปรกและต่ำต้อยที่สุดในเรือนตระกูลหลี่ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตก่อนของนาง
“ท่านมาที่นี่ทำไม”
หลี่อันหนิงเปิดประตูผัวะออกไปอย่างไม่ให้คนด้านนอกได้ทันตั้งตัว หลี่เจี๋ยเมื่อได้เห็นใบหน้าผอมแห้งของบุตรสาว ความรู้สึกผิดก็บังเกิดขึ้นในใจ
“พ่อ...แค่มาดู ได้ยินว่าลูกทะเลาะกับท่านย่า เหตุใดถึงได้ทำเช่นนั้นเล่า เพียงทำตามที่นาง้าอย่างที่ผ่านมามันยากนักหรือ ตอนนี้นางกำลังอารมณ์ไม่ดี ทำให้คนทั้งเรือนพลอยต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของลูกไปด้วย”
หลี่อันหนิงไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง
คนผู้นี้ยังมีความเป็คนอยู่หรือไม่ เขากินอยู่สุขสบายแต่ลูกสองคนกลับต้องทำงานเยี่ยงทาส ไม่เห็นใจไม่พอยังมาบังคับให้พวกนางทำเพื่อคนตระกูลหลี่ทั้งหมดอีก
เขามันเกินเยียวยาแล้ว
“ท่านมีเื่ที่้าพูดอีกหรือไม่”
เด็กสาวมองไปยังผู้เป็บิดาด้วยสายตาเ็าราวกับน้ำแข็ง หลี่เจี๋ยไม่เคยเห็นนางแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อตนเองเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่พบกันนางมักจะก้มหน้าไม่กล้าสบตาอยู่เสมอ
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น
“พ่อแค่มาบอกว่าอย่าได้ทำสิ่งใดที่เป็การกระตุ้นให้ท่านย่าโมโหอีก ไม่อย่างนั้นแม้แต่พ่อเองก็ไม่สามารถปกป้องลูกได้”
หลี่อันหนิงส่งเสียงหึ!ออกมาอย่างดูแคลน ปกป้องหรือ เขาเคยปกป้องตนกับน้องสาวเมื่อใด ทั้งตอนที่ซางเป่าถูกขายไป หรือแม้กระทั่งตนเองถูกคนจากหอคณิกาตามล่า ตอนนั้นเขาอยู่ที่ใดกัน
“ท่านไม่จำเป็ต้องมาปกป้องพวกเราพี่น้อง ดูแลตนเองลูกของท่านและภรรยาคนใหม่ให้ดีเถอะ”
หลี่อันหนิงปิดประตูกระแทกเสียงดังปังโดยไม่สนใจเสียสบถไม่พอใจของคนที่อยู่ด้านนอก
“พี่ใหญ่ เขามาทำไม”
หลี่อันหนิงถอนหายใจออกมาเบาๆ
นางรู้ว่าน้องสาวคนเล็กมักจะแสดงสีหน้าเ็ปทุกครั้ง ยามเมื่อเห็นบิดาอุ้มลูกที่เกิดจากภรรยาคนใหม่ของเขา นางเองก็ปวดใจเช่นกันที่ไม่สามารถเติมเต็มในส่วนที่เป่าเอ๋อขาดไปได้
“เป่าเอ๋อ....น้อง้าท่านพ่อหรือไม่”
หลี่ซางเป่าแสดงท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะมองไปยังประตูที่ถูกปิดสนิท จากนั้นจึงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่
“เป่าเอ๋อ้าแค่พี่สาว ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกันสองคนไม่จำเป็ต้องมีท่านพ่อหรือใครๆ”
“เด็กดี”
หลี่อันหนิงลูบผมแห้งสากของน้องสาวอย่างเวทนา นางรู้ว่าหลี่ซางเป่า้าครอบครัวที่อบอุ่น แต่นางกลับทำให้ได้เพียงเท่านี้ มันช่างน่าปวดใจนัก
หลังจากถูกบุตรสาวปิดประตูใส่หน้า หลี่เจี๋ยก็เดินกลับมายังห้องโถงที่มีคนตระกูลหลี่นั่งอยู่อย่างพร้อมหน้า เขายกน้ำชาขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ข้าคุยกับนางแล้ว สั่งสอนไปหลายคำต่อไปนางคงจะไม่กล้าแข็งข้อกับท่านแม่อีก เลิกโมโหได้แล้วมันไม่ดีต่อสุขภาพนะขอรับ”
เมื่อบุตรชายอันเป็ที่รักเอ่ยเช่นนั้น แม่เฒ่าหม่าก็ส่งเสียหึ!ไปทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ ทว่าสุดท้ายก็มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
“พี่ใหญ่บุตรสาวของท่านช่างดีเหลือเกิน เกือบทำให้ท่านแม่หัวใจวายแล้ว”
หลี่เฟิงหัวเอ่ยเหน็บแนมผู้เป็พี่ชาย ทว่าเขากลับตกอยู่ในภวังค์มิได้ตอบโต้กลับไป เป็ภรรยาที่สะกิดให้เขารู้ตัว
“อะแฮ่ม...เ้าว่าอย่างไรนะ”
“ไม่มีอันใด ข้าคิดว่า่นี้ท่านต้องดูแลบุตรสาวให้ดีหน่อย อย่าปล่อยให้นางก่อเื่อีก”
หนี่ม่านม่านพอใจนักที่ได้เห็นคนบ้านใหญ่ต้องเสียหน้า ยิ่ง่นี้นางช่วยเหลือหลี่เจียนเจียนเื่การดูตัว ยิ่งทำให้แม่สามีเห็นความสำคัญของบ้านรองมากกว่าเดิม
“พอแล้ว!! เื่ก็ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไปเถอะ อย่าลืมว่าอีกไม่นานเจ๋อเอ๋อก็จะกลับมา อย่าได้ทำให้เด็กคนนั้นต้องคิดมากเพราะเื่ไม่เป็เื่ในเรือน”
เป็ครั้งแรกที่ผู้เฒ่าหลี่เอ่ยความคิดเห็นของตน น้ำเสียงและท่าทางการพูดคล้ายกับกำลังเข้าข้างเด็กสองคนที่นอนอยู่ในห้องเก็บฟืน
แม่เฒ่าหม่าเมื่อได้ยินสามีเอ่ยเพื่อเด็กพวกนั้น อารมณ์ที่เย็นไปแล้วก็กลับปะทุขึ้นมาอีก
“ตาเฒ่า!!ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าที่เป็ย่าไม่มีสิทธิ์ดุด่าตักเตือนพวกนางเลยหรือ”
ชายชราเมื่อเห็นภรรยาคู่ยากโมโหขึ้นมาด้วยเื่ไม่เป็เื่ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ
“เลิกพูดเื่นี้ แยกย้ายกันกลับไปนอน”
หญิงชราไม่ยินยอม ยังคิดจะเอ่ยบางอย่างขึ้นมาอีก
“ข้า...”
“หม่าซือหยุน อย่าลืมว่าเ้าเป็ใคร”
เพียงผู้เฒ่าหลี่เอ่ยชื่อจริงของนางเท่านั้น หญิงชรากลับสงบลงอย่างน่าประหลาด