จ้าวซื่อรู้สึกหวาดกลัวในใจ กล่าวเสียงสะอื้นว่า “ลูกสาวข้า เ้าช่วยชีวิตท่านอาของเ้าไว้แล้ว”
หลี่เจี้ยนอันถามขึ้นว่า “อาสวี่ เ้าหน้าที่เ่าั้จะไปเมื่อใดหรือขอรับ”
“พวกเขาอยู่กินข้าวเช้าที่บ้านจางก่อน เดี๋ยวก็ไปแล้ว”
หลี่เจี้ยนอันถามต่อไป “อาสวี่ ท่านยังจะไปเมืองเยี่ยนอีกหรือไม่”
“ไม่ไปแล้ว” สวี่เจิ้งมีสีหน้าเศร้าสลด คิดในใจว่าตนเป็คนขี้ขลาดจริงๆ ไม่สะดวกใจจะอยู่ที่บ้านหลี่อีกต่อไป จึงขอตัวกลับบ้าน
หลังจากคนบ้านหลี่หารือกันแล้ว ก็ตัดสินใจให้หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังไปที่เมืองเยี่ยน
หลี่หรูอี้พูดขึ้นว่า “พวกเรายังต้องทำการค้าต่อ วันนี้มีตลาดที่จะจัดขึ้นทุกๆ สิบวัน ประเดี๋ยวข้าจะไปขายแป้งย่าง หลังจากเสร็จแล้ว พี่ใหญ่และพี่รองกินแป้งย่างให้เรียบร้อยก่อนค่อยนำค่าเดินทางไปเมืองเยี่ยนพร้อมกับเ้าหน้าที่”
เมื่อฟ้าสว่าง หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังก็ตามเ้าหน้าที่ไปที่เมืองเยี่ยน
ไม่นานคนหมู่บ้านหลี่ก็รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุที่เมืองเยี่ยน จางเอ้อร์ซานถูกหินกระแทกศีรษะจนตาย ทางการมอบเงินชดเชยให้บ้านจางห้าตำลึงเงิน
ปกติบ้านจางมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี จึงมีเพียงสองครอบครัวที่ไปมาหาสู่กับบ้านจาง พวกเขาไปร่วมพิธีศพที่บ้านจาง ผู้ใดจะรู้ว่ากลับได้เห็นโศกนาฏกรรมกับตา
“พี่สะใภ้สองคนของหวังฮวาคะยั้นคะยอให้นางติงใช้เงินห้าตำลึงจัดพิธีศพให้จางเอ้อร์ซาน หวังซื่อโมโหจนทะเลาะกับสะใภ้ทั้งสอง คนท้องสามคนตบตีกันจนมั่วไปหมด หวังซื่อคนเดียวต้องสู้คนสองคนจะสู้ได้ที่ไหนกัน สุดท้ายก็ล้มลงจนมีเืออก…”
“์! เด็กในท้องของหวังฮวาเป็อย่างไรบ้าง”
“จะเป็อย่างไรได้ คลอดออกมาแล้วน่ะสิ เป็เด็กผู้ชาย”
“คลอดออกมาได้ก็ดี”
“ดีอะไรเล่า หวังฮวาตกเืมากเท่าสองกะละมัง ตอนนี้นอนซมอยู่บนเตียง เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่”
“ดวงของทารกชายนั่นแข็งจริงๆ ข่มจางเอ้อร์ซานจนตาย แล้วยังทำให้หวังฮวาผู้เป็แม่เกือบตายด้วย”
“ใช่แล้ว เด็กนั่นมีดวงมรณะแท้ๆ พ่อของเขาเพิ่งตาย แม่เขาก็ใกล้จะตายแล้ว”
คนของสองครอบครัวทอดถอนใจ เมื่อออกมาจากบ้านจางก็นำเื่เศร้าของหวังฮวาไปบอกกับคนในหมู่บ้านที่ได้พบ ทว่าใครฟังก็ไม่รู้สึกเห็นใจสักนิด บางคนยังงมงายสร้างข่าวลือว่า เด็กทารกที่เพิ่งเกิดมีดวงมรณะด้วยซ้ำ
เฒ่าจางไปเชิญหมอมาจากในตำบล เมื่อหมอตรวจให้หวังฮวาแล้วก็บอกว่า เสียเืมากเกินไป ให้บ้านจางเตรียมจัดงานศพได้เลย
นับว่าเกิดเื่น่าเศร้าสามเื่ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เด็กๆ สูญเสียบิดามารดา ผู้ใหญ่สูญเสียสะใภ้ คนเฒ่าคนชราสูญเสียบุตรชาย
เฒ่าจางและนางติงที่สูญเสียบุตรชายโศกเศร้าแทบขาดใจจริงๆ
หลังจากที่สูญเสียจางเอ้อร์ซานไปไม่ถึงสองวัน เฒ่าจางและนางติงก็ต้องสูญเสียสะใภ้สองอย่างหวังฮวาไปอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่โศกเศร้าเสียใจร้องห่มร้องไห้น้ำตาแทบเป็สายเื
ติงซื่อ ภรรยาของจางต้าซาน เป็หลานสาวทางฝ่ายแม่ของนางติง
ปกติยามอยู่บ้าน ติงซื่อมักกดดันหวังฮวาต่างๆ นานา คราวนี้นางทำให้หวังฮวาเกิดเื่จนตกเื แต่กลับไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย ทั้งยังคิดจะขายบุตรชายของหวังฮวาที่เพิ่งเกิดอีกด้วย โดยใช้ข้ออ้างอันสวยหรูว่า จะส่งดาวมรณะออกจากบ้าน
จางเซี่ยเป็บุตรชายคนโตของหวังฮวา ปีนี้อายุสิบสองแล้ว เขาทำงานใช้แรงอยู่ในตำบลและอำเภอมาตลอด ทำให้มีพละกำลังมาก เมื่อได้รับจดหมายก็รีบกลับจากในตำบลเพื่อไปร่วมงานศพ บังเอิญได้ยินติงซื่อบอกกับคนในหมู่บ้านว่า จะขายน้องชายของเขา จึงโกรธจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ผลักติงซื่อจนล้มลงกับพื้น
ตอนแรกติงซื่อทำร้ายหวังฮวาจนตกเื คราวนี้กลายเป็นางหกล้มจนตกเืบ้าง นับว่ากรรมตามสนองแล้ว
บ้านจางตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน เฒ่าจางรีบไปเชิญหมอตำแยจากในตำบลมาอีกครั้ง
ติงซื่อเพิ่งจะตั้งครรภ์ได้หกเดือน ทารกในครรภ์เป็รูปเป็ร่างแล้วจึงไม่อาจปล่อยไว้ ทำได้เพียงต้องคลอดก่อนกำหนด
ติงซื่อคลอดบุตรชายออกมาคนหนึ่ง แต่เพราะคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งยังมีเืออกมากกว่าหวังฮวาเสียอีก ทำให้เด็กมีสุขภาพไม่ดีและสิ้นใจไปในที่สุด
“ข้าจะฆ่าเ้าเพื่อแก้แค้นให้ภรรยาและบุตรชายของข้า!” จางต้าซานสามีของติงซื่อโกรธจนคว้ามีดมาไล่ฟันจางเซี่ยไปทั่วลานบ้าน คิดจะฆ่าจางเซี่ยให้ได้
เฒ่าจางใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดจับตัวของจางต้าซานที่กำลังโกรธเกรี้ยวไว้แน่น กล่าวว่า “ถ้าเ้าฆ่าคนเ้าจะต้องติดคุก!”
นางติงร้องห่มร้องไห้ “จางเซี่ย รีบไปเร็ว อย่ากลับมาให้ลุงใหญ่ของเ้าเห็นหน้าอีก”
จางเซี่ยวิ่งออกจากบ้านจางไปด้วยสภาพน่าอนาถ
คนในหมู่บ้านที่พากันมุงอยู่ตรงประตูบ้านจาง เพื่อดูความวุ่นวาย บางคนะโว่า “จางเซี่ย วิ่งไปบนเขาสิ!”
“จางเซี่ย วิ่งไปที่ตำบลสิ!”
“เ้าไปแล้วก็อย่ากลับมาอีกเล่า”
“หากเ้าไป น้องชายน้องสาวของเ้าจะทำอย่างไร”
ครอบครัวหลี่เป็เพื่อนบ้านของครอบครัวจาง บ้านจางก่อเื่ใหญ่เพียงนี้ย่อมต้องได้ยินเป็ธรรมดา
จ้าวซื่อทอดถอนใจออกมาหลายครั้ง
หลี่หรูอี้กลัวจางต้าซานจะคลั่งจนหยิบมีดขึ้นมาไล่ฟันคนในครอบครัวมั่วซั่ว จึงรีบปิดประตูรั้วและประตูห้องโถงให้สนิท
นางและจ้าวซื่อนั่งกันอยู่ในห้องโถง เมื่อเปิดประตูหลังของห้องโถงแล้วจึงมีแสงสว่างส่องเข้ามาบ้าง
หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานไปขายแป้งย่างที่ตำบลจินจี เมื่อทั้งสองกลับมาเห็นประตูบ้านของตนปิดสนิทจึงใจนรีบวิ่งเข้าไป
จ้าวซื่อเห็นบุตรชายทั้งสอง ในใจจึงสงบลงได้บ้าง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “บ้านเราไม่ได้มีเื่อะไร เป็บ้านจางที่เกิดเื่”
หลี่อิงฮว๋าเอ่ยถาม “น้องห้า เมื่อครู่พวกเราเจออู่โก่วจื่อแบกตะกร้าผักป่ากลับบ้าน เ้าไม่ได้ขึ้นเขาไปกับนางหรือ”
“ข้าอยู่เป็เพื่อนท่านแม่ ไม่ได้ขึ้นเขา” หลี่หรูอี้จะกล้าปล่อยให้จ้าวซื่อที่กำลังท้องไส้อยู่บ้านคนเดียวได้อย่างไร
คนในครอบครัวกินข้าวด้วยจิตใจว้าวุ่น จากนั้นจึงไปนอนกลางวัน
จ้าวซื่อเป็ห่วงสามีและบุตรชายทั้งสองที่ไปตามพ่อของเขากลับบ้านจึงนอนไม่หลับ
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด ด้านนอกมีเสียงร้อนรนของชายหนุ่มคนหนึ่งดังแว่วมา “สะใภ้จ้าว ข้ามาหาหรูอี้ นางอยู่หรือไม่”
หลี่อิงฮว๋ารีบสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปเป็คนแรก พบว่าจางเซี่ยที่เคยทะเลาะกันหลายครั้งถึงกับะโข้ามรั้วเข้ามาในลานบ้านของตน ทำให้เขารู้สึกไม่ดี “เ้ามาหาน้องห้าของข้าทำไม”
จางเซี่ยร่างกายไม่สูงนัก ใบหน้าดำรูปหน้ายาวเหมือนม้า ดวงตาเล็ก จมูกเล็กปากใหญ่ ตอนนี้ร้องไห้จนตาบวมแดง มีเส้นเืปรากฏเต็มดวงตา เขาเดินเข้ามาคุกเข่าลงแทบเท้าของหลี่อิงฮว๋า ร้องห่มร้องไห้กล่าวว่า “อิงฮว๋า แม่ข้าจะตายแล้ว ขอร้องเ้าล่ะ ให้หรูอี้น้องสาวของเ้าช่วยชีวิตแม่ของข้าด้วย จะให้ข้าเป็วัวเป็ม้าให้นางก็ยอม”
หลี่อิงฮว๋าใ รีบถลาตัวหลบไปด้านข้าง ถามว่า “มีหมอมาดูแม่เ้าแล้วไม่ใช่หรือ”
จางเซี่ยร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านหมอบอกให้ปู่กับย่าเตรียมจัดงานศพให้นางแล้ว ข้าไม่มีพ่อ ไม่อยากให้ท่านแม่ต้องมาตายไปอีกคน ขอร้องล่ะ ให้หรูอี้ช่วยชีวิตแม่ข้าด้วยเถิด ข้าจะโขกศีรษะให้เ้า”
หลี่ิ่หานและจ้าวซื่อเดินออกมาจากบ้านแล้ว จางเซี่ยจึงคลานเข่าเข้ามาเบื้องหน้าของจ้าวซื่อ แล้วโขกศีรษะให้นางอย่างแรง
หลี่อิงฮว๋ากลัวว่าจางเซี่ยจะทำร้ายจ้าวซื่อ จึงรีบเข้ามาขวางหน้าไว้ “เ้าไปให้ห่างจากแม่ข้าเสีย!”
จ้าวซื่อขมวดคิ้วแน่น “จางเซี่ย เ้าลุกขึ้นพูดเถิด” จากนั้นจึงให้บุตรชายทั้งสองไปประคองจางเซี่ยขึ้นมา
จางเซี่ยดื้อดึงยิ่งนัก เขากลัวว่าบ้านหลี่จะไม่ยอมเห็นใจ ดังนั้นจะเป็จะตายก็ไม่ยอมลุก
ตอนนี้เองเสียงเรียบๆ ของหลี่หรูอี้ดังแว่วออกมาจากห้องนอน “จางเซี่ย ผู้ใดให้เ้ามาหาข้า?”
หลี่หรูอี้พูดต่อ “ข้าไม่มีใบรับรองที่ราชสำนักออกให้ ไม่ใช่หมออย่างเป็ทางการ วิชาแพทย์ก็มิได้สูงส่งเช่นที่พวกเขาพูด”
จางเซี่ยร้อนใจ ไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวหลี่หรูอี้เช่นไร จึงทำได้เพียงโขกศีรษะต่อไป
หลี่หรูอี้ถามต่ออีกว่า “เ้าขอให้ข้าช่วยมารดาของเ้า แต่ถ้าหากช่วยไม่ได้เล่า?”
..............................