การตรวจรับอาคารเสินหวังสำเร็จเสร็จสิ้น!
หวังเค่อฮัมเพลงกลับยอดเขาหยั่งรู้กระบี่พรรคเทพหมาป่า์ เหมือนอย่างที่หวังเค่อกล่าว อาคารเสินหวังในตอนนี้มีดีแค่รูป แม้ดูเผินๆ จะสวยหรูโอ่อ่า แต่ตนไม่กล้าอาศัยอยู่ที่นั่นแน่
สถานที่ปลอดภัยยังคงเป็ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ของพรรคเทพหมาป่า์ ไม่เพียงแต่เป็เคหาสน์บนยอดเขาสูง แต่ยังได้รับการคุ้มกันจากเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก ไหนจะยังมีระบบคุ้มภัยอย่างข่ายปราณ แล้วอาคารเสินหวังจะเทียบเปรียบได้อย่างไร? นั่นคือที่ที่ไว้ใช้ทำเงิน ไม่ได้ใช้อยู่อาศัย
อีกหนึ่งเดือนก็จะเริ่มต้นทำเงิน ตนจำต้องตระเตรียมการให้พร้อม
แต่พอหวังเค่อมาถึงยอดเขาหยั่งรู้กระบี่มันก็เห็นคนยืนคอยอยู่ก่อนแล้วสามคน
“ท่านอาจารย์ ลมอะไรหอบท่านมาถึงนี่?” หวังเค่อถามด้วยความแปลกใจ
กลับเป็เฉินเทียนหยวน มู่หรงลวี่กวง และผู้เฒ่าหน้าตายคนหนึ่งคอยมันอยู่
“ท่านนี้คือเ้าตำหนักหมาป่าประจิม โม่ซันซัน!” เฉินเทียนหยวนแนะนำอีกฝ่ายให้หวังเค่อรู้จัก
“อ้อ ที่แท้เป็เ้าตำหนักหมาป่าประจิม ได้ยินชื่อเสียงมานาน หวังเค่อคารวะท่านเ้าตำหนัก!” หวังเค่อยิ้มประสานมือคำนับ
ผู้เฒ่าหน้าตายจ้องมองหวังเค่ออยู่ครู่ก่อนเผยรอยยิ้มที่อุบาทว์ยิ่งกว่าร่ำไห้ออกมา “ศิษย์คนที่สองของท่านประมุขช่างไม่เหมือนใครโดยแท้ ข้าเพิ่งกลับมาได้สองวันแต่ไม่ว่าไปไหนก็ได้ยินแต่เื่ของเ้า! วีรชนถือกำเนิดจากคนหนุ่มคนสาวโดยแท้!”
“ไหนๆ เลยล้วนเป็ทุกคนเยินยอทั้งนั้น ท่านเ้าตำหนักโม่เกรงใจไปแล้ว!” หวังเค่อยิ้มตอบ
“ยังจะมายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยอีก ฉาวโฉ่นัก!” เฉินเทียนหยวนถลึงตา
เ้าฟังความนัยของโม่ซันซันไม่ออกหรือ ยังจะมายิ้มภูมิใจอันใดอีก!
“ทราบ ทราบ!” หวังเค่อเร่งรับคำ
คำของท่านอาจารย์ยังคงไม่อาจบอกปัดได้
“ศิษย์พี่ใหญ่? ทำไมท่านเองก็มาที่ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ข้าด้วย?” หวังเค่อมองมู่หรงลวี่กวงอย่างฉงนสนเท่ห์
มู่หรงลวี่กวงไม่ทันจะกล่าว เฉินเทียนหยวนข้างๆ ก็ขัดขึ้นว่า “วันนี้ที่พวกเรามาเพราะมีเื่้าจะคุยกับเ้า!”
“เอ๋?” หวังเค่อเผยสีหน้าเคร่งขรึม
หากเป็เื่ธรรมดาสามัญ ท่านอาจารย์เรียกคำเดียวตนก็ต้องไปรอรับคำสั่งที่เขาิญญาแล้ว แต่ทำไมวันนี้ท่านถึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง? ดูท่าคงจะไม่ใช่เื่ดีแน่!
“ท่านอาจารย์? ท่านมีรับสั่งใดหรือขอรับ?” หวังเค่อถามเสียงเคร่ง
“ไม่ใช่ว่าข้าจะมาสั่งอะไรเ้า แต่เป็โม่ซันซันกับมู่หรงลวี่กวงต่างหากที่มีเื่อยากคุยกับเ้า อาจารย์ก็แค่มาเป็พยานเท่านั้น!” เฉินเทียนหยวนอธิบาย
หวังเค่อเข้าใจความหมายของท่านอาจารย์ทันที เป็ไปได้ว่าโม่ซันซันกับมู่หรงลวี่กวงยังคงมีจิตพยาบาท ท่านอาจารย์กลัวว่าตนอาจถูกเอารัดเอาเปรียบก็เลยมาช่วยหนุนหลังให้?
หวังเค่อพลันต้องมองโม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงด้วยแววตาตึงเครียด
“เ้าตำหนักโม่ ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราสามคนต่างเป็เ้าตำหนักเหมือนๆ กัน ต่างอุทิศตนเพื่อพรรคเทพหมาป่า์ พวกท่านมีเื่อะไรเชิญพูดมาตรงๆ ได้เลย! อย่างไรซะข้าเองก็เป็รองเ้าตำหนักของตำหนักหมาป่าบูรพา!” หวังเค่อยิ้มกล่าว
หากพวกเ้ามาโดยไม่มีเจตนาดี งั้นข้าเองก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป ก่อนอื่นก็ประกาศฐานะของตัวเองออกไปก่อน พวกเ้าคือเ้าตำหนัก ข้าเองก็เ้าตำหนัก พวกเราทุกคนก็ค่อยๆ ทะเลาะตบตีกันไปนี่แหละ!
“พวกเรามาเพราะเื่ของถงอันอัน!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงเข้ม
“ถงอันอัน? ถงอันอันที่หนีไปได้เมื่อแปดเดือนก่อนเพราะศิษย์ตำหนักหมาป่าประจิมกับสมุนของศิษย์พี่ใหญ่ปล่อยหลุดมือไปน่ะหรือ?” หวังเค่อถาม
มู่หรงลวี่กวงหน้าดำ แม่งเอ๊ย เป็อย่างที่เ้าพูดมารึไง? ข้ายังไม่ทันจะพูดอะไร เ้าก็เป็ฝ่ายโยนหม้อก้นดำมาให้ข้ากับเ้าตำหนักโม่รับแล้ว?
“มู่หรงลวี่กวง เ้าพูดต่อเลย!” โม่ซันซันทางด้านข้างไม่ยี่หระ
“ทราบ หลังจากที่ถงอันอันหนีไปได้ ข้ากับศิษย์ที่รับหน้าที่สืบข่าวของตำหนักหมาป่าประจิมก็ร่วมมือกัน แม้จะจับตัวมันมาไม่ได้ แต่ก็สืบได้ข่าวคราวของมันมาบ้าง!” มู่หรงลวี่กวงอธิบาย
“อ้อ?”
“ถงอันอันดูจะแฝงตัวอยู่ที่ลัทธิมาร มันเองก็ถูกพวกระดับสูงของลัทธิมารไล่ล่า ดังนั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกฝ่ายธรรมะไล่ฆ่า แต่ยังถูกฝ่ายอธรรมไล่ฆ่าด้วยเช่นกัน!” มู่หรงลวี่กวงบอกออกมาอย่างเคร่งขรึม
หวังเค่อพยักหน้า มันรู้เื่นี้อยู่แล้ว ตอนนั้นมันกระทั่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ มารอริยะเป็คนออกล่าด้วยตัวเอง คราวนี้ถงอันอันเ้าทารกหน้าเหม็นนั่นชะตาขาดแน่ๆ
“แต่ถงอันอันคล้ายมีผู้หนุนหลังจากลัทธิมารอยู่ ดังนั้นแม้จะถูกไล่ฆ่า แต่ก็ยังระดมสมุนในทางลับมาได้ หลายเดือนมานี้ ลูกสมุนที่ถงอันอันเกณฑ์ตัวมาได้ยิ่งมายิ่งมาก!” มู่หรงลวี่กวงอธิบาย
“อ้อ?” หวังเค่อพยักหน้า
เื่นี้หวังเค่อเองก็รู้ ถงอันอันยังมีเ้าตำหนักเป็ผู้หนุนหลังอยู่คนหนึ่ง แถมไม่ให้เกียรติมารอริยะเลยด้วย
“ถงอันอันระดมลูกสมุนวางแผนที่จะกำจัดเ้า!” มู่หรงลวี่กวงอธิบาย
“กำจัดข้า?” หวังเค่อผงะไป
พวกเ้าไล่ฆ่าถงอันอัน แต่ทำไมหวยถึงมาออกที่ข้า?
“ใช่ จากปากคำมารที่เราจับมาได้ ถงอันอันทำพลาดหลายครั้ง มันทำแผนของผู้หนุนหลังเสียหายไปหลายรอบ จึงถูกผู้หนุนหลังคนนั้นต่อว่า ถงอันอันจึงเคียดแค้นเ้ามาก ้าใช้ศีรษะเ้ามาสร้างผลงานให้ผู้หนุนหลังคนนั้นยกโทษให้!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยด้วยสีหน้าพิกล
“้าใช้หัวข้าไปขอขมา? มันบ้าไปแล้ว!” หวังเค่อเบิกตาโพลง
“ศิษย์น้องหวังเค่อ ดังนั้นตัวเ้าในตอนนี้ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด เ้ารู้ตัวบ้างหรือไม่?” มู่หรงลวี่กวงจ้องหวังเค่อขณะถาม
หวังเค่อเดิมที้าส่ายหน้า แต่แล้วก็ต้องปั้นหน้าเคร่งขึ้นมา ไม่ถูกต้อง! หากเื่นี้ร้ายแรงขนาดนั้นจริง ท่านอาจารย์ก็น่าจะเป็คนบอกข้าเอง ทำไมท่านถึงต้องสนับสนุนข้าด้วย? ไม่ได้การ ไม่อาจปล่อยให้เื่นี้เดินไปตามจังหวะของพวกมัน
“อันตราย? มีศิษย์ฝ่ายธรรมะคนไหนบ้างไม่ตกอยู่ในอันตราย? เพียงเพราะว่ามีฝ่ายอธรรมมาข่มขู่ข้าก็เลยต้องกลัว? งั้นฝ่ายธรรมะรุ่นข้าไม่ต้องหวาดกลัวหัวหดกันหมดหรือ? ศิษย์พี่ใหญ่ เ้าตำหนักโม่ ขอบคุณพวกท่านเป็อย่างสูงที่มาแจ้งข่าว! ถึงตอนนี้ข้าทราบเื่แล้วแต่ข้าก็ไม่กลัว หากมัน้ามาหาข้างั้นก็ให้มันมาได้เลย ยังไงซะข้าก็จะปักหลักอยู่แต่ในพรรคไม่ออกไปไหน พวกมันกล้าทำถึงขั้นบุกเข้ามาเอาชีวิตข้าถึงในพรรคเลยไหมล่ะ?” หวังเค่อส่ายหน้า
“หะ?” มู่หรงลวี่กวงชะงักไป
ไม่ใช่ว่าเ้าควรหวาดกลัวถามหาทางแก้ไขหรอกหรือ? เ้าเล่นไม่กลัวแบบนี้ งั้นพวกเราควรพูดอะไรต่อ?
“หวังเค่อ เ้าไม่กลัวว่าจะถูกถงอันอันไล่ฆ่าเลยรึ?” โม่ซันซันถามเสียงขรึม
“เ้าตำหนักโม่ ข้าคิดว่าทุกคนในฝ่ายอธรรมล้วน้าเอาชีวิตท่านกันทั้งนั้น แต่ว่าท่านกลัวหรือเปล่า? ท่านเผชิญหน้ากับลัทธิมารทั้งสำนักโดยไม่เกรงกลัว กับอีแค่ถงอันอันคนเดียวข้าจะกลัวได้ยังไง? ดีร้ายยังไงข้าเองก็เป็ถึงรองเ้าตำหนักของตำหนักหมาป่าบูรพานะ! อธรรมไม่อาจเอาชนะธรรมะ!” หวังเค่อส่ายหน้ามองความตายเป็ดั่งมาตุภูมิ
โม่ซันซันผู้หน้าตายพลันต้องใบหน้ากระตุกโดยไม่รู้ตัว เ้าพูดแบบนี้แล้วจะให้ข้าสานต่อได้อย่างไร?
“ท่านทั้งสอง ยังมีเื่อะไรอีกหรือไม่?” หวังเค่อมองคนทั้งสองอย่างใคร่รู้
ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่เ้ากำลังเตรียมส่งแขกอยู่ใช่ไหม?
“พวกเราอยากชวนเ้ามาร่วมทำการจับกุมถงอันอันด้วยกัน ไหนๆ แล้วก็จะได้ขุดตัวพวกเศษเดนที่ยังคงแฝงเร้นอยู่ในพรรคไปด้วยเลย!” โม่ซันซันสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยออกมา
“ข้า? ข้าคือรองเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา นี่ไม่ใช่กงการอะไรของข้า! ไม่ใช่ว่านี่คืองานเื่ของตำหนักหมาป่าประจิมหรอกหรือ?” หวังเค่อปฏิเสธทันควัน
“มารร้ายซ่อนตัวได้ลึกล้ำสุดประมาณ ดังนั้นเ้าช่วยพวกเราหน่อยเถอะ! ยังไงซะพวกเราก็เป็คนร่วมสำนัก!” โม่ซันซันเอ่ยเสียงเข้ม
“ข้าจะไปทำอะไรได้?” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“เ้าดึงความสนใจจากถงอันอันแล้วล่อตัวมันออกมา ส่วนเราก็จะวางแผนล่อมารที่แฝงตัวอยู่ในพรรคออกมาเช่นกัน กางตาข่ายจับพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียว!” โม่ซันซันกล่าวอธิบาย
“โฮ่? ความหมายของพวกท่านคือให้ข้าไปเป็เหยื่อล่อมารที่แฝงตัวอยู่ออกมาว่างั้นเถอะ?” หวังเค่อจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา
โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงพยักหน้า
หวังเค่อกลอกตาอย่างดาลเดือด ล้อกันเล่น? ข้าว่างขนาดนั้นเลย? อีกเดี๋ยวข้าก็ต้องทำเงินแล้ว เ้ารู้ไหมว่าวันหนึ่งข้าทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน? แล้วจะให้ข้าไปเป็แพะต้อนพยัคฆ์ออกจากถ้ำ? ล้อกันเล่น? ข้าไม่ได้บ้านะ!
“ขออภัย แต่ข้าไม่สน!” หวังเค่อส่ายหน้า
โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงหน้าดำโดยพร้อมเพรียง
หวังเค่อเองก็มองออกว่าท่านอาจารย์รู้เื่นี้ก็เลยมาที่นี่เพื่อให้ท้ายตน ยังดีที่ตนเองก็เป็รองเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา มิเช่นนั้นมีหรือจะมีคุณสมบัติบอกปัดคนทั้งสองได้?
“หวังเค่อ งานปราบมารเป็ส่วนหนึ่งของตำหนักหมาป่าบูรพา เ้าจะปัดความรับผิดชอบได้ยังไง?” มู่หรงลวี่กวงจับจ้อง
“ข้ารู้ว่างานปราบมารเป็ส่วนหนึ่งของตำหนักหมาป่าบูรพา แต่วิธีการปราบมารของข้าต่างกับของท่าน อาศัยอะไรมาให้ข้าร่วมมือกับพวกท่าน? ข้าเองก็มีอุบายปราบมารในแบบของข้า! ลำพังข้าสามารถปราบมารเองได้! ท่านก็ปราบของท่านไป ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า! ไม่ต้องมาทำดีบังหน้าพาตัวข้าไปทำงานให้ ข้าไม่ใช่ลูกน้องของท่าน ท่านจะมาเรียกร้องอะไร?” หวังเค่อเอ่ยอย่างดูถูก
“เ้ามีวิธีปราบมารแบบใดกัน?” มู่หรงลวี่กวงไม่เชื่อถือสักนิด
วันๆ เ้าเอาแต่สร้างบ้าน นี่เรียกว่าแผนปราบมารก็ได้?
“นี่เป็ความลับ ไหนเลยจะพูดออกมาได้ง่ายๆ? เกิดถูกไส้ศึกตำหนักหมาป่าประจิมไปแพร่งพรายบอกต่อลัทธิมารเข้า งั้นไม่แย่กันพอดีหรือ?” หวังเค่อกลอกตามองบน
โม่ซันซันทางด้านข้างหน้าหม่นลงทันควัน นี่เ้ากำลังด่าข้าอยู่ใช่ไหม?
“เอาละ หยุดเถียงกันได้แล้ว หวังเค่อ แผนการครั้งนี้เป็โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงช่วยกันคิดออกมา วันนี้ที่เชิญข้ามาก็เพื่อช่วยถามเ้าว่าจะยินดีเข้าร่วมหรือไม่! หากเ้าไม่ยินดีก็ไม่มีใครมาบีบคั้นเ้าได้!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์!” หวังเค่อคำนับอย่างซึ้งใจ
จริงดังคาด มีอาจารย์คอยให้ท้าย พวกเ้าจะใช้อุบายเล่นงานข้าได้หรือไม่ก็ยังคงต้องให้เกียรติท่านอาจารย์ก่อน
“หวังเค่อ ต้องทำยังไงเ้าถึงจะยอมร่วมมือกับพวกเรา?” มู่หรงลวี่กวงถามเสียงขรึม
“ข้าไม่สนใจ!” หวังเค่อส่ายหน้า
โม่ซันซันทางด้านข้างนิ่วหน้ามองหวังเค่อ จากนั้นก็มองเฉินเทียนหยวน
“ท่านประมุข เื่นี้คงต้องรบกวนท่านแล้ว!” โม่ซันซันประคองฝ่ามือมาทางเฉินเทียนหยวน
เฉินเทียนหยวนมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนถอนใจออกมา
“หวังเค่อ ยากนักที่เ้าตำหนักโม่จะขอให้ข้าช่วย หากไม่ลำบากเกินไปเ้าช่วยลองคิดดูหน่อยได้หรือไม่ แน่นอน ทั้งหมดนี้อยู่ที่ความยินยอมของเ้า!” เฉินเทียนหยวนท้ายที่สุดก็ยอมช่วยโม่ซันซันเอ่ยออกมาอีกหนึ่งประโยค
หวังเค่อทันทีที่ได้ยิน แม้ท่านอาจารย์จะให้ท้ายตนอยู่ แต่ตนจะหักหน้าปฏิเสธคำขอเล็กๆ จากท่านอาจารย์นี้ได้อย่างไร?
“ในเมื่อท่านอาจารย์เปิดปากงั้นศิษย์ก็ต้องพิจารณาอยู่แล้ว!” หวังเค่อกลับลำทันที
มู่หรงลวี่กวง “…!”
“แต่ข้ามีเงื่อนไขสองข้อ!” หวังเค่อว่า
“โฮ่?” โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงมองหวังเค่อ
“ข้อแรก ในเมื่อพวกท่านใช้ข้าล่อถงอันอันออกมา งั้นก็ต้องบอกกระบวนการขั้นตอนมาให้หมดทุกแง่มุม! ข้าควรต้องรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองตลอดเวลา!” หวังเค่อมองคนทั้งสองพลางกำชับเสียงเครียด
“ได้! แล้วอะไรอีก?” โม่ซันซันถามเสียงต่ำ
“ข้อสอง ทำเช่นนี้ข้าต้องเสียสละอย่างที่สุด หนึ่งเดือนจากนี้คืองานเปิดตัวของบริษัทเสินหวังข้า หวังว่าถึงตอนนั้นท่านทั้งสองจะไปช่วยข้าที่หน้างาน เข้าร่วมพิธีเปิดบริษัท! ช่วยตัดริบบิ้น!” หวังเค่ออธิบาย
“หา?” โม่ซันซันผงะไป
ตัดริบบิ้น? ทำพิธีเปิด?
“ท่านอาจารย์ นี่เป็พิธีเปิดตัวครั้งแรกของศิษย์ งานอาจจะใหญ่โตอึกทึกสักหน่อย ท่านอาจารย์ต้องมาช่วยศิษย์หน่อยนะ! ท่านอาจารย์ไม่จำเป็ต้องทำอะไรเยอะ ท่านแค่มาแสดงตัวให้ทุกคนเห็นหน้าท่านก็พอแล้ว อ้อ แล้วก็ช่วยตัดริบบิ้นด้วย! ท่านอาจารย์ว่ายังไง?” หวังเค่อเว้าวอนเฉินเทียนหยวนอีกคน
ถึงแม้เฉินเทียนหยวนจะทำหน้าพิกล แต่มันก็ค่อนข้างถูกใจศิษย์คนนี้ดังนั้นจึงยอมพยักหน้าตกลง “ได้!”
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์!” หวังเค่อกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
จากนั้นหวังเค่อก็หันมามองโม่ซันซันกับมู่หรงลวี่กวง “เ้าตำหนักทั้งสองท่านหากว่ายอมตกลงตามเงื่อนไขทั้งสองเมื่อสักครู่ งั้นข้าก็จะร่วมมือกับพวกท่าน! ว่าไง?”
โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงมองหน้ากัน ในใจของพวกมันปฏิเสธเงื่อนไขพวกนี้ เพราะถึงยังไงพวกมันก็เป็เ้าตำหนักพรรคเทพหมาป่า์ผู้เกรียงไกร ไหนเลยจะมีเวลามาเล่นตลกกับเ้า? แต่หวังเค่อในตอนนี้เองก็เป็เ้าตำหนักเหมือนกัน แถมยังมีเฉินเทียนหยวนคอยให้ท้าย หาก้าให้มันมาร่วมมือ ก็มีแต่ต้องยอมรับเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้ก่อน อีกอย่าง เฉินเทียนหยวนเองก็จะไปตัดริบบิ้นกับเขาด้วยเหมือนกัน งั้นก็คงไม่ขายหน้าหรอกกระมัง?
“ได้!” ทั้งสองตอบตกลงในท้ายที่สุด
“งั้นแผนการของพวกท่านคือ?” หวังเค่อมองคนทั้งสอง
“แผนยังร่างไม่เสร็จ แต่พอเสร็จแล้วจะแจ้งให้เ้าทราบทันที!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยหน้าตาเฉย
หวังเค่อ “…!”
พวกเ้ายังร่างแผนการกันไม่เสร็จ แต่กลับวิ่งแจ้นมาต่อความยาวสาวความยืดกับข้าอยู่ครึ่งค่อนวัน?
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การมีผู้หนุนหลังก็เป็เื่วิเศษนักแล ฮ่าฮ่า!
หลังจากส่งท่านอาจารย์ โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงไปแล้ว หวังเค่อก็ให้คนไปเรียกจางเจิ้งเต้ามาทันที
“หวังเค่อ เ้าเรียกข้ามาทำไม? ข้ากำลังจะออกเดินทางอยู่แล้วแท้ๆ!” จางเจิ้งเต้าถาม
“จางเจิ้งเต้า ตอนที่เ้าไปต้มตุ๋นคนจากสำนักเซียนพวกนั้นอย่าลืมบอกไปด้วยว่าพิธีเปิดครั้งนี้ประมุขพรรคเทพหมาป่า์จะเชิญสี่เ้าตำหนักพรรคเทพหมาป่า์มาร่วมงานด้วย! อย่าลืมเชียวล่ะ!” หวังเค่อกำชับ
“อะไรนะ? ท่านประมุขกับสี่เ้าตำหนักมากันพร้อมหน้า? เ้าไม่ได้คุยโวโอ้อวดอยู่ใช่ไหม ขืนพูดออกไปลักษณะนี้ คนไม่คิดว่าพิธีเปิดบริษัทเสินหวังนี้เป็ฝีมือของพรรคเทพหมาป่า์กันพอดีรึ? นี่ก็แค่การค้าเล็กๆ ของเ้า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเทพหมาป่า์สักหน่อย!” จางเจิ้งเต้าตาโต
“เ้าจะไปรู้อะไร ข้าตั้งใจจะให้สำนักเซียนพวกนั้นเข้าใจผิดนี่แหละ! ไม่งั้นแล้วพวกมีอันจะกินจะมาได้ยังไง? หากเป็ธุรกิจการค้าธรรมดาๆ แค่ศิษย์ปลายแถวสองคนมาร่วมงานก็พอถมถืดแล้ว แต่ตอนนี้บรรดาขาใหญ่พรรคเทพหมาป่า์กำลังจะมาร่วมงานข้า พวกมันต้องคิดว่าต้องเป็เื่ใหญ่อะไรสักอย่าง ถึงตอนนั้นพวกมีเงินก็จะมากันเป็กระบุง พอพวกเราขายสินค้าได้ เ้าเองก็ได้ค่านายหน้าอื้อซ่าไปเลย!” หวังเค่อแจงให้ทราบ
“อ๋อเหรอ? พูดน่ะมันพูดได้ แต่เ้ารู้ไหมว่าจะมีผลกระทบแบบไหนตามมาบ้าง?” จางเจิ้งเต้าถามด้วยสีหน้าพิกล
เ้าขวัญกล้าเทียมฟ้าไปแล้ว! ไม่กลัวเฉินเทียนหยวนคาดโทษเลยรึไง?
“ผลตามมาอันใด ข้าไม่ได้พูดส่งเดชเสียหน่อย ท่านอาจารย์ โม่ซันซันและมู่หรงลวี่กวงต่างรับปากแล้วว่าจะมา!” หวังเค่อเอ่ยเสียงต่ำ
“อ๋า? พวกมันรับปากว่าจะมาร่วมพิธีเปิดการค้าเล็กๆ ที่ไม่มีแม้แต่สินค้าสักชิ้นของเ้า? ล้อกันเล่น?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“อย่าพูดเหลวไหล!”
“มู่หรงลวี่กวงเป็ตัวแทนตำหนักหมาป่าบูรพา โม่ซันซันตำหนักหมาป่าประจิม เฉินเทียนหยวนประมุขพรรค งั้นก็ยังเหลือเ้าตำหนักหมาป่าทักษิณกับเ้าตำหนักหมาป่าอุดรอยู่ไม่ใช่หรือ?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างใคร่รู้
“เ้าตำหนักหมาป่าทักษิณไม่อยู่ในพรรค ข้ามีศิษย์พี่รองช่วยทดแทน ไม่มีปัญหา มันเป็ตัวแทนเ้าตำหนักหมาป่าทักษิณได้! ส่วนเ้าตำหนักหมาป่าอุดร มันเป็ศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ของข้า ข้าทำหน้าที่แทนมันเสียก็สิ้นเื่!” หวังเค่อว่า
กล้ามเนื้อบนใบหน้าจางเจิ้งเต้ากระตุก “เ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ!”
“รีบไป ไปในฐานะผู้าุโเค่อชิงพรรคเทพหมาป่า์ เ้าจะได้ค่าคอมเท่าไหร่ล้วนขึ้นอยู่กับว่าเ้าหน้าหนาได้สักแค่ไหน!” หวังเค่อเร้า
“รู้แล้วๆ! แม่งเอ๊ย หากทำเงินไม่ได้ละก็ คอยดูเถอะว่าข้าจะคิดบัญชีกับเ้าอย่างไร!” จางเจิ้งเต้าขี่กระบี่บินจากไปอย่างรวดเร็ว
