ระยะเวลาสองเดือนของฤดูร้อนผ่านไปไวราวกับโกหก สายลมเย็นในยามเช้าและพลบค่ำเป็สัญญาณต้อนรับการมาของฤดูใบไม้ร่วง คนขี้หนาวทั้งหลายเริ่มสวมเสื้อแขนยาวกันแล้วเรียบร้อย ูเี่อันก็เป็หนึ่งในนั้น แต่เธออดรู้สึกไม่ได้ว่าเมือง A เพิ่งเริ่มต้นฤดูร้อนแท้ๆ ทำไมแป๊บเดียวความหนาวเย็นก็มาเยือนซะแล้ว หรือที่เธอรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้เป็เพราะ่ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไร้กังวลกันนะ
สองเดือนมานี้ เธอเดินทางไปทำงานพร้อมกับลู่เป๋าเหยียนทุกเช้า บางวันไที่เขาต้องทำโอที อาเฉียนก็จะเป็คนมารับเธอกลับบ้าน วันไหนที่เธอรู้สึกว่ากลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ เธอมักจะไปหาลู่เป๋าเหยียนที่บริษัท
ครั้งแรกๆ เขาก็รู้สึกแปลกใจ แต่หลายๆ ครั้งเข้ากลายเป็ว่าเธอเข้าไปในห้องทำงานของเขาได้ราวกับเื่ปกติ ถึงบางครั้งเธอจะแกล้งก่อกวนเขาบ้างแต่เขาก็ไม่เคยโกรธ เขาแค่ใช้น้ำเสียงเหมือนพูดกับเด็กๆ บอกให้เธอไปเล่นกับเลขาที่ด้านนอก
นานวันเข้าเธอก็เริ่มสนิทสนมกับบรรดาเลขาผู้ช่วยของลู่เป๋าเหยียน ถึงขนาดที่พวกเลขากล้าอ้อนเธอ ขอให้เธอไปซื้อขนมเค้กบ้างก็ทาร์ตไข่จากร้านที่อยู่ไม่ไกลมาให้ เธอพบว่าทาร์ตไข่ของร้านนั้นรสชาติไม่เลวเลย ทุกครั้งที่เธอโดนขอให้ไปซื้อจึงไม่อิดออด และเมื่อซื้อกลับมาเธอก็เอาไปให้ลู่เป๋าเหยียนชิม แต่เขาเป็คนไม่ชอบกินของหวาน เธอจึงต้องงัดทุกวิถีทางขึ้นมาหลอกล่อ จนเขาฝืนกินมันไปได้ตั้งครึ่งชิ้น
มีบ้างที่เธอต้องทำงานล่วงเวลา แต่ลู่เป๋าเหยียนก็มักจะรอจนกว่าเธอจะเลิกงานแล้วค่อยมารับ วันไหนที่เขามาเร็ว เขาจะนั่งรอที่โต๊ะทำงานและอ่านสมุดบันทึกของเธอไปพลางๆ เธอเพิ่งมารู้ทีหลังว่าลู่เป๋าเหยียนแอบเขียนคำว่า “ูเี่อัน” ลงบนสมุดบันทึกของเธอเต็มไปหมด
ลายเส้นที่หนักแน่น ทว่ามีการตวัดอย่างอ่อนโยนทำใหู้เี่อันอดถามเขาไม่ได้
“นี่นายรอฉันจนเซ็ง โกรธแค้นฉัน หรือคิดถึงฉันมากกันแน่เนี่ย”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปากก่อนตอบ
“ลองทายดูสิ”
“...”
พวกเธอสวีทหวานจนคนโสดในออฟฟิศเริ่มอิจฉาตาร้อน ก่อนจะบ่นว่าเดิมทีพวกเขาก็อยู่อย่างโสดๆ ได้โดยไม่ทุกข์ร้อน แต่พอมาเห็นเธอกับลู่เป๋าเหยียนแล้วอดอยากจะมีใครสักคนไม่ได้
“งั้นก็หาแฟนซะสิ ยังสาวยังสวยอยู่แท้ๆ จะอยู่เป็โสดไปทำไมล่ะ” ูเี่อันพูดกับพวกเพื่อนร่วมงาน
พวกเพื่อนๆ ต่างพากันบ่นเธอว่า ไม่รู้หรือไงว่าสมัยนี้ผู้ชายดีๆ นั้นหายากขนาดไหน!
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงใกล้มาถึง ข่าวการเดบิวต์ของลั่วเสี่ยวซีก็เริ่มถูกเผยแพร่
มีผู้สนับสนุนอย่าง Lu Media และผู้จัดการชั้นยอดช่วยดูแลงานให้แบบนี้ ไม่นานลั่วเสี่ยวซีก็มีงานแรกเข้ามา ซึ่งเป็งานถ่ายภาพนิ่งของนิตยสารแฟชั่นฉบับหนึ่ง
นิตยสารฉบับนี้ลั่วเสี่ยวซีชอบมากและติดตามมาโดยตลอด ส่วนมากพวกเขาจะใช้แต่นางแบบชั้นแนวหน้าทั้งนั้น ผู้จัดการได้งานนี้มาคงลำบากไม่น้อย เธอกรี๊ดกร๊าดกับูเี่อันผ่านโทรศัพท์ พลางบอกว่าอยากจะฉลองกับเธอ
“ฉันไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสร่วมงานกับ ZuiShiShang! แบบนี้ต้องฉลอง! ”
“ว่าแต่จะฉลองยังไงดี ตอนนี้เธอเองก็ต้องควบคุมอาหาร หรือว่า...จะมาบ้านฉันไหมล่ะ?” ูเี่อันเสนอ
“เอาสิ” ่นี้ลั่วเสี่ยวซีไม่ต้องเทรนหนักเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอไม่ต้องเข้าคลาสอบรมต่างๆ อีกต่อไป เวลาว่างจึงเพิ่มมากขึ้น “เดี๋ยวฉันขับรถไปหา รอแป๊บ!”
ูเี่อันวางสายก่อนจะหยิบกระเป๋าของตนและเดินออกจากสถานีตำรวจ รถของลู่เป๋าเหยียนกำลังจอดรอเธออยู่ที่ด้านหน้า
เธอเปิดประตูเพื่อเข้าไปนั่งในรถ “มาแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
“คืนนี้พวกเสิ่นเยว่ชวนบอกว่าจะมาที่บ้าน” จู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็พูดขึ้นมา
“เอ๋?” ูเี่อันนิ่งไปสักพักก่อนเอ่ย “พวกเขา...จะมากินข้าว?”
เธอกับลู่เป๋าเหยียนแต่งงานกันมาเกินครึ่งปีแล้วก็จริง แต่น้อยครั้งที่พวกเสิ่นเยว่ชวนจะมาหาลู่เป๋าเหยียนที่บ้าน นอกจากมากินข้าวแล้วเธอนึกเื่อื่นไม่ออก
“พวกเขาจะมาใช้ห้องดูหนังที่บ้าน”
ูเี่อันเข้าใจทันที ่นี้ฟุตบอลโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผลการแข่งขันนัดใดออกมาต่างก็เป็ที่ฮือฮาทุกครั้ง พวกผู้ชายที่ออฟฟิศเธอวันๆ เอาแต่คุยกันถึงการแข่งขันนัดเมื่อคืนว่าการทำประตูลูกนั้นสวยมาก บลาๆๆ ขนาดตอนบ่ายเผลอหลับขึ้นมายังละเมอออกมาเลยว่า “เข้าไปแล้ว!”
ท่าทางพวกเสิ่นเยว่ชวนคงจะบ้าฟุตบอลเหมือนกัน คืนนี้พวกเขากะจะดูบอลนัดชิงแชมป์โต้รุ่งเลยสินะ?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอกลับรู้สึกไม่ชินขึ้นมา ที่ผ่านมาในบ้านมีแค่เธอกับลู่เป๋าเหยียน พอจะมีผู้ชายคนอื่นมาอยู่พร้อมกันหลายๆ คนที่บ้านแบบนี้...เธอเลยรู้สึกแปลกๆ
เหมือนลู่เป๋าเหยียนจะดูออกถึงความไม่คุ้นชินนั้นจึงพูดว่า
“พี่ชายเธอก็จะมา”
“พี่ฉัน?” ูเี่อันอึ้ง “เสี่ยวซีก็บอกว่าจะมาเหมือนกัน...”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปาก “งั้นก็พอดีเลยไม่ใช่เหรอ”
“ลู่เป๋าเหยียน ฉันเพิ่งรู้นะว่านายเป็คนแบบนี้...” ูเี่อันอดพูดไม่ได้
ลู่เป๋าเหยียนไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาเลี้ยวรถเข้าเขตหมู่บ้าน
เมื่อถึงบ้านูเี่อันเห็นว่ายังพอมีเวลา ในห้องครัวเองก็มีวัตถุดิบมากพอ จึงบอกให้ลู่เป๋าเหยียนเรียกพวกเสิ่นเยว่ชวนมากินข้าวที่บ้าน เธอจะลงมือทำอาหารให้พวกเขากินเอง
“ทำอาหารสำหรับสี่ห้าคนจะลำบากไปหรือเปล่า” ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “ให้พ่อครัวทำดีไหม”
ูเี่อันทำหน้าสื่อว่าเื่แค่นี้สบายมากก่อนตอบ
“แค่สี่ห้าคนเองไม่เห็นเป็ไรเลย สมัยเรียนที่อเมริกาฉันเคยทำอาหารให้คนเป็สิบคนกินอยู่บ่อยๆ”
ลู่เป๋าเหยียนเห็นเธอดูมั่นใจมากจึงบอกให้ลุงสวีโทรหาเสิ่นเยว่ชวน ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้น
“ฉันช่วย”
ูเี่อันดีใจที่จะมีลูกมือมาช่วย เธอหยิบผักกองใหญ่ให้เขาพลางยิ้มตาหยี
“ขนาดกุ้งเครย์ฟิชนายยังเอาอยู่ งั้นผักพวกนี้ฉันยกให้นาย! ฉันจะบอกพวกเสิ่นเยว่ชวนเองว่าเป็ผลงานของนายทั้งนั้น!”
ลู่เป๋าเหยียนดีดน้ำใส่หน้าูเี่อันไปหลายที เธอยกมือขึ้นบังก่อนจะผลักเขาออกไปอย่างเคืองๆ และหันกลับไปหั่นผักของตัวเองต่อ
เมื่อเสิ่นเยว่ชวนมาถึงเขาก็เห็นลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันกำลังยุ่งอยู่ในครัวด้วยกัน ตาของเขาเบิกกว้างราวกับได้พบเจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ลู่เป๋าเหยียนกำลัง...ล้างผัก...
โอ้ว ชื่อเขาไม่ควรมีกิริยานี้ต่อท้ายเลยด้วยซ้ำ มันช่างขัดแย้ง ช่างเหลือเชื่อ ช่างท้าทายสายตาคนมองเสียเหลือเกิน!
แต่จะว่าไป ภาพตรงหน้าเขาในตอนนี้กลับไม่ขัดหูขัดตาเลยสักนิด...
สนามหญ้าสีเขียวนอกกระจกหน้าต่าง แสงอาทิตย์ยามเย็นสีทองส่องสะท้อนดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งราวกับภาพวาด อีกฟากของหน้าต่างคือภาพของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งและหญิงสาวร่างบางหน้าตาสะสวยที่กำลังช่วยกันเตรียมอาหาร เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างเป็ครั้งคราว ทุกอากัปกิริยาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ทำให้คนมองรู้สึกสงบอย่างประหลาด
บนโลกนี้คงมีเพียงูเี่อันเท่านั้นที่สามารถทำให้ลู่เป๋าเหยียนเป็แบบนี้ได้ ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับเธอ ผอ.ลู่ของพวกเขาทั้งเ็า ไม่พูดไม่จา เคร่งขรึมเด็ดขาดสุดๆ! แต่มาวันนี้ เขาล่ะสงสัยจริงๆ ว่า ถ้าเขาถ่ายรูปลู่เป๋าเหยียนตอนนี้อัพลงในเว็บบอร์ดภายในของบริษัท จะยังมีคนเกรงกลัวเขาอยู่อีกหรือเปล่า
ูเี่อันเป็คนสังเกตเห็นเสิ่นเยว่ชวนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูก่อน เธอจึงยิ้มออกมา
“รออีกครึ่งชั่วโมงก็จะได้กินแล้วล่ะคุณ”
“ครับผม!” เสิ่นเยว่ชวนยืนตัวตรง “ผมขอขอบคุณอาซ้อแทนพวกตะกละพวกนั้นด้วยนะครับ”
มุมปากของูเี่อันแทบจะกระตุก
“คะ...คุณเรียกชื่อฉันดีกว่านะ เรียกอาซ้อเลยมัน...ฉันไม่ชินน่ะ”
“ทำไมล่ะ” เสิ่นเยว่ชวนประท้วง “ที่พวกนั้นเรียกคุณว่าอาซ้อ คุณไม่เห็นว่าอะไรเลย”
“พวกเขาอายุดูไม่ต่างจากฉันเท่าไร ดีไม่ดีอาจจะอ่อนกว่าด้วยซ้ำ” ูเี่อันกระแอมก่อนเอ่ย “แต่คุณแก่..แล้ว”
“...” เสิ่นเยว่ชวนรู้สึกเหมือนโดนธนูปักอก สองวิต่อมาเขาจึงเริ่มโวยวายอย่างไม่พอใจ
“ผมอายุยี่สิบแปด! อายุแค่ยี่สิบแปดเองนะ! อ่อนกว่าสามีคุณตั้งสองปีด้วยซ้ำ!”
ูเี่อันยิ้มอย่างใสซื่อ “ฉันรู้ว่าคุณอายุยี่สิบแปด แค่ดูก็รู้แล้วค่ะ”
เสิ่นเยว่ชวนลูบหน้าตัวเอง “แล้วคุณยังจะมาหาว่าผมแก่ คนที่อยู่ข้างคุณแก่กว่าผมอีกนะ!”
“ก็จริง” ูเี่อันโยนเฉาก๊วยลงในหม้อสองเม็ดก่อนเอ่ย “แต่เขาดูเหมือนคนอายุแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหกเองนี่คะ...”
เปรี้ยง! เสิ่นเยว่ชวนรู้สึกเหมือนตัวเองโดนฟ้าผ่า
ลู่เป๋าเหยียนที่กำลังล้างผักสดอย่างพิถีพิถัน ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดอย่างช้าๆ
“เสิ่นเยว่ชวน ไสหัวไป”
“...” ชายผู้ถูกทำร้ายอย่างเสิ่นเยว่ชวนจึงไสหัวไปพร้อมคราบน้ำตา
ซูอี้เฉิงมาถึงตอนที่อาหารทั้งหมดถูกยกมาวางไว้เต็มโต๊ะพอดี นอกจากเสิ่นเยว่ชวนและมู่ซือเจวี๋ยทีู่เี่อันค่อนข้างคุ้นเคยดีอยู่แล้ว คนอื่นที่เหลือเธอไม่เคยคุยด้วยก็จริง แต่เคยเจอพวกเขาแล้วที่งานเลี้ยงครบรอบ หนึ่งในนั้นมีหัวหน้าทีม “บอดี้การ์ด” ที่ลู่เป๋าเหยียนเคยแนะนำให้เธอรู้จักอยู่ด้วย
แต่ที่บังเอิญสุดๆ ก็คือ ลั่วเสี่ยวซีก็มาถึงเวลานี้พอดี เห็นคนมากมายพร้อมหน้ากันแบบนี้ เธอจึงเผลอสบถออกมา
“นัดรวมตัวกินข้าวกันเหรอ?” เมื่อเห็นเสิ่นเยว่ชวน เธอจึงเดินไปตบไหล่เขาเบาๆ “นายก็อยู่เหรอเนี่ย”
มีเพียงลู่เป๋าเหยียนเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของซูอี้เฉิงดูเย็นเยียบทันที เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันใด ก่อนจะกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับูเี่อัน เธอ “อ้อ” ตอบกลับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะลากลั่วเสี่ยวซีให้เข้าไปในห้องเก็บไวน์
“ว้าว...” ลั่วเสี่ยวซีกวาดตาไปยังขวดไวน์ที่วางอยู่บนชั้น “บอสลู่ของเธอนี่รวยเป็บ้า! บ่อเงินบ่อทองชัดๆ!”
ูเี่อันหยิบไวน์สองขวดยัดใส่มือลั่วเสี่ยวซี ก่อนจะหยิบเหล้านอกอีกสองขวด
“ขึ้นไปกันเถอะ”
เมื่อกลับมาที่ห้องอาหาร ลั่วเสี่ยวซีถึงสังเกตเห็นว่าซูอี้เฉิงเองก็อยู่ที่นี่ เธอตาโตอย่างคาดไม่ถึง
“นายมาอยู่นี่ได้ไง”
ซูอี้เฉิงยังไม่ทันจะตอบ เสิ่นเยว่ชวนก็แย่งพูดขึ้นมา
“คืนนี้มีฟุตบอลโลกนัดชิงระหว่างเยอรมนีกับอาร์เจนตินา พวกฉันมาขอยืมใช้ห้องดูหนังของท่านผอ.ลู่น่ะ ทั้งภาพและเสียงไม่ต่างจากดูข้างสนามเลยนะ เป็ไง สนใจร่วมวงด้วยไหม?”
ฟุตบอลโลกครั้งก่อนๆ ลั่วเสี่ยวซีก็ไม่เคยพลาด แต่ปีนี้เพราะผู้จัดการสั่งห้ามไม่ให้เธอนอนดึก อีกทั้งการเทรนก็โหดจนเธอเพลียเกินกว่าจะเจียดเวลามาสนใจเื่นี้ แต่คืนนี้รอบชิงเลยนะ!
“นัดชิงแบบนี้ให้ตายฉันก็ไม่ยอมดูย้อนหลังเด็ดขาด!” ลั่วเสี่ยวซีตัดสินใจแล้ว “ฉันจะดูด้วย!”
ซูอี้เฉิงขมวดคิ้ว “ตีสี่ถึงจะถ่ายทอดสด เธอจะดูทำไม กินข้าวเสร็จก็กลับบ้านซะ!”
“เหอะ นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
เสิ่นเยว่ชวนยิ้มก่อนพูดเสริม “นั่นสิ ซูอี้เฉิง นายไม่ได้เป็อะไรกับเสี่ยวซีสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เธอกลับบ้าน?”
เขาจงใจ เขาตั้งใจพูดแบบนั้นเองล่ะ~
สีหน้าซูอี้เฉิงเริ่มไม่สู้ดี ตอนนั้นเองลู่เป๋าเหยียนจึงเอ่ยปากบอกให้พวกเขานั่งลงกินข้าวเสียที ูเี่อันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างเขา ส่วนลั่วเสี่ยวซีก็มานั่งติดกับเธอ
คราวนี้ทำให้ลั่วเสี่ยวซียิ่งนั่งห่างจากซูอี้เฉิง แถมเป็ตำแหน่งตรงข้ามกับเสิ่นเยว่ชวนพอดี เธอกับเสิ่นเยว่ชวนจึงได้คุยกันมากขึ้น ูเี่อันถามอย่างข้องใจ
“พวกเธอสนิทกันขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร”
ถ้าเธอจำไม่ผิด ลั่วเสี่ยวซีกับเสิ่นเยว่ชวนเพิ่งเจอกันครั้งแรกตอนที่ไปเล่นเทนนิสไม่ใช่เหรอ?
“เธอไม่รู้เหรอ? เขาไม่ได้เป็แค่ผู้ช่วยของบอสลู่นะ แต่ยังเป็ไดเรกเตอร์ของ Lu Media ด้วยนะ” ลั่วเสี่ยวซีอธิบาย “่นี้เราเจอกันบ่อยที่บริษัทน่ะ คุยไปคุยมาเลยซี้กันแบบที่เห็นนี่แหละ”
ูเี่อันแอบมองพี่ชายของตน เขากำลังคุยกับคนข้างๆ ไม่ได้สนใจลั่วเสี่ยวซีสักนิด ราวกับว่าสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อครู่เป็แค่เื่เข้าใจผิด
“เสี่ยวซี...” ูเี่อันพูดเสียงเบา “เธอกับเสิ่นเยว่ชวนอย่าสนิทกันมากไปเลยดีกว่า เขา...”
“เธอคิดว่าเขาจะจีบฉัน?” ลั่วเสี่ยวซีหลุดหัวเราะพรืดออกมา “สาวน้อย ช่างไร้เดียงสาจริงๆ ฉันไม่ใช่สเปคของเสิ่นเยว่ชวนหรอก เขาเองก็ไม่ใช่สเปคฉัน พวกเราเป็เพื่อนกันได้ แต่ถ้าจะให้เป็แฟนกันคงเป็ไปไม่ได้ อีกอย่าง เสิ่นเยว่ชวนขาดสาวๆ เสียที่ไหน นางสนมของเขามีเป็ร้อยเป็พัน”
