ดื่มสุราเล่นทายหมัดใต้แสงจันทร์ น่าจะเป็่เวลาที่มีความสุขและอิสระที่สุดั้แ่ออกเรือนมาของเยวี่ยเจาหรานกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้วกระมัง อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ทุกวันต้องคอยระวังกับเื่เล็กน้อยอยู่ตลอด ต้องคอยแสดงบทบาทของตนให้ดีเพื่อไม่ให้ถูกใครจับพิรุธได้ แต่ในค่ำคืนนี้ ทั้งสองคนที่ดื่มจนเริ่มมึนเมากลับสามารถลืมเื่วุ่นวายเ่าั้ไว้ข้างหลังได้ชั่วคราว แล้วเป็ตัวของตัวเองอย่างแท้จริงได้สักครั้ง
โชคดีที่สายลับที่สวี่ชิวเยวี่ยส่งมานั้นล้วนเป็คนหน้าไม่คุ้น ยามปกติจึงถูกสั่งไม่ให้เข้าใกล้มากเกินไปเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ดังนั้นคืนนี้เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะพูดอะไร พวกเขาก็ล้วนได้ยินไม่ชัดเจน และทำได้เพียงอยู่ไกลๆ คอยคาดคะเนจากการเคลื่อนไหวท่าทางะโโลดเต้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างพวกเขาทั้งสอง
ผลลัพธ์เช่นนั้นก็คือในคืนนั้นสวี่ชิวเยวี่ยก็ได้รับกระดาษข้อความเล็กๆ ที่สายลับของตนส่งกลับมา ้านั้นเขียนว่า พลบค่ำคืนฤดูร้อน คุณชายกับฮูหยินน้อยแลกจอกใต้แสงจันทร์ ยามสุขลิงโลดออกนอกหน้าเกินควร
สวี่ชิวเยวี่ยที่โมโหโกรธาพลันฉีกทึ้งกระดาษข้อความ ทั้งยกมือปัดเครื่องชุดน้ำชาหยกขาวลายครามแตกเพล้งไปหนึ่งในสามส่วน พื้นในห้องนั้นเต็มไปด้วยเศษเครื่องเคลือบ โชคดีที่สาวใช้ข้างกายเสี่ยงตายดึงมือเล็กที่อยู่ไม่สุขของสวี่ชิวเยวี่ยเอาไว้ หลังจากโน้มน้าวอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงฝืนใจอดกลั้นความคิดชั่วแล่นที่จะทุบทำลายส่วนที่ยังเหลืออยู่สองในสามเอาไว้...
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานที่ดื่มไปมากแล้วก็ได้เข้าสู่สภาวะ ‘คนพูดมาก’ ไม่ว่าจะเื่ดีเื่ร้าย ขอแค่นึกขึ้นมาได้ก็จะพูดออกมาหมดสิ้น ฝั่งนี้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเล่าว่าตอนยังเด็กถูกแม่ทัพเยี่ยน พ่อผู้ไร้ความรับผิดชอบนั่นพาไปโยนทิ้งไว้ที่สนามฝึก จนเกือบจะถูกหอกพู่แดงที่พุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้แทงเข้าที่คอเสียแล้ว อีกฝั่ง เยวี่ยเจาหรานก็แสดงท่าทางไม่พอใจยิ่ง เล่าว่าพ่อก็เคยขังเขาไว้ในห้องหนังสือลับ เพราะท่องหนังสือมากเกินไปไม่กินไม่นอน โมโหว่าทำเสียงเอะอะสองวันหนึ่งคืนโดยไร้สำนึก!
เยวี่ยเจาหรานกู่ร้องขึ้นไปบนท้องฟ้า หยิบเอาความหวาดกลัวในวัยเด็กที่มีต่อบิดา ‘ผู้ชั่วร้าย’ ของตนขึ้นมาและสาปแช่งอย่างขุ่นเคือง “หากไม่ใช่เพราะเด็กรับใช้ที่มาเก็บของเจอข้าเข้า ตอนนี้คงไม่มีใครมาเป็ภรรยาให้เ้าแล้ว”
ถึงแม้คำพูดนั้นจะฟังดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อย ทว่าถึงอย่างไรก็ยังนับว่ายังคิดถึงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอยู่ ครั้งนี้ไม่ขาดทุน ไม่ขาดทุน
หลังจากสิ้นเสียงของเยวี่ยเจาหราน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็หัวเราะจนหงายท้อง หากใครไม่รู้คงนึกว่าโดนหนังยางดึงคอไปแล้ว ไม่เช่นนั้นอึดใจถัดมาคงจะคอหักเพราะแหงนหน้ามากเกินไป!
“หัวเราะ หัวเราะเข้าไป เอาแต่หัวเราะอยู่นั่น!” เยวี่ยเจาหรานที่ดื่มจนเมามายเองก็พอใจเล็กน้อย ในมือถือขวดเหล้าเล็กๆ ขวดหนึ่ง กระแทกลงบนโต๊ะเบาๆ ดังเคร้ง เตือนสติเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ให้ตั้งใจฟังที่ตนเองพูดหน่อย “เ้านี่นะ เอาแต่หัวเราะอยู่นั่น หากไม่ใช่เพราะตอนเด็กๆ ข้าผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้วละก็ จะสามารถอยู่ในบ้านเ้ามาจนตอนนี้ได้หรือ? น่ากลัวว่าเพิ่งจะวันที่สองก็คงถูกสตรีคู่นั้นจัดการส่งไปแดนสุขาวดีแล้ว!”
“เอ๊ะ เยวี่ยเจาหราน คำพูดนั้นของเ้าแสลงหูข้านัก!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคิ้วขมวด รู้สึกว่าเื่นี้ไม่ธรรมดา นางรีบยั้งเยวี่ยเจาหรานเอาไว้อย่างสง่าน่ายำเกรงยิ่ง สื่อว่า ‘ถ้าเ้ายังพูดอีกเดี๋ยวจะโดนสั่งสอน’ “เหตุใดในสายตาเ้า จวนเยี่ยนของข้า... เอิ๊ก...”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่อาจทนได้ นางเรอเหล้าออกมา กระแอมเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยต่อ “จวนเยี่ยนของข้าในสายตาเ้า มันเป็ถ้ำ… ถ้ำเสือบึงัหรืออย่างไร! ที่ ที่ ที่จะไปแล้วไม่ได้กลับ?”
ว่าไปแล้วก็น่าแปลก ทั้งสองคนต่างเมาแทบหัวราน้ำ พูดจาก็ไม่ชัดคำ ลื่นไหลไปทั้งนั้นทีทางนี้ทีหาแก่นสารไม่ได้ แต่กลับน่าฉงนที่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายรู้เื่เสียอย่างนั้น คงจะเป็ลิขิต เป็ชะตาที่กำหนดไว้ให้พวกเขาทั้งสองมีโชคชะตาเกี่ยวพันกันโดยไม่อาจหลีกหนีพ้น
“ก็ใช่น่ะสิ?” เยวี่ยเจาหรานเบิกตากว้าง ปิ่นช่อดอกไม้ประดับผมข้างขมับของเขาหายไปเล็กน้อย เขาก้มลงมองก็เห็นว่าสิ่งที่ส่องแสงประกายอยู่ในเงามืดยามค่ำคืนนั้น ก็คือปิ่นพู่ระย้าประดับผมชิ้นเล็กของเขาเอง...
ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย กำลังหมกมุ่นอยู่ในความสะใจที่ได้จิกกัดฮูหยินเยี่ยนและสวี่ชิวเยวี่ย สมาชิกทีมชาติศึกในจวนทั้งสองคนนั้น “สวี่ชิวเยวี่ยผู้นั้นของพวกเ้า แถม แถมยังแม่ของเ้าอีก ใครรับมือได้ง่ายๆ บ้าง?! หากไม่ใช่ข้า ที่ ที่ ที่ฝีมือเหลือล้น... มี มีพร์! จะถอยตัวออกมาจากมหาาศึกในจวนนี้ได้อย่างไร???”
ถอยตัวออกมา? มันคำศัพท์อะไรกันล่ะนั่น! เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลอกตา ยกมือขึ้นตบเยวี่ยเจาหรานทีหนึ่ง น่าเสียดายที่นางเมามายอย่างหนัก ความสามารถในการกะระยะทิศทางและความสมดุลจึงลดลงอย่างมาก นางทำได้เพียงตีไปโดนไหล่ของเยวี่ยเจาหรานเท่านั้น
“ลูกพี่ ถอย ถอยตัวอะไร ออกอะไรมา? เขา… เขาเรียกว่าถอนตัวออกมา!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหัวเราะเซ่อซ่าไปด้วย และไม่ลืมเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “อยู่กับข้านานเข้า ภาษาราชการมีมารยาทเ้าก็… ก็พูดไม่รู้เื่แล้วฮ่าๆๆๆ”
เยวี่ยเจาหรานเองก็อาจจะเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาเช่นกัน เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างเชื่องช้า ถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “นี่ข้า ข้าพูดผิดหรือ?! ไม่ไม่ไม่... ไม่มีทาง! ข้าก็แค่อยากให้คนทึ่มอย่างเ้าเข้าใจง่ายๆ ต่างหากเล่า ให้เข้าใจง่ายๆ น่ะ...”
“ช่างมันเถอะน่า เ้า… เ้าก็แค่ดื่มมากไป...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแหงนหน้ากระดกสุราอึกสุดท้ายในไหลงไป ความร้อนผ่าวในลำคอ พาให้นางอุทานขึ้นมาเสียงดัง “ดี! สุราเลิศ!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วลุกพรวดขึ้นมา แทบจะะโขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ เพียงแต่น่าเสียดายที่ยามนี้สายตาของนางเองก็พร่าเลือน สมองก็พร่ามัว โงนเงนง่อนแง่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังไม่สามารถ ‘ปีนขึ้นไปถึงยอด’ อย่างราบรื่นได้ สุดท้ายนางจึงโยนไหเหล้าที่ว่างเปล่าทิ้งไป แล้วชี้ไปที่ม้านั่งหินที่ว่างเปล่าตรงหน้า “ในเมื่อเ้า อัดอั้นอยู่ในจวนเยี่ยนนัก ก็ใช้โอกาสที่ข้าหยุดพัก พวกเราออกไปเที่ยวเล่นให้สนุกกัน!”
เยวี่ยเจาหรานมองไปยังทิศทางที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วชี้ไปอย่างอึ้งตะลึงงัน ผ่านไปพักหนึ่ง ตนเองก็ยิ้มแหยๆ ขึ้นตามไปด้วย “เ้า เ้าพูดกับใครกันน่ะ ม้าหินมันไปเที่ยวเล่นกับเ้าไม่ได้เสียหน่อย...” พูดเช่นนั้นแล้วจึงดึงนิ้วของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วให้ชี้มายังตนเองอย่างเป็ขั้นเป็ตอน เพื่อไม่ให้ตอนที่พบว่าตนกำลังเมาปลิ้นแล้วยอมรับไม่ได้ขึ้นมาชั่ววูบ จนก่อโศกนาฏกรรมคว้านท้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนอะไรเช่นนั้นขึ้นมา
“ไอ้หยา ได้ได้ได้! ไม่ต้องสนว่ามันเป็ม้าหิน ม้าไม้ จะโต๊ะสูง ม้านั่งต่ำ… มันก็ไม้ทั้งนั้นแหละ! สุขใจทั้งนั้น! สุขใจทั้งนั้น!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพูดพร่ำเพรื่อ แล้วหัวเราะอย่างเซ่อซ่า แต่เมื่อผ่านไปพักหนึ่งกลับดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ นางเบ้ปากอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม “บนโลกใบนี้ ใครจะไปมีชีวิตง่ายดายกัน... ข้ายังมีบทประพันธ์ไม่ได้ท่องเลย ไอ้นั่นน่ะ กุ๋ย… กุ๋ยอะไรนะ...”
พูดไปพูดมา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะ นางใช้มือแงะลวดลายบนโต๊ะหิน พลางเริ่มท่องไปเรื่อยเปื่อยขึ้นมาอีกครั้ง เยวี่ยเจาหรานก้มตัวลงมาฟังอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังหมกมุ่น และปากที่พล่ามไม่หยุดนั้นก็คือบทตอนกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่งนั่นเอง!
เยวี่ยเจาหรานที่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ฉุดดึงเสื้อผ้าของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วให้นางลุกขึ้นมานั่ง แล้วจึงเอ่ยปลอบนาง “พอ พอแล้ว ไม่ต้องท่องแล้ว ยากลำบากกว่าจะได้หยุดสองวัน ยัง ยังจะมีกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่งอีก! นี่เ้าคงจะเสพติดแล้วสิ...”
“ข้าน่ะ! แท้จริงแล้วควรจะเป็แม่ทัพออกรบฆ่าศัตรู ยามนี้กลับต้องมาถูกบทประพันธ์คร่ำครึพวกนี้มาสกัด… สกัดหนทางเอาไว้! ์ริษยาผู้มากสามารถ! ์ริษยาผู้มากสามารถชัดๆ !” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันลุกขึ้นยืนกะทันหัน แหงนหน้ากู่ร้องขึ้นฟ้า ทำเอาเยวี่ยเจาหรานใจนเกือบจะโยนไหเหล้าที่ยังเหลืออยู่ครึ่งไหในมือทิ้งไป...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้