เย่ชิงหานไม่รู้ว่าภายนอกเกิดเื่ราวใหญ่โตขึ้นกี่เื่ ยิ่งไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้ตนเองถูกขังอยู่ในกรงขังเครือเถาวัลย์นี้นานเท่าใดแล้ว
เขารู้แค่เพียงว่าเขาเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาไปสองครั้งแล้ว และได้แตกขยายสามสิบแปดกระบวนท่าเย่หวงจนกลายเป็สี่สิบเก้ากระบวนท่าเย่หวงเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถทำลายกรงขังเครือเถาวัลย์นี้ออกไปได้อยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแตกขยายจนถึงกระบวนท่าที่สี่สิบเก้าคล้ายกับว่าได้มาถึงขีดจำกัดของกระบวนท่าแล้ว เย่ชิงหานทำการทดลองอยู่เนิ่นนานก็ไม่สามารถที่จะแตกขยายเพิ่มออกมาได้อีกแม้แต่กระบวนท่าเดียว กระบวนท่าใหม่ที่แตกขยายออกมาพลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง และเขาชำนาญถึงระดับขั้นสามารถใช้กระบวนท่าออกมาในคราเดียวได้หมดทั้งสี่สิบเก้ากระบวนท่า อีกทั้งยังสามารถใช้พลังแสงคมมีดทั้งสี่สิบเก้าสายห่อหุ้มทั่วร่างกายทั้งสี่ทิศแปดด้านเอาไว้โดยไม่เหลือช่องว่างให้โจมตีเข้ามาได้
แต่ว่าแม้พลังแสงคมมีดจะมีมากมาย กระบวนท่าจะมีหลากหลาย แต่อานุภาพทำลายล้างกลับมีอยู่เพียงไม่เท่าไร ยังคงห่างไกลจากระดับที่จะสามารถทำลายกรงขังเครือเถาวัลย์เพื่อเอาตัวเองออกไปได้
“ถึงขีดจำกัดแล้วอย่างนั้นรึ? เท่าที่ดูก็น่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว เพียงแต่...ทำไมอานุภาพทำลายล้างของกระบวนท่าถึงไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาลอย่างที่ควรจะเป็ล่ะ? ถ้าเป็เช่นนี้ต่อไปจะทำลายกรงขังเครือเถาวัลย์นี้ออกไปได้อย่างไร?”
เย่ชิงหานลืมตาขึ้นแล้วหยุดการฝึกฝนลง สายตามองดูสนามพลังที่เปล่งประกายแสงสีเขียวอ่อนอยู่รอบกาย และมองดูเครือเถาวัลย์ที่ดูราวกับเส้นใยเหล็กกล้าที่อยู่ภายนอกสนามพลัง
“เสี่ยวเฮย ออกมาเถอะ เฮ้อ...ข้าควรจะทำอย่างไรดี? พวกเราติดอยู่ในด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเานี้นานเท่าไรแล้ว?”
เขาเรียกเสี่ยวเฮยออกมา จากนั้นทำการควบคุมสนามพลังเพื่อไม่ให้เสี่ยวเฮยได้รับผลกระทบเมื่ออยู่ภายในเพื่อให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“ลูกพี่ ท่านอย่าเพิ่งท้อพวกเรายังพอมีเวลา ด่านแรกดินแดนแห่งภาพลวงตาพวกเราติดอยู่ที่นั่นเป็เวลาแปดเดือน ด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาจนถึงตอนนี้พวกเราน่าจะติดอยู่เป็เวลาปีกว่าได้แล้วกระมัง!” เสี่ยวเฮยหลังจากถูกเรียกออกมารีบะโเข้าไปในอ้อมอกของเย่ชิงหานโดยทันที ดวงตาคู่ดำมันขลับแวววาวของมันก็เริ่มหม่นหมองไร้ชีวิตชีวาเช่นเดียวกัน แล้วจึงส่งกระแสเสียงบอกแก่เย่ชิงหาน
เย่ชิงหานและมันติดอยู่ที่ด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาในมิติคู่ขนานด่านแรกที่เป็ทะเลทรายใช้เวลาไปครึ่งปี และต่อมามิติคู่ขนานด่านป่าไม้แห่งนี้ติดอยู่เป็เวลากว่าเจ็ดแปดเดือนแล้ว ในระหว่างนี้มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เสี่ยวเฮยคิดว่าอาศัยฟันเขี้ยวที่แหลมคมของตนเองน่าจะทำลายกรงขังเครือเถาวัลย์นี้ออกไปได้มันจึงกระโจนออกไปลองดู
เพียงแต่...แม้ฟันเขี้ยวของมันจะแหลมคมและแข็งแกร่งทนทานสามารถกัดเครือเถาวัลย์ให้ขาดได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าเมื่อมันเข้าไปใกล้ก็จะถูกเครือเถาวัลย์จากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านพุ่งเข้ามารุมรัดมันเอาไว้จนกลายเป็บ๊ะจ่างเนื้อที่ถูกห่ออยู่ภายใน สุดท้ายได้รับการช่วยเหลือจากเย่ชิงหานถึงได้ถอยกลับออกมาได้
อยู่ที่นี่ตอนนี้ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ต้องรอดูว่าเย่ชิงหานจะค้นพบอะไรหรือไม่ที่สามารถเพิ่มอานุภาพพลังการโจมตีให้สูงขึ้นอีกสักหนึ่งเท่าตัว เพื่อที่ว่าทำการฟันพลังแสงคมมีดออกไปสักชุดหนึ่งก็สามารถทำลายเครือเถาวัลย์ให้ะเิแตกออกจากกันเป็รูกว้าง หาไม่แล้วละก็ คงไม่มีทางออกไปจากกรงขังเครือเถาวัลย์นี้ได้แน่
เพียงแต่ว่าเย่ชิงหานใช้เป็แค่เพียงเคล็ดวิชาต่อสู้นี้เพียงวิชาเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้สึกเหมือนว่าจะฝึกฝนจนมาถึงขีดจำกัดของวิชาแล้วด้วย แต่อานุภาพพลังทำลายล้างกลับไม่สูงเท่าที่ควร ดังนั้นจึงทำให้เย่ชิงหานและเสี่ยวเฮยรู้สึกหมดแรงและท้อแท้
.................................
“เฮ้อ...เครือเถาวัลย์พวกนี้พันเกี่ยวเข้าหากันไปมาเส้นแล้วเส้นเล่าจนทำให้พลังป้องกันแข็งแกร่งทนทานอย่างถึงที่สุด หากสามารถฟันออกไปกระบวนท่าเดียวแล้วทำให้เครือเถาวัลย์ขาดสะบั้นออกจากกันได้คงจะดีไม่น้อย! ถ้าเป็อย่างนั้นพวกเราก็จะสามารถค่อยๆ ทะลวงฝ่าออกไปได้ ข้าเริ่มคิดถึงรสชาติของเนื้อย่างขึ้นมาแล้ว!”
เสี่ยวเฮยนอนหมอบอยู่ภายในอ้อมอกของเย่ชิงหานอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาเล็กๆ สีดำที่อยู่บนหัวของมันดันถูไถไปมากับแขนของเย่ชิงหานไปมาพร้อมกับทำการส่งกระแสเสียงพูดบ่นออกมาเรื่อยเปื่อย
เย่ชิงหานไม่ได้พูดตอบคำของมัน ทำเพียงแหงนหน้าเหม่อมองเครือเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวเข้าหากันอย่างหนาแน่นราวกับแหดักปลาฉันนั้น
ทันใดนั้น...เหมือนเขาจะคิดอะไรได้ใบหน้าพลันปรากฏแสงแห่งความยินดีขึ้นมาครั้งหนึ่ง ดวงตาทอประกายเจิดจ้าจนน่าใ หลังจากนั้นไม่นานเขาพลันเปล่งเสียงออกมาโดยฉับพลัน น้ำเสียงฟังดูรีบร้อนและตื่นเต้นดีใจ
“เดี๋ยวๆ... เสี่ยวเฮย เมื่อสักครู่เ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“เอ่อออ...ข้าพูดว่า ข้าคิดถึงรสชาติของเนื้อย่าง!” เสี่ยวเฮยยืดตัวขึ้นอย่างงงๆ กะพริบตาปริบๆ มองดูเย่ชิงหาน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องตื่นเต้นดีใจถึงเพียงนี้ แค่ได้ยินคำว่าเนื้อย่างเท่านั้น?
“ไม่ใช่ ประโยคก่อนหน้า ประโยคแรกก่อนหน้าเ้าพูดว่าอย่างไร?” เย่ชิงหานดูตื่นเต้นดีใจเป็อย่างมาก ทั่วทั้งร่างเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยความรีบร้อน
เสี่ยวเฮยยิ่งมึนงงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ใช้อุ้งเท้าถูหน้าของตนเองไปมาแล้วทำการส่งกระแสเสียง “ข้าไม่ได้พูดอะไร ข้าพูดแค่ว่าเครือเถาวัลย์พวกนี้พันเกี่ยวเข้าด้วยกันเส้นแล้วเส้นเล่าจนทำให้อานุภาพของพลังป้องกันแข็งแกร่งทนทานเป็อย่างมาก ทำไมรึลูกพี่ข้าพูดอะไรผิดอย่างนั้นรึ?”
“ฮ่า...พันเกี่ยวเข้าด้วยกัน เส้นหนึ่งติดแน่นเข้ากับอีกเส้น ร่างแห! ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ! ใช่...ต้องใช่อย่างแน่นอน! ต้องเป็อย่างนี้ไม่ผิดแน่ๆ!” เย่ชิงหานพลันแหกปากหัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง จากนั้นไม่สนใจถามความสมัครใจของเสี่ยวเฮยแต่อย่างใดบังคับเรียกมันกลับเข้าไปภายในมิติสัตว์อสูรโดยทันที ต่อมาจึงดึงกริชออกมาแล้วเริ่มฝึกฝนสี่สิบเก้ากระบวนท่าเย่หวงขึ้นในทันที
พันเกี่ยวเข้าด้วยกัน?
ผสานกัน?
ร่างแห?
ดวงตาของเย่ชิงหานปรากฏแสงแหลมคมออกมาอยู่เนืองๆ จับจ้องมองดูคลื่นพลังที่พวยพุ่งออกมาจากตัวกริชพร้อมกับจับััถึงคลื่นพลังที่พวยพุ่งออกมาจากทิศทางการเคลื่อนไหวของทั้งสี่สิบเก้ากระบวนท่าที่ใช้ออกมา
กริชัเขียวที่อยู่ในมือร่ายรำกระบวนท่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของเขามองเห็นคลื่นพลังที่พวยพุ่งออกมาตามกระบวนท่ารู้สึกคล้ายกับว่าได้มองเห็นัเพลิงสี่สิบเก้าตัวพลิกร่างเริงระบำไปมาอยู่กลางอากาศฉันนั้น จากนั้นเขามองเห็นัเพลิงเริ่มพันเข้าหากันเป็คู่ๆ ขึ้น จนสุดท้ายทั้งสี่สิบเก้าตัวผสานเข้าด้วยกันกลายเป็ัเพลิงยี่สิบห้าตัวที่อวบใหญ่ล่ำสันขึ้นกว่าเดิม
เขายังควงกริชปล่อยคลื่นพลังคมมีดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาในครั้งนี้กลับมีเพียงแค่ยี่สิบห้าสาย ต่อจากนั้นคลื่นพลังคมมีดทั้งยี่สิบห้าสายเริ่มพันเกี่ยวเข้าหากันเป็คู่ๆ และผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็สิบสามสาย
คลื่นพลังคมมีดัเพลิงทั้งสิบสามสายพันเกี่ยวเข้าด้วยกัน ผสานกันกลายเป็เจ็ดสาย
เจ็ดสายกลายเป็สามสาย...
จนสุดท้ายสามสายกลายเป็หนึ่งสาย
.................................
ทีแรกตอนที่ถูกเย่ชิงหานบังคับเรียกกลับเข้ามาภายในมิติสัตว์อสูร เสี่ยวเฮยรู้สึกประหลาดใจและน้อยใจ เย่ชิงหานปฏิบัติกับมันเป็อย่างดีมาตลอดไม่เคยบีบบังคับฝืนใจอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อน แม้ว่ามันจะอยู่ภายในมิติสัตว์อสูรแต่ก็สามารถอาศัยการรับรู้ทางิญญาที่เชื่อมต่อกับเย่ชิงหานมองเห็นในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ได้ เห็นเช่นนั้นมันจึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาได้บ้าง
คงเป็เพราะเย่ชิงหานคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างฉับพลันจึงรีบทำการฝึกฝนขึ้นโดยทันที
สภาวะเช่นนี้มันรู้จักเรียกกันว่าการเข้าใจโดยฉับพลัน สภาวะการเข้าใจโดยฉับพลันสามารถพบเจอได้แต่ไม่สามารถเรียกร้องเอามาได้ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ส่งเสียงออกมาทำเพียงคอยสังเกตการณ์สถานการณ์ภายนอกอยู่เงียบๆ ภายในมิติสัตว์อสูรเท่านั้น
มันมองเห็นเย่ชิงหานควงกริชปล่อยคลื่นพลังคมมีดออกมานับไม่ถ้วน คลื่นพลังคมมีดเหล่านี้กลับไม่ได้ทะลุผ่านสนามพลังโจมตีออกไปใส่เครือเถาวัลย์ที่อยู่ภายนอกแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับล่องลอยไปมาอยู่ภายในสนามพลัง
เพียงแต่...หลังจากผ่านได้สักพัก มันรู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกเกิดขึ้น คลื่นพลังคมมีดยิ่งนานยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ สี่สิบเก้าสาย ยี่สิบห้าสาย สิบสามสาย เจ็ดสาย... หนึ่งสาย และสุดท้ายเลือนหายไปทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ทำไมลูกพี่ถึงหยุดการฝึกฝนพร้อมทั้งหลับตาลงด้วย?
หยุดการฝึกฝนและหลับตาลงนี่ยังไม่ถือว่าเป็ปัญหาอะไรมาก
แต่ที่เป็ปัญหาก็คือ ลูกพี่พลันสลายสนามพลังออกไปจนหมดสิ้น?
นับั้แ่วินาทีที่เย่ชิงหานหลับตาลงและสลายสนามพลังออกไป เครือเถาวัลย์ที่เคยอยู่ด้านนอกสนามพลังราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกปลดโซ่ตรวนออกไปฉันนั้น พวกมันที่อยู่ทั้งสี่ทิศแปดด้านโดยรอบเริ่มเลื้อยเข้ามาหาเย่ชิงหานอย่างรวดเร็วดุจดั่งอสรพิษร้ายพุ่งเข้าหาเหยื่อ
“ลูกพี่...”
เสี่ยวเฮยสะดุ้งใขึ้นอย่างใหญ่หลวง นี่มันใช่เื่เล่นๆ เสียที่ไหนกัน ถ้าหากถูกเครือเถาวัลย์พวกนี้รัดเอาไว้ละก็ เย่ชิงหานแม้แต่คิดที่จะขยับเขยื้อนคงไม่สามารถจะทำได้อีก ถึงตอนนั้นคงได้จบเห่กันจริงๆ ดังนั้นมันจึงรีบส่งกระแสเสียงออกไปอย่างร้อนรนเพื่อเตือนเย่ชิงหานให้รีบกางสนามพลังออกมาให้เร็วที่สุด...
เพียงแต่ กระแสเสียงที่มันส่งไปยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคเย่ชิงหานพลันลืมตาขึ้น มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องแฝงความชั่วร้ายนิดๆ ออกมา กริชที่อยู่ในมือค่อยๆ ยกขึ้น พลังแสงคมมีดค่อยๆ ผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นที่ตัวกริช จากนั้นเขาสะบัดมือฟันออกไปด้วยลักษณะท่าทางง่ายๆ สบายๆ ครั้งหนึ่ง
“หนึ่งกระบวนท่าเย่หวง ท่าตัดแยกทลายโลกา!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้