“ครืน”
กระบี่ยาวในมือหยวนจุนแผ่คลื่นพลังออกมามากขึ้น ซึ่งในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ทำให้แสงสว่างบนตัวกระบี่ขาวเด่นชัดเป็พิเศษ
“ฟ้าว”
หยวนจุนมองไปยังฝูงหมาป่าอ่อนแอที่อยู่ด้านหน้าทางซ้าย จากนั้นจึงเหวี่ยงปราณกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวอันทรงพลังออกไป เมื่อฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ถูกโจมตีด้วยปราณกระบี่อย่างต่อเนื่อง พวกมันก็ะเิออกมาจนกลายเป็ละอองเื
เมื่อนักยุทธ์เ่าั้ได้กลิ่นคาวเืคละคลุ้งในอากาศ พวกเขาก็รู้สึกเย็นะเืขึ้นมาในทันที
บุรุษที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยผู้นี้ สามารถสังหารสัตว์อสูรได้อย่างโเี้และเด็ดขาด
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดหยวนจุนถึงได้ลงมือเช่นนั้นกับฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ เพราะหากเขาแสดงความเมตตาออกมา เขาจะต้องถูกพวกมันรุมทึ้งและตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
ซึ่งสัตว์อสูรพวกนี้ไม่เคยมีความเมตตาอยู่แล้ว!
ปลายกระบี่หยวนจุนที่ปรากฏแสงฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง ทำให้หมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ล้มตายจนกลายเป็ิญญาที่อยู่ใต้คมกระบี่
เมื่อเห็นว่าหยวนจุนสามารถฆ่าสัตว์อสูรหลายตัวได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นักยุทธ์ร้อยกว่าคนที่อยู่ด้านหลังหยวนจุนจึงมีความกล้ามากขึ้น ก่อนจะเข้าร่วมล้อมปราบฝูงสัตว์อสูรพวกนั้นด้วยกัน
ทันทีที่แสงไฟและปราณดาราปรากฏขึ้น เสียงะโฆ่าและเสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้นอย่างประสานกัน ทำให้ป่าทึบนั้นดูสว่างไสวและแปลกตาในทันที
ฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์พวกนั้นมีหลายร้อยตัว แต่พวกเขามีเพียงแค่ร้อยกว่าคน อีกทั้งคนที่บ่มเพาะพลังถึงระดับหกยังมีเพียงไม่กี่คน ซึ่งไม่เพียงแต่จำนวนที่มากกว่าเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งก็ยังเหนือกว่าพวกเขาทั้งหมดอีกด้วย!
แม้นักยุทธ์พวกนั้นอยากจะลงมือฆ่าสัตว์อสูรเหมือนอย่างหยวนจุน แต่หลังจากที่สู้กับหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์แล้ว พวกเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้
พลังของพวกเขาเทียบกับสัตว์อสูรไม่ได้เลย! แม้นักยุทธ์ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นห้าหลายสิบคนจะร่วมกันต่อสู้ ก็ยังสู้ความแข็งแกร่งของหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ตัวเดียวไม่ได้
ผู้ที่ขี้ขลาดบางคนรีบไปหลบอยู่ด้านหลังหยวนจุนและนักยุทธ์ระดับจันทราขั้นหกอีกหลายคนเพื่อหลบภัย
“สวบ สวบ”
หยวนจุนพุ่งกระบี่ไปยังหมาป่าอสูรที่กำลังจะตะครุบเขาอย่างไร้ความปรานี เืของสัตว์อสูรสาดกระเซ็นไปทุกที่จนย้อมชุดคลุมยุทธ์ของหยวนจุนเป็สีแดงฉาน
“ฟึ่บ”
ผลึกอสูรที่อยู่ในมือหยวนจุนเกิดเปลวไฟ เขาจึงค่อยๆ ปัดมันออกอย่างเบามือ มันเป็แค่ผลึกอสูรระดับสอง ดังนั้นเขาจึงมิได้ใส่ใจ
ขณะที่กำลังจะโยนมันทิ้ง ผลึกอสูรนั่นได้สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหายไปจากฝ่ามือของเขา
หยวนจุนใจเต้นตึกตัก จากนั้นจึงถอดจิตเข้าไปในสร้อยเอกภพ ข้างในนั้นเขาเห็นงูเหลือมเกล็ดโลหิตกำลังใช้หางรัดผลึกอสูรและกลืนกินอย่างตะกละตะกลาม
“เฮ้ย”
หยวนจุนอุทานออกมา ร่างกายของเขาแข็งเกร็งราวกับถูกฟ้าผ่า
“เ้าตัวเล็กนี้เป็แค่สัตว์อสูรระดับหนึ่ง แต่กล้ากลืนกินผลึกอสูรของสัตว์อสูรระดับสอง!”
หยวนจุนรู้สึกใเป็อย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่างูเหลือมเกล็ดโลหิตมิได้เป็อันตรายใดๆ ทั้งยังมีพลังปราณที่หนาแน่นมากกว่าเมื่อครู่นี้อีก เขาจึงสรุปได้ว่าผลึกอสูรของสัตว์อสูรระดับสองนี้มีประโยชน์ต่องูเหลือมเกล็ดโลหิต
“ในเมื่อเ้าพอใจ เช่นนั้นข้าจะนำมันมาให้เ้าเยอะๆ เลย!”
เมื่อหยวนจุนดึงจิตกลับมา เขาจึงกล่าวกับหานโหรวที่อยู่ข้างๆ ว่า “ข้ามอบพวกเขาให้เ้าแล้ว เ้ามีวงแหวนเล็กขั้นเจ็ด การลงมือฆ่าสัตว์อสูรระดับสองคงไม่หนักไปสำหรับเ้าหรอกนะ!”
หานโหรวนิ่งเงียบ สักพักจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง นางถือกระบี่เล่มบางอยู่ในมือ ก่อนจะเล็งไปที่หมาป่าอสูรหลายสิบตัวที่กำลังวิ่งเข้ามา
หยวนจุนก้าวออกไป จากนั้นจึงลอยเข้าไปอยู่ในฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ด้านหน้าทันที
ไม่นานหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ที่มีมากกว่าหยวนจุนก็วิ่งเข้ามาราวกับทะเลสัตว์อสูร พวกมันพุ่งตรงมาเพื่อที่จะจัดการเขา
เมื่อไม่เห็นหยวนจุนทำสิ่งใด พวกนักยุทธ์ระดับดาราขั้นหกที่อยู่ด้านหลังหานโหรวจึงกลืนน้ำลายเฮือกแล้วกล่าวว่า “คงมิได้ส่งตนเองเข้าไปตายหรอกนะ? เข้าไปในฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์เพียงคนเดียว เขาจะไปสู้พวกมันได้อย่างไร!”
“นั่นเป็สัตว์อสูรระดับสองที่มีมากกว่าร้อยตัว แม้แต่ระดับดาราขั้นเจ็ดยังต้องหลบคมเขี้ยวของมัน เดิมทีคิดว่าเ้านั่นจะช่วยพวกเราขวางฝูงหมาป่า นึกไม่ถึงว่าเขาจะส่งตนเองไปตาย!”
“ฟิ้ว”
ขณะที่คนพวกนั้นกำลังกระซิบกระซาบกัน หยวนจุนที่หายเข้าไปในฝูงหมาป่าที่มีกลิ่นไอแห่งความดุร้ายก็พุ่งกระบี่ออกมา หมาป่าอสูรคลั่งจันทร์หลายสิบตัวจึงถูกเขาสังหารในทันที
เมื่อสิ้นเสียงต่อสู้ หยวนจุนจึงกวาดหัวหมาป่าที่ตกอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้กระบี่หยวนจุนผ่ากะโหลกของหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ออกมาทีละตัว
“วิ้ว”
ผลึกอสูรมากมายที่เปื้อนเืถูกพลังจิตของเขาควบคุม เมื่อเขาเคลื่อนไหวมือ ผลึกอสูรที่อยู่ด้านหน้าเขาก็เคลื่อนที่ราวกับแม่น้ำที่เต็มไปด้วยผลึกอสูร
“คุณพระช่วย เขาใจกล้าเกินไปแล้ว เพียงเพื่อผลึกอสูรระดับสอง เขาถึงกับต่อสู้กับฝูงหมาป่าเพียงลำพังเลยหรือ!? ของเช่นนี้ หากนำไปขายในเมืองหลวงของจักรวรรดิชิงหยางก็คงไม่ได้ราคาเท่าไร เขา้าเงินจนไม่สนใจชีวิตเลยหรือนี่!”
“กรรซ์”
เมื่อเห็นหยวนจุนฆ่าฝูงหมาป่าคลั่งจันทร์แล้วนำผลึกอสูรออกไป จ่าฝูงหมาป่าก็แยกเขี้ยวมองเขาทันที ซึ่งทำให้พระจันทร์เต็มดวงสีเืค่อยๆ ถูกชั้นหมอกปกคลุมอย่างรวดเร็ว
“ปัง”
หมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ตัวนี้เป็ถึงสัตว์อสูรระดับสาม พลังของมันแข็งแกร่งจนน่าใ เพราะแค่เพียงกระทืบเท้าก็สามารถทำให้พื้นดินร้าวแยกออกจากกันได้
หยวนจุนเก็บผลึกอสูรเกือบร้อยก้อนที่ลอยอยู่ด้านหน้าเข้าไปในสร้อยเอกภพ โดยไม่ลืมที่จะระวังจ่าฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ที่กำลังจะพุ่งเข้ามา
พลังของมนุษย์และสัตว์อสูรที่ปะทะกันถูกแสงสีแดงของดวงจันทร์ที่ส่องอยู่เื้ัทำให้เห็นเด่นชัด ก่อนที่ปราณดาราและปราณอสูรจะะเิออกจนทำให้อากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
“ตูม ตูม”
สัตว์อสูรและหยวนจุนกระเด็นออกมาพร้อมกัน ทำให้ฝ่าเท้าของพวกเขาถูกลากออกไปในระยะหนึ่ง
เมื่อมองไปรอบๆ เขาเห็นร่องรอยของการปะทะปรากฏอยู่บนหินผาอย่างชัดเจน
พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหยวนจุนสั่นะเือย่างรุนแรง ไม่แน่ว่าสัตว์อสูรอาจจะกำลังรวมตัวกันอีกครั้ง หากยังเสียเวลากับจ่าฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์นี้ต่อ พวกเราคงหนีรอดจากอันตรายได้ยากขึ้น
“วี้”
“กึก กึก”
ทันทีที่หยวนจุนรวบรวมพลังจิต ตัวกระบี่ก็สั่นไหวจนไม่สามารถควบคุมได้ราวกับ้าเป็อิสระจากฝ่ามือ เมื่อกระบี่ขาวเปล่งแสงออกมา ัสีม่วงจึงปรากฏขึ้น ทำให้เขากับกระบี่ยาวถูกปกคลุมไปด้วยกระแสปราณที่ลึกลับทันที
ยิ่งอยู่ในป่าทึบที่มืดมิด ยิ่งทำให้มันดูงดงามและสะดุดตา
หานโหรวและเหล่านักยุทธ์มองไปที่หยวนจุนตาไม่กะพริบ พวกเขาััได้ถึงความอันตรายที่มาจากการเคลื่อนไหวและพลังปราณภายในของเขา
“ถอย! รีบถอยเดี๋ยวนี้!”
หลังจากรอดชีวิตจากหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์มาได้สักพัก ตอนนี้พวกเขาก็ต้องกลับมาต่อสู้เช่นเดิม
พลังปราณบนกระบี่หยวนจุนนั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวเป็อย่างมาก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งทำให้หายใจลำบาก จนพวกเขารู้สึกร่างกายหนักอึ้งราวกับมีตะกั่วเหลวถ่วงไว้
เมื่อเห็นว่าทุกคนถอยออกไปจากขอบเขตที่ควบคุมกระบี่แล้ว หยวนจุนจึงชี้กระบี่หยวนจุนขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ัสีม่วงบินออกมาจากกระบี่และพุ่งตรงไปดังสายฟ้า
เสียงคำรามของัที่ดังกึกก้องไปทั่วฟ้า ทำให้ชั้นของหมอกเมฆกลายเป็พายุเมฆที่หมุนวน ก่อนจะมีลำแสงพุ่งไปที่หยวนจุนและกระบี่ของเขา
“หนึ่งกระบี่์! ทลายฟากฟ้า!”
เมื่อหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ถูกโจมตีด้วยพลังของปราณกระบี่หยวนจุน ท้องฟ้าที่ถูกแสงสว่างของปราณกระบี่สีขาวก็มืดมิดสลับสว่างราวกับกลางวันและกลางคืนที่หมุนเวียนไม่หยุด สายลมที่พัดกระหน่ำส่งเสียงคำรามอย่างรุนแรง ดูแล้วเหมือนดั่งนรกบนดิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้