บรรดาเหล่าฮ่องเต้ผู้ปกครองกแคว้น ต่างรู้สึกอิจฉาฮ่องเต้แคว้นเต่าดำยิ่งนักที่มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์มากไปด้วยความเก่งกาจและสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาเช่นนี้ ฮ่องเต้ของแคว้นเต่าดำนั้นััได้ถึงความรู้สึกต่าง ๆ เ่าั้ได้ใบหน้าหล่อเหลาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ฉายชัดถึงความภูมิใจและขอบคุณตนที่ได้ตัดสินใจที่รับเป็เ้าภาพในการประลองครั้งนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคงจะถูกเล่าขานกันอีกนานเท่านาน
เหล่าบรรดาสำนักต่าง ๆ นั้นพากันปรึกษากันภายในอย่างเร่งด่วน เพราะหากสำนักของตนนั้นได้ตัวของคุณชายหนิงผู้นี้มาเป็ศิษย์ในสำนักของตนได้นั้นนอกจากที่จะได้ผู้ฝึกตนที่มีฝีมือดีสามารถเป็กำลังหลักให้สำนักของตนได้เเล้วนั้น ยังจะนำมาซึ่งชื่อเสียงของสำนักของตน...
"ช่างน่าเห็นใจเสียจริง สัตว์อสูรในพันธะของคุณชายคงใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่จะพักฟื้นได้ดังเดิม ไม่รู้ว่าข้าได้บอกกล่าวไปแล้วหรือยังว่าทุกการโจมตีของเจียวซิ่นล้วนแฝงไปด้วยปราณธาตุพฤกษากลายพันธ์ จึงมีความสามารถแฝงนั่นคือการกัดกร่อนแก่นสมุทรลมปราณของสัตว์อสูรได้ และหากรักษาไม่ทันก็คง..."
"เ้า!!!! เ้านี่มันสารเลวต่ำทรามยิ่งนัก ลูกไม้สกปรกลอบทำร้ายสัตว์อสูรของข้าอย่างน่าไม่อาย เ้านี่มัน..."
"พึ่งได้กระจ่างในวันนี้ ว่าคุณชายจากตระกูลจางล้วนเก่งแต่เื่ตีฝีปากเสียจริง เอาละ!! ตัวข้าผู้นี้ไม่มีเวลาเล่นสนุกกับคุณชายจางเหยากวงเสียเเล้ว..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงถือดี
"ข้าจะเอาเืเ้ามาล้างเท้าข้าได้ให้!!! " จางเหยากวงะโขึ้นด้วยความแค้นเคืองยิ่ง
"หากคิดว่าตนทำได้สำเร็จก็ลองดู เก่งแต่ปากเช่นนี้ไม่สมควรให้ปากยาวยื่นมาถึงข้า ช่างน่าอายยิ่งนัก..." หนิงอ้ายยังคงเอ่ยตอบกลับเพื่อยั่วโมโหอีกฝ่าย พร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างเสียไม่ได้
"เ้าไม่ตายดีแน่!!!" เอ่ยจบจางเหยากวงนั้นได้พุ่งเข้าจู่โจมอย่างเต็มแรงอีกครั้งในทันที
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
เสียงของกระบี่สองเล่มเข้าฟาดฟันกันอย่างรุนแรง สลับกับเสียงสะท้อนจากการร่ายบทเวทย์โจมตีนั้นสลับกันดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลอง สำหรับหนิงอ้ายด้วยเพราะสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้ตามเคล็ดวิชาประจำตระกูลหวังดังนั้นตั้งเเต่เริ่มต้นการประลองเวทย์จนถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏร่องรอยของความเหนื่อยล้า แม้เพียงสักนิดเหมือนกับว่ายิ่งอยู่ในสนามประลองนานเท่าใด ความเเข็งแกร่งและความว่องไวของตัวคนนั้นทวีเพิ่มขึ้นเท่านั้น
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีมหาหมื่นวารีหมื่นลักษณ์พิภพ ลงทัณฑ์!!!
ตู้ม!
ทางฝั่งของจางเหยากวงะเิพลังเวทย์โจมตีขั้นสูงสุดของตนออกมาในทันที ปรากฏเป็บทเวทย์โจมตีระดับเทวะในรูปลักษณ์ของกิเลนน้ำขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหนึ่งของสนามประลองเวทย์แม้จะเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความอันตราย เเต่นั่นก็ทำให้พลังเวทย์ในตัวของจางเหยากวงแทบจะหมดไปเกือบทั้งสิ้นในทันทีเช่นกัน
อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันมหาปราการวารีอหังการ!!!!
ตู้ม!
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!!!
ตู้ม!
หนิงอ้ายร่ายบทเวทย์ป้องกันหนึ่งบท พร้อมกับร่ายบทเวทย์โจมตี เข้าจู่โจมจางเหยากวงโดยพร้อมกันในทันที หนิงอ้ายร่ายบทเวทย์สองบทออกมาพร้อมกันในทันทีโดยมีบทเวทย์ป้องกันตั้งรับการโจมตีจากบทเวทย์ระดับเทวะของอีกฝ่าย และอีกหนึ่งบทเวทย์ที่ร่ายออกไปได้ส่งการโจมตีไปยังจางเหยากวงในทันที
เเต่ด้วยเพราะบทเวทย์โจมตีบทดังกล่าวที่จางเหยากวงได้ร่ายออกมา เป็ถึงบทเวทย์ระดับเทวะที่ถึงแม้ว่าจางเหยากวงจะมีระดับพลังเพียงจักรพรรดิิญญาขั้นต้น เเต่ด้วยเพราะเขาได้รีดเค้นพลังปราณออกมาเกือบทั้งหมดออกมาดังนั้นพลังโจมตีจึงรุนเเรงยิ่งนัก
ทางฝั่งของหนิงอ้ายเองแม้บทเวทย์ป้องกันของตนที่ได้ร่ายออกมาดังกล่าว ถูกปรับให้เป็บทเวทย์ระดับเทวะก็จริงเเต่ด้วยความประมาทที่ไม่ควรเกิดขึ้น เขาจึงใช้พลังปราณไปเพียงครึ่งเมื่อเป็เช่นนั้นบทเวทย์ป้องกันที่หนิงอ้ายได้ร่ายขึ้นมาจึงไม่สามารถป้องกันการโจมตีของทางฝั่งจางเหยากวงได้ทั้งหมด จึงส่งผลให้ตัวของหนิงอ้ายนั้นโดนบางส่วนของบทเวทย์โจมตีและเซถอยหลังไปยังอีกฝั่งของสนามประลองไปพร้อมกับจางเหยากวงที่โดนบทเวย์โจมตีของตนไปอย่างพอดีนั่นเอง
"อ๊าก!!! " จางเหยากวงส่งเสียงออกมาแ่เบาเมื่อััได้ถึงกระดูกส่วนเเขนที่หักไป การาเ็จากอวัยวะภายในแม้ตอนนี้จะรู้สึกเ็ปไปทั่วทั้งร่างกายไร้ เรี่ยวแรงที่จะลุกยืนขึ้นเเต่ถึงเเบบยังเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
หนิงอ้ายที่โดนผลกระทบจากบทเวทย์โจมตีของจางเหยากวงเข้าไป ทำให้ผ้าคลุมที่ปิดบังใบหน้าของตนปลิวตกลงกับพื้นในทันทีเเต่ตัวคนกลับไม่สนใจทั้งสิ้น ดวงตาสีฟ้าอัญมณีของหนิงอ้ายแปรเปลี่ยนเป็สีทองไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็ปกติดังเดิม หลังจากที่เขาเดินเข้ามาหาจางเหยากวงตรงด้านหน้าใกล้ ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เ็า
"ขอให้เ้าจงจดจำความรู้สึกอัปยศเช่นนี้ไว้ให้ดี...นี่ถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่ข้าต้องเจอมาเกือบทั้งชีวิต..."
"จงจำเอาไว้ข้าจางหนิงอ้ายไม่สิหวังหนิงอ้ายผู้นี้หาได้เป็สวะดังเช่นที่พวกเ้าคิดไว้ไม่!!" หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจโดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็ความรู้สึกของตนเองหรือหนิงอ้ายคนเก่ากันแน่
"เ้าคือหนิงอ้าย สวะของตระกูลจางงั้นรึ??เป็ไปไม่ได้!!" เสียงของจางเหยากวงเอ่ยขึ้นอย่างแ่เบาเเต่ถึงเช่นนั้นผู้คนที่อยู่โดยรอบสนามประลองต่างได้ยินกันทั้งสิ้น ร่างกายของจางเหยากวงได้ถูกเนตรแห่ง์สะกดข่ม จนไม่สามารถขยับตัวได้ ราวกับว่าถูกหมุดที่มองไม่เห็นตรึงไว้ให้ไม่อาจขยับไปมาได้
"ข้าจางเหยากวงผู้นี้ไม่ยอมแพ้สวะของตระกูลอย่างเ้าแน่นอน!!'' จางเหยากวงเอ่ยขึ้นพร้อมกับพยายามฝืนตนให้ยืนขึ้นเพื่อประลองต่ออีกครั้ง
"ตัวข้านั้นหาใช่จางหนิงอ้ายผู้นั่นไม่!! ข้าคือหวังหนิงอ้ายบุตรชายของมารดาหวังเยว่ซินเเห่งแคว้นเต่าดำหลานของประมุขตระกูลหวังสายหลักหวังจิ่งหลงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับถีบยอดอกของจางเหยากวงอย่างรุนแรงจนอีกฝ่ายนั้นสลบล้มลงไปในทันที
"แล้วเ้าจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังทางที่ตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงนั้นได้นั่งอยู่จนอีกฝ่ายที่ััได้ถึงจิตสังหารนั้นถึงกับหลบสายตากันไปเลยทีเดียว
ทันใดนั้นเสียงของผู้คนต่างฮือฮาขึ้นมาในทันทีด้วยเพราะตอนนี้นั้นพวกตนทราบเเล้วว่าคุณชายหนิงผู้นี้เเท้ที่จริงเเล้วนั้นเป็ใคร
'เมื่อกี้ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?? คุณชายหนิง คือคนเดียวกับคุณชายหวังหนิงอ้ายคืออดีตคุณชายใหญ่ตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงผู้นั้นรึ...'
'เหตุใดพวกท่านถึงรู้จักคุณชายหนิงอ้าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่คุ้นชื่อแซ่นี้กันเล่า??'
'คุณชายหนิงอ้ายผู้ที่ปลุกพลังิญญาเมื่อเจ็ดขวบปีเเต่ไม่ปรากฏพลังิญญาได้!! เเล้วราชทินนามจักรพรรดิิญญารวมไปถึงสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาที่ถือครองอยู่นั่นเล่า...'
'ใบหน้าของคุณชายหนิงอ้ายที่ซ่อนใต้ผ้าคลุมนั่นทำเอาใจข้าเต้นเเรงยิ่งนัก!!!'
'คุณชายหนิงอ้ายเป็บุตรชายของคุณหนูหวังเยว่ซินบุตรีของประมุขตระกูลหวังสายหลักหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ ข้าไม่สงสัยเลยเหตุใดจึงมีหน้าตางดงามไม่ต่างกับมารดาของตนเยี่ยงนี้...'
เสียงของผู้คนทั่วทั้งสนามประลองต่างพูดคุยกันไม่หยุดถึงสิ่งที่พวกตนได้ยินกันเมื่อครู่ขณะที่ใจกลางสนามประลอง
ทางฝั่งของหนิงอ้ายกำลังยืนนิ่งเพื่อรอผลคำตัดสินของการประลองที่พึ่งจบไป ใบหน้าเรียวงามได้รูปนั้นรับกันกับคิ้วที่โก่งดั่งคันศร ดวงตาสีฟ้าล้ำค่าราวกับอัญมณีสะท้อนเเสงเป็ประกาย
ยามเมื่อลมพัดปลิวผมสีขาวเงินที่ยาวจรดกลางหลังพลันสยายหยอกล้อไปกับสายลม ภาพที่ทุกคนได้เห็นต่างมีความรู้สึกคล้ายกับว่าเป็ความงามที่ไม่มีอยู่จริง ตัวตนของคุณชายหนิงอ้ายในตอนนี้ปรียบดั่งเทพเซียนในตำนานนิทานเื่เล่าที่ลงมาโปรดทุกสรรพสิ่งใต้ผืนฟ้าเเห่งนี้ก็ไม่เกินจริงไปเท่าใดนัก
"ผู้ชนะการประลองได้แก่คุณชายหนิง ไม่สิ คุณชายหวังหนิงอ้ายจากแคว้นเต่าดำ!!!!"
เฮ!!!
ทันทีที่ประกาศของผู้าุโที่ทำหน้าที่เป็ผู้ดำเนินการประลองนี้ได้กล่าวจบลง ผู้คนมากมายในสนามประลองเวทย์นั้นโดยเฉพาะตรงที่นั่งของทางฝั่งของแคว้นเต่าดำต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องดังอย่างกึกก้องด้วยเพราะพร์อันโดนเด่นของคุณชายหวังหนิงอ้ายรวมไปถึงการสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อีกทั้งฐานะของตัวคนนั้นยังใหญ่โตเพราะเป็ถึงหลานของประมุขตระกูลหวังสายหลักหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ
การปรากฎตัวของคุณชายหวังหนิงอ้ายย่อมเป็ที่กล่าวถึงของคนในแคว้นเต่าดำรวมไปถึงผู้คนในแคว้นอื่น ๆ เกิดเป็เื่เล่าขานในวงน้ำชาถึงการประลองอันโดดเด่น จนถึงขนาดมีผู้นำไปดัดเเปลงเป็นิทานเื่เล่าอย่างเเพร่หลายซึ่งเป็เื่ที่เกิดขึ้นในอนาคตทางฝั่งของตระกูลหวังนั้นทั้งทางฝั่งของหวังจิ่งหลง เหมยฮวาและเยว่ซินผู้เป็มารดานั้นต่างมีผู้คนมามายที่เข้ามาเเสดงความยินดีที่ตระกูลหวังนั้นมีบุตรหลานที่มากด้วยความสามารถเช่นนี้ แม้จะมีผู้คนที่อิจฉาอยู่ไม่น้อยเเต่ด้วยเพราะใบหน้างดงามของหนิงอ้ายนั้นต่างพาให้พวกคนนั้นเขินอายเสียมากกว่า
เสียงปรบมือให้กำลังใจยังคงดังก้องไปทั่วไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็ตระกูลจางหรือตระกูลหวังต่างได้หน้ากันทั้งสิ้น การประลองที่พึ่งจบไปนั้นเรียกได้ว่าคุณชายทั้งสองที่มีบิดาคนเดียวกันก็จริง แต่หาได้ออมมือกันเพียงนิด กล่าวได้ว่าเป็การประลองที่สมศักดิ์ศรีอย่างถึงที่สุด
มากไปกว่านั้นแล้ว เื่ราวของคุณชายหวังหนิงอ้ายผู้นี้ต่างถูกเป็ที่กล่าวถึงเป็อย่างมาก มีจำนวนไม่น้อยที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเข้าร่วมพิธีปลุกพลังิญญาที่แคว้นหงส์แดงในครั้งนั้น ซึ่งพวกเขาต่างรับรู้ได้ว่าอดีตคุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายไม่อาจเข้าสู่วิถีแห่งผู้ฝึกตนได้ แล้วผลการประลองตรงหน้าของพวกเขาเล่าเป็สิ่งใดกัน
ยิ่งเมื่อมีการผสมโรงพูดคุยเสริมแต่งเื่ราวมากมาย โดยเฉพาะคำกล่าวจากคุณชายลู่ซีที่เอ่ยกับคุณชายหวังหนิงอ้าย ว่าอีกฝ่ายใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้นในการเข้าสู่วิถีของผู้ฝึกตน และหากเป็เช่นนั้นจริง สุดยอดรุ่นเยาว์อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะได้ปรากฎขึ้นในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้ในรอบหลายร้อยปีเลยทีเดียว...
ตระกูลจาง
หวงลู่เอินแทบไม่เชื่อสายตาของตนที่เห็นในสนามประลองเวทย์ที่พึ่งจบไปเมื่อครู่นางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นและได้ยินเท่าไหร่นักถึงผลประลองเวทย์ที่พึ่งจบไปว่าไม่ใช่บุตรชายของนางเป็ผู้ชนะการประลองเวทย์รอบนี้
เเต่กลับเป็เ้าหนิงอ้ายบุตรนางสารเลวเยว่ซินมารหัวใจของตนคนนั้น หวงลู่เอินนึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มในวันนี้ ที่นางนั้นซุ่มวางแผนไปเสียมากมายเพื่อขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายนั้นสามารถปลุกพลังิญญาได้เพื่อที่จะแย่งชิงอำนาจในตระกูลของบุตรชายคนเเรกให้กับจางเหยากวงบุตรชายของนางเพื่อที่ในวันข้างหน้านั้นเด็กหนุ่มในสายเืจะได้ขึ้นเป็ผู้นำตระกูลจางสายหลักเเห่งแคว้นหงส์เเดง
เเต่ทว่าในวันนี้บุตรของนางแพศยาเยว่ซินกลับสามารถเอาชนะการประลองกับบุตรชายของนางได้เสียอย่างนั้น อีกทั้งหนิงอ้ายยังแสดงความสามารถให้ผู้คนมากมายในสนามประลองเวทย์เเห่งนี้ได้ประจักษ์ด้วยสายตา
และยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายของนางซึ่งคือจางเหยากวงที่ขึ้นชื่อว่าเป็บุตรชายที่มากความสามารถอันดับต้น ๆ ของตระกูลจางสายหลักเเห่งแคว้นหงส์แดง เป็ถึงศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักศึกษาผิงอาน เเต่วันนี้กลับมาพ่ายแพ้กับหนิงอ้ายผู้ที่เคยถูกขนานนามว่าสวะของตระกูลจางมาเสียหลายปี
เเสดงว่าเหล่าบรรดานักฆ่ามากฝีมือที่นางเสียเงินก้อนโตไปเพื่อกำจัดอีกฝ่ายนั้นคงไม่แคล้วถูกมันจัดการอย่างแน่นอน แม้ในใจของนางนั้นจะร้อนรุ่มมากเเค่ไหนเเต่สุดท้ายแล้วความเป็ห่วงในบุตรชายของตนมีมากกว่า ดังนั้นนางจึงไม่รอช้าลุกจากที่นั่งและมุ่งตรงไปยังข้างสนามประลองในทันที...
'เ้าต้องไม่ตายดีแน่หนิงอ้าย คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร!!! ' ฮูหยินรองหวงลู่เอินเอ่ยขึ้นในใจพร้อมกับกำหมัดเเน่นจุดสายตาของนางมองตรงไปยังบุตรชายของนางที่ถูกหามออกจากสนามประลองเวทย์ด้วยความเป็ห่วง
"ยินดีด้วยขอรับท่านผู้นำตระกูลดูเหมือนว่าคุณชายหนิงอ้ายจะสร้างชื่อเสียงในวันนี้ได้อย่างมากหากว่าสามารถพากลับเข้าสู่ตระกูลจางได้ข้าว่าจะเป็การดีกับพวกเรายิ่งนักขอรับ" ผู้าุโหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก
"ไม่คิดเลยว่าคุณชายหนิงอ้ายจะเก็บงำความสามารถที่มีอยู่มานานเช่นนี้ อีกทั้งยังสามารถทะลุเข้าสู่รอบห้าคนสุดท้ายได้ ถือว่าเป็หนึ่งในห้าเสาหลักของยุทธภพรุ่นเยาว์เเล้วและมีโอกาศเป็ผู้ชนะอันดับหนึ่งได้แม้ว่าในตอนนี้จะออกจากตระกูลจางไปเเล้วเเต่เืครึ่งหนึ่งนับได้ว่าเป็ของตระกูลจางเช่นกันอย่างไรสายเืไม่สามารถตัดขาดกันได้ท่านประมุขว่าเช่นนั้นหรือไม่??" ผู้าุโสองพูดออกมาด้วยความชื่นชมด้วยถ้อยคำที่สื่อความนัยบางอย่างที่ััได้
"เชื้อสายตระกูลจางที่เป็รุ่นเยาว์จะสามารถเข้าสู่ทำเนียบของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ได้ หากคุณชายหนิงอ้ายสามารถชนะเป็อันดับหนึ่งย่อมสร้างชื่อเสียงแก่ตระกูล คงจะเป็การดีหากสามารถทำให้คุณชายหนิงอ้ายกลับคืนสู่ตระกูลจางอีกครั้งและเเต่งตั้งเป็ว่าที่ผู้นำตระกูลจาง...'' ผู้าุโสามเอ่ยในสิ่งที่ตนคิดไป
"ตอนนี้หนิงอ้ายออกจากตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงเเล้วไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกันอีกในทุกสิ่ง ข้าเข้าใจในสิ่งที่ผู้าุโทุกท่าน้ากล่าวแก่ข้า เเต่ถึงอย่างไรข้าได้ให้สัญญากับหวังเยว่ซินเเล้วว่าหลังจากนี้ไม่มีเหตุใดที่ต้องข้องเกี่ยวกันอีกหวังว่าผู้าุโทุกท่านจะไม่เอ่ยเื่นี้ขึ้นมาอีก!!'' จางเลี่ยงหวงแม้ในใจจะภูมิใจในบุตรชายคนโตคนนี้ของตนมากเเค่ไหนเเต่ด้วยความโง่เขลาของตนในอดีตที่ผ่านมาทำให้ระยะห่างของเขาทั้งสองคนพ่อลูกนับวันยิ่งถอยห่างกันเสียจนไม่สามารถกันได้เเล้ว
ความทรงจำนั้นเสียงเรียกตนว่าท่านพ่อที่ออกจากปากบางได้รูปของเด็กชายตัวน้อยที่คล้ายกับใบหน้าของเยว่ซินนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ นานเเค่ไหนเเล้วนะที่ตนไม่ถูกอีกฝ่ายเรียกว่าท่านพ่อ นานเเค่ไหนเเล้วนะที่ตนไม่ได้เห็นใบหน้าบุตรชายของตน นานเเค่ไหนเเล้วนะที่เขาปล่อยให้เื่ราวเป็เช่นนี้ จางเลี่ยงหวงได้เเต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ อยู่ในใจ...
หนิงอ้ายได้เรียกเจียวซิ่นกลับห้วงมิติจิตของตนเพื่อให้อีกฝ่ายพักฟื้นพลังอย่างเต็มที่แล้วจึงเดินออกจากสนามประลองในทันที
"ยินดีด้วยนะเสี่ยวอ้าย..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าหนิงอ้ายนั้นเดินกลับออกมาจากสนามประลองด้วยความปลอดภัย
"ขอบคุณขอรับลู่เกอ'' หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับระบายยิ้มเล็กน้อย
"เกอไม่ต้องกังวลไปนะขอรับหลังจากนี้ต่อให้อะไรจะเกิดก็ช่างเถิดข้าไตร่ตรองดีแล้วถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป..." หนิงอ้ายรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไปเมื่อครู่ในสนามประลอง คงไปเพิ่มโทสะของหวงลู่เอินและเหล่าผู้าุโที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนของจางเหยากวงเป็แน่
เเต่แล้วอย่างไรเล่าเขากลัวสักที่ไหน เขาและมารดาต่างออกจากตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงแล้วหาได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกหากในวันข้างหน้าเกิดสิ่งใดขึ้นเขาคงไม่อยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน
ลู่ซีแม้จะไม่พอใจที่ตอนนี้หนิงอ้ายเลือกที่จะไม่ปลอมเเปลงรูปลักษณ์ของตน ทำให้ตอนนี้มีสายตามองมาอย่างมากมายหลากหลายอารมณ์เเต่ถึงอย่างนั้นเขายอมรับการตัดสินใจของอีกฝ่าย
ในเมื่อหนิงอ้ายนั้นจงใจที่จะรูปลักษณ์ที่เเท้จริงในการประลองนี้เท่ากับว่าอีกฝ่ายนั้นคิดมาอย่างดีแล้วต่อให้หลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นเขาต้องปกป้องอีกฝ่ายให้ได้ แน่นอนว่าในตอนนี้นั้นนามของหวังหนิงอ้าย ได้ถูกกล่าวขานเป็วงกว้างและถูกขนานนามว่าหาใช่คุณชายสวะของตระกูลอีกเเล้วเเต่ความจริงคุณชายหนิงอ้ายนั้นคือเสือซ่อนเล็บที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพร์ควรค่าแก่การชื่นชมนั่นเอง...
หลังจากนั้นผู้เข้าเเข่งขันที่เหลือทั้งแปดคนต่างทยอยเข้าประลองกันอย่างดุเดือด แม้ว่าในบางคู่ประลองจะเป็การต่อสู้ข้ามขั้นระหว่างผู้ฝึกตนระดับขุนนางิญญา ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาก็จริงเเต่นับได้ว่าส่งผลต่อการได้เปรียบเสียเปรียบกันไม่เท่าไหร่นัก เพราะสุดท้ายแล้วการเคี่ยวกรำต่อจิติญญาในการเลื่อนของเเต่ละระดับพลังมีผลต่อระดับบ่มเพาะโดยตรงที่ส่งผลไปถึงพลังิญญาของผู้ฝึกตน
ยิ่งเคี่ยวกรำกับการเลื่อนระดับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีรากฐานบ่มเพาะที่เเข็งเเรงมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งนอกจากจะเป็การเเข่งขันประลองด้วยพลังิญญาเเล้ว บรรดาวิชายุทธต่างๆ รวมไปถึงบทเวทย์ที่ใช้นั้น ย่อมมีการได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าสุดท้ายเเล้วผู้ฝึกตนที่เปี่ยมไปด้วยสติและความรอบคอบย่อมที่จะเป็ผู้ชนะในท้ายที่สุด
มุมหนึ่งของสนามประลอง
"ไปสืบข้อมูลของตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงเมื่อสิบหกปีก่อน ข้า้ารู้เื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด..." บุรุษชุดดำผู้สวมหน้ากากพยัคฆ์ได้เอ่ยขึ้นเบา ๆ กับองครักษ์เงาของตน
"เ้าจะทำให้ข้าหลงเ้าไปถึงไหนกันนะเสี่ยวไป๋ทู่ตัวน้อยของข้า..." เสียงของบุรุษคนเดิมได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนในดวงใจของตนนั้นได้เดินไปพร้อมกับลู่ซีซึ่งมุ่งตรงไปยังที่นั่งของตระกูลหวัง
แม้จะรู้ว่าคนงามนั้นจะนับถือลู่ซีดั่งเช่นพี่ชายเเท้ ๆ เเต่ตนกลับรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่มีชายคนอื่นเข้ามาใกล้ชิดคนของตน เมื่อเห็นว่ามีสายตาจากทุกสารทิศมองไปยังหนิงอ้ายด้วยแววตาหลงไหลอย่างปิดไม่มิด
บรรยากาศโดยรอบพลันลงอย่างกระทันหัน กลิ่นอายดำมืดลอยโดยรอบตัวคนสักครู่แล้วจึงหายกลับเข้าตัวไปเหล่าบรรดาองครักษ์เงาต่างพากันถอนหายใจออกมาในทันทีหลังจากที่กลิ่นอายความกดดันนั้นหายไปราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในใจนั้นต่างพากันภาวนาให้ว่าที่ฮูหยินตัวน้อยนั้นไม่ทำสิ่งใดให้ท่านประมุขไหน้ำส้มแตกอีกไม่งั้นพวกตนคงรับมือไม่ไหวอย่างแน่นอน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้