ยามฤดูใบไม้ผลิของทุกปี กองทัพโยวเยี่ยนจะเข้าสู่ฤดูแห่งการบุกแดนศัตรู แต่ส่วนมากกลับท่าดีทีเหลว เป้าหมายของการฝึกทหารนั้นมีมาก แต่การจะบุกเข้าอาณาเขตแดนปีศาจได้จริงๆ นั้น สำหรับกองทัพโยวเยี่ยนเมื่อก่อนแล้ว เป็เื่ที่เกินกำลังพวกเขามาก
แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
การเคลื่อนไหวของกองทัพบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้แล้ว ด่าโยวเยี่ยนยังมีความเคลื่อนไหวของการกำจัดสายลับเผ่าปีศาจอย่างดุเดือด และยังคงดำเนินต่อไปอย่างบ้าคลั่ง จารชนเผ่าปีศาจที่แอบซ่อนมิดที่สุดล้วนถูกดึงทึ้งขึ้นมา แท่นปะาปีศาจ ทุกแท่นในเมืองมีเผ่าปีศาจถูกจับขึ้นไปฆ่าตัดหัว แขวนหัวประจานในกรงเหล็กบนเสาหินสองด้าน ให้ลมฝนพัดผ่านมันไป
ใจคนดั่งน้ำมันร้อน จุดประกายเพียงเล็กน้อยก็ลุกโชน
จากคำประกาศและปลุกระดมของกองทัพ เหล่าทหารและประชาชนทั่วทั้งด่านโยวเยี่ยนเหมือนกลายเป็อสูรร้ายบ้าระห่ำ ความเกลียดชังและคับแค้นที่มีต่อเผ่าปีศาจกำลังเพิ่มพูนและสะสมอย่างบ้าคลั่ง คนทุกคนล้วนอดรนทนไม่ไหวที่จะพุ่งออกไปนอกด่านและสู้กับเผ่าปีศาจให้รู้ดำรู้แดง
กลิ่นโลหิตคาวของปีศาจตลบอบอวลทั่วทั้งเมือง
แล้วก็คือวันนี้เอง ที่กองทัพได้ส่งคำสั่งการพิจารณาครั้งสุดท้ายเื่เ่ิูเป็ที่เรียบร้อย
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ ภาระหน้าที่และรางวัลตอบแทน การตัดสินใจแต่งตั้งก่อนหน้าที่ไม่หวนคืน เ่ิูยังคงมีฐานันดรเป็โหวชั้นสี่ ไม่เพียงแค่นั้น เพราะเ่ิูรอดชีวิตกลับมา จึงปูนบำเหน็จรางวัล ทองคำหนึ่งพัน อาวุธิญญาหนึ่งชุด อำนาจบัญชาการทหาร อัญมณีแท้ครึ่งจิน อีกทั้งยังมอบที่ดินเป็ศักดินาให้ด้วย เขตเนินเขาทางทิศใต้จากเขากวางประมาณร้อยลี้ และอีกสามสิบลี้นอกเมืองลู่ิ ล้วนมอบให้แก่บรรดาศักดิ์ของเ่ิูทั้งสิ้น
เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทั้งด่านโยวเยี่ยนก็สั่นะเื
พิธีแต่งตั้งฐานันดรโหวของเ่ิูนั้น เทพาโยวเยี่ยน ใต้เท้าลู่เฉาเกอออกมาด้วยตัวเอง ส่งตราประทับฐานันดรโหวให้แก่เ่ิู วันนี้เอง ที่ผู้บัญชาการแห่งทัพหน้า ทัพฝ่ายซ้าย ทัพฝ่ายขวา และทัพหลัง รวมทั้งแม่ทัพกองโจรตำแหน่งสูงทุกคน พลทหารชนชั้นสูงน้อยใหญ่ล้วนเข้าร่วมพิธีด้วย
ยกเว้นหัวหน้าจางซานแห่งฝ่ายพลาธิการ
หัวเรือใหญ่ลำดับต้นของกองทัพโยวเยี่ยนท่านนี้ เพราะเหตุผลที่ใครก็รู้กันดี จึงไม่ได้เข้าร่วมพิธีแต่งตั้งฐานันดรคราวนี้ด้วย
ตอนเ่ิูรับเอาตราประทับโหวมาจากมือลู่เฉาเกอนั้นเอง สายตานับคู่ไม่ถ้วนก็ได้มองตรงไปยังร่างของคนหนุ่มอายุน้อยผู้นี้
ประวัติศาสตร์บทใหม่ของอาณาจักรได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
ฐานันดรโหวที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ และทหารที่เลื่อนยศเร็วที่สุดจากผลงานของเขาอีกด้วย
วันนี้ สายตาหลายหมื่นคู่จับจ้องเ่ิูเป็ตาเดียว
เท่ากับแสดงว่าเ่ิูได้เข้าร่วมกลุ่มระดับสูงของกองทัพโยวเยี่ยนอย่างเป็ทางการ
เวลานี้ คนทั้งด่านโยวเยี่ยนเอ่ยแต่เื่ของโหวอายุน้อยผู้นี้
กองทัพประกาศสรรเสริญวีรกรรมของเ่ิูอย่างครึกโครม ไม่เสียดายว่าต้องผลาญแรงงาน แรงเงินและสิ่งของมหาศาล เพื่อปั้นให้เขาเป็ต้นแบบที่น่าเอาอย่างของทั้งกองทัพโยวเยี่ยนหรืออาจทั้งอาณาจักร
นี่ทำให้คนมากมาย นอกจากความอิจฉาริษยาแล้ว ยังเริ่มคาดคะเนไปต่างๆ นานาว่าเ่ิูผู้นี้เป็อย่างไรมาอย่างไรกันแน่ ถึงได้ทำอะไรราบรื่นเพียงนี้ หรือว่าเป็คนที่ชนชั้นสูงเก่าแก่ของอาณาจักรชุบเลี้ยงไว้อย่างลับๆ หรือจะเป็บัณฑิตอายุน้อยของราชสำนัก?
จากประวัติศาสตร์ที่ยังเรียกไม่ได้ว่ายาวนาน เคยปรากฏคนหนุ่มที่เฉิดฉายและเติบโตได้รวดเร็วนักมาบ้าง แต่บ่งชัดว่าเป็คนที่มาจากตระกูลขุนนางเก่าแก่ร่ำรวย ตระกูลชนชั้นสูงที่มีอำนาจในมือ ควบคุมศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรที่อายุไม่มาก การจะหาคนยากจนที่ได้แต่งตั้งยศถานั้น ช่างยากเย็นนัก
นับแต่ก่อตั้งอาณาจักรเป็ต้นมา คนผู้ประสบความสำเร็จที่สุดของชนชั้นล่าง ไม่พ้นเป็ฝั่งซ้ายของอาณาจักรเท่านั้น
แต่แม้ว่าจะเป็ฝั่งซ้าย กลับถูกตระกูลมีอิทธิพลเ่าั้กดทับไว้เสียมิด
หากไม่มีการสนับสนุนของตระกูลชั้นสูงอยู่เื้ั แล้วที่เ่ิูได้รับการแต่งตั้งเป็โหวนั้น ช่างเป็เื่ปาฏิหาริย์เกินจริงอย่างที่สุด
แล้วยังเื่ที่หลายวันก่อนเ่ิูตะลุมบอนกับผีกลุ้มจางซานที่เป็หนึ่งในั์ใหญ่ของกองทัพอีก? แต่เหตุที่จนวันนี้ยังไม่ได้แต่งตั้งเป็โหว เพราะมีอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่ง คือเขาเป็แค่ชนชั้นยากไร้เท่านั้น
ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เ่ิูกลายเป็คนที่เปล่งประกายเฉิดฉายที่สุดของด่านโยวเยี่ยนในชั่วข้ามคืน
บานประตูหอคอยอาชาขาว มีคลื่นคนหลั่งไหลมาไม่ได้ขาด
เสียดายที่หญิงแกร่งแห่งอาชาขาวเช่นอูหม่ายังคงอยู่ คนที่วางแผนจะเชื่อมสัมพันธ์เป็อันต้องโดนปิดประตูใส่หน้าเป็ของตอบแทน
...
สามวันต่อมา
เ่ิูออกจากหอคอยอาชาขาว
อาทิตย์ยามเช้าตรู่ยังไม่ขึ้นดี อากาศเย็นเช่นหน้าใบไม้ผลิเยือกเย็นถึงใจ
เ่ิูพาทาสกระบี่อาชาขาวไป๋หย่วนสิงเหยียบย่ำถนนสู่ค่ายทัพหน้า
ออกนอกบ้านเป็ครั้งแรกหลังได้รับการแต่งตั้งเป็โหว เ่ิูตัดสินใจจะไปเยี่ยมชมค่ายทัพหน้าเสียหน่อย
อันดับแรกคือ้าไปเยี่ยมเยียนท่านผู้เฒ่าหลี่ฉือเจินคนเก่าแก่ ส่งจดหมายที่เด็กหญิงชิงชิงจากลู่ิฝากมาให้ท่านผู้เฒ่า สองคือไปหาเวินหว่านและหลิวจงหยวน เมื่อวานพวกเขานัดพบกันไว้เป็อย่างดีแล้ว สองคนนี้ไม่มีเข้าเวรยามพอดี เหมาะกับการสังสรรค์พักผ่อน สามคือไปเยือนผู้บัญชาการทัพหน้าหลิวสุยเฟิง เพราะในงานฉลองแสดงความยินดีหลังพิธีแต่งตั้งฐานันดรโหว เ่ิูได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ว่าเมื่อได้สิทธิ์บัญชาการทหาร เขา้าเข้าค่ายทัพหน้า และหลิวสุยเฟิงก็มีท่าทียินดีต้อนรับอีกด้วย
ถนนหนทางว่างเปล่า
เวลาหวงห้ามเพิ่งสิ้นสุดลง คนบนท้องถนนจึงยังมีไม่มาก
เ่ิูแต่งกายสบายๆ ชุดขาวราวกับหยก ที่เอวมีกระบี่ยาวงามล้ำ ฉลุทองชั้นดีเล่มหนึ่งแขวนเอาไว้ ดูผ่านๆ นึกว่าคุณชายที่ไม่เป็วรยุทธ์ และไป๋หย่วนสิงที่แต่งอาภรณ์สีเขียวและหมวกปิดใบหน้า ดูมักน้อยอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองหาร้านข้างทางนั่งกินเต้าฮวย
เ่ิูวางชามอย่างนึกปลง “อย่างไรเสียฝีมือทำอาหารของอูหม่าก็เลิศรสนัก ของข้างนอกนี่กินแล้วไม่ประทับใจเอาเสียเลย” หลายวันมานี้ ปากของโหวเหย่หนุ่มติดใจรสชาติอาหารฝีมืออูหม่าเสียแล้ว
ประโยคนี้ทำให้เ้าของร้านมีสีหน้าไม่พอใจ
แต่ไม่นานนัก เมื่อไป๋หย่วนสิงส่งเงินก้อนหนึ่งให้ เ้าของร้านวัยห้าสิบกว่าปีก็ยิ้มร่าหน้าบาน
เมื่อกินเต้าฮวยหมดแล้ว เ่ิูกำลังจะลุกขึ้นเดินจาก ตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้าชุดหนึ่งดังขึ้นมา
ร่างที่รีบเดินดุ่มๆ หลายคนปรี่เข้ามาหน้าแผงร้านนี้ คนหนุ่มมีหนวดผู้เป็หัวหน้าะโสั่งเถ้าแก่ว่าเอาเต้าฮวยยี่สิบชาม จากนั้นจึงจับจองที่นั่ง ให้คนด้านหลังนั่งก่อน หัวหน้าของคนกลุ่มนี้คือชายกลางคนเคราดำยาว หัวเหม่ง ตาเป็ประกายวาววับ เป็ยอดฝีมือตัวฉกาจอย่างแน่นอน
คนกลุ่มนี้ส่วนมากสวมอาภรณ์ไหมยาว สวมเสื้อผ้าบางมาก ไม่สวมชุดเกราะ พูดจาสบายๆ ไม่มีความรอบคอบกวดขันตามฉบับทหาร พวกเขานั่งแล้วก็หัวเราะบ้างเสียงดังบ้าง ไม่ใช่ทหารอย่างแน่นอน กระทั่งไม่น่าใช่ประชาชนในด่านโยวเยี่ยนนี้ด้วย น่าจะเป็คนต่างถิ่นเสียมากกว่า
ครั้นจะบอกว่าเป็พ่อค้า ก็ไม่พบว่าพวกเขาหอบหิ้วสินค้าอะไรมาด้วย ไม่มีเกวียนบรรทุกสินค้า ไม่มีกลิ่นอายของกลุ่มพ่อค้าเลยแม้แต่น้อย
เ่ิูแปลกใจเล็กน้อย เขาอดชำเลืองมองไปบ้างไม่ได้
“ไอ้เด็กเวร มองอะไรหา ระวังลูกตาจะหลุดเอานะ” คนหนุ่มใบหน้าหยิ่งยโสกวาดตามองเ่ิู ด้านข้างเขามีหญิงสาวอายุน้อยใบหน้างามแฉล้มนั่งอยู่ เขานึกว่าเ่ิูมองผู้หญิงคนนั้น หนุ่มรุ่นถลึงตาแล้วด่าฉอด หน้ามีแววรังเกียจ
เ่ิูนิ่ง แล้วก็หัวเราะ
ทาสกระบี่อาชาขาวไป๋หย่วนสิงโกรธจัด ใจกำลังคิดว่าพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนจากไหนกล้ามาทำตัวเถื่อนๆ แถวนี้ กระทั่งกับโหวเหย่ยังกล้าทำกิริยาทรามใส่ ไม่รู้ว่าตายสะกดอย่างไรจริงๆ สินะเ้าพวกนี้ เขาปรี่จะเข้าไปด่า แต่ได้เ่ิูยกมือห้ามไว้ก่อน เป็เชิงบอกไป๋หย่วนสิงว่าไม่ต้องสนใจ
ไป๋หย่วนสิงถอยร่นอย่างร้อนใจ
สองคนลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป
เดินไปได้สิบกว่าก้าว ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮา มีบางคนชี้เ่ิูและไป๋หย่วนสิง เห็นได้ชัดว่ากำลังเยาะเย้ยเ่ิูและทาสกระบี่อาชาขาว
ไป๋หย่วนสิงหันขวับ เขาเห็นหมดทุกอย่าง อยากจะปรี่เข้าไปสั่งสอนคนกลุ่มนี้ให้หนักเสียจริง
แต่พอเห็นเ่ิูเดินจากไปเหมือนไม่ได้ยิน ไป๋หย่วนสิงก็ทำได้แค่รีบเดินตามไปเท่านั้น
“ไม่ช้าก็เร็วต้องทำให้เ้าพวกมีตาหามีแววไม่นี่รู้ความเก่งกาจของโหวเหย่ข้าให้จงได้”
ไป๋หย่วนสิงบ่นกระปอดกระแปดในใจ ภาษิตว่าไว้ นายอัปยศบ่าวตาย ความหมายคือหากบ่าวไม่อาจรักษาและปกป้องความน่าเคารพของเ้านายไว้ได้ เช่นนั้นก็ตายๆ ไปเสียดีกว่าอยู่ต่อ ไป๋หย่วนสิงเคารพเลื่อมใสเ่ิูจากใจ เขาไม่อาจยอมรับการที่คนอื่นไม่เคารพเ่ิู
เขาจำใบหน้านั้นได้
ข้างร้านอาหารเช้า
“ในด่านโยวเยี่ยนแห่งนี้ ทำไมมีพวกคุณชายเอ้อระเหยลอยชายอย่างนี้อยู่ได้นะ แววตาลอยๆ ที่มันมองศิษย์น้องเสี่ยวหัวเมื่อครู่นี้น่ะ ข้าคันไม้คันมืออยากจะควักลูกตามันออกมานัก” ชายหนุ่มมีหนวดที่ด่าเ่ิูเมื่อครู่ว่ากลั้วหัวเราะ
หญิงสาวอ่อนวัยใบหน้างามพร้อมได้ฟังแล้วก็ยิ้มบางให้เท่านั้น
สีหน้าและท่าทีของนางเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองที่ยากจะปิดบังไว้ได้
วัยรุ่นคนอื่นหัวเราะร่ากันยกใหญ่
มองออกเลยว่า อิสตรีสวยหยาดเยิ้มสวมชุดแดงผู้นี้ได้รับการต้อนรับจากเหล่าชายหนุ่มมากทีเดียว
กลับกันชายกลางคนเคราดำยาวด้านข้างกลับกระแอมทีหนึ่ง แล้วเอ่ย “มาด่านโยวเยี่ยนทั้งทีเอาจริงเอาจังเสียบ้างเถิด อย่าทำนิสัยเฉื่อยชาเหมือนตอนอยู่บ้านเลย ที่นี่มันกองทัพ หากไปทำผิดต่อทหารเข้าจะเป็เื่ยุ่งยากเอาได้”
“อาจารย์อา ท่านหวาดระแวงเกินไปเถอะ พวกเรามาช่วยนะ ทหารเถื่อนพวกนี้ควรจะขอบคุณเราถึงจะถูก” คนหนุ่มมีหนวดคนนั้นหัวเราะใหญ่ “อีกอย่างนะ พรรคจื่อเวยมียอดฝีมือมากมายอย่างกับเมฆ กองทัพต้องมีความยำเกรงต่อพวกเราอยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว พวกเราเป็คนของยุทธภพ เราไม่ใช่พวกทหารเถื่อนหน้าโง่พวกนั้น ทำผิดนิดผิดหน่อยมันเื่ปกติน่า”
“ฮึๆ หากเราแสดงฝีมือเราให้เห็น น่ากลัวว่าทหารเถื่อนพวกนั้นจะกลัวจนร้องเอาน่ะสิ?”
“คนของพรรคไม่เป็เช่นปุถุชน ไม่เกลือกกลั้วกับความโสมมของโลก แล้วก็ไม่เห็นค่าขนบของพวกกองทัพนี่อยู่ในสายตาด้วย”
กลุ่มหนุ่มสาวหัวเราะฮิๆ ฮ่าๆ กันอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ฟังคำอาจารย์อาเลยแม้แต่น้อย
ภายในเขตอาณาจักรเสวี่ยนั้น มีพรรคและกลุ่มต่างๆ เกิดขึ้นมาไม่น้อย
และพรรคจื่อเวยนี้ก็เป็หนึ่งในสามพรรคและสามกลุ่มใหญ่ของอาณาจักรเสวี่ย พลังมากมี ก่อนหน้าที่จะตั้งอาณาจักรเสวี่ย ก็มีอยู่มานานแล้ว เสียงข่าวว่าสืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี หลังสถาปนาอาณาจักร ยอมรับการปกครองของอาณาจักรเสวี่ย ก้มหัวเป็ขุนนางรับใช้ราชสำนักแห่งอาณาจักรเสวี่ย ได้รับอนุญาตจากราชสำนักให้สามารถทำทุกวิถีทางเพื่อปราบปรามผู้ร้าย กรุยทางเผยแ่ิทยายุทธ์ นับได้ว่าเป็กลุ่มอำนาจเลอเลิศที่สุดกลุ่มหนึ่งของอาณาจักรเสวี่ย
สาวกของพรรคทั้งหก ได้รับการถ่ายทอดวรยุทธ์อันลึกล้ำ มีผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์มาไม่น้อยในประวัติศาสตร์ คนจากพรรคโลดแล่นในยุทธภพอย่างสูงส่ง เป็ตัวตนที่อยู่เหนือจากมนุษย์โลก คำบอกกล่าวเกี่ยวกับพวกเขาในหมู่ชนล้วนเป็เื่เกี่ยวกับบุคคลที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น
ตามทฤษฎีวรยุทธ์แล้ว ผู้แข็งแกร่งที่มาจากพรรคย่อมจะได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธ์มามากกว่า และลึกซึ้งปราดเปรื่องกว่าทหารผู้กรำศึกฆ่าล้างศัตรูในสมรภูมิเป็ไหนๆ นี่เองคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงความอัตตาในตัวตนของสาวกพรรคทุกคน
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮาของเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องชาย หญิงงามก็เผยยิ้มบางอย่างเย่อหยิ่งออกมาเหมือนเช่นเดิม