ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้นเมื่อเฉินเหยียนกินดื่มเพียงพอแล้วก็หยิบห่อยาของท่านหมอหวังออกมาเปิดดมกลิ่นดู ก่อนเอาห่อยาทั้งหมดวางแผ่ออก
เขาหยิบยาสมุนไพรแต่ละอย่างขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียดจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่ายาเหล่านี้ไม่มีพิษจึงวางใจเทลงในอ่างอาบน้ำเขาอุ้มอ่างน้ำแล้วลองเดินไปทางซ้ายปรากฏว่าเป็ดังที่เขาคาดเอาไว้ว่าห้องสุดท้ายของที่นี่ก็คือห้องครัว
ข้าวของเครื่องใช้ที่เคยอยู่ในห้องครัวล้วนยังอยู่ครบเป็เพราะที่นี่เคยมีคนตาย คนของแต่ละเรือนเห็นว่าสิ่งที่คนตายเคยใช้เป็ของต้องห้ามจึงไม่มีใครย้ายข้าวของออกไปจากเรือนมู่หยวนด้วยกลัวว่าจะชักนำิญญามาหาโดยปกติแล้วพ่อบ้านหวังล้วนจัดคนมาทำความสะอาดทุกเดือน ทว่าคงเพราะพวกสาวใช้ที่มาทำความสะอาดก็คงกลัวจะถูกผีสิงจึงไม่ได้เคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย
เพราะอานิสงส์ของจิ่นเส้อที่ตายไปแท้ๆ เฉินเหยียนจึงได้มาอยู่ในเรือนมู่หยวนที่ไร้คนอยู่และไม่มีผู้ใดสนใจแห่งนี้หากเขาไม่ถือว่าเป็ข้อห้าม ก็ยังมีของชั้นเลิศอีกมากที่เอามาใช้ได้
หั่วอี้ออกไปรบครึ่งปีจึงกลับมา ในบ้านเป็ของเดิมแต่คนหาใช่ไม่ครานี้เขาพาอาหนูกลับมา ยามอยู่ในความอ่อนโยนของนางหั่วอี้ก็หลงลืมสตรีที่ชื่อจิ่นเส้อไปอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าการที่เขาเป็เช่นนี้นับว่าเป็คนไร้หัวใจหรือมีหัวใจ
ดูท่าว่าครั้งนั้น ก่อนจิ่นเส้อจะตายคงเป็ที่รักหลงอย่างมากกระมังดูจากค่าใช้จ่ายซึ่งใช้ในการตกแต่งที่แห่งนี้ก็มองออกแล้วแม้แต่ถ่านที่ใช้จุดไฟในห้องครัวก็ยังเป็ถ่านสีเงินชั้นเลิศที่จุดแล้วไม่มีควัน ในห้องเก็บของก็ยังมีของใช้ประจำวันมากมายที่ยังไม่ได้ใช้พื้นห้องนอนทำเป็โพรงใต้ดิน [1] เป็การก่อสร้างที่ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน
เฉินเหยียนสามารถจุดเตาในครัวได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงใดๆจากนั้นก็เติมน้ำใส่หม้อใหญ่ต้มให้ร้อน เขาเอาแต่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเตาจับตามองเปลวไฟลุกโชนอย่างเคลิบเคลิ้มเขาลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้มีชีวิตซึ่งปราศจากความกังวลเช่นนี้คือเมื่อใด
เวลาครึ่งก้านธูปหลังจากนั้น เมื่อทั้งน้ำอุ่นและยาของท่านหมอหวังถูกเทผสมกันลงในอ่างอาบน้ำเขาก็ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกแล้วลงไปแช่ในน้ำยาทั้งตัว
ชั่วอึดใจนั้น เฉินเหยียนต้องสูดหายใจลึกอย่างพึงพอใจเขาอยากดำดิ่งอยู่ในความรู้สึกที่ไม่ได้พบเจอมาแสนนานนี้ร่ำไปจนไม่อยากลุกขึ้น ความรู้สึกสบายสามารถกลบความเ็ปยามาแทั่วทั้งตัวถูกน้ำไปได้จนหมดสิ้นคืนนี้ได้กินข้าวร้อนๆ และอาบน้ำอุ่นๆ ทำให้เขาได้ัักับความรู้สึกของการเป็มนุษย์อีกคราหนึ่ง
เฉินเหยียนหลับตาทั้งคู่ลงเพื่อจะได้ตั้งใจเสพสุขกับความรู้สึกนี้ให้ถี่ถ้วนต่อให้ฮูหยินมีเจตนาแอบแฝงวางแผนใดจัดการเขาต่อให้ที่สุดแล้ววันคืนเช่นนี้จะเป็เพียงฝันตื่นหนึ่ง ต่อให้เขาต้องเอาความเป็มนุษย์หรือแม้แต่ร่างกายของเขาเข้าแลกกับวันคืนเช่นนี้ทุกสิ่งล้วนเก็บเอาไว้ค่อยเผชิญกับความจริงในวันพรุ่งก็แล้วกันเวลานี้ขอให้เขาได้ัักับการเป็มนุษย์ให้ถ่องแท้สักหนก่อนเถิด
ทว่าในขณะที่เฉินเหยียนกำลังเข้าถึงความรู้สึกนับร้อยของการเป็มนุษย์อยู่นั้นหูเขาก็กลับได้ยินเสียงบางอย่าง มีคนมา เขายังคงนิ่งเฉยหลับตาสนิท แต่ทั่วทั้งร่างกลับแอบเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้
เขาััได้ว่าคนที่มามีวรยุทธ์สูงส่งกว่าเขามากนัก การที่สามารถััได้ว่ามีคนเข้ามาเช่นนี้ก็ด้วยความสามารถพิเศษของเขาเขามีความสามารถพิเศษที่ไม่จำเป็ต้องใช้กำลังภายในก็สามารถได้ยินเสียงลมและแยกแยะเสียงได้นอกจากนี้กำลังภายในของเขาก็ยังถูกควบคุมเอาไว้ด้วยเคล็ดวิชาลับภายในตระกูล เหตุที่ต้องควบคุมเอาไว้ก็เพราะก่อนคนในตระกูลนี้จะสามารถปกป้องตนเองได้กำลังภายในของพวกเขาจะยังไม่แข็งแกร่ง แม้จะทำให้ศัตรูตัวชาได้แต่ก็จะทำให้พวกเขาไร้กำลังปกป้องตนเองเมื่อศัตรูเข้ามาจู่โจม
ผู้ที่มาใช้วิธีดอกตุ้มหูนางฟ้า [2] ด้วยการกลับหัวห้อยตัวลงมาจากบนชายคาเฉินเหยียนไม่กล้าขยับตัว ดีที่ก่อนที่คนผู้นี้จะมาเขาหลับตาอยู่ก่อนแล้ว ยามนี้เขายังคงอยู่ในท่าทางดื่มด่ำกับความสุขคล้ายกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับการแช่น้ำร้อนจนผล็อยหลับไป
ยิ่งแช่น้ำไปเรื่อยๆ แผลเน่าเปื่อยทั่วทั้งร่างเขาก็ค่อยๆอ่อนตัวลง มีหนอนจำนวนมากไชออกมาจากิัของเขา
ไม่รู้ว่าท่านหมอหวังจัดยาชนิดใดให้เขาคล้ายว่าหนอนพวกนี้จะไม่ชอบกลิ่นยานี่เสียอย่างยิ่งจึงพากันยกขบวนไชออกมาจากิัของเขา แต่เมื่อพวกมันคืบคลานออกมาจากตัวคนแล้วเจอเข้ากับน้ำยาก็ตายจนหมด
ทันใดนั้นบนผิวหน้าน้ำยาในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ก็มีซากหนอนจำนวนมากลอยอยู่เต็มอ่างหั่วอี้ห้อยหัวลงมาจากชายคาเห็นแล้วก็ขยะแขยงนัก เขายอมทนดูเืที่สาดกระเซ็นไปทั่วรวมทั้งซากศพของศัตรูยังดีเสียกว่าต้องมาเห็นหนอนตายพวกนี้ เห็นแล้วกระอักกระอ่วนเกินทน
หลังจากเขาทานอาหารเย็นกับฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ระหว่างทางกลับเรือนหลักก็ได้พบกับพ่อบ้านหวังที่กำลังเดินมาหาอย่างรีบร้อน
ปกติแล้วพ่อบ้านหวังจะไม่ไปดูแลความเป็อยู่ของนายในแต่ละเรือนขอเพียงไม่กระทบต่องานน้อยใหญ่ภายในจวนแม่ทัพเขาก็จะปล่อยให้แต่ละเรือนจัดการกันเองไม่เข้าไปก้าวก่ายใดๆ แต่ไม่ไปก้าวก่ายก็มิได้หมายความว่าเขาไม่รู้เื่ใดเลย
ฮูหยินให้คนผู้หนึ่งไปอยู่ที่เรือนมู่หยวนนี่กลับไม่ใช่เื่เล็กน้อย แม้ใน่เวลาสั้นๆ นี้ยังมองไม่ออกว่าเื่นี้จะส่งผลเสียใดต่อจวนแม่ทัพแต่การให้คนเข้ามาอยู่ในแต่ละเรือนเช่นนี้ เขาก็มิอาจไม่ไปสอบถามผู้เป็นายได้
เขาล้วนต้องจัดสรรค่าใช้จ่ายให้ตามลำดับชั้นของผู้ที่อยู่ในแต่ละเรือนพ่อบ้านหวังไม่รู้ว่าควรต้องจัดการดูแลเรือนมู่หยวนที่ปล่อยให้รกร้างมานานเช่นใดและคิดว่าฮูหยินที่เพิ่งมาใหม่คงจะไม่เข้าใจเื่นี้
เรือนมู่หยวนเป็ส่วนหนึ่งในหัวใจที่หั่วอี้ไม่อยากไปแตะต้องฮูหยินเพิ่งมาใหม่กระทำการโดยพลการ ไม่รู้ว่าบอกกล่าวกับท่านแม่ทัพก่อนหรือไม่ก็กลับพาคนเข้ามาอยู่แล้วพ่อบ้านหวังจึงคิดจะไปสอบถามหั่วอี้ให้แน่ชัดเสียก่อนค่อยตัดสินใจ
หั่วอี้นั้นรู้อยู่แล้วว่าหลิ่วจิ้งพาหนุ่มน้อยกลับมาด้วยคนหนึ่งและเขาเองก็เคยพบแล้ว ทั้งยังไม่สบอารมณ์กับเื่นี้นิดๆ ด้วย บัดนี้มารู้ว่าหลิ่วจิ้งให้คนเข้าไปอยู่ในเรือนมู่หยวนเขาไม่แม้แต่จะคิดก็ตัดสินใจว่าจะต้องไปดูที่เรือนมู่หยวนให้กระจ่าง
แต่เขาไม่คิดว่าตนจะได้มาเห็นภาพน่าขยะแขยงเช่นนี้ในเรือนมู่หยวนเขาจึงพุ่งความสนใจไปที่ตัวของเฉินเหยียนแทน ไม่ไปมองซากหนอนน่าสะอิดสะเอียนที่ลอยอยู่เต็มผิวหน้าน้ำ
ในพริบตาที่เด็กหนุ่มขยับเปลี่ยนท่าขณะแช่น้ำยา หั่วอี้จึงพบว่ารอยแผลเป็และาแทั่วทั้งร่างของเด็กหนุ่มนั้นมีมากกว่ารอยแผลบนตัวเขาที่เผชิญศึกน้อยใหญ่มานับครั้งไม่ถ้วนเสียอีกยิ่งไปกว่านั้นเพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าาแทั้งหมดเป็เพราะถูกคนกระทำ
หั่วอี้เคยเห็นความเป็ตายมาจนชิน แต่เมื่อมาพบภาพเช่นนี้ก็ยังอดมีเพลิงโทสะลุกโชนขึ้นในอกมิได้หากเขารู้ว่ามันผู้ใดเป็คนทำ เขาจะต้องใช้วิธีของมันเอาคืนให้คนเ่าั้ได้ลิ้มรสการาเ็เช่นนี้บ้าง
หั่วอี้ไม่ใช่คนที่คิดกอบกู้โลก และยิ่งไม่ได้รู้สึกสงสารกับความอยุติธรรมที่เด็กหนุ่มได้รับเขาก็แค่ทนดูพวกมีพฤติกรรมน่ารังเกียจที่ชอบข่มเหงบุรุษขืนใจสตรีไม่ได้เท่านั้น
เขามีสตรีมากมายก็จริงอยู่ แต่เขาไม่เคยบีบบังคับจับตัวมาที่จวน สตรีคนใดที่ตามเขาเข้าจวนล้วนเป็เพราะยินยอมมาเองทั้งสิ้นนอกจากองค์หญิงที่เขาเอาชนะการประลองและพากลับมาจึงเป็ข้อยกเว้น และด้วยสาเหตุนี้เขาจึงไม่เคยบีบบังคับหลิ่วจิ้งซึ่งนั่นก็เพราะเขาจะไม่ไปบังคับใจสตรี ยิ่งไม่ใช้อำนาจของตนไปขืนใจเพื่อให้ได้ตัวของสตรีมา
ตลอดหนึ่งเดือนกว่ามานี้ เขาคอยจินตนาการถึงภาพที่ตนได้สำเริงสำราญกับหลิ่วจิ้งมาหลายครั้งหลายหนและต้องพยายามข่มใจอย่างยากลำบาก แต่เขากลับไม่เคยคิดจะบังคับขืนใจนางแม้สักครา ทั้งที่สตรีที่ตามเขามาล้วนยินยอมพร้อมใจให้เขายิ่งนัก
ดูท่าว่านี่คงจะเป็เด็กคนหนึ่งที่ถูกข่มเหงทารุณมาอย่างสาหัสสากรรจ์ในเมื่อฮูหยินอยากเก็บเอาไว้ก็ตามใจนางเถิด
เมื่อคิดถึงหลิ่วจิ้ง ตัวเขาก็มีไฟร้อนรุ่มขึ้นมา หั่วอี้ไม่มีแก่ใจจะไปคอยดูเ้าหนุ่มในเรือนมู่หยวนผู้นี้อีกว่าแล้วก็ะโขึ้นไปบนอากาศ ดีดตัวไปตามหลังคามุ่งหน้ากลับไป
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] โพรงใต้ติน เป็วิธีการสร้างความอบอุ่นภายในห้องมีโพรงที่เชื่อมต่อกับเตาไฟ เมื่อมีการก่อไฟข้างนอก ความอบอุ่นก็จะเข้าไปภายในห้อง
[2] ดอกตุ้มหูนางฟ้า หรือดอกฟิวเซีย หรือดอกโคมญี่ปุ่นเป็ดอกไม้ที่ตัวดอกห้อยหัวลงด้านล่าง ดอกหนึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้หลายสีตามอายุของดอก
