ร้านยาถงอัน
ท่านจ้าวเดินวนไปมาในเรือน สีหน้าฉายความกังวล ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างๆ ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลกลัวจะทำให้เขาโมโห แล้วตอนนั้นเองด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ชายหนุ่มสวมชุดบ่าวรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
"เป็อย่างไรบ้าง? เจอตัวนายน้อยหรือยัง?" ท่านจ้าวเห็นบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา ดวงตาทอประกาย รีบเดินไปหาแล้วถามด้วยความร้อนใจ
ชายหนุ่มหายใจหืดหอบ แล้วส่ายหน้า "ไม่เจอขอรับ ข้าส่งคนไปตามหาแล้วแต่ก็ไม่เจอร่องรอยของนายน้อยเลย ท่านจ้าว ท่านว่านายน้อยจะ..."
ท่านจ้าวตวาดตัดบทก่อนที่บ่าวรับใช้จะทันได้พูดจบ "จะอะไรกัน! พวกเ้าไร้ประโยชน์สิ้นดี ไม่ปกป้องนายน้อยให้ดี! พวกเ้าจำเอาไว้ หากนายน้อยมีชีวิตพวกเ้าก็จะยังมีลมหายใจ แต่หากเกิดเื่อะไรขึ้นกับนายน้อย พวกเ้าคิดว่าตนเองจะมีจุดจบที่ดีเช่นนั้นหรือ!”
สีหน้าของชายหนุ่มฉายความหวาดกลัว เขารู้ดีว่าจะมีจุดจบเช่นไรหากหาตัวนายน้อยไม่เจอ
นายน้อยเป็ความหวังของตระกูลหรง เป็หัวหน้าตระกูลคนต่อไป หากพวกเขาไม่เจอตัวนายน้อย คนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ก็ต้องตาย ไม่มีผู้ใดได้รับการยกเว้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ชายหนุ่มก็วิ่งออกไปอีกครั้ง ดูท่าคงจะไปตามหานายน้อยของพวกเขาต่อแล้ว
อาฝูและเสี่ยวหมานอยู่ที่ตระกูลซ่งมาสามวันแล้ว พวกนางปรับตัวกับชีวิตในตระกูลซ่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ซ่งอวี้ไม่ต้องคอยกังวลเื่งานในเรือน แน่นอน เื่ที่ควรกังวลก็ยังคงต้องกังวล ยกตัวอย่างเช่นพวกคนไข้อิจฉาตาร้อนและพวกคนนอกที่อยากฉวยผลประโยชน์
ในเรือนของซ่งอวี้มีคนเพิ่มขึ้นมาสามคนเป็เื่ที่สังเกตเห็นได้ง่าย แม้จะเป็สองหญิงหนึ่งเด็กแต่ทุกคนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวต่างรู้ดีว่าซ่งอวี้ไม่มีญาติ นางเป็หญิงกำพร้าแล้วคนเหล่านี้มาจากที่ใด?
ความสงสัยเป็ปัจจัยหลักของความอยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านเสี่ยวหนิวจอมสงสัยแสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่ ไม่ถึงหนึ่งวันพวกเขาก็รู้แล้วว่าอาฝูและเสี่ยวหมานเป็ใคร พวกนางเป็ทาสที่ซ่งอวี้ซื้อกลับมา ทั้งยังเป็ทาสที่มีสัญญาซื้อขาย!
หมู่บ้านเสี่ยวหนิวเลื่องชื่อว่าเป็หมู่บ้านยากไร้ ความยากไร้จำกัดจินตนาการของพวกเขา เข้าใจเพียงว่าซ่งอวี้ร่ำรวยแล้ว ดังนั้นจึงสร้างเรือนและซื้อทาสได้ ชาวบ้านมากมายต่างอิจฉาตาร้อน คนส่วนมากครุ่นคิดว่าพวกเขาจะแสวงหาผลประโยชน์จากเื่นี้ได้อย่างไร
"ซ่งอวี้อยู่เรือนหรือไม่?"
หญิงวัยกลางคนสวมชุดสีแดงหมวกสีเขียวส่งเสียงเรียกดังขึ้นด้านนอกประตู ดวงหน้าของนางเปื้อนยิ้มมองดูแล้วเป็มิตรยิ่งนัก แต่ดวงตาของนางกลับกลอกไปมาตลอดเวลา มองเรือนของซ่งอวี้อย่างพิจารณา
เวลานี้อาฝูคอยดูแลงานบ้านอยู่ในเรือน นอกจากมีความจำเป็จริงๆ แล้ว นางจะไม่ก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ด้วยเหตุนี้เมื่อมีคนมานางจึงได้ยินเสียงทันที รีบไปเปิดประตู
"ท่านคือ?" อาฝูไม่เคยพบเจอคนที่ยืนอยู่หน้าประตูมาก่อน แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วกลับรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก หรือว่าจะเป็แม่สื่อ?
หญิงวัยกลางคนเห็นอาฝูเดินมาเปิดประตู นางเดาว่าอาฝูต้องเป็สาวใช้ของซ่งอวี้ จึงเชิดหน้าขึ้นทำตัวหยิ่งผยองเล็กน้อย "เ้าคือสาวใช้ในเรือนของซ่งอวี้ใช่หรือไม่ ข้าเป็น้าของซ่งอวี้ ไปบอกนาง ข้ามาหานาง"
อาฝูขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นคลายคิ้ว "ที่แท้ก็เป็ท่านน้าของคุณหนูนี่เอง ช่างไม่บังเอิญจริงๆ คุณหนูออกไปเก็บสมุนไพรไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด ประเดี๋ยวท่านค่อยมาใหม่ดีหรือไม่?"
คุณหนูบอกว่าชาวบ้านส่วนมากในหมู่บ้านล้วนไม่คบค้าสมาคมกับคุณหนู เวลานี้คุณหนูกำลังศึกษาวิชาแพทย์ไม่มีเวลามาต้อนรับคนในหมู่บ้าน หากมีคนมาหาให้ไล่ไปได้เลย แล้วค่อยมาบอกนางทีหลังก็พอแล้ว
แม้อาฝูจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ข่าวลือด้านนอกก็ไม่เคยเงียบหาย บางคนถึงขั้นพูดกันในละแวกบ้านซ่งอวี้ ไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย คำพูดของพวกเขาล้วนสื่อให้รู้ว่าจะแนะนำญาติของตนเองให้มาแต่งงานกับซ่งอวี้เพื่อสืบทอดทรัพย์สินทั้งหมดของซ่งอวี้
อาฝูหัวเราะ คิดว่าจะจับคุณหนูได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ว่าคุณหนูยอมหรือไม่ ลำพังด่านของนางและเสี่ยวหมานก็ไม่อาจผ่านไปได้ง่ายๆ แล้ว คนเหล่านี้ล้วนไม่มีใครเจตนาดี พวกนางไม่มีวันปล่อยให้คนพวกนี้เข้าไปในเรือนเด็ดขาด
เป็จริงตามคาด เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ฟังก็พูดเสียงแหลมขึ้นทันที "ทาสชั้นต่ำ ข้ามีเื่น่ายินดีจะมาคุยกับซ่งอวี้ หากเ้าขัดขวางไม่ให้ข้าเข้าไป ทำลายอนาคตของซ่งอวี้ ระวังนางจะเอาสัญญาซื้อขายของเ้าไปขายทิ้ง!”
เื่น่ายินดีอะไรกัน อยากจะแนะนำบุรุษผู้โลภมากให้คุณหนูไม่ใช่หรือ?
บุรุษที่อาฝูดูถูกมากที่สุดคือบุรุษที่เห็นแก่ความร่ำรวยของสตรี นางหัวเราะในใจพลางพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "ท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ หากคุณหนูอยู่ในเรือน ข้าที่เป็เพียงสาวใช้จะกล้าไล่ท่านน้าของคุณหนูได้อย่างไร แต่ว่าช่างไม่บังเอิญจริงๆ คุณหนูไม่อยู่ ข้าไม่อาจให้ท่านเข้ามาในเรือนได้"
หญิงวัยกลางคนเห็นอาฝูพูดด้วยความจริงจังก็อดไม่ได้ที่จะพูดบ่นในใจ "หรือว่าซ่งอวี้ไม่อยู่ในเรือนจริงๆ?"
อาฝูมองหน้าหญิงวัยกลางคนด้วยดวงหน้าที่เปื้อนยิ้ม ไม่ว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร นางพูดเพียงสิ่งเดียวก็พอแล้ว 'คุณหนูไปเก็บสมุนไพร ไม่อยู่ในเรือน ไม่ให้นางเข้ามา'
หญิงวัยกลางคนจนปัญญา สะบัดผ้าเช็ดหน้า เอามือท้าวเอว "เมื่อซ่งอวี้กลับมาเ้าต้องบอกนาง ข้าแม่สื่อเฉียนมาหานางเพื่อคุยเื่สำคัญในชีวิตของนาง หากนางรู้ความก็น่าจะรู้ว่าแม่สื่อเฉียนคนนี้หวังดีกับนาง"
อาฝูตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วปิดประตูอย่างเป็มิตร
เวลานี้เสี่ยวหมานเดินออกมาจากเรือน ถามด้วยความสงสัย "พี่อาฝู คนที่มาเมื่อครู่คือผู้ใดหรือ?"
เสียงพูดเมื่อครู่ดังยิ่งนักทั้งยังเคล้าไปด้วยความหยิ่งผยอง ทำให้เสี่ยวหมานฟังแล้วไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่อาฝูไม่ใช่คนพูดมาก บอกเพียงว่าเป็ชาวบ้านในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวมาทักทายเท่านั้น หลังจากนั้นก็เข้าไปในห้องแปรรูปสมุนไพรของซ่งอวี้ เล่าเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ซ่งอวี้ฟังอย่างละเอียด
เมื่อครู่ซ่งอวี้ได้ยินั้แ่แรกแล้ว แค่เจตนาไม่โผล่หน้าออกไปเท่านั้น เมื่อได้ฟังก็เพียงแค่ยิ้ม "ไม่ต้องสนใจ แค่พวกที่ชอบก่อปัญหาเท่านั้น"
เวลานี้เห็นชีวิตของซ่งอวี้ดี หลี่เฉิงก็หายสาบสูญไป คนที่อยากฉกฉวยผลประโยชน์จากนางไม่ได้มีแค่คนสองคน สำหรับคนประเภทนี้และเื่เช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดคือไม่ต้องสนใจ
อาฝูพยักหน้าครุ่นคิด นางเชื่อมั่นในความสามารถของซ่งอวี้ มั่นใจว่าซ่งอวี้ย่อมมีความคิดเป็ของตนเอง ตนแค่เฝ้าประตูให้ดีก็พอแล้วอย่าให้คนพวกนั้นเข้ามาในเรือน
สำหรับซ่งอวี้แล้ว เื่เหล่านี้เป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้น แต่นางกลับลืมไปว่าเวลานี้ในเรือนยังมี 'แขก' อีกคนหนึ่ง เื่เหล่านี้ 'แขก' คนนั้นได้ยินหมดแล้ว
แม้หรงจิ่งจะไม่ได้าเ็สาหัส แต่ก็ต้องรักษาตัวให้ดี ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งวัน เวลาส่วนมากของเขาล้วนหมดไปกับการนอนหลับเพื่อทำให้ตนมีเรี่ยวแรง มีเพียงตอนทานอาหารและกินยาเท่านั้นที่เขามีสติที่สุด
เมื่อครู่เสี่ยวหมานเพิ่งไปส่งยาให้หรงจิ่ง ดังนั้นไม่ได้มีเพียงแค่นางที่มองเห็นและได้ยิน หรงจิ่งก็รับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกัน
แม่นางซ่งดูแล้วอยู่ในวัยผลิบานหรือว่ายังไม่ได้หมั้นหมายกับผู้ใดหรือ?
หรงจิ่งข่มความสงสัยเอาไว้ในใจ รอเสี่ยวหมานเข้ามาเก็บกวาดเขาค่อยแกล้งถามอย่างไม่ใส่ใจ "ข้ารักษาตัวอยู่ในเรือนมาหลายวันแล้ว เหตุใดจึงไม่เห็นบุรุษแม้แต่คนเดียวหรือว่าพวกเขาไปทำการค้าด้านนอกหรือ?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้