ยาชิงมองหว่านฉือเดินออกไป แผ่นหลังค่อยๆ เปลี่ยนจากใหญ่เป็เล็กในคืนสลัวค่อยๆ กลายเป็จุดสีดำผสานเข้ากับพื้นหลังมืดมิดจนมองไม่เห็น
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วค่อยเคาะประตูเบาๆ
“ไปแล้วหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เตรียมรถเรียบร้อยหรือยัง?”
“อยู่ที่ประตูหลังพ่ะย่ะค่ะ”
“คอยดูแลในจวนด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากสนทนากันสั้นๆ ก็มีเสียงเอี๊ยดออกมาจากด้านในผ่านไปสักครู่ก็กลับมาเป็ปกติ
หรงซิวย่องออกมาจากห้องอย่างมือเท้าเบา ตลอดเวลานั้นราบรื่นมากเมื่อมาถึงประตูหลังเขาก็นั่งรถม้าตรงไปที่จวนอวิ๋น
เมื่อถึงกลางดึกบนถนนแทบจะมิมีผู้คนเสียงของกีบม้าลากรถนั้นดังชัดเจนไปทั้งถนนเข้าไปในหูฟังแล้วดูมีจังหวะจะโคนมาก
หรงซิวฟังเสียงอย่างเบื่อหน่ายก้มหน้ามองขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ
ลูกพลัม ของว่าง ลูกเกดและอีกมากมายล้วนเป็ของที่สตรีตัวน้อยชอบทาน
นางชอบทานของว่างของหวานเยอะแยะปานนี้ทว่าสิ่งที่พูดออกมาแต่ละวันก็ยังคงยียวนรสขมอยู่ดี
พูดหาเื่เขาทั้งวัน
หรงซิวคิดอย่างี้เีท่าทีปากคอเราะรายของนางพลันปรากฏขึ้นในตาของเขาพลันกัดฟันกรอดอย่างอดกลั้นต่อความเย้ายวนมิได้
เมื่อเขากลับมาได้สติ รถก็หยุดอยู่ที่หน้าจวนแล้ว
ทหารยามเรียกไม่กี่ครั้งก่อนที่เขาจะถนหายใจเบาๆ และลงจากรถช้าๆ
โบกมือให้ผู้ติดตามออกไป เมื่อเขาเห็นรถม้าออกไปไกลเขาก็เดินไปทางประตูข้าง
ค่ำคืนยิ่งมือลงเรื่อยๆ จวนอวิ๋นปิดประตูใหญ่ตั้งนานแล้ว เขาเป็ถึงองค์ชายจึงควรรู้กาลเทศะเขาไม่ควรจะปรากฏตัวหน้าบ้านพ่อตาในเพลานี้
เขามาหาอวิ๋นอี้ ไม่อยากสร้างปัญหาให้มากจึงค่อยๆ แอบปีนกำแพงจากประตูด้านข้างเข้าไปในจวน
หรงซิวความจำดี เขามิได้มาที่จวนบ่อยนัก แต่คุ้นเคยกับตำแหน่งสถานที่เป็อย่างดี เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาออกมาจากเรือนหลังอย่างง่ายดายแล้วใช้โอกาสในเวลาที่มิมีผู้คนเข้าไปในเรือนของอวิ๋นอี้
ไทเฮารับสั่งให้นางกลับตระกูลอวิ๋นมาดูแลอวิ๋นเส่าต้าว สตรีรับใช้เซียงเหอก็คอยอยู่ตัวติดกับนางตามธรรมชาติ
หรงซิวเดินเข้าไปในเรือนพลันเห็นเซียงเหอก่อนเป็คนแรก นางนั่งเฝ้าอยู่ที่ทางเดินถือตะเกียงไฟแล้วกำลังเดินออกไปข้างนอกช้าๆ
เหมือนกับว่าจะสังเกตเห็นสายตาของเขา วินาทีต่อมานางก็หันขวับมองไปทางเขา
เซียงเหอใมาก กะพริบตาแรงแล้วพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “องค์...องค์ชาย...”
“ชู่ว” หรงซิวใช้นิ้วกดริมฝีปาก สายตามองไปที่ห้อง คิ้วก็เลิกขึ้นเล็กน้อย “พระชายาเล่า? นอนหลับไปแล้วหรือ?”
เซียงเหอส่ายหัวพยายามพูดเสียงเบา “ยังเพคะ พระชายาบอกว่าหิว ข้ากำลังจะไปเตรียมของทานให้นางเพคะ”
“เ้าออกไปเถิด” หรงซิวเดินเข้ามาสามก้าว เอาขนมของว่างที่เตรียมมาไปไว้ด้านหลังแล้วพูดสั่ง “อย่าบอกผู้ใดว่าข้ามา ดูประตูเรือนให้ดีด้วย”
“เพคะ!”
เซียงเหอยังคงตะลึงอยู่นั้นตอบรับทันทีอย่างสับสน
หรงซิวค่อยๆ ผลักประตูห้องออกไป เขาชะโงกหน้าออกไปก่อนครึ่งหนึ่ง สายตาเหลือบมองไปในห้องโดยรอบก็เห็นเงาของสตรีสาว
นางใช่เสื้อด้านในสีเรียบๆ ภายใต้แสงไฟสลัว ใบหน้าที่งดงามใบนั้นดูละเอียดอ่อนนุ่มเด้งและมีสีแดงราวกับผลไม้ลูกสุกงอม มองดูล่อใจพาให้คนไป่ชิงมันมา
หรงซิวเริ่มมีความสนใจขึ้นมา เขาเดินไปข้างหน้าอย่างมือไม้เบาจนถึงร่างของนาง ในมือของสตรีสาวมีหนังสืออยู่ นางอ่านมันอย่างใจจดใจจ่อ มิได้รู้สึกเลยว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้
เขาก้มศีรษะเหลือบมองลงไปสายตาเพียงแวบเดียวหลังจากที่ทำกระไรไม่ถูกก็ใ เขาพลันเอามือปิดตานาง
อวิ๋นอี้ที่กำลังอ่านหนังสืออย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็ถูกปิดตามืดนางจึงโกรธจัดขึ้นมาทันใด ะโเสียงดัง “ผู้ใดกัน?! เอามือออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
เมื่อพูดออกไปตัวนางถึงได้หลีกออกตาม
นี่นางอยู่ในห้องส่วนตัว ผู้ใดจะมาเล่นพิเรนทร์ได้
อวิ๋นอี้กัดฟันขู่ “เซียงเหอ! เ้ากล้ามากนะ! กล้าที่จะล้อเล่นกับข้า! ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้มิฉะนั้นจะได้เห็นดีกันว่าข้าจะจัดการกับเ้าอย่างไร!”
“จะจัดการกับข้าอย่างไรหรือ?” หรงซิวพูดช้าๆ แล้วถามนางด้วยรอยยิ้มว่า “จะตบตี หรือจะด่า หรือว่าจะจูบดี?”
เสียงต่ำของบุรุษหนุ่มราวกับเหล้ารสฝาด อวิ๋นอี้ฟังออกทันทีตามด้วยมือของเขาที่ปิดตานางอยู่พลันมีกลิ่นหอมละมุนโชยมาทำให้นางมั่นใจแล้วว่าหรงซิวมา
“มาได้อย่างไรเพคะ?” นางโผลงออกไปไม่สามารถกดเก็บความประหลาดใจไว้ได้ แกะมือของเขาออกพลางหันหน้ากลับไปมองเขา “ดึกเช่นนี้แล้ว ฝ่าามาจากประตูหน้าหรือเพคะ?”
“ปีนกำแพงมา” หรงซิวยิ้มตามท่าทีของนาง อวิ๋นอี้พาดมือลงบนตัวของเขามือหนึ่ง “เหตุใดมาถึงไม่บอกให้เซียงเหอมารายงานเล่าเพคะ? ทำเอาข้าใแทบแย่นึกว่าคนร้ายจากที่ใด!”
“หากให้นางรายงานแล้วข้าจะได้เห็นเ้าอ่านหนังสือหรือ” เขาพยุงนางให้นั่งลง เอาของว่างที่พกมาวางลงพูดหยอกล้อนางพลางแกะห่อของให้ “ที่แท้พระชายาอ่านหนังสืออารมณ์พลุ่งพล่านเช่นนี้เชียวหรือ?”
“มิใช่นะเพคะ!” อวิ๋นอี้หน้าแดง ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี “ข้าอ่านแต่หนังสือดีๆ นะเพคะ”
“อ้อ?” หรงซิวจงใจทำท่าทำทาง “จริงหรือ?”
ร่างของเขาเอนไปด้านหน้ามือยาวๆ ยื่นออกมาหนังสือที่หล่นลงไปที่เบาะนั่งถูกเขาหยิบขึ้นมา
อวิ๋นอี้รีบร้อนทันใด ลุกขึ้นมาอยากจะไปแย่งมา น้ำเสียงของบุรุษหนุ่มเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเล็กน้อยพูดช้าๆ ว่า “เขาถอดเสื้อของนางออกเผยให้เห็นหน้าอกขาวอวบอิ่มรูปทรงงดงาม ราวกับจะกุมอยู่ในฝ่ามือได้เขาคิดเช่นนั้นในใจ และในความจริงเขาก็ทำเช่นนั้นด้วย...”
น้ำเสียงของหรงซิวเดิมทีก็น่าฟังอยู่แล้ว ทว่าเมื่อตั้งใจอ่านเป็จังหวะก็ทำให้อวิ๋นอี้หน้าแดงระเรื่อแววตาเป็ประกายของนางมองเขาราวกับไฟจะลุกได้ทุกเวลา
“หุบปากเลยเพคะ!”
“ได้ ได้ ได้” หรงซิวไม่อยากจะยียวนแม่เสือของเขาจึงวางหนังสือไว้ข้างๆ
ในขณะที่ไม่คาดคิดเขาก็เอามือทั้งสองจับหน้านางจุมพิตลงที่ริมฝีปากที่ดูเกรี้ยวโกรธนั้น
จูบของหรงซิวเร่าร้อน ไม่นานนักอวิ๋นอี้ก็อ่อนยวบไปทั้งร่าง
บุรุษหนุ่มยิ้มเบาๆ อุ้มนางขึ้นมา พานางไปที่เบาะอย่างระมัดระวังแล้วนั่งลง “อย่าโกรธเลยนะ ได้ยินว่าเ้าหิว ข้าเอาของว่างมาให้เ้าด้วย ชิมหน่อยหรือไม่?”
อวิ๋นอี้เห็นขนมั้แ่เมื่อครู่แล้ว นางพึมพำอย่างเคอะเขินเห็นว่าเขาจะป้อนนาง นางก็ไม่ปฏิเสธ
นางกัดขนมมาจากมือของเขาพลันถามเขา “เพิ่งจะเจอท่านตอนเช้าเองนี่เพคะ กลางคืนจะมาทำไมอีก?”
“คิดถึงเ้าน่ะสิ” คำตอบของเขาเอ้อระเหยฟังดูเ้าชู้เล็กน้อย
อวิ๋นอี้เคี้ยวขนมพ่นลมเบาๆ ไม่ตอบโต้กระไร
“พูดกับเ้าเื่หนึ่งสิเมียจ๋า” หรงซิวมองนางทานแล้วรินชาให้อย่างเหมาะเจาะ “อีกสองวันข้าจะออกจากเมืองหลวง”
“จะไปที่ใดหรือเพคะ?” อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้นยัง คิดมิออกว่าจะพูดกระไรก็ได้ยินเข้าพูด “ถึงเวลานั้นเ้าไปกับข้านะ”
“ข้าไปมิได้” นางมุ่ยปากแล้วทานช้าลง “ไทเฮารับสั่งอย่างชัดเจนว่าให้ข้ากลับจวนข้าไปที่ใดมิได้ ออกจากเมืองหลวงก็มิได้”
“เื่นั้นข้ามีวิธี เ้าไปกับข้าเถิด” หรงซิวอ้อนวอนนางด้วยคำพูดดีๆ ที่หายาก “ไว้หน้าข้าหน่อยนะ หืม? บุรุษของเ้าจะต้องไปตั้งกี่เดือนหากมิได้เจอเ้าจะไม่คิดถึงข้าแย่หรือ?”