เมื่อหลี่เทียนิได้ยินจ้าวอี้พูดเช่นนี้ เขาชะงักและะเิอารมณ์ออกมาทันที
เขายืนขึ้นทันที สองมือยันโต๊ะ ร่างกายโน้มไปด้านหน้า จ้องไปที่จ้าวอี้และตวาดลั่น “ฉันพูดไปแล้วไงว่าฉันกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ ฉันเล่นไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นอยู่ ฉันไม่รู้เื่โว้ย พวกแกเข้าใจภาษาคนไหมวะ?”
“ใจเย็นๆ ก่อนคุณหลี่ พวกเรามาที่นี่เพื่อค้นหาความจริงในเร็วที่สุด ไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีคุณเลยนะครับ”
จ้าวอี้แค่มองเขาอย่างสงบ แต่ฉือผิงฮุยที่อยู่ข้างๆ นั่งไม่ติดอย่างเห็นได้ชัด เขาปลอบประโลมอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าฆาตกรก่อเหตุใน่เวลานี้จริง คุณก็ถือเป็ผู้สมรู้ร่วมคิด! ใครจะพิสูจน์ได้ล่ะว่าคุณไม่ได้ร่วมมือกับฆาตกรน่ะ? เพราะจะไม่มีใครเชื่อว่าคุณอยู่ใกล้ขนาดนั้นแต่ไม่รู้ว่าฆาตกรอะไร!”
จ้าวอี้เหมือนจงใจกระตุ้นเขา สิ่งที่เขาพูดออกมาเกือบทำหลี่เทียนิเป็บ้า!
เขาหมุนตัวหาของบางอย่าง ปากก็พูดไปด่าไปคล้ายหาของไม่เจอ เขาจึงร้องไห้ออกมา
“ฉันเสียใจมากเลยนะ! ในใจฉันขมขื่นมากพอแล้ว พวกแกมันไม่ใช่คน แล้วแกยังพูดแบบนี้อีก ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...”
หลี่เทียนิเป็ชายหนุ่มอายุยี่สิบ เขาร้องไห้อย่างหนัก ฟังแล้วโศกเศร้ามาก
ฉือผิงฮุยปวดหัว คิดวิธีเตรียมปลอบโยนหลี่เทียนิ ทันทีที่เห็น เขาอยากหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะ อดทนอย่างมากเลยทีเดียว
“ดังนั้น คุณต้องนึกถึงรายละเอียดทั้งหมดให้ได้มากที่สุด อาจเป็เพราะความสนใจของคุณทั้งหมดในตอนนั้นอยู่ที่การเล่นโทรศัพท์ แต่คนเราต่างมีจิตใต้สำนึก ไม่แน่ว่าคุณอาจนึกรายละเอียดบางอย่างขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งมันจะเป็ประโยชน์ต่อการไขคดีของพวกเราอย่างมาก ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากให้พวกเราหาแพะรับบาปใช่ไหมล่ะครับ?”
คำพูดชี้แนะอย่างจริงใจของจ้าวอี้ทำให้หลี่เทียนิสงบลง
เขาเช็ดน้ำตาที่หางตา รอจนอารมณ์สงบลงแล้วเขาจึงพูดขึ้น “พวกคุณถามมาเถอะ ถ้าผมนึกรายละเอียดอะไรออก ผมจะบอกพวกคุณแน่”
“เยี่ยมเลย งั้นคุณลองเล่าเหตุการณ์หลังจากที่ลุงของคุณกับโจวเหวินิพูดคุยกันเสร็จอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้หน่อยสิครับ”
"ตอนนั้นลุงเรียกผมสองรอบให้ผมส่งแขก ผมได้ยินแค่นั้น พอส่งเขาออกจากประตูใหญ่ก็มีพ่อบ้านมารับ่ต่อ จากนั้นผมก็กลับไปที่ห้องของลุง ระหว่างนี้ผมก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ใช่แล้ว พี่สาวของผมเข้ามาในห้องพอดี ตอนนั้นเธอกรีดร้องแล้วก็เรียกหมอ"
“คุณติดโทรศัพท์มากเลยเหรอ?”
จ้าวอี้ถามอย่างอดไม่ได้
โดยปกติแล้ว สถานะของเขาถือเป็ลูกคนรวยคนหนึ่ง คงไม่ไร้ประโยชน์ขนาดนั้นหรอก?
หลี่เทียนิหัวเราะเยาะตนเอง “ก่อนหน้านั้น การแข่งรถมีปัญหาเล็กน้อยน่ะ บวกกับร่างกายของลุงก็แย่ลงทุกวัน พ่อผมเลยสั่งกักบริเวณผม พออยู่บ้านมันก็น่าเบื่อ ผมเลยหาเกมเล่น ผมไม่คิดว่าพอเล่นแล้วมันจะสนุกหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมไม่แตะมันแล้ว”
“อืม งั้นคุณพบว่าพ่อของคุณฆ่าตัวตายได้ยังไง?”
“สถานการณ์ตอนนั้นวุ่นวายมาก คุณก็รู้ว่าลุงของผมเป็เสาหลักของทั้งครอบครัว พ่อของผมน่าจะได้ยินข่าวการตายของลุงเลยฆ่าตัวตายตาม” อารมณ์ของหลี่เทียนิเศร้าหมอง เสียทั้งพ่อและลุงไปในเวลาเดียวกัน ทำให้ลูกคนรวยผู้นี้ไม่ทันได้เตรียมใจไว้ก่อน
“งั้นใครเป็คนพบว่าพ่อของคุณฆ่าตัวตาย? คุณไม่สงสัยการฆ่าตัวตายของพ่อคุณเลยเหรอ?” จ้าวอี้คิดว่าทั้งบ้านตระกูลหลี่ ถ้าจะมีใครเข้าใจพ่อของเขามากที่สุด คนนั้นคงจะเป็หลี่ต้าเฮิง อันดับสองก็น่าจะเป็หลี่เทียนิที่อยู่ตรงหน้า
“บอดี้การ์ดของลุงผม พวกเขาเป็คนที่พี่สาวให้ไปแจ้งพ่อของผมย่ะ ผมมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่นะ แต่ผมก็ไม่ได้แปลกใจมากนักหรอก พ่อของผมเคยพูดอยู่ครั้งหนึ่งว่า เมื่อตอนเด็กถ้าพ่อของผมไม่มีลุงล่ะก็ พ่อคงไม่มีชีวิตรอดมาได้ เพราะงั้นเลยกังวลว่าเขาจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกหน้า และบอกว่า้าไปพร้อมกับเขา”
หลี่เทียนินึกอย่างละเอียด เขาค่อนข้างลังเล ไม่แน่ใจสักเท่าไร
“ใช่แล้ว ลุงของผมก็รู้เื่นี้ ทั้งสองคนเหมือนจะเคยทะเลาะกันมาก่อนด้วย พูดให้ถูกน่าจะเป็พ่อของผมโดนดุ เพราะยังไงทั้งชีวิตเขาก็ฟังคำของลุงมาตลอด”
“งั้นคุณพอจะทราบเื่ที่พวกเขาทะเลาะกันและผลลัพธ์ไหมครับ?”
จ้าวอี้กระตือรือร้น ในที่สุดเขาก็ได้ยินสิ่งที่ต่างออกไปแล้ว
“ผมไม่รู้ คิดว่าน่าจะลบล้างความคิดพ่อของผมนั่นแหละ ใครจะรู้ว่าเขายังเลือกเดินทางนี้อยู่”
ทันใดนั้น มีเสียงเอะอะดังอยู่นอกประตู
ชายฉกรรจ์สวมชุดสูทสีดำรีบร้อนผลักประตูเข้ามา
“พวกคุณจะทำอะไร?”
ฉือผิงฮุยเป็คนแรกที่ยืนขึ้นแล้วถามเสียงดัง
“โย่ๆ นี่ไม่ใช่หัวหน้าหน่วยตรวจการหรอกเหรอ? พวกเรากลัวมากเลยล่ะ! คุณเป็ข้าราชการระดับสูงนะ ไม่คุ้มที่จะมาสนทนากับคนอย่างเราหรอกน่า วันนี้เราไม่ได้มาหาเื่คุณ พวกเรามาหาหลี่เทียนิต่างหาก”
น้ำเสียงของชายที่เข้ามาแข็งกระด้างกว่าปกติ ไม่ไว้หน้าฉือผิงฮุยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้หลี่เทียนิหลบอยู่ด้านหลังฉือผิงฮุย อึกอักพูดไม่ออก
“เสี่ยวิ นี่มันเื่อะไรกัน? เธออยากให้งานรำลึกของคุณพ่อกับคุณลุงของเธอเป็เื่ตลกของในฮ่องกงงั้นเหรอ?” หลี่เยว่หรูมองหลี่เทียนิอย่างโกรธเกรี้ยว ราวกับว่าเธอจะยิงไฟออกมาจากดวงตาของเธอ
“พี่...ผม...”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่!”
หลี่เยว่หรูโกรธมาก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง
จ้าวอี้มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“ฮาๆ ฉันไม่สนเื่ราวระหว่างพี่น้องของพวกแกหรอกนะ ที่ฉันมาวันนี้มีสองเื่ เื่แรกแน่นอนว่าคือมาเคารพหลี่ต้าเฮิง หลี่ต้าเฮิงเป็ถึงบุคคลในตำนาน พวกเราเทิดทูนคนแบบนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ...”
ชายที่เป็หัวหน้าเหยียดยิ้มเ็า ปากบอกว่าเทิดทูน แต่การแสดงออกบนใบหน้ากลับไม่เป็เช่นนั้นเลย
“นั่นเป็การเคารพของพวกคุณงั้นเหรอ? มีแขกแบบพวกคุณอยู่ด้วยเหรอเนี่ย?” หลี่เยว่หรูมองชายคนนั้นอย่างเหยียดหยาม ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
“แน่นอน มันยังมีเื่ที่สำคัญอีกเื่หนึ่งอยู่ นั่นก็คือ คุณหลี่ เมื่อสามเดือนก่อน แกมาเขียนใบยืมเงินที่คาสิโนของพวกเรา แกควรจะคืนได้แล้วไม่ใช่เหรอ?” เขาแกว่งกระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มองหลี่เทียนิด้วยสายตาอันหยอกเย้า
หลี่เยว่หรูสูดลมหายใจเข้าลึก “ติดไว้เท่าไรล่ะ? ตระกูลหลี่ของฉันไม่ใช่คนที่ติดหนี้ใครแล้วไม่คืน ถ้าแกพูดเื่เมื่อกี้ที่ด้านนอกล่ะก็ ฉันคงจะให้แกตรงๆ ทันที ทำไมแกต้องทำให้มันน่าขายหน้าแล้วให้คนมองเป็เื่ตลกด้วยล่ะ?”
“ผมไม่รีบกลับหรอกน่า กฎของเราคือตามหาแค่ลูกหนี้เท่านั้น ติดหนี้ก็คืนเงิน เป็หลักการของฟ้าดิน ใช่ไหมล่ะครับคุณหัวหน้าหน่วยตรวจการ?”
ฉือผิงฮุยนิ่งเงียบ เขามีแผนที่จะจัดการพวกกเฬวรากในฮ่องกงอยู่ โดยเฉพาะพวกที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ นอกจากไม่กลัวเขาแล้ว ยังเป็เพราะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย
“เอามันมา แล้วฉันจะคืนเงินให้!”
หลี่เยว่หรูสูดลมหายใจลึกๆ และยื่นมือไปทางชายฉกรรจ์
ชายฉกรรจ์ยื่นใบยืมเงินให้หลี่เยว่หรู เมื่อหลี่เยว่หรูมองตัวเลขบนนั้น เธอก็ร้องใอย่างช่วยไม่ได้ “อะไรกัน? ยี่สิบล้าน!”
“เหรินหมินปี้1นะ ไม่ใช่ดอลลาร์ฮ่องกง ฮึๆ...”
ชายฉกรรจ์หัวเราะจนตาหยี
“ฉันจำได้แม่นว่าแค่สิบล้านเองนะ...” หลี่เทียนิพูดทันที เขาะโลั่น
“ไอ้หนู วันแรกที่แกมาเล่นพวกเราไม่คิดดอกเบี้ยถูกไหม? ตอนแรกพวกเราพูดไว้แบบนั้นแหละ และมันก็คือดอกเบี้ยตรงนี้นี่ไง” ชายฉกรรจ์พูดอย่างหนักแน่น
หลี่เยว่หรูมองหลี่เทียนิด้วยสายตาราวกับฆ่าคน ทำให้หลี่เทียนิไม่กล้าพูดอะไรอีก เธอพยายามระงับความโกรธของตัวเอง “เอาเลขที่บัญชีมาให้ฉัน แล้วฉันจะโอนให้พวกนายเดี๋ยวนี้เลย”
ตระกูลหลี่ร่ำรวย ทรัพย์สินทั้งหมดรวมกันมีค่าถึงหมื่นล้าน แต่มันคือเงินจากธุรกิจอาหาร ทรัพย์สินส่วนมากเป็อสังหาริมทรัพย์และเงินทุนหมุนเวียน เงินยี่สิบล้านที่จ่ายออกไปจึงถือเป็จำนวนที่มากสำหรับตระกูลหลี่เช่นกัน
“ขอบใจ นายน้อยหลี่ จากนี้จะไปเล่นอีกก็ได้นะ งั้นฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว!”
ชายฉกรรจ์ได้รับข้อความเงินเข้าบัญชี เขาแทบจะเปลี่ยนเป็นอบน้อมขึ้นมาทันที ท่าทีหัวเราะเยาะไม่ปรากฏออกมาอีก
หลี่เยว่หรูออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งไว้เพียงใบหน้าเศร้าของหลี่เทียนิ ฉือผิงฮุยตบไหล่เขาอย่างเข้าใจ ดูท่าทางพี่สาวของเขายังคิดบัญชีกับเขาไม่เสร็จ
การสอบปากคำยังคงดำเนินต่อไป เห็นได้ชัดว่าจิตใจของหลี่เทียนิไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าจ้าวอี้จะถามไปกี่คำถาม เขาก็แค่ตอบให้จบไปเร็วๆ เท่านั้น
หลังจากปรึกษากับฉือผิงฮุยแล้ว จ้าวอี้ก็ตัดสินใจไปถามคนงานเพิ่มอีกสองสามคน
ทั้งพ่อบ้านตลอดจนบอดี้การ์ดของหลี่ต้าเฮิง
“คุณทำงานที่บ้านตระกูลหลี่มานานแค่ไหนแล้วครับ?”
“น่าจะยี่สิบกว่าปีแล้วมั้ง? ผมก็จำไม่ค่อยได้ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้น” พ่อบ้านถอนหายใจ
อายุของเขาไม่น้อยแล้ว ประมาณห้าสิบต้นๆ เขาดูกระปรี้กระเปร่ามาก เส้นผมของเขาถูกหวีเก็บอย่างเป็ระเบียบ สวมเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถัน
“คุณช่วยเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างละเอียดได้ไหมครับ?”
“ได้แน่นอนครับ เวลาส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณหลี่นักหรอกครับ เพราะงานบ้านตระกูลหลี่เยอะมาก ดังนั้นผมก็เลยต้องไปจัดการ เมื่อวานตอนที่แขกอย่างพวกคุณมาถึง ผมก็รับผิดชอบในการดูแลรับส่งพวกคุณ หลังจากนั้นพวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายด้วยกัน คุณก็รู้นี่ครับว่าผมไม่ได้รู้ไปมากกว่าพวกคุณเลย”
จ้าวอี้พยักหน้า เป็เช่นนั้นแหละ
“พวกเราสี่คน คนที่สี่คือใครนะ? ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวคนนั้นน่ะ”
“เขาเป็ผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งของฮ่องกงน่ะครับ เขาเป็คนเลือกสุสานให้กับบ้านตระกูลหลี่ คุณหลี่ติดต่อพวกคุณไปอีกที โดยหวังจะให้จัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยมาอีกท่านหนึ่ง เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่ถูกหลอก ส่วนเื่ที่ให้คุณไปด้วยกันนั้น หนึ่งเป็เพราะยังไม่ได้เงินค่าจ้างก้อนสุดท้าย สองก็คือเขาค่อนข้างไม่น่าไว้ใจเท่าไร เราเลยอยากเห็นมาตรฐานผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยอย่างพวกคุณ”
หลี่ต้าเฮิงหลักแหลมมาก ด้วยวิธีการเช่นนี้ จะเห็นได้ว่า สถานะของเขาเป็ตัวตัดสินว่าเขาไม่จำเป็ต้องปกปิดความคิดของตนอย่างระมัดระวังเลย
“ดูท่าเื่ทั้งหมดนี้จะไม่เกี่ยวกับเขานะ ถ้าอย่างนั้น คุณคิดยังไงกับเื่ที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลหลี่งั้นเหรอครับ? อย่างเช่น ความสัมพันธ์ของคนในตระกูลหลี่กลมเกลียวกันไหม?”
จุดนี้สำคัญอย่างมาก แถมยังมีทรัพย์สินเป็จำนวนมหาศาล จะตัดความเป็ไปได้ที่คนในตระกูล้าเงินและฆ่าคนทิ้งไปไม่ได้
"ความสัมพันธ์ของคนในตระกูลหลี่เรียบง่ายมากครับ ผมไม่พบว่าพวกเขาจะมีความขัดแย้งอะไรกันเลย ความรู้สึกของพวกเขาพี่น้องก็ดีมาก ลูกๆ ของเขาก็โตมาด้วยกัน พูดได้เลยว่าพวกเขามีความรู้สึกที่ค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าคุณอยากรู้เื่ที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลหลี่เมื่อวันนั้นล่ะก็ นอกจากบอดี้การ์ดส่วนตัวสองคนของคุณหลี่แล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่อาจรู้เื่ราวทั้งหมดอยู่ก็ได้นะครับ!"
พ่อบ้านไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้น
"ใครครับ?"
"เสี่ยวเฉียนที่รับผิดชอบการดูแลแขกอยู่ที่ห้องรับแขกครับ งานของเธอคือการอยู่ที่ห้องรับแขก ถ้ามีแขกมา เธอก็ต้องต้อนรับ ความสะอาดในห้องรับแขกก็มีเธอเป็คนรับผิดชอบ ถ้ายังไงให้ผมไปเรียกเธอมาให้ไหมครับ?"
“ขอบคุณมากเลยครับ”
จ้าวอี้พูดขอบคุณด้วยความจริงใจ พ่อบ้านดูท่าทางมั่นใจอย่างมาก พ่อบ้านชราเช่นนี้ทำอะไรต้องมีความน่าเชื่อถือ สิ่งที่เขาพูดทำให้คนมั่นใจพอที่จะเชื่อเต็มร้อย
จ้าวอี้เคยพบเสี่ยวเฉียนมาก่อน เธอก็คือป้าเฉียนที่หลี่เยว่หรูเรียกให้มาเสิร์ฟน้ำชาในครั้งนี้นั่นเอง
ป้าเฉียนอายุไม่มาก ประมาณสี่สิบปี แต่งตัวเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน
“คุณจะถามอะไรฉันเหรอคะ?”
เธอนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม
“ไม่ต้องกังวลไปครับ พวกเราแค่อยากเข้าใจสถานการณ์เท่านั้น หน้าที่ของคุณคืออยู่ที่ห้องรับแขกเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ฉันรับผิดชอบทุกอย่างยกเว้นห้องนอนกับห้องครัว”
“งั้นคุณช่วยเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นได้ไหม?”
“จะให้เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ?” ป้าเฉียนถาม เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดตรงไหนก่อนดี
“ั้แ่ตอนที่คุณเข้างานเมื่อวานเลยครับ รวมถึงรายละเอียดทุกอย่างที่คุณพอจะนึกออก” จ้าวอี้ให้เธอเริ่มจากจุดนั้น แม้จะดูจุกจิกไปเล็กน้อย แต่จ้าวอี้ไม่ได้ใส่ใจ
“พอเข้างาน ฉันก็เริ่มทำความสะอาดห้องรับแขกตามปกติ เห็นเพียงคุณชายรองมาทานอาหารเช้า จากนั้นเขาไปที่ห้องผู้ป่วยของคุณชายใหญ่ ่ไม่กี่วันมามนี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันในห้องค่อนข้างบ่อย ตอนที่ฉันกำลังถูพื้นอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีสายเรียกเข้า...”
--------------------------------
1 人民币 เหรินหมินปี้ (Renminbi/RMB) หมายถึงเงินตราของประชาชน เป็เงินตราอย่างเป็ทางการของจีน โดยมีหน่วยเงินพื้นฐานเป็หยวน