หลังจากขั้นตอนชำระล้างเสร็จสิ้นแล้ว ชิงจื่อก็มาช่วยเยว่เฟิงเกอเกล้าผมอย่างประณีตสวยงามที่หน้ากระจก
เยว่เฟิงเกอมองใบหน้าสมบูรณ์แบบในกระจกตรงหน้า ก่อนจะเกือบถูกใบหน้าของตนเองทำเอาลุ่มหลง
“พระชายาทรงงดงามยิ่งนักเพคะ” ชิงจื่อได้เห็นสภาพตอนที่เยว่เฟิงเกอไม่แต่งหน้าหนาหนักก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้
เยว่เฟิงเกอยิ้มแฉ่งให้ชิงจื่อ จากนั้นถามว่า “ชิงจื่อ หากเ้าเป็บุรุษ จะตกหลุมรักข้าหรือไม่? ”
ชิงจื่อถูกคำพูดของเยว่เฟิงเกอทำเอาหน้าแดงในทันใด นางรีบก้มหน้าลงไป กล่าวตอบอย่างขลาดกลัว “หากบ่าวเป็บุรุษ บ่าวจะต้องตกหลุมรักพระชายาอย่างแน่นอนเพคะ”
คำพูดของชิงจื่อช่างถูกอกถูกใจเยว่เฟิงเกอยิ่ง นางยื่นมือไปหยิกแก้มสาวใช้ตนเล่น แย้มยิ้มแล้วยืนขึ้น “พวกเราไปกันเถอะ ไปรับอาหารเช้ากัน”
เมื่อคนทั้งสองมาถึงห้องอาหาร เยว่เฟิงเกอก็เห็นว่าอ๋องหน้าน้ำแข็งกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งตรงกลาง ส่วนชายารองฉินหว่านนั้นถูกจัดให้นั่งอยู่บนที่นั่งที่ค่อนข้างห่างไกลออกไปจากเขา
ที่นี่มีสาวใช้ยืนรับใช้อยู่สองสามคน ขณะที่เฉี่ยวอวี้เองก็ยืนอยู่ข้างกายชายารองฉินหว่าน ยามนี้ใบหน้านางยังคงบวมแดงอย่างน่ากลัว ตาข้างหนึ่งถูกผ้าขาวพันไว้ ดูแล้วคนคงจะาเ็สาหัสมาก
กระนั้นเยว่เฟิงเกอกลับไม่คิดสงสารเฉี่ยวอวี้แม้แต่น้อย จะอย่างไรนี่ก็คือบทลงโทษที่อีกฝ่ายสมควรได้รับ
ทางด้านม่อหลิงหาน แม้เขาจะเห็นว่าเยว่เฟิงเกอมาได้เสียที บนใบหน้ากลับยังคงความเ็าเช่นเดิม ไม่มีความรู้สึกใดแม้แต่น้อย
ส่วนฉินหว่าน ยามนี้ั์ตาอีกฝ่ายราวกับมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชน นางมองเยว่เฟิงเกอราวกับจะใช้เพลิงแผดอีกฝ่าย เพื่อขจัดความคับแค้นในใจ
เยว่เฟิงเกอทำเป็มองไม่เห็นสายตาของฉินหว่าน นางเดินตรงไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลงทันที
ในตอนนี้เองม่อหลิงหานก็กล่าวขึ้นว่า “เหตุใดไปนั่งไกลถึงเพียงนั้น เข้ามาสิ”
ม่อหลิงหานพูดจบก็เหลือบมองที่ว่างด้านข้างตน แสดงท่าทีบอกให้เยว่เฟิงเกอนั่งลงข้างเขา
เยว่เฟิงเกอไม่กล่าววาจา นางยอมเป็เด็กดี เดินไปนั่งลงข้างกายม่อหลิงหาน
ด้วยเหตุนี้ สายตาที่ฉินหว่านใช้มองเยว่เฟิงเกอในยามนี้จึงราวกับมีใบมีดแหลมคมปักลงบนร่างเยว่เฟิงเกอ ก่อนจะคว้านเอาเนื้อหนังนางครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินหว่านไม่กล้ากล่าววาจาใด นางเพียงใช้สายตาจิกกัดเยว่เฟิงเกอ อย่างไรเสีย ตัวนางเองก็วาดหวังไว้ อยากจะได้รับสิทธิ์นั่งลงข้างกายม่อหลิงหาน และกินอาหารร่วมกันกับเขา
ทว่า ม่อหลิงหานกลับมีท่าทีปฏิเสธนาง ทำให้นางไม่มีความกล้าที่จะขยับเข้าไป
“กินเถอะ” ม่อหลิงหานกล่าวแล้วเริ่มขยับตะเกียบก่อนใครเพื่อน
เยว่เฟิงเกอมองอาหารบนโต๊ะไปทีหนึ่งที่มีทั้งโจ๊กและอาหารจำพวกแป้งทั้งหลาย ดูแล้วน่าเอร็ดอร่อย
นอกจากนี้ ตรงกลางโต๊ะยังมีน้ำแกงไก่ถ้วยใหญ่ตั้งอยู่
ด้านในใส่ไก่ไว้ทั้งตัว เนื้อไก่นั้นถูกตุ๋นจนเปื่อยไปถึงกระดูก อีกทั้ง กลิ่นหอมหวนน่ารับประทานของแกงไก่ยังลอยโชยเป็ระยะๆ ทำเอาเยว่เฟิงเกออดกลืนน้ำลายไม่ได้
เยว่เฟิงเกอมองเพียงไม่นานก็ดึงสายตากลับมาแล้วก้มหน้ากินกับข้าวในถ้วยตรงหน้า
ในตอนนี้เองตะเกียบคู่หนึ่งคีบน่องไก่ชิ้นหนึ่งยื่นมาตรงหน้านาง ก่อนจะวางลงในถ้วยนาง
เยว่เฟิงเกอเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าคนที่คีบน่องไก่ให้นางคนนั้นไม่ใช่สาวใช้ชิงจื่อ แต่เป็อ๋องหน้าน้ำแข็งม่อหลิงหานที่นั่งอยู่ข้างกายนาง
“กินดูสิ น่องไก่นี่รสชาติดีมาก” น้ำเสียงม่อหลิงหานราบเรียบราวกับกำลังพูดเื่ปกติธรรมดาอย่างที่สุดออกมา
เพียงแต่พอประโยคนี้ลอดผ่านหูของเยว่เฟิงเกอ กลับกลายเป็ว่าในประโยคที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความเยาะหยัน
อย่างไรก็ตาม นางรู้อยู่แล้วว่าชายคนนี้ไม่มีทางยอมให้นางมานั่งข้างกายง่ายๆ หรอก
เขาตั้งใจ คิดจะใช้วิธีนี้มาทำให้นางโกรธ
ในความทรงจำ เ้าของร่างเดิมไม่ชอบกินเนื้อไก่ เมื่อคนเห็นเนื้อไก่ทีไรเป็ต้องอ้วกออกมา
แต่ยามนี้ม่อหลิงหานกลับคีบน่องไก่มาให้นางกิน นี่นับเป็การท้าทายอย่างชัดเจน เพราะเขาคงแค่อยากเห็นท่าทางตอนที่นางตกที่นั่งลำบาก
หึ คิดจะจัดการนาง? ไม่มีทาง
เยว่เฟิงเกอหรี่ตามองฉินหว่าน เห็นว่ามุมปากอีกฝ่ายกำลังยกขึ้นสูงอย่างปิดไม่มิด ท่าทางเหมือนคนกำลังรอชมละครสนุกด้วยใจเริงร่าอย่างแทบจะกลบเกลื่อนไว้ไม่ไหว
ขณะเดียวกันม่อหลิงหานเองเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่ยอมกินน่องไก่นั่นเสียที ก็อดยกยิ้มน้อยๆ อย่างที่น้อยครั้งจะมีบ้างไม่ได้
เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว และแทนที่ด้วยความเ็าดังเดิม
เดิมคิดว่าเยว่เฟิงเกอจะเอามือปิดปากแล้ววิ่งหนีออกไป มิคาดนางจะไม่มีท่าทางอย่างที่ทุกคนคิดฝัน
ในทางตรงกันข้าม ยามนี้เยว่เฟิงเกอกลับคีบน่องไก่ขึ้นแล้วอ้าปากกัดไปคำหนึ่งท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่เฝ้ามอง
หนนี้นางไม่เพียงกัดเข้าไปคำใหญ่ ทั้งยังเคี้ยวไปชมไปอย่างออกรส “น่องไก่นี่รสชาติดียิ่ง คนโบราณช่างเก่งกาจนัก รู้วิธีทำเนื้อไก่ให้รสชาติเป็เช่นนี้ได้ ไม่เลวๆ เลย”
น่องไก่ชิ้นนั้นถูกเยว่เฟิงเกอกินจนเหลือแต่กระดูกภายในระยะเวลาอันสั้น ก่อนจะถูกโยนลงไปบนจานเล็กๆ บนโต๊ะ
นางไม่รอช้ารีบคีบปีกไก่ขึ้นมาลองลิ้มอีกชิ้นหนึ่ง เมื่อมาถึงตรงหน้า นางก็โยนใส่ปากแล้วเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้