ทว่าตอนนี้...
ฮองเฮาอวี่เหวินถอนความคิดออกไปนางครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ โดยเฉพาะเื่ที่เกิดขึ้นในที่พำนักทหารองครักษ์นั่นทำให้นางสงสัย
เห็นได้ชัดว่า ฉางหนิงปกป้องเขาหลายปีที่ผ่านมานี้ นางแอบซ่อนความทะเยอทะยานของตนเองอย่างดี แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยสนเื่ของผู้อื่น แม้กระทั่งฉางหงเยียน นางยังไม่สนใจทว่ากับทหารองครักษ์คนนั้น หายากเหลือเกินที่จะทำให้ไทเฮาผู้นี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ทางโลกทว่านี่กลับทำให้ไทเฮาผู้ไม่สนใจเื่ของผู้อื่นเข้าไปปกป้องตนเองได้
นี่ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายความผิดปกติของเื่นี้อีกหรือ?
ทหารองครักษ์คนนั้น...เขา...แท้จริงแล้วเป็ใครกันแน่?
ในใจของฮองเฮาอวี่เหวินมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งยิ่งตัวตนของทหารองครักษ์คนนั้นไม่ธรรมดาเท่าใด เื่พิษกู่ในค่ายเสิ่นเช่อยามนี้ภายใต้การปิดล้อมเขตพำนัก พวกเขายิ่งไม่มีทางนั่งรอความตายแน่
"พรุ่งนี้...เสด็จป้าของลูกจะออกจากวัง"ฮองเฮาอวี่เหวินพึมพำ ในดวงตาสื่อความหมายลึกซึ้ง และคืนนี้...
“เกรงว่าค่ำคืนนี้จะมีเื่เล็กน้อย”ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยชัดตรงประเด็น
จ้าวอี้นั่งฟังอยู่ด้านข้าง ทว่าจิตใจของเขากลับไม่อยู่ที่นี่
เมื่อวานยวี่เอ๋อร์และฉู่ชิงออกไปด้วยกัน วันนี้เขาออกไปตามหาพบเพียงแค่ฉู่ชิง แล้วยวี่เอ๋อร์เล่า?
นางไปไหน?
มิรู้เพราะเหตุใดั้แ่วันที่ตนเองถูกช่วยออกมาจากกองเพลิงหลังจากที่เขาตื่นขึ้นและเห็นยวี่เอ๋อร์ จิตใจของเขามักจะคิดถึงแต่นาง แม้กระทั่งยามนี้เขายังคิดอยากจะออกไปหานางโดยเร็ว ดูเหมือนว่าการได้เห็นนาง ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
ตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่?
จ้าวอี้มีความคิดมากมายในหัว
ภายในห้องพำนัก ณ ขณะนั้น
เหนียนยวี่ปะปนอยู่ในกลุ่มทหารรักษาพระองค์ยามนางอยู่ในเครื่องแต่งกายของบุรุษ แลดูองอาจกล้าหาญจนแยกไม่ออกว่านางเป็บุรุษหรือสตรี
ยามโพล้เพล้ผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดลานทางใต้ของที่พำนักยังคงสงบเงียบ แต่ในใจของหลายคนที่สังเกตเห็นสิ่งต่างๆล้วนรู้ดีว่า กระแสคลื่นใต้น้ำภายใต้ความสงบนี้สามารถทะลักออกมาได้ตลอดเวลาถึงตอนนั้นจะเป็อย่างไร?
ในใจของทุกคนต่างคาดเดา บางทีอาจกังวลหรือบางทีอาจจะคาดหวัง
ยิ่งราตรีนี้ใกล้ย่างกรายมากเท่าไหร่ในใจของผู้คนบางส่วนก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นคง
ราตรีย่างกรายมาถึงแล้ว
จวนหนานกง หนานกงฉี่อยู่ในลานชายหนุ่มทอดสายตามองขอบฟ้า ในทิศทางของเขตพำนัก ในดวงตาเ้าเล่ห์ประดุจงูแลจิ้งจอกพลันส่องสว่างเป็ประกาย
ทุกสิ่งที่ประสบมาวันนี้อยู่ในสายตาของเขาหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วเขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของทหารองครักษ์แคว้นหนานเยวี่ยคนนั้นสิ่งที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกแปลกใจคือเหนียนยวี่...
เหนียนยวี่ยังไม่ตาย เขาคาดไม่ถึงเลยว่าในใจของตนเองจะรู้สึกยินดีอยู่เล็กน้อย ทว่าฉู่ชิงปรากฏตัวแล้ว จ้าวอี้ก็ปรากฏตัวแล้วเหนียนยวี่เล่า?
กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ ปิดฟ้าข้ามทะเล[1] ของฉู่ชิงครานี้มีเหนียนยวี่ร่วมมือด้วยหรือไม่?
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของหนานกงฉี่ เขายิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่า คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้มิใช่คนธรรมดา
หากนางร่วมมือกับฉู่ชิงวางแผนนี้ขึ้นมา เช่นนั้นนางคงซุ่มซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดรอคอยผลลัพธ์หรือ?
เหนียนยวี่…
หนานกงฉี่ขบเขี้ยวเคี้ยวคำสองคำนี้ในใจ วันที่เขาเพิ่งกลับเข้ามาเมืองชุ่นเทียนทั้งสองคนขี่ม้าออกจากเมือง นางปราบม้าพยศ ความสงบนิ่งที่สละม้าทิ้งเด่นชัดภายในความทรงจำของเขาดูเหมือนเขาจะคาดเดานางไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
สตรีผู้นั้น...
ยังมีอะไรที่ผู้คนไม่รู้อีกหรือไม่?
ภายใต้ท้องฟ้าราตรีเดียวกันที่ห้องพระตำหนักฉางเล่อเสียงกระทบของไม้มู่อวี๋ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สตรีที่เคาะไม้มู่อวี๋สวดมนต์ทำสมาธิพยายามทำใจให้สงบ แม้นในยามนี้จะมีเสียงกระทบของไม้มู่อวี๋ทว่ายังเผยให้เห็นความตื่นตระหนกในใจของนาง
ผ่านยามไฮ่[2] แล้ว ในราตรี่ต้นเดือนพระจันทร์เสี้ยวถูกเมฆดำลอยบดบัง เมืองชุ่นเทียนภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีเงียบสงัดจนน่ากลัว
ในที่พำนักลานทางใต้
ราตรีล่วงเลยเข้าสู่่ดึกดื่น การเฝ้ายามที่ลานทางใต้ของเหล่าทหารรักษาพระองค์กลับไม่ผ่อนปรนเลยแม้แต่น้อย
ทว่าท่ามกลางความระมัดระวังเช่นนี้มีเงาดำร่างหนึ่งลอบเข้ามาในลานทางใต้อย่างเงียบเชียบ ปราดเปรียวว่องไว ชนิดเซียนไม่รู้เนื้อผีไม่รู้ตัว
เงาดำร่างนั้นเข้ามาในห้องบ่าวรับใช้อย่างคุ้นเคยมองหาห้องหนึ่ง แล้วผลักประตูแล้วเข้าไป
"ผู้ใด?"
ในห้องอันมืดสนิท ชั่วขณะที่ผู้มาเยือนเดินเข้าไปบุรุษบนเตียงพรวดลุกขึ้นนั่งอย่างใ เตรียมรับมือเต็มที่ เดิมทีมันคือ่เวลาที่ควรเข้านอนทว่าเ้าของห้องกลับไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย
"ข้าเอง"
ผู้มาเยือนพ่นเสียงออกมาเพียงคำเดียวเสียงของเขาไม่ได้ฟังดูอ่อนโยนแลสง่างามดั่งก่อนหน้านี้ ความเ็าแปลกประหลาดกลับฟังดูเป็ธรรมชาติทว่าคนในห้องยังคงฟังเสียงของเขาออก
“หลีอ๋องจ้าวเยี่ยน?” ฉางหลิงเกอลุกพรวดยืนขึ้นบนเตียงน้ำเสียงไม่ใช่การคาดเดา ทว่ามันคือความมั่นใจ
จ้าวเยี่ยนเลิกคิ้วพลางแย้มยิ้ม“ฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห่งหนานเยวี่ย ช่างฉลาดเสียจริง
‘ฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งหนานเยวี่ย’ ประโยคนี้ประโยคเดียว ทำให้ฉางหลิงเกอหรี่สายตาทวีความระมัดระวังขึ้น
ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น ท่ามกลางความมืดมิดใบหน้าภายใต้หนวดเคราของฉางหลิงเกอพลันแย้มยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะให้กับจุดที่มีเสียงออกมาจากความมืด“ท่านอ๋องหลีเองก็มิต่างกัน”
เขารู้ว่าฉางไทเฮาไม่มีทางยอมเผยตัวตนของเขาให้ผู้ใดรู้ รวมถึงโอรสของนางด้วย ยามนี้หลีอ๋องกลับรู้ถึงตัวตนของเขานั่นมันหมายความว่าอย่างไร
หลีอ๋อง...เขาคิดว่าหลีอ๋องมีพระมารดาที่มีจิตใจทะเยอทะยาน ทว่าแท้ที่จริงแล้วกลับกลายเป็ว่าหลีอ๋องเองก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเช่นกัน
ดวงตาแหลมคมของฉางหลิงเกอฉายแววล้ำลึกมากขึ้นเรื่อยๆครู่ต่อมา เขาจึงเอ่ยปากออกมาอย่างช้าๆ ว่า“มิรู้ว่าท่านอ๋องหลีมาเยี่ยมเยียนดึกดื่น มีเื่อันใดหรือ?”
“ฝ่าาเป็คนฉลาดจะมิรู้ได้เยี่ยงไรว่าเปิ่นหวางมาที่นี่เพราะเหตุใดสถานการณ์ในยามนี้ เื่ของค่ายเสิ่นเช่อจะพุ่งเป้าไปยังราชทูตหนานเยวี่ยรวมถึงเื่ขององค์หญิงหงเยียนกับท่านในวันนี้...” จ้าวเยี่ยนเอ่ยถึงเื่นี้แม้นจะอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เขารู้สึกว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างรางเลือนจ้าวเยี่ยนเลิกคิ้วแย้มยิ้ม เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “ฝ่าาคงไม่รู้ว่าเวลานี้สภาพแวดล้อมทั้งหมดรอบตัวพระองค์ล้วนอันตรายมากเสด็จแม่ทรงเป็ห่วงความปลอดภัยของพระองค์ เพราะเช่นนั้นเปิ่นหวางจึงมาตามรับสั่งของเสด็จแม่ ช่วยฝ่าาหนีไปพ่ะย่ะค่ะ”
"ท่านจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วหรือ?"ฉางหลิงเกอรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง ในขณะนั้นเขาเผยความตื่นเต้นออกมาเล็กน้อยอย่างมิคาดคิด
เขารู้ว่าฉางไทเฮาต้องคิดหาหนทางได้แน่
ทว่าทันทีที่เขาพูดจบบุรุษฝั่งตรงข้ามกลับแย้มยิ้มบางเบา
ฉางหลิงเกอขมวดคิ้ว ชั่วครู่หนึ่งผ่านไปเสียงของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจึงค่อยดังขึ้นอย่างช้าๆ “จัดการเรียบร้อยแล้วงั้นหรือ? อภัยให้เปิ่นหวางด้วยที่มิรู้ว่าฝ่าาหมายถึงสิ่งใด!”
ทันใดนั้นใบหน้าของฉางหลิงเกอพลันมืดมนลงเล็กน้อย แม้แต่เสียงยังทุ้มต่ำลง “ท่านอ๋องหลีไม่ได้มาช่วยเจิ้นหรือ? ช่วยพาออกไปอย่างไรก็ควรจัดการอะไรมิใช่หรือ?”
“ฮ่าๆ ใช่ๆ ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะเปิ่นหวางมาช่วยฝ่าาออกไป ทว่าก่อนอื่น มีบางเื่ที่พวกเราควรคุยกันหน่อยสำหรับการจัดการที่ฝ่าาตรัสออกมา อาจขึ้นอยู่กับผลของการคุยกันของพวกเรา”ในความมืด จ้าวเยี่ยนมองหาเก้าอี้และนั่งลงด้วยท่าทีไม่รีบร้อน มองฉางหลิงเกอที่ขมวดคิ้วแน่นเป็ปม
ฉางหลิงเกอมองเงาร่างของบุรุษผู้นี้เขาจะไม่เข้าใจความหมายของจ้าวเยี่ยนได้อย่างไร
หลีอ๋องมาช่วยตนเองแต่เขาไม่ยอมช่วยโดยไม่มีเงื่อนไขแน่ และเงื่อนไขนั้น...
ฉางหลิงเกอหรี่ตา นั่งลงบนขอบเตียง
ชั่วเวลาหนึ่ง ในห้องเล็กมีเสียงลมหายใจของคนสองคนเรียบนิ่งสงบเงียบ
บรรยากาศแปลกประหลาดแ่นไปทั่วจ้าวเยี่ยนนั่งโดยไม่เอ่ยสิ่งใด ราวกับกำลังอดทนถึงที่สุดคนสองคนใช้ความเงียบลองเชิงอีกฝั่ง รอดูว่าผู้ใดจะข่มอารมณ์ไม่ไหวก่อน
ในที่สุด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งฉางหลิงเกอทนไม่ไหว “มาคุยกันเถิด ท่านอ๋องหลี ท่านจะว่าอย่างไร ้าสิ่งใด?”
[1]ปิดฟ้าข้ามทะเลคือ การสร้างภาพลวงตาหลอกให้ศัตรูเข้าใจผิด
[2]ยามไฮ่ คือ่เวลาระหว่าง 21.00 –22.59 น.