“เจ็ดดาวฟ้าครอบปฐี?” เ่ิูชะงัก
เวินหว่านกินเยอะขนาดที่เทียบกับเ้าหมาหัวโตได้เลย เขาเขมือบอย่างกับเสือตะครุบเหยื่อไปพลาง ว่าไปพลาง “อื้ม เจ็ดดาวเด่นรุ่นใหม่ในกองพลสู่ทักษิณของเผ่าปีศาจแดนหิมะ ถูกเรียกว่าอัจฉริยะเจ็ดคนที่ร้อยปีมีครั้งเดียว เอาชื่อดาวกระบวยใหญ่เจ็ดดวงมาตั้ง เป็เทียนฉู่ เทียนเสวียน เทียนจี เทียนฉวน เทียนเหิง ไคหยางและเหยากวางเจ็ดคน แต่ละคนล้วนเก่งกล้า ฆ่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ไปมากมายในยุทธภูมิ”
เ่ิูพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ
เขาเริ่มอ่านต่อไป ที่สุดก็เจอส่วนแนะนำเจ็ดดาวฟ้าครอบปฐีดังคาด
มหาปีศาจเจ็ดตนนี้เป็อันดับที่ห้าสิบห้า ห้าสิบเก้า หกสิบเอ็ด หกสิบแปด เจ็ดสิบสาม เจ็ดสิบเจ็ดและแปดสิบห้าในอันดับทั้งหมด
ดาวเทียนฉู่ อันดับที่เจ็ดสิบสามในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจหกดาว
ดาวเทียนเสวียน อันดับที่หกสิบแปดในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจเจ็ดดาว
ดาวเทียนจี อันดับที่แปดสิบห้าในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจห้าดาว
ดาวเทียนฉวน อันดับที่หกสิบเอ็ดในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจเจ็ดดาว
ดาวเหยากวาง อันดับที่ห้าสิบห้าในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจแปดดาว
ดาวยู่เหิง อันดับที่เจ็ดสิบเจ็ดในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจหกดาว
ดาวไคหยาง อันดับที่ห้าสิบเก้าในอันดับมหาปีศาจ แม่ทัพปีศาจแปดดาว
เจ็ดดาวฟ้าครอบปฐี การแนะนำแต่ละคนล้วนเชื่อถือได้ ไม่เพียงแค่แนะนำชนิดแตกแขนงจากเผ่าพันธุ์ปีศาจที่พวกเขาเป็เท่านั้น ยังแนะนำพลัง ผลงานศึก รูปแบบการต่อสู้ที่ถนัดตลอดจนจุดอ่อน เ่ิูมองผลงานศึกของยอดฝีมือเผ่าปีศาจเจ็ดคนนี้แล้ว ใจเกิดะเือย่างไร้สาเหตุ ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจทั้งเจ็ดคนนี้อายุน้อยมากทั้งสิ้น อายุไม่ถึงร้อยปี หากเทียบเป็อายุขัยมนุษย์ คงประมาณยี่สิบสามสิบปีเห็นจะได้ อายุระดับนี้แต่พลังเท่านี้ เรียกได้ว่าเป็อัจฉริยะฟ้าประทาน
เ่ิูอ่านข้อมูลของคนเหล่านี้กลับไปกลับมา
เขาถามตัวเองในใจ หากตัวเขาต่อสู้กับคนใดคนหนึ่งในเจ็ดดาวฟ้านี้จะมีสิทธิ์เอาชนะได้หรือไม่?
ตามที่เวินหว่านบอกมาก่อนหน้านี้ อันดับดาวแม่ทัพกับอันดับมหาปีศาจนั้นเหมือนกัน พลังแตกต่างกันไม่เท่าไรนัก และพลังของผู้แข็งแกร่งลำดับต่ำสุดในอันดับดาวแม่ทัพนั้นเป็อาณาน้ำพุิญญาสามสิบตาขึ้นไป เช่นนั้นสำหรับเ้าพวกเจ็ดดาวฟ้าครอบปฐีนี้ ดาวเทียนจีที่อยู่อันดับต่ำสุดที่แปดสิบห้า น่าจะเท่ากับผู้แข็งแกร่งอาณาน้ำพุิญญาสี่สิบตาของเผ่ามนุษย์ได้
เ่ิูอยู่อาณาน้ำพุิญญาสิบห้าตา หากเบิกเทพเ้าไร้ขีดสุดได้ พลังจะเพิ่มหนึ่งเท่าตัว คนที่เขาจะต่อกรได้นั้นย่อมต้องเป็ผู้แข็งแกร่งขอบเขตประมาณสามสิบตา
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เ่ิูจึงไม่เท่ากับเป็คู่ต่อกรของดาวเทียนจี
ยังไม่นับที่เทียนจีเป็มันสมองหลักของเจ็ดดาวฟ้าครอบปฐี เป็คนที่ใช้ปัญญาวางแผนและมองสถานการณ์ในบรรดาทั้งเจ็ด เห็นได้ชัดเลยว่าคนอื่นๆ ในเจ็ดดาวนี้พลังย่อมน่าครั่นคร้ามยิ่งกว่า
อยากจะเอาชนะมหาปีศาจพวกนี้ให้ได้ จะมีทางใดนอกจากเ่ิูจะต้องสามารถเบิกสองขีดสุดของเทพเ้าไร้ขีดสุดได้ เพิ่มพูนพลังตัวเองขึ้นเป็สองเท่าเสีย
“ฮ่าๆ เป็ไงบ้าง? กลัวจนอึ้งเลยล่ะซี่?” เวินหว่านอิ่มข้าวจุกสุรา เขาว่าพลางหัวเราะผะแ่ “ที่ข้าให้เ้าดูนี่ก็เพราะอยากให้เ้ารู้ไว้ว่า มีผู้แข็งแกร่ง ยอดฝีมือ อัจฉริยะ หัวเรือใหญ่รวมพรรคกันอยู่ที่ด่านโยวเยี่ยนนี้ ให้เ้ารู้ว่าทำไมเขาถึงมีคำกล่าวว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า คนที่เป็อัจฉริยะไม่ได้มีเพียงแค่เ้าเท่านั้น พลังของเ้าพัฒนารวดเร็ว แต่อย่างไรก็อย่าหยิ่งยโสเป็อันขาด ด่านโยวเยี่ยนคือสนามรบ สนามรบที่เป็หรือตายตัดสินใจชั่ววินาทีเดียว เ้าต้องปรับตัวให้เร็วที่สุด ข้าอุตส่าห์พาเ้ามาถึงด่านโยเยี่ยน อย่างไรก็ต้องไม่อยากให้ถูกปลดทั้งที่เข้ามาได้ไม่กี่วันอยู่แล้ว”
บทสนทนานี้เดิมทีก็ฟังระรื่นหูอยู่หรอก คำพร่ำสอนปาวๆ ของเวินหว่านทำให้เ่ิูซาบซึ้งใจบ้าง
แต่เมื่อฟังตอนท้าย เ่ิูก็หน้าทะมึน
ทำไมคำพูดดีๆ พอออกมาจากปากเ้ากร่างด้อยปัญญาเวินหว่านแล้วถึงเปลี่ยนรสชาตินักนะ
“เ้าจัดการเก็บพวกจ้าวหรูอวิ๋นกับอีซานเช่อพร้อมพวกในสองสามหมัดเท้ามันก็ดีอยู่หรอก เป็ผลงานศึกที่ไม่เลว แต่อย่างไรก็ห้ามเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปจนอารมณ์พุ่งปรี๊ด เ้าต้องรู้เอาไว้ ว่าคนพวกนี้แม้แต่อีซานเช่อที่มีฝีมือยังเป็หนึ่งในร้อยของอันดับดาวแม่ทัพไม่ได้เลย ไม่มีค่าอะไรให้ทะนงตนทั้งนั้น “ เวินหว่านเสริมต่อ “แล้วเื่นี้นะ เ้าเองก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร หลังจากนี้จงจำเอาไว้ว่าปกติอย่าทำผิดต่อใคร อย่าแสดงทุกอย่างที่คิดไว้ทางสีหน้า ถ้าทนไม่ไหวจนต้องลงมือจริงๆ เ้าก็ต้องฆ่ามันให้ตายคามือ ถ้าเก็บไว้จะเป็ความอลหม่านตามราวีในอนาคต ใครจะรู้ว่าวันไหนที่สู้กันในสมรภูมิวันข้างหน้า จะมีพวกที่เข้ามาลอบกัดเ้าจากด้านหลัง พวกชนชั้นสูงที่ถือหางตัวเองเป็คนวิเศษพวกนี้มันร้อยเล่ห์ เื่อะไรก็ตามมันต้องเข็นออกมาทำจนได้เื่ หากข้าเป็เ้า เ้าคนชื่อจ้าวหรูอวิ๋นนั่นคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว”
เ่ิูยิ้ม เขาพยักหน้าอย่างจริงจังยิ่ง
เขายอมรับมุมมองของเวินหว่าน
“ใช่แล้ว” เ่ิูพลันนึกบางอย่างออก เขาว่า “เ้าช่วยข้าตามหาคนสองคนที คนหนึ่งคือหมอตามทหารท่านหนึ่งนามว่าหลี่ฉือเจิน อีกคนเป็คนหนุ่มชื่อเย่ฉงอวิ๋น”
เวินหว่านพยักหน้าแล้วไม่ถามว่าเพราะอะไร
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นาน
เวินหว่านยังคงพร่ำพูดสารพัด เล่าเื่สภาพการณ์ของด่านโยวเยี่ยนวันนี้ให้ฟังอย่างแจ่มแจ้ง
เผ่ามนุษย์สร้างปราการบนูเา แนวร่องน้ำตามธรรมชาติแห่งนี้ไว้ ส่วนกองพลสู่ทักษิณของเผ่าปีศาจนั้นประจำการอยู่บนธารน้ำแข็งหิมะท่วมไกลออกไปร้อยลี้ ในระยะร้อยลี้นี้ระหว่างด่านโยวเยี่ยนกับธารน้ำแข็งหิมะท่วมนี้เหมือนเครื่องบดเนื้อ แม้ทั้งสองฟากฝั่งจะสงบเงียบ แต่ที่นี่ก็ยังมีการปะทะกันเป็ธรรมเนียมเล็กๆ อยู่มากมายเช่นเดิม แต่ละครั้งล้วนมีทหารของแต่ละฝ่ายสิ้นชีพ
ตามที่เวินหว่านบอกมา ทุกๆ สิบวันด่านโยวเยี่ยนจะออกยุทธภูมิทีหนึ่ง
ด้านหนึ่งก็เพื่อนำมาฝึกขัดเกลาเหล่าทหาร รักษาใจใฝ่า อีกด้านก็เพื่อลดกำลังทหารของเผ่าปีศาจ สืบเสาะหากำลังรบของฝั่งตรงข้าม
และทุกครั้งสิ่งที่อุบัติขึ้น ล้วนแต่มีทูตถือดาบลาดตระเวนร่วมรบด้วยทั้งสิ้น
จากกำหนดการก่อนหน้านี้ เ่ิูควรจะต้องรับคำสั่งทหารจากสำนักเ้าด่านให้ออกไปร่วมรบในยุทธการเล็กๆ ภายในหนึ่งเดือนถัดจากนี้
“ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาข้าจะออกรบได้หรือเปล่า ไม่ว่าอย่างไร เ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดี ตอนสู้ศึก ดาบหอกไร้ั์ตา ผิดพลาดครั้งเดียวอาจต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำไปชั่วชีวิต” เวินหว่านร่ำไรพูดอีกหน ในคำพูดนั้นเผยความเสียใจภายหลังที่พาเ่ิูมาเป็แนวหน้า ทว่าเื่มาถึงขั้นนี้ เขาไม่อาจควบคุมมันได้อีกต่อไปแล้ว
เ่ิูกลับตื่นเต้นนัก เขาสนใจาที่กำลังจะมาถึงนี้อย่างมาก
เทียบกับต้องมาสู้กับเผ่าพันธุ์เดียวกันในวังวนเดิมๆ แล้ว มันเทียบกันกับการไปประหัตปะาพวกเผ่าปีศาจในสนามรบไม่ได้หรอก
“แล้วก็ ที่เ้าก่อหวอดในฝ่ายพลาธิการเสียใหญ่โตคราวนี้ อีกหน่อยทุกฝ่ายจะรู้แกวเร็วนัก ข้าเชื่อว่าในเวลาไม่เท่าไรเ้าจะได้โด่งดังทบทวี เพราะงั้นบริหารเวลาให้ดีเสีย อย่าไปทำเื่ทำราวอีกเลย อย่างไรก็เป็ทหาร ถ้ามัวทำเื่ไม่เว้นแต่ละวัน ข้าคิดว่าผู้บัญชาการทุกฝ่ายต้องเห็นเ้าเป็หนามตำตา จะมีอคติกับเ้าเอาได้” เวินหว่านกำชับ
เ่ิูไม่ทำหลับหูหลับตาพูดกับเวินหว่าน เขาพยักหน้าจดจำไว้เป็อย่างดี
เพราะดึกเกินไป มีกฎห้ามออกนอกเคหสถานยามค่ำคืน ดังนั้นในราตรีนี้ เวินหว่านถึงยังอยู่ที่หอคอยอาชาขาว
จวบจนเช้าวันที่สอง เวินหว่านก็ออกไปจากบ้าน กลับสู่ค่ายแนวหน้าของตัวเอง
“สองคนที่เ้าหานั่น ถ้ามีข่าวอะไรข้าจะบอกเ้าเอง”
เวินหว่านว่าก่อนหน้าที่จะไป
...
...
หลายวันต่อมา ชื่อของเ่ิูก็แพร่สะพัดไปในด่านโยวเยี่ยนอย่างบ้าคลั่ง
จ้าวหรูอวิ๋นถูกแขวนอยู่บนเสาลงทัณฑ์ประจานสามชั่วยามเต็มจริงๆ ถึงกล้าลงมา
หลินหลางและอีซานเช่อไม่กล้าเอ่ยเื่ที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ใครอื่นได้รับรู้แม้สักคำเดียว
แต่เมื่อเื่ผ่านไป ไม่รู้ว่ารู้ทางมาจากไหน มันถึงได้เผยแพร่ไปทั่วทั้งด่านโยวเยี่ยน
อีซานเช่อทั้งอายทั้งชัง เขาประกาศปิดบ้านเรือน แต่ก็หาได้หยุดเื่กลั่นแกล้งให้ล่ำลือออกไปได้
ข่าวลือมีประเภทแต่ละอย่างๆ แต่เื่ราวกลับเหมือนกันโดยพื้นฐาน...คนใหม่ที่ชื่อเ่ิู เป็ทูตถือดาบตรวจการณ์ มาถึงได้ไม่นาน ก็กำราบพวกยอดฝีมือของกลุ่มอายุน้อยชิงเฟิงชานเสียอยู่หมัด จ้าวหรูอวิ๋นที่แต่เดิมเชิดหน้าชูหางโอหังไปทั่วก็โดนแขวนอยู่บนเสาลงทัณฑ์ประจาน
ข่าวเช่นนี้ถูกสายลมพัดพาไปกรอกหูคนทั้งด่าน
“เ่ิูคนนี้เป็ใครกันหรือ?”
“ฮ่าๆ นายคนใหม่ของหอคอยอาชาขาว รุนแรงปานนี้เชียวหรือ?”
“เ่ิูหรือ? ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยแฮะ”
“เหมือนต่อจากนี้ด่านโยวเยี่ยนจะได้คนพลังแกร่งมาเพิ่มอีกแล้วนะ”
“จะว่าไป จางซานฝ่ายพลาธิการเข้าข้างพวกตัวเองนั่น จะไม่มาดูดำดูดีเื่นี้เลยหรือ?”
ตอนนั้นเองที่ผู้คนพูดคุยกันแต่เื่ชื่อของเ่ิู
เหมือนที่เวินหว่านพูดไว้ไม่มีผิด ชื่อของเ่ิูม้วนพับไปทั่วสารทิศด้วยความเร็วเฉกเช่นสายลมพัด เมื่อวานเขาเป็เพียงรุ่นน้องไร้ชื่อที่มาเป็ครั้งแรก ตอนนี้กลับเป็หัวข้อที่กลุ่มอำนาจมากมายในด่านจับตามอง
บางคนที่ใจรักก็แอบสืบหาเื้ัของเ่ิูเงียบๆ ไปแล้ว
แล้วก็มีบางคนรีบชิงลงมือส่งของขวัญมาเยี่ยมเยียนเ่ิูยันหอคอยอาชาขาว
การกำเนิดแห่งบุคคลผู้พลานุภาพกล้าแกร่ง พาให้คนมากมายเห็นโอกาส
แน่นอน ว่าคนจำนวนมากกว่ายังคงสังเกตการณ์ต่อไป ในเมื่อคนที่เ่ิูทำผิดเข้าเป็คนมีเื้ัไม่เล็ก หากคิดผลีผลามทำอะไรตอนนี้ น่ากลัวว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย
ตอนนั้นเองที่ประตูแห่งหอคอยอาชาขาวซึ่งเคยรกร้างเดียวดายกลับอุ่นหนาฝาคั่งเหมือนตลาด
เ่ิูไม่สนใจคนที่นำของขวัญมาให้แต่อย่างใด เขาปิดประตูไม่ต้อนรับ หลบอยู่ในห้องสงบบนชั้นสี่ของหอคอยเพื่อฝึกวิชา ทาสกระบี่อาชาขาวเพียงคนเดียวคือไป๋หย่วนสิงผู้มีสภาพอ่อนแอและยังรักษาอาการาเ็อยู่ แม้ว่าจะเห็นภาพคึกคักและเปี่ยมอารมณ์เพียงใด เขาก็ทำได้เพียงนอนหลบอยู่บนเตียงมิได้ออกไปต้อนรับแขกไปใครมา
ภาระหนักที่ต้องกันแขกผู้มาเยือนไว้ ตกเป็ของอูหม่านั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้