“เ้า “ซูส” มันทำกับข้าครั้งนี้ ข้าแค้นใจนัก คราวนี้ข้าจะไม่เน้นไปสร้างเกียรติภูมิแห่งเทพ กับยายหลานสาวตัวแสบ “อาเทน่า“ อีกแล้ว แต่คราวนี้ข้าจะต้องเอาชนะ เ้า “ซูส “ และทำให้สรวง์ต้องอับอายที่พ่ายแพ้ข้าให้ได้ !!!!“
เทพ “ฮาเดส“ ลุกยืนขื้นมาอย่างแข็งขัน พลางกำกำปั้นของตัวเองชูขึ้นมาในอากาศ อย่าง้าประกาศศักดา โดยที่เทพอีกสององค์ ทั้ง “ทานาทอส“ และ “ฮิปนอส“ ต่างก็ลุกขึ้นมายืนประกบทางด้านข้างของทางเทพ “ฮาเดส“ ด้วยเช่นกัน บรรยากาศเป็ไปอย่างขึงขัง และทำให้เหล่า “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลาย ถึงกับตะลึงจังงัง ทำตัวกันไม่ถูกเลยทีเดียว บรรยากาศรอบๆข้างเงียบกริบ แทบไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ เล็ดรอดออกมาแม้แต่นิดเดียว
“ท่านพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า “เกียรติภูมิแห่งเทพ“? หรือท่านฮาเดส หมายถึง “าศักดิ์สิทธิ์“ ในอดีตกาล นี่ท่านคิดจะใช้เหล่านักรบของท่านบุกไปยึดครองทั้งพิภพมนุษย์ และ ์ เพื่อพิสูจน์พลังอำนาจของท่านแบบนั้นหรือ ?“
ท่านพญายมฯ ถึงกับต้องระล่ำระลักถามขึ้นมาอย่างตกอกใเลยทีเดียว เพราะดูจะเป็เื่ที่ยิ่งใหญ่เอามากๆ
“เปล๊า...เดี๋ยวนี้ใครเขาจะยกพลนักรบไปสู้กัน มันไม่มีแล้ว นั่นมันในการ์ตูนที่พวกมนุษย์เขาจินตนาการเขียนเอาไว้ให้ได้ทำมาหากินเลี้ยงชีพ แต่จริงๆมันก็สนุกดีนะ ข้ายังแอบแปลงเป็มนุษย์ลงไปซื้อมาอ่านแล้วเก็บสะสมเอาไว้เป็คอลเล็คชั่นเลย ตัวข้าเองนี่บอกเลยคนวาดเขาดีไซน์ออกมาแบบโคตรบิดาโคตรมารดาแห่งความเท่ห์เลย ดูๆนี่ โมเดลตัวข้าเองในการ์ตูน ข้าเห็นแล้วยังอดชอบไม่ได้ ต้องแปลงตัวเป็มนุษย์ไปสั่งซื้อแล้วเอามาเก็บเอาไว้ตั้งโชว์ที่วังของข้าเลย...ท่านดูซิท่านยมฯ เท่ห์ไหมเล่า ?“
ว่าแล้วเทพ “ฮาเดส“ ก็ไถอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์แห่งโลกนรกภูมิ ให้ท่านพญายมฯได้มีโอกาศได้ดูคอลเล็คชั่นของสะสมของตัวเองอย่างมีความสุข ยิ้มนี่หวานละไมเหมือนเด็กๆที่ได้อวดของเล่นกันเลยทีเดียวเชียว แล้วก็พูดขึ้นมาอีกทีว่า
“เดี๋ยวนี้บรรดาเทพเ้าเขาไม่ทำากันแล้ว เขาเปลี่ยนเป็การส่งตัวแทนไปแข่งกีฬากันทีู่เาโอลิมปุส มีกีฬาหลายๆอย่างที่ก็เหมือนๆกับโลกมนุษย์ด้านล่างเขาเล่นกันนั่นแหล่ะ พวกกีฬาต่อสู้ก็มี แต่ก็ห้ามสู้กันถึงตาย เดี๋ยวนี้พวกเทพฯ ก็พัฒนามีอารยะธรรมกันขึ้นมาเยอะแล้ว ไม่เอะอะๆ ก็หาเื่ทำาเพื่อหาผลประโยชน์เหมือนพวกมนุษย์ขี้เหม็นบนโลกหรอก ไอ้พวกนั้น พอพวกมันดับดิ้นสิ้นสังขารเมื่อไหร่ ถึงจะรวยค้ำฟ้าแค่ไหน พอตายลงมาในนรกภูมิของข้าๆ ก็จะส่งมันไปนรกขุมลึกสุดแบบไม่ได้ผุดได้เกิดกันเลยทีเดียว เพราะว่าบาปของพวกมันที่ทำให้คนต้องฆ่ากันนั้นหนักหนาสาหัสยิ่งนัก ใช่ไหม ฮิปนอส , ทานาทอส ?“
มหาเทพแห่งูเาโอลิมปุสหันหน้ามาพูดกับ “เทพแห่งยมโลกระดับสูง“ อีกสององค์ที่เป็เสมือนกับผู้ช่วยงานของตนเองซึ่งทั้งสองคนก็ตอบกลับมาโดยพร้อมเพรียงกันว่า...
“ใช่แล้วขอรับ...ท่านฮาเดส พวกข้าหมั่นฝึกฝนการวิ่งเปี้ยวกันทุกวัน บอกได้เลย ถ้าพวกกรรมการเหม่อเมื่อไหร่...รับรองนับรอบพวกเทพฝาแฝดอย่างพวกข้าผิดแน่ๆ...แต่ถึงไม่นับรอบผิด พวกข้าก็มั่นใจว่า เื่วิ่งเปี้ยว จะไม่มีผู้ใดทั้งบน์,ดินแดนอันแสนเยือกเย็น หรือมหาสมุทร จะมาวิ่งแข่งสู้กับพวกข้าได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นักกีฬาจากกองทัพของเทพองค์ใดเหรียญทองของการแข่งขันกีฬาเทพเ้าในครั้งหน้า พวกข้าไม่มีทางพลาดเหรียญทองในกีฬา “วิ่งเปี้ยว“ นี้แน่นอนครับ ท่านฮาเดส พวกข้ารับประกันได้“
จ้าวแห่งยมโลกได้แต่ยิ้มรับ ด้วยความมั่นใจในเทพที่เหมือนเป็องค์รักษ์ผู้รับใช้ของตัวเอง ที่ทั้งซื่อสัตย์และแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด แต่อย่างไรก็ตามหนึ่งในจอมเทพแห่งโอลิมปัส ก็ยังกล่าวเตือนเทพทั้งสององค์ว่า
“ข้ารู้ว่า พวกเ้านั้นเก่งกาจขนาดไหน แต่อย่างไรพวกเ้าก็จะประมาทกลุ่มนักสู้นักกีฬาจากกองทัพของเทพองค์อื่นๆไม่ได้นะ ยิ่งไอ้พวกนักกีฬาจากกองทัพของ ยาย “อาเธน่า“...ที่มีเก่งๆพอใช้ได้อยู่ซักสิบกว่าคนได้น่ะ จริงๆฝีมือพวกนั้นมันก็ไม่เลวอยู่หรอก แต่ที่ข้าต้องละเหี่ยใจมากกว่า ก็คือความดื้อด้าน และอึดทานทนของพวกมันนี่ซิ ทำเอาข้ารำคาญใจนัก ดูท่าจะแพ้มิแพ้แหล่อีตอนแข่งกีฬาที่ไร เผลอๆพวกมันก็กลับมาชนะได้ทุกที บางทีขนาดชุดกีฬาหลุดไปเกือบหมดตัวยังชนะได้เลย ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่อะไรหรอก ยายอาเทน่า พอเห็นนักกีฬาตัวเองจะแพ้ทีไรก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วแอบส่งพลังเทพให้นักกีฬาของตัวเองเป็ประจำ ดังนั้นพวกเ้าทั้งสองคนต้องเตือนตัวเองกับพวกของเรากันด้วยนะ ว่าห้ามประมาทนักกีฬาของยาย “อาเธน่า” เป็อันขาด ไม่งั้นอาจจะแพ้พ่ายได้เลยเหมือนกัน“
จากนั้นทาง “ ฮาเดส “ ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
“แต่ถ้าจะพูดถึงเื่แอบไปเพิ่มพลังให้นักกีฬาตัวเองนี่ ข้าไม่เห็นเทพคนอื่นเขาจะทำแบบนั้นเลย เขาก็ว่ากันไปซื่อๆ ตามฝีมือนักกีฬาของตัวเอง มีแต่ยายอาเธน่านี่แหล่ะชอบไปแอบทำ”
หลังๆนี่กองทัพแต่ละกองทัพก็หยวนๆให้นางไป ถือว่าเป็ตัวบั๊คประจำการแข่งขันก็แล้วกัน เก็บเอาไว้ดูเล่นเอาฮาๆไปอย่างนั้นแหล่ะ...นับผลกันเองแค่กองทัพอื่น ไม่นับตอนเจอกับกองทัพนางก็พอแล้ว มันก็เหมือน พ่อ หรือ ลุง ไม่อยากจะเอาจริงกับลูก กับ หลานนั่นแหล่ะ แต่เื่นี้ นางไม่รู้หรอก พอชนะก็ดีใจกันไป เราเห็นก็อดเอ็นดูไม่ได้ล่ะนะ แล้วถ้ากองทัพนักกีฬาของใครชนะ ก็จะได้เดิมพันกันไปในแต่ละครั้ง ซึ่งเดิมพันจะเป็อะไรนั้นก็แล้วแต่จะตกลงกันเอาไว้ และอีกไม่ถึงร้อยปีจะมีงานแข่งประชันศักดิ์ศรีของบรรดากองทัพเทพกันอีกแล้วงานนี้ข้าจะต้องพากองทัพนักกีฬาจากยมโลกของข้า เอาชนะเป็ที่ หนึ่งหักหน้าเ้า “ซูส “ มันให้ได้ เพราะงานนี้มันทำข้าเจ็บแสบเหลือเกิน“
ท่านพญายม ทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกับว่าตัวเองจะนึกอะไรขึ้นได้ซักอย่างหนึ่ง แล้วก็ได้สอบถามกับทาง “ฮาเดส“ ว่า
“งั้นการที่เ้าม้าเปกาซัสมันต้องบินมาส่งเอกสารสำคัญที่ยมโลกนี้แทนการส่งข้อมูล ผ่านระบบเน็ตเวิร์ค ของทางนรก-์แบบนี้ หรือเป็เพราะว่า...“
ทางเ้าแห่งพิภพยมโลกภาคพื้นยุโรปจึงได้ เปล่งเสียงที่เหมือนกับการคำรามอยู่ในลำคอออกมาว่า
“ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นแหล่ะ...พอรู้ว่าไอ้เ้า “ซูส“ มันเอาอะไรให้ข้ากิน ข้าก็ะเิพลังถล่มวังมันซะเป็จุลไปแถบหนึ่ง ก่อนจะกลับปราสาทข้าที่นรกภูมิ ป่านนี้มันคงต้องเสีย “เบี้ย์“ ซ่อมระบบเน็ตเวิร์คบน์กันยุ่งหัวฟูอยู่ล่ะมั้ง ก็ดันทำเื่ไม่เข้าเื่กับข้า จนข้าฉุนขาดนักนี่...ช่วยไม่ได้...อื้มส์...ว่าแต่กาแฟของท่านที่เอามาเสริฟ์ข้านี่ ก็มีรสชาติที่อร่อยดีเหมือนกันนะ...”
“รสชาติของมันนุ่มละมุนลิ้น และข้าััได้ถึงกลิ่นไอของธรรมชาติและผืนดินที่คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด ท่านพอจะบอกได้ไหมว่า เป็เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อะไร ? แล้วมีเมล็ดแห้งของมันที่เก็บเอาไว้บ้างไหม ? ข้าอยากจะลองดมกลิ่นแท้ๆและดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟพันธุ์ที่ท่านเอาบดชงให้ข้าได้กินเสียหน่อยจะเป็การรบกวนเกินไปไหม ?“
เทพสูงสุดแห่งยมโลกได้หันหน้ามาถามกับท่านยมบาลฯ จนทำให้ท่านยมบาลฯนั้นถึงกับสะดุ้งโหยงหน้าซีดเผือกกันเลยทีเดียว แต่ก็พยายามกลบเกลื่อนสีหน้าไม่ให้มีพิรุธ ก่อนจะพูดว่า
“อันนี้กระผมต้องขออภัยต่อท่าน “ฮาเดส“ จริงๆ พอดีเมล็ดกาแฟล็อตนี้ มันถูกใช้ไปหมดพอดีแล้วล่ะครับ...กระผมเลยไม่ได้มีตัวอย่างเมล็ดกาแฟสำเร็จรูปแล้วเอามาให้ท่านได้ชม ยังไงก็เอาไว้ครั้งหน้าอีกทีก็แล้วกันนะครับ“
ชายร่างั์เมื่อเห็นว่าทางเทพ “ฮาเดส“ ดูจะเข้าใจ และทำอากัปกริยารับทราบเรียบร้อย แล้วโดยไม่ได้พูดจาอะไรเพิ่มเติม ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่จะสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงร้องของสัตว์ชนิดหนึ่ง ร้องดังมาจากบริเวณที่อยู่ไม่ไกลจากศาลากลางมากนัก มันก็คือ กลุ่มของสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งก็คือฝูงควายที่เลี้ยงเอาไว้ใช้แรงงานในนรกภูมินี่เอง แต่ควายฝูงนี้มีสัญลักษณ์ประจำตัวที่เหมือนจะระบุเอาไว้ว่า เอาไว้ใช้ในกิจกรรมอะไรพิเศษอย่างหนึ่ง ที่เหมือนท่านยมบาลจะรู้ความนัยอยู่คนเดียว จนต้องรีบเดินมาให้ทางพวกยมทูตที่กำลังต้อนฝูงควายเ่าั้ รีบต้อนควายไปเสียให้ไกลๆจากที่บริเวณศาลากลางของนรกขุมที่ 3 ให้เร็วที่สุดแต่ให้ตายเถอะ...บรรดาควายเ้ากรรมหลายตัวดันมีอาการเหมือนไม่อยากขยับเขยื้อนตัวเองไปเสียอย่างนั้นเหมือนพวกมันเองกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง
“หืมมม...พวกควายที่เลี้ยงอยู่ที่นรกขุมที่ 3 นี้เหรอ ตัวอ้วนพ่วงพีดีนี่นา...ท่านยมบาลไม่ต้องคิดมากหรอก เห็นแบบนี้แล้ว ข้าน่ะเป็คนรักสัตว์พอดูเลยนะ อย่างเ้าหมาสามหัวที่น่ารักของข้าที่ใครๆก็รู้จักเป็อย่างดี แม้แต่มนุษย์บนโลกอย่างเ้า “เซเบอรัส“ น่ะ ข้ายังเลี้ยงดูมันจนพ่วงพีเลย ตอนนี้อ้วนฉุน่าดู จนข้าต้องเอาพวก “ิญญาบาป“ บางพวก ไปให้มันวิ่งไล่งับเล่นๆ ออกกำลังกายนิดๆหน่อยๆ เพื่อลดหุ่นมันเลย แค่เื่พวกควายพวกนี้เดินมาใกล้ๆ ศาลากลางแค่นี้ ท่านไม่ต้องซีเรียสกับมันหรอกท่านยมบาล...“
ว่าแล้วท่านเทพ “ฮาเดส“ ก็เดินมาตบบ่า ท่านยมบาลอย่างเป็กันเอง แล้วก็พลอยมายืนจ้องมองฝูงควายที่เดินผ่านมาอย่างคนที่รู้สึกเอ็นดูอีกด้วย แต่กลับทำให้ท่านยมบาลรู้สึกเหงื่อตกอย่างน่าแปลกเลยทีเดียว แถมเมื่อ “ฮาเดส“ มาอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ จะพูดหรือส่งสัญญาณอะไรให้ทางพวกยมฑูตที่เลี้ยงควายนรกพวกนี้อยู่ก็ลำบากเสียด้วยซิ ซึ่งอาการที่เ้าควายนรกพวกนี้ไม่อยากขยับเขยื้อนกายไปไหน มันก็เป็สิ่งที่ท่านยมบาลฯ ก็พอจะรู้ว่า อาการแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อมา แล้ว “สิ่งนั้น“ ก็เกิดขึ้นมาจริงๆ
“แพล๊ด...ปู๊ดดดด...ป๊าด...!!!! “
หลังจากสิ้นเสียงที่ดังเหมือนการผายลมชุดใหญ่นี้ ของเหลวเป็ก้อนๆ ที่อัดแน่นด้วยเมล็ดของอะไรซักอย่างก็หลุดพรวดพราดจากรูก้นของเหล่าควายนรกหลายตัว ชนิดมาแบบพร่างพรู เหมือนคนท้องเสียตามด้วยเสียงบ่นกระปอดกระแปด ของเหล่ายมฑูตที่ช่วยกันดูแลควายนรกพวกนี้อยู่
“โถ่...ไอ้ควายเอ๊ย...แต่ที่จริงมันก็เป็ “ ควาย “ จริงๆ น่ะแหล่ะ จะว่ามันๆก็คงไม่ว่าอะไรล่ะนะ พวกเอ็งนี่จะทนกลั้น ไปขี้ในคอกที่ปูพื้นเอาไว้เรียบร้อยแล้วหน่อยก็ไม่ได้ ดันมาพากันปล่อยทุ่นเอากันซะตรงนี้อีก แบบนี้ขี้ก็คลุกฝุ่นหมด เมล็ดกาแฟ ก็กระเด็นไปตามพื้นทั่วไปอีก พวกข้าลำบากกวาดเก็บอีกนะเนี่ย พวกเอ็งนี่จริงๆเล๊ยเอ้า ขี้เสร็จละก็รีบๆ ลุกไป ข้าจะได้กวาดเม็ดกาแฟไปเก็บ ไปล้าง ไปคั่วอีก เห็นว่าผู้ใหญ่เขาจะเอามาใช้รับรองแเื่ชั้นสูงในอนาคต”
“เพราะเวลาบดเอากาแฟที่ทำจากขี้พวกเอ็งแล้วเอามาชงน่ะ...มันอร่อยถึงใจ...เขาว่ากันอย่างนั้นนะ เอ้า หลบๆไป ได้แล้ว “ไอ้ควาย“ ข้าไม่ได้ด่าใครนะ ก็พวกเอ็ง มันเป็ “ควาย“ จริงๆ นี่หว่า...ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอ้าเฮ้ย...พวกเรามาช่วยกันกวาดเม็ดกาแฟกันหน่อย ตกเกลื่อนพื้นกันไปหมดแล้ว เดี๋ยวผลผลิตตกต่ำ ไม่ได้ยอดตามที่้าเพื่อจะไปส่งที่ “Hell s Café“ กันพอดี
หนึ่งในยมทูตที่อยู่ในกลุ่มผู้เลี้ยงควาย พูดกับพวกฝูงควาย และพวกยมฑูตที่เลี้ยงควายนรกด้วยกันอย่างอารมณ์ดีเสียงดังฟังชัด แบบไม่ได้สนใจว่าจะมีใครได้ยินกันบ้างเลยซักนิด จนทำให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลออกมาหน่อย ก็ได้ยินอย่างชัดเจน ซึ่งทางด้านของ “ฮาเดส“ และ สองขุนพลเทพข้างกาย เมื่อได้ยินดังนั้น ก็ได้แต่ยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก แล้วก็หันหน้าไปมองที่ท่านยมบาลฯ ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่าในใจรู้สึกอย่างไร
ส่วนท่านยมบาลฯ ของเรานั้นเมื่อทางเทพ “ฮาเดส“ หันมามองหน้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ หัวเราะแฮ่ะๆ...เหมือนกับไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไงจริงๆ...
จากนั้นอีกไม่กี่วินาที นรกขุมที่ 3 แห่งภาคพื้นเอเชีย ก็เหมือนมีเสียงคำรามของใครซักคนดังขึ้น ซึ่งไม่อาจฟังได้ชัดว่าพูดออกมาเป็ประโยคอะไร หลังจากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมา สภาพคล้ายมีะเิปรมาณูมาทิ้งบอมบ์ลงในขุมนรกแห่งนี้ก็ไม่ปาน และเหตุการณ์ครั้งนี้ ถูกเรียกเป็ “Code Name“ ที่เป็บันทึกในประวัติศาสตร์ ของทั้ง ์ และ นรกว่า เป็เหตุการณ์ ที่มีชื่อเรียกว่า “ฮาเดส บอมบ์“ ซึ่งก่อให้เกิดความยุ่งยากในระบบทะเบียนของขุมนรก จนต้องตามแก้ไขกันอยู่นานโขเลยทีเดียว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้