ในความมืดไร้สิ้นสุด
จั๋วอวิ๋นเซียนเสมือนเรือใบท่ามกลางคลื่นั์โหมกระหน่ำ ล่องลอยแบบมิอาจควบคุมทิศทางได้
ในเวลานี้เองมีลำแสงส่องสว่างขึ้นมา
จั๋วอวิ๋นเซียนลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองปรากฏตัวอยู่ในห้องห้องหนึ่ง หมอกควันปกคลุมรอบด้านราวกับภาพลวงตา ทำให้ยากจะแยกแยะจริงเท็จได้
ที่นี่คือ...ตระกูลจั๋ว? หรือความฝัน?
เขานึกอะไรขึ้นได้จึงเดินมาที่เตียงทีละก้าว เขาเห็นสตรีป่วยหนักคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงและกำลังมองเขาด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“ทะ...ท่านแม่!”
จั๋วอวิ๋นเซียนมือสั่น น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด...นางก็คือมารดาของเขา
ฮูหยินจั๋วจากโลกนี้ไปตอนจั๋วอวิ๋นเซียนอายุได้หกปี ตอนนางคลอดบุตรย่อมต้องเสียพลังชีวิตไปจำนวนมาก เมื่อรวมกับแผลเก่าที่มิอาจรักษา ท้ายที่สุดอาการป่วยก็ทรุดหนัก
เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือธรรมชาติของมนุษย์
แต่บังเอิญว่าตอนนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนไปทดสอบพร์ พบว่าสามิญญาเจ็ดจิตไม่สมบูรณ์ ทำให้ผู้คนมากมายผิดหวัง เขาคิดมาตลอดว่าเป็ความผิดของเขาจึงทำให้มารดาโมโหจนล้มป่วย ดังนั้นการตายของมารดาได้กลายเป็ปมในใจของเขามาตลอด
จั๋วอวิ๋นเซียนไม่รู้ว่าทำไมเกิดเื่เดิมขึ้นอีกครั้ง เขาไม่อยากใช้สมองครุ่นคิดอีกแล้ว เพียงแค่คุกเข่าต่อหน้ามารดา หลั่งน้ำตาเงียบๆ
“ข้าขอโทษที่ทำให้พวกท่านผิดหวัง ข้าขอโทษ!”
จั๋วอวิ๋นเซียนมิเคยคิดว่าตัวเองเป็คนอ่อนแอ คำนินทาว่าร้ายใดๆ ก็มิอาจทำอะไรเขาได้ แม้แต่อำนาจอิทธิพลใดๆ ก็มิอาจทำให้เขายอมจำนน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามารดา นอกจากความรู้สึกผิดแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าควรแสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างไร
……
จั๋วอวิ๋นเซียนคุกเข่าที่พื้นพลางเล่าเื่ต่างๆ ให้มารดาฟังมากมาย ทั้งความกดดัน ความลำบากที่พบเจอ และความสุข ความสำเร็จในหลายปีมานี้ สิ่งเ่าั้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยอายุสิบสองปีคนหนึ่งควรแบกรับ
ฮูหยินจั๋วนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ มองบุตรชายด้วยสายตาอบอุ่นและอ่อนโยน นางไม่เคยผิดหวังกับจั๋วอวิ๋นเซียน จั๋วฟู่ไห่กับจั๋วอวี้หวั่นก็เช่นกัน เพราะพวกเขารู้ว่าจั๋วอวิ๋นเซียนพยายามมากแล้ว เพียงแต่ชะตาลิขิตมิอาจฝ่าฝืนก็เท่านั้น
หลังจากระบายความในใจออกไป จิตใจของเขาก็ค่อยๆ สงบขึ้น ปมในใจตลอดหลายปีค่อยๆ จางหายไป เขาไม่ได้หลงลืมตัวเอง ต่อให้กายจะอยู่ในหุบเหวที่มืดมิด ในใจของเขาก็ยังคงมีแสงสว่างและความหวัง
ท้ายที่สุดมารดาของเขาค่อยๆ ปิดตาลง ทิ้งคำกล่าวไว้ให้บุตรเพียงสี่คำ “มี ชีวิต ให้ ดี “
มีชีวิตให้ดี
นี่ก็คือคำอวยพรสุดท้ายก่อนสิ้นใจของมารดา นางไม่้าชีวิตนิรันดร์ ไม่้าเกียรติยศความร่ำรวย เพียงหวังให้จั๋วอวิ๋นเซียนมีชีวิตที่ดี
……
ด้านนอกมิติมายา เฉียนโม่เผยอารมณ์เป็ครั้งแรก
นางสามารถััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของจั๋วอวิ๋นเซียน เพียงแค่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องประสบพบเจอสิ่งใด
พลังเซียนาเป็ทั้งโอกาสและเป็บททดสอบด้วย ประสบการณ์ของทุกคนย่อมไม่เหมือนกัน สิ่งที่เห็นในมิติมายาจึงแตกต่างกัน บางคนจมดิ่ง บางคนยึดมั่น บางคนมีความสุข บางคนเ็ป...ความรู้สึกเหล่านี้ฝั่งลึกในิญญา
……
มิติมายาหายไปพร้อมกับการจากไปของฮูหยินจั๋ว
จั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมา แต่เขายังคงจมอยู่ในความโศกเศร้ากับการจากไปของมารดา
ความโศกเศร้าเช่นนี้ ยิ่งใหญ่กว่าความเ็ปทั้งปวง!
จั๋วอวิ๋นเซียนพยายามลุกขึ้น เขาหอบหายใจพลางหันไปมองเฉียนโม่บนแท่นผนึกเทพด้วยสายตาอันซับซ้อน
เขารู้สึกว่าตัวเองควรจะเกลียดเฉียนโม่ เพราะอีกฝ่ายจงใจทรมานเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าควรขอบคุณเฉียนโม่มากกว่า เพราะอีกฝ่ายทำให้เขาได้พบกับมารดาอีกครั้ง
“ในเมื่ออดทนผ่านมาได้โดยไม่สลบและไม่สับสน ช่างมีความมุ่งมั่นไม่เลว”
เฉียนโม่กล่าวคำชมเชยอย่างไร้อารมณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “เด็กน้อย รางวัลที่เ้า้าข้ามอบให้แล้ว ถึงแม้กระบวนการจะเ็ปไปบ้าง แต่มีประโยชน์ไม่น้อย ขึ้นอยู่กับตัวเ้าแล้วว่า...”
เสียงพูดหยุดลงกะทันหัน เฉียนโม่ตกตะลึง! นางััได้ว่าพลังเซียนาที่นางใส่เข้าไปในร่างกายของจั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้หายไป กลับถูกจั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ ดูดซับทีละนิด...มิผิด เป็การดูดซับ ไม่มีเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย!
คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตนด้วยซ้ำ แต่กลับสามารถดูดซับพลังเซียนาได้ นี่เป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ!
นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เฉียนโม่ใช้จิตสำรวจร่างของจั๋วอวิ๋นเซียน นางอดตะลึงไม่ได้ “ไร้พร์ สามิญญาไม่สมบูรณ์? เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ไม่สมบูรณ์! แต่มัน...กำลังหลับใหล! ดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้จะมีความลับไม่น้อยเลย”
ขณะที่เฉียนโม่กำลังจะตรวจสอบอย่างละเอียด นางกลับหยุดกะทันหัน เดิมทีนางไม่ใช่คนขี้สงสัย จั๋วอวิ๋นเซียนจะดีหรือร้าย เกี่ยวอะไรกับนาง?
เมื่อคิดได้เท่านี้เฉียนโม่ก็เลิกสนใจ เหมือนจิตใจของนางด้านชาต่อทุกสิ่งอย่างไปแล้ว
……
กระบวนการดูดซับพลังเซียนาเ็ปมาก แต่จั๋วอวิ๋นเซียนยังคงกัดฟันอดทนจนพลังเซียนาค่อยๆ กลับมาหล่อเลี้ยงจิติญญาของเขา ทำให้เขารู้สึกสบายยิ่ง
นี่เป็ความรู้สึกที่อัศจรรย์มาก เหมือนกลับไปยังจุดเริ่มต้น มีเพียงความสุขในชีวิต บริสุทธิ์ไร้มลทิน ไร้ซึ่งความคิดอื่นใด
ราวกับทารกในครรภ์ มีจิตใจบริสุทธิ์
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตว่า หลังผ่านการชำระจากพลังเซียนาแล้ว จิตของเขากำลังเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย ิญญาของเขากำลังค่อยๆ ยกระดับขึ้น
……
ไม่รู้ผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น จั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ ตื่นขึ้น
“ในเมื่อได้รับรางวัลแล้ว เช่นนั้นก็จากไปเสีย!”
เฉียนโม่ไม่อยากพูดมาก นางสะบัดมือไล่จั๋วอวิ๋นเซียนออกจากสุสานโบราณ จนเขาไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด
“ช่างเป็เด็กน้อยที่น่ารำคาญนัก...”
ถ้าเป็นิสัยของเฉียนโม่เมื่อก่อน คงสังหารจั๋วอวิ๋นเซียนจนิญญาแตกสลายไปแล้ว แต่นางหลับใหลมานานหลายปี นิสัยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แม้แต่นางเองก็ไม่สังเกตเห็น
“ศักราชที่เก้าแล้วหรือ ไม่รู้ว่ายุคเซียนโบราณในตอนนี้...ยังมีเซียนอยู่หรือไม่?”
เมื่อพูดจบเฉียนโม่ก็หายไปพร้อมกับแท่นผนึกเทพ
……
“ฮึม!”
มิติบิดเบี้ยว จั๋วอวิ๋นเซียนปรากฏตัวนอกสุสานโบราณ เขากำลังเหม่อลอย
เมื่อหวนนึกถึงเื่ราวเมื่อครู่นี้ เขารู้สึกแตกต่างออกไป!
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเฉียนโม่ไม่ใช่ภาพลวงตา อีกทั้งสุสานโบราณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ถ้ามิใช่ภาพลวงตา เช่นนั้นก็คือสิ่งมีชีวิตในมิติมายาสุญญตา...มิติมายาสุญญตาคงอยู่มาหมื่นปีเป็อย่างน้อย หรือก็คือเฉียนโม่น่าจะเป็บุคคลก่อนยุคโบราณ!
เื่นี้อยู่เหนือความเข้าใจของจั๋วอวิ๋นเซียนอย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาไม่กล้าคิดต่อ
“ติ๊ง!”
ขณะที่จั๋วอวิ๋นเซียนคิดจะออกจากมิติมายาสุญญตา กำไลสื่อิญญาที่ข้อมือก็มีแสงกะพริบ
“ถังจิ่วหรือ? มีเื่อันใด?”
“อวิ๋นเสี่ยวเซียน ตอนนี้เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำถามของถังจิ่ว จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกงุนงง “ใครเป็อะไร?”
“เอ๊ะ? หรือว่าเ้าเพิ่งเข้ามาในมิติมายาสุญญตา? เกิดเื่ใหญ่ขนาดนี้เ้าไม่รู้หรือ?”
“เช่นนั้นข้าควรรู้เื่อะไรบ้าง?”
จั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้บอกเื่ที่เกิดขึ้นในสุสานโบราณ เพราะมันฟังดูน่าเหลือเชื่อเกินไป
ถังจิ่วกล่าวด้วยความร้อนรน “มิติมายาสุญญตาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบไปถึงแผ่นดินเซียนฉยงด้วย ได้ยินมาว่าเก้าทวีปสามเกาะออกคำสั่งให้สืบหาความจริงแล้ว แม้แต่พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็เคลื่อนไหวแล้ว!”
“อะไรนะ!”
จั๋วอวิ๋นเซียนใมาก เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาทันที
