คนชุดดำคนนั้นได้ยินก็ตัวสั่น สุดท้ายก็ก้าวตามคนที่อยู่ด้านหน้าไป
ณ ห้องตำราที่จวนขององค์ชายห้า
วันนี้จิตใจขององค์ชายห้าไม่ค่อยสงบเท่าไร เขานั่งไม่ติดแล้วเดินไปเดินมาไม่หยุดั้แ่เมื่อเช้า ตอนนี้ผ่านไปสามสี่ชั่วยามแล้ว แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด
องค์ชายห้ากัดฟันกรอด ไม่เชื่อว่าคนเป็กลุ่มจะจับขยะคนเดียวไม่ได้
ในอกมีความโกรธฝังแน่นไม่กล้าระบายออกมา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ด้านนอกห้องตำราก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
องค์ชายห้าดีใจแล้วนั่งลงตรงตำแหน่งประธาน เขาตั้งตารอว่าพอเปิดประตูก็จะเห็นหัวของเ้าขยะนั่น
วินาทีที่ประตูเปิดออก คนชุดดำคนหนึ่งเดินก้มหน้าเข้ามา ในมือกลับว่างเปล่า
สีหน้าขององค์ชายห้าแข็งค้างไป ตอนนั้นใบหน้าของเขาทะมึนดำจนเหมือนจะมีน้ำหมึกหยดลงมา เขาพูดเสียงเข้ม “เ้านั่นล่ะ?”
คนชุดดำเดินมาคุกเข่าข้างเดียวตรงหน้าองค์ชายห้า ไม่กล้ามองสีหน้าของผู้เป็นาย “เขา....เขาหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วย”
“ไร้ประโยชน์” องค์ชายห้าตบมือลงบนที่เท้าแขน เก้าอี้ไม้ลี่ฮวาชั้นดีพอถูกแรงมือฟาดไปอย่างแรงก็ทำให้ที่เท้าแขนหัก “คนสิบกว่าคนจับคนที่ไร้ความสามารถคนเดียวไม่ได้หรือ?”
คนชุดดำตอบกล้าๆ กลัวๆ “ไม่ใช่ขอรับ ตอนที่พวกเราไป หวังซวินคนนั้นก็ถูกคนช่วยไปแล้ว ต่อมาพวกเราก็ตามรถม้าของคนที่มาช่วย”
“เดิมทีจะจับได้อยู่แล้ว แต่ในรถม้ากลับโปรยยานอนหลับออกมา ฤทธิ์ยานั้นแรงมาก พวกเาาไปหมดทั้งตัว จนกระทั่งฟื้นตัวกลับมาพวกเราถึงได้เข้าไปตามหาในเมือง เพียงแต่หาเจอแค่รถม้าที่ถูกทิ้งเอาไว้ ส่วนตัวคนหายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้าหรี่ตาลง รอบตัวปล่อยบรรยากาศอันตรายออกมา คนชุดดำคุกเข่าอยู่ที่พื้นก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“ถูกคนช่วยไปแล้วหรือ?” เวิ่นจงเฉิงกัดฟันและกำหมัดแน่นขึ้น หากถูกคนช่วยไปแล้วก็เป็เื่ใหญ่แล้วสิ หวังซวินรู้ความลับของเขามากเกินไป คนคนนี้จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้
คนชุดดำที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมององค์ชายห้าอย่างระมัดระวัง “ขอ....ขอฝ่าาโปรดลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้าไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แรงกดดันภายในเรือนนั้นรุนแรงมาก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง องค์ชายห้าถึงได้เอ่ยปาก “ตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกเ้าที่เคยทำคุณงามความดีเอาไว้ สั่งการลงไป ให้ส่งทุกคนไปตามหาหวังซวินให้ทั่วทั้งเมือง แม้จะตายแล้วก็ต้องเห็นศพ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วก็” องค์ชายห้าหรี่ตาลง ั์ตามีจิตสังหารแล่นผ่าน “ไปรวบรวมคนมาสิบกว่าคน คืนนี้เปิ่นหวังมีภารกิจให้พวกเ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” คนชุดดำรับคำสั่งเพียงครู่เดียวก็ไปจัดการตามคำสั่ง
ตอนที่ซูิเยว่พาหวังซวินกลับมาก็เจอฝูซูพ่อบ้านที่มายืนรออยู่หน้าจวนพอดี พอเห็นหวังซวินที่ตามอยู่ด้านหลังซูิเยว่ ฝูซูก็ยกมือขึ้นขวางหวังซวินเอาไว้
ตอนที่ซูิเยว่ออกจากจวนไป นางพาเสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนไปแค่สองคนเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับพาคนแปลกหน้าคนหนึ่งมาด้วย เขาจะต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน
“คุณหนู ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ?”
หวังซวินสบตาสงสัยของฝูซูแล้วรีบพยักหน้าโค้งเอว “ข้าน้อยมีนามว่าอาต้า ยินดีที่ได้พบขอรับ”
“อ๋อ เขาหรือ” ซูิเยว่เองก็อธิบาย “คนนี้คือขอทานที่ข้าช่วยเอาไว้ตอนออกไปเที่ยวเล่น เห็นเขาน่าสงสารก็เลยพากลับมาด้วย ต่อไปเขาจะคอยดูแลอยู่ข้างกายข้า”
ฝูซูพูดลำบากใจ “คุณหนู คนแปลกหน้าที่ไม่มีที่มาที่ไปเช่นนี้ หากเก็บเอาไว้ข้างตัวเกรงว่าจะสร้างอันตรายให้กับคุณหนูนะขอรับ”
ซูิเยว่มองฝูซูด้วยสายตาไม่ได้นิ่งเรียบ นางเอ่ยเสียงเย็น “ฝูซูวางใจเถิด ข้าตรวจสอบตัวตนของเขามาก่อนแล้ว อีกทั้งในเรือนของข้ายังขาดคนก็เลยพาเขากลับมาเป็คนรับใช้”
ฝูซูยังคงยืนยัน “พาคนแปลกหน้ากลับจวนก็ต้องรายงานกับใต้เท้าสกุลซูก่อนนะขอรับ”
หวังซวินได้ยินประโยคนี้ก็หวาดกลัวขึ้นมา เขามองไปทางซูิเยว่ ซึ่งนางก็ส่งสายตาปลอบใจมาให้เขา
“ฝูซู ข้าเป็คุณหนูของสกุลซู แค่รับคนรับใช้คนเดียวข้ายังตัดสินใจเองไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
เสียงของซูิเยว่พลันเย็นะเืขึ้นมา นางมองฝูซูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฝูซู ข้ารู้ว่าเ้าอยู่ในจวนมาหลายปี แต่ว่าเื่บางเื่น่ะ อะไรควรยุ่ง อะไรไม่ควรยุ่ง เ้าคงจะรู้ดีกว่าข้า ภายในจวนนี้ไม่มีกฎห้ามเอาคนรับใช้เข้ามาไม่ใช่หรือ”
พอฝูซูสบตากับซูิเยว่ ร่างก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เขายกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก “ขอรับ ไม่มีกฎนี้ แต่ข้าเองก็ทำเพื่อความปลอดภัยของคุณหนู.....”
“อย่างนั้นหรือ” ซูิเยว่หัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็รีบไปรายงานท่านพ่อของข้าเถิด ข้าจะรออยู่ตรงนี้ วันนี้ข้าจะต้องเอาคนนี้เข้าจวนให้ได้ ข้าไม่รู้มาก่อนว่าภายในจวนสกุลซูเวลาเ้านายจะทำอะไรก็ต้องให้ลูกน้องมายุ่งก่อนั้แ่เมื่อไหร่”
ซูฝูยืนลังเลอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอยไปด้านข้าง “เป็ความผิดของข้าเอง เป็ข้าที่จาบจ้วงไป เชิญคุณหนูเข้ามาเถิดขอรับ”
“รู้ตัวก็ดี” ซูิเยว่สะบัดแขนเสื้อแรงๆ ก่อนจะพาสามคนด้านหลังเดินเข้ามาในจวนโดยที่ไม่วอกแวกมองทางอื่น
จนกระทั่งเดินมาไกลมากแล้ว หวังซวินถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เมื่อครู่ต้องขอบคุณคุณหนูแล้ว”
คิ้วของซูิเยว่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าจริงจัง “มันไม่ใช่แผนระยะยาว จู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวโดยไม่มีวี่แววใดใด จะอย่างไรก็ต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่ดี อีกทั้งถึงแม้ข้าจะช่วยเ้ามาแล้ว แต่องค์ชายห้าคงไม่ยอมแพ้ที่จะตามไล่ฆ่าเ้า เพื่อหลีกเลี่ยงเื่ยุ่งยากที่จะตามมา ข้าจะต้องคิดหาวิธีให้เ้าแกล้งตาย เช่นนี้ถึงจะตัดเื่ยุ่งยากหลังจากนี้ได้”
“เช่นนั้นคุณหนูเตรียมจะทำอย่างไรหรือขอรับ?”
ซูิเยว่ถามกลับ “ธุรกิจที่อยู่ภายใต้ชื่อของเ้าก่อนหน้านี้ยังมีอยู่ในมือของเ้าเท่าไหร่?”
หวังซวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด “สองส่วนอยู่ในมือขององค์ชายห้า แปดส่วนที่เหลืออยู่ในมือของข้าทั้งหมด ร้านค้าในเมืองหลวงที่เป็ชื่อของข้ามีสิบกว่าร้าน โฉนดที่ดินอะไรพวกนี้ก็อยู่ที่ข้า แต่ตอนนี้ข้าไม่อาจกลับไปได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็การรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?”
“เื่นี้ข้ามีวิธี เ้าไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอก”
พวกนางพูดคุยกันจนมาถึงหน้าประตูหอฮวาซี ด้านนอกประตูยังคงมีอี้จูกับอวิ๋นเฉินสองคนเฝ้าอยู่ ตอนที่เห็นซูิเยว่พาคนแปลกหน้ามาด้วยก็ระวังตัวขึ้นมาทันที
ซูิเยว่ไม่ได้อธิบายกับพวกเขาแล้วพาสามคนนั้นเข้ามาในเรือน
“เสี่ยวอวี่ ไปจัดห้องให้อาต้าหนึ่งห้อง”
“เ้าค่ะ”
หลังจากซูิเยว่สั่งการเสร็จก็กลับเข้าไปในห้อง นางยังมีอีกหลายเื่ที่ต้องจัดการ หลังจากนี้ไม่นานนางก็ต้องเผชิญหน้ากับาใหญ่
อีกด้านหนึ่งหลังจากซูิเยว่พาทุกคนออกไปแล้ว ฝูซูพ่อบ้านก็รีบไปทางห้องตำราของหลินโม่ที่อยู่เรือนหลังทันที
ภายในห้องตำราหลินโม่ฟังรายงานเงียบๆ ไม่พูดอะไร เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยออกมา “ไม่ต้องไปยุ่งกับนาง ต่อไปไม่ว่าคุณหนูจะทำอะไรพวกเ้าอย่าไปห้าม”
“ขอรับ”
จนกระทั่งฝูซูออกไปแล้ว หลินโม่ถึงได้เงยหน้าจากโต๊ะหนังสือ แววตานั้นขุ่นมัว
เรือนหลังจวนองค์ชายสาม
จี๋โม่หานที่นั่งอยู่ในเรือนกำลังยกน้ำชาขึ้นมาดื่มช้าๆ โดยมีหลิงชวนยืนรายงานเื่ราวประจำวันที่เกิดขึ้นภายในวังให้เขาฟังอยู่ตรงหน้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้